Chapter 454 เกิดอุบัติเหตุ
หลังจากที่ได้รับทักษะยุทธ์ ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งก็เริ