ตอนที่แล้วChapter 454 เกิดอุบัติเหตุ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 456 สังหารกษัตริย์ยุทธ์

Chapter 455 ในเมื่อมาแล้ว ก็อย่ากลับไปเลย.


เป็นดั่งที่จุนซ่างเซียวคาดเดา.

มนทลเจิ้นหยางไม่เพียงแค่ต้องการชิงดินแดน พวกเขายังวางแผนที่จะสร้างชื่อนิกายของตัวเองเพื่อสร้างความนิยมจากผู้คนอีกด้วย.

ในมนทลเหอหางและมนทลฮวยหยาง มีนิกายใหญ่และสำนักปิศาจอยู่ไม่น้อย เมื่อสงครามใกล้เข้ามา พวกเขาก็ปิดภูเขา ไม่สนใจการขอเข้าพบของเหล่าเจ้าเมือง.

นี่เป็นแผนที่พวกเขาวางแผนอะไรไว้?

เป็นเรื่องง่าย ๆ พวกเขาก็จะนำคนเข้าไปข่มขู่สร้างอำนาจไม่ให้นิกายเคลื่อนไหวนั่นเอง.

นิกายระดับห้าของมนทลเหอหยาง ต่างก็ถูกยอดฝีมือมนทลเจิ้นหยางที่ถูกส่งไปจัดการ แม้นว่าจะไม่ถึงกับพังทลาย ก็ทำให้พวกเขาได้รับความเสียหายอย่างหนักทีเดียว.

ถึงแม้นว่าพวกเขาจะเป็นสำนักยุทธ์ ทว่าก็ต้องการทำอะไรเพื่อดินแดน ซึ่งนั่นก็คือการควบคุมเหล่านิกายยุทธ์เอาไว้นั่นเอง.

สองดินแดนพวกเขาจัดการหมดแล้ว ตอนนี้มาถึงดินแดนของมนทลชิงหยาง ซึ่งพวกเขาก็เล็งเป้าไปที่นิกายเขาซ่างซานทันที.

ตามแผนการเดิม.

ส่งยอดฝีมือไปท้าประลองอย่างตรงไปตรงมา.

นอกจากนี้ พวกเขายังส่งสามกษัตริย์ยุทธ์ และบรรพชนยุทธ์มากกว่า 20 คนมาอีกด้วย.

ในเวลานี้พวกเขาที่ยืนอยู่บนลานยุทธ์ ยืดอกเผยท่าทางอหังการ แผ่กลิ่นอายสะกดข่มออกมา.

“เจ้านิกายยวี.”

ชายชราที่มองภายนอกเหมือนชายชรา 60-70 ปี กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มเย็นชา “ไม่คิดเลยว่าผ่านมาห้าสิบปีจะได้พบกันอีก?”

เขามีนามว่าสุ่ยถิงเฟิง.

เขาก็คืออาวุโสใหญ่ของนิกายหลิงหยวนระดับสี่ของมนทลเจิ้นหยางนั่นเอง เขาเป็นผู้นำที่เดินทางมาหาเรื่องในครั้งนี้.

ที่บนทางเข้าห้องโถง เจ้านิกายเขาซ่างซานที่สวมชุดคลุมเต๋าขมวดคิ้ว เอ่ยออกมาว่า “ในอดีตนั้นเจ้ากับข้ามีพลังบ่มเพาะเท่ากัน คาดไม่ถึงเลยว่าตอนนี้เจ้าจะก้าวไปถึงระดับกษัตริย์ยุทธ์แล้ว.”

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”

สุ่ยถิงเฟิงที่หัวเราะเสียงดัง เอ่ยออกมาว่า “เหล่าฟู่อาศัยที่นิกายระดับสี่ ดินแดนระดับหก การจะตัดผ่านระดับไปยังกษัตริย์ยุทธ์เป็นเรื่องแสนจะธรรมดาไม่ใช่รึ?”

เขาและเจ้านิกายเขาซ่างซานนั้นเคยรู้จักกันมาก่อนนั่นเอง.

และครั้งหนึ่งเคยต่อสู้กันในงานประลองของจังหวัดซีเหนียนหยางด้วย.

ในเวลานั้นทั้งสองมีระดับบรรพชนยุทธ์ มีความแข็งแกร่งเท่ากัน การประลองครั้งนั้นเขาพ่ายแพ้ต่อเจ้านิกายยวี.

หากแต่ในเวลานี้.

สุ่ยเทียนเฟิงไม่เพียงตัดผ่านไปยังระดับกษัตริย์ยุทธ์ ทว่ายังก้าวไปถึงกษัตริย์ระดับสี่อีกด้วย ไม่ใช่แค่ในมนทลเจิ้นหยาง ในจังหวัดซีเหนียนหยางแห่งนี้ ถือว่าเป็นยอดฝีมือคนหนึ่งเช่นกัน.

“อาวุโสสุ่ย.”

กษัตริย์ยุทธ์อีกคน ที่เผยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “เจ้านิกายเขาซ่างซาน ดูจากกลิ่นอายแล้วเพียงแค่ระดับบรรพชนยุทธ์ขั้นปลาย เจ้าแพ้เขาในอดีต ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะได้ล้างตาแล้ว.”

ชายคนนี้มีนามว่าจวงหยง เป็นอาวุโสอีกคนของนิกายหลิงหยวน.

แม้นว่าจะดูธรรมดา ที่จริงแล้วเขากับเป็นกษัตริย์ยุทธ์ขั้นที่สาม.

ส่วนกษัตริย์ยุทธ์อีกคน มาจากวังต้วนสุ่ย นิกายระดับสี่ของมนทลเจิ้นหยาง เขามีพลังบ่มเพาะเพียงกษัตริย์ยุทธ์ขั้นที่หนึ่งเท่านั้น.

นอกจากนี้ยังมีบรรพชนยุทธ์กว่า 20 คน ของนิกายหลิงหยวนและวังต้วนสุ่ย ความแข็งแกร่งของพวกเราก็อยู่ในระดับแปดและเก้าอีกด้วย.

พวกเขาที่ยืนอยู่บนลานยุทธ์ แผ่กลิ่นอายกดข่มอีกฝ่ายอย่างรุนแรง.

ที่ด้านหลังเจ้านิกายยวี หม่าหยุนเถิง หวังตงหลินและอาวุโสอีกหลายคน ต่างก็ขมวดคิ้วแน่น.

สถานการณ์ในเวลานี้ดูเลวร้ายเป็นอย่างมาก!

สุ่ยถิงเฟิงที่ไม่อ้อมค้อม เอ่ยกล่าวออกมาตรง ๆ “พวกเราเดินทางมายังนิกายเขาซ่างซาน ต้องการที่จะประลองฝีมือ.”

“ประลองฝีมืออย่างงั้นรึ?”

เจ้านิกายยวีแค่นเสียง กล่าวออกมาว่า “มนทลเจิ้นหยางส่งทัพ 200,000 นาย เข้าโจมตีมนทลเหอหยางและฮวยหยาง เกรงว่าเจ้ามาครั้งนี้คงเพราะได้รับคำสั่งมาซะมากกว่า.”

เรื่องดังกล่าวนี้ นิกายเขาซ่างซานย่อมรับรู้อยู่แล้ว.

เพียงแค่ใคร่ครวญให้ดี ส่งกองกำลังมายึดครองมนทลชิงหยาง นี่เป็นหนึ่งวิธีในการควบคุมนิกายยุทธ์.

แม้นว่าตอนนี้ยังไม่ได้เปิดฉากรุกรานอย่างเต็มกำลัง ทว่านี่คือหนึ่งในแผนการของมนทลเจิ้นหยาง.

สุ่ยถิงเฟิงที่ไม่ปิดบัง กล่าวออกมาว่า “ความหมายของผู้พิทักษ์มนทลของพวกเรา เมื่อกองทัพรุกรานดินแดน หากนิกายเขาซ่างซานปิดประตูแน่น แสร้งเป็นไม่รู้ไม่เห็น ก็จะไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นเช่นกัน.”

เจ้านิกายยวีแค่นเสียง “นิกายหลิงหยวนคงจะยอมจำนนผู้พิทักษ์มนทลเจิ้นหยางไปแล้วอย่างงั้นรึ?”

เหล่านิกายยุทธ์และดินแดนปกครอง นั้นจะไม่เกี่ยวข้องกันและกัน.

ยกตัวอย่างมนทลชิงหยาง ผู้พิทักษ์ แม้ว่าจะควบคุมเมืองทั้งแปด ทว่ากับสำนักและนิกายต่าง ๆ แม้แต่นิกายเขาซ่างซาน พวกเขาก็ไม่มีอำนาจสั่งการ.

“ผู้พิทักษ์โจวมีความทะเยอทะยานสูง นิกายหลิงหยวนของข้านั้นแน่นอนว่าย่อมต้องสนับสนุน ช่วยเป็นหูเป็นตาควบคุมอำนาจนิกายยุทธ์ไว้.”สุ่ยถิงเฟิงกล่าว.

เจ้านิกายยวีเอ่ย “ผู้พิทักษ์มนทลเจิ้นหยางเพิกเฉยต่อสนธิสัญญา ประกาศสงครามกับดินแดนขนาดเล็กไปทั่ว ทำให้ประชาชนมากมายที่ต้องบ้านแตกสาแหรกขาด เจ้ากับช่วยเหลือปิศาจร้ายเช่นนี้นะรึ?!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า!”

สุ่ยถิงเฟิงหัวเราะกล่าวออกมาว่า “นี่ควรจะเรียกว่าการบริหารจัดการ จังหวัดซีเหนียนหยางนั้นมีกลุ่มอิทธิพลที่ชั่วร้ายมากมายซ่อนตัวอยู่ คอยกัดกินดินแดนต่าง ๆ ผู้พิทักษ์โจวนั้นต้องการบุกเบิกดินแดน ก็เพื่อสร้างระบบปกครองที่แข็งแกร่งขึ้นมา เพื่อจะทำให้ประชาชนทุกคนอยู่อย่างสงบและมั่นคงต่อไป.”

“ผายลม!”

หม่าหยุนเถิงที่ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป กล่าวออกมาด้วยความโกรธ “หลากหลายเมืองของมนทลฮวยหยางและเหอหยาง ทันทีที่เมืองแตก พวกเจ้าก็สังหารพวกเขาไปจนหมด นี่ยังเรียกว่าทำให้ประชาชนอยู่อย่างสงบสุขอย่างงั้นรึ?”

สุ่ยถิงเฟิงที่ไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อย กล่าวออกมาว่า “พวกเราเลือกที่จะต่อต้าน ต้องชดใช้ด้วยราคาที่เหมาะสม หากใครเลือกที่จะภัคดีต่อมนทลเจิ้นหยางก็ย่อมได้รับการปฏิบัติตอบที่ดี.”

เจ้านิกายยวีที่กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พบคนรู้ใจ ดื่มกันพันจอกยังว่าน้อย. คุยไม่ถูกคอ ครึ่งคำก็มากเกิน ทุกท่านโปรดกลับไปเถิด.”

สุ่ยถิงเฟิงที่เผยยิ้มอย่างเย็นชา เอ่ยออกมาว่า “เจ้านิกายยวี พวกเราเดินทางมาไกลเพื่อขอประลองฝีมือ.นิกายเขาซ่างซานคิดจะปฏิเสธอย่างงั้นรึ?”

หม่าหยุนเถิงเอ่ย “ส่งสามกษัตริย์ยุทธ์มา นี่ไม่เรียกว่าประลองแล้ว เรียกว่าใช้กำลังข่มเหงผู้อื่นซะมากกว่า.”

สุ่ยถิงเฟิงทีเผยยิ้ม “แล้วหากเป็นเช่นนั้นล่ะ.”

นับตั้งแต่ต้น พวกเขาที่แสดงท่าทางเหมือนมีมารยาท แต่ก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการหาเรื่อง!

เจ้านิกายยวีและอาวุโสคนอื่น ๆ โกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก.

มนทลเจิ้นหยางส่งสองนิกายระดับสี่มา นับว่าเป็นเรื่องที่เกินไปแล้ว!

“หม่าหยุนเถิง.”

ในเวลานั้น ชายวัยกลางคน คนหนึ่ง ที่ชี้ออกไป “เจ้ากล้าประลองกับโหลวโหมวหรือไม่?”

นี่คืออาวุโสนอกของนิกายหลิงหยวน มีพลังบ่มเพาะบรรพชนยุทธ์ขั้นปลาย เขาที่เห็นหม่าหยุนเถิงโกรธเกรี้ยวก่อนหน้านี้ได้ ดังนั้นจึงตัดสินใจท้าประลองก่อนเลย.

หลังจากที่จุนซ่างเซียวชี้แนะเขา แม้นว่าอาวุโสหม่าจะตัดผ่านระดับเป็นบรรพชนยุทธ์ ทว่าผ่านมาเพียงแค่ปีเดียว จึงตัดผ่านไปยังระดับสามเท่านั้น แน่นอนว่าไม่มีทางที่จะต่อสู้กับบรรพชนยุทธ์ขั้นปลายได้.

“ข้าจะสู้กับเจ้าเอง.”

หวังตงหลินที่กระโดดออกไป ร่อนลงที่ลานยุทธ์.

เขาเองที่มีระดับบรรพชนยุทธ์ขั้นปลายเช่นกัน จึงอาสาที่จะออกไปประลองกับอาวุโสสายนอกนิกายหลิงหยวน.

ทั้งสองที่ยืนประจันหน้ากัน “เชิญ.”

......

ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!

ขณะที่มนทลเจิ้นหยางที่ส่งยอดฝีมือของสองนิกายมาหาเรื่องนิกายเขาซ่างซาน จุนซ่างเซียวที่ขี่ราชาหมาป่าเฮอริเคน นำลู่เชียนเชียนและเย่ซิงเฉินเดินทางมาด้วยความเร็ว.

หลังจากสองชั่วยาม ทั้งสามก็มาถึงนิกายเขาซ่างซาน ไม่เห็นมีศิษย์เฝ้าประตูแม้แต่คนเดียว.

“ไป!”

จุนซ่างเซียวที่ขี่ราชาหมาป่าพุ่งเข้าไปด้านในโดยตรง ตรงเข้าไปในด้านในนิกายเขาซ่างซานในทันที.

ตูมมมม!

ในเวลานั้น เกิดเสียงระเบิดดังก้อง ก่อนที่จะเห็นหม่าหยุนเถิงลอยละลิ่วออกมา.

จุนซ่างเซียวที่ใช้จิตสัมผัสตรวจจับก่อนแล้ว ก่อนที่จะใช้ท่าเท้าเหยียบเมฆาพุ่งออกไป และคว้าร่างของอาวุโสหม่าที่ลอยกระเด็นออกมา.

“หืม?”

ยอดฝีมือของนิกายหลิงหยวนและวังต้วนสุ่ย ที่เผยท่าทางประหลาดใจออกมา.

ใครกัน?

คาดไม่ถึงเลยว่าจะขี่ราชาหมาป่าเฮอริเคนมา!

“กึก!”

จุนซ่างเซียวที่ร่อนลงบนพื้น ขณะที่พยุงหม่าหยุนเถิงที่หน้าอกบุบเข้าไป ใบหน้าซีดเซียวได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างชัดเจน.

หวังตงหลินที่ต่อสู้เป็นคนแรก เวลานี้ยืนอยู่ด้านข้างมีศิษย์คอยพยุงอยู่ เห็นชัดเจนว่าเขาต่อสู้กับผู้ฝึกยุทธิ์แซ่โหมว พ่ายแพ้ไปก่อนแล้ว.

“จุน....เจ้าสำนักจุน.....”

หม่าหยุนเถิงที่อ้าปากขึ้นอย่างยากลำบาก โลหิตที่ไหลออกมา จากนั้นก็หมดสติไป.

ชายชราผู้สุภาพ ในงานรับศิษย์ร้อยสำนัก แม้นว่าเขาจะหาเรื่องสำนักไท่กู่เจิ้งครั้งแรก ทว่าหลังจากนั้นเขาก็ช่วยเหลือสำนักไท่กู่เจิ้งครั้งแล้วครั้งเล่า เกี่ยวกับความสัมพันธ์กับจุนซ่างเซียวถือว่าเป็นไปอย่างยอดเยี่ยม ทำให้จุนซ่างเซียวยอมรับเขาอย่างแท้จริง.

เขาที่เห็นหม่าหยุนเถิงบาดเจ็บสลบอยู่ ทำให้เขาเงยหน้าขึ้นกวาดตามองเหล่ายอดฝีมือของมนทลเจิ้นหยาง จิตสังหารที่คละคลุ้งออกมาอย่างรุนแรง “ทุกท่าน ในเมื่อมาแล้ว ก็อย่ากลับไปเลย.”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด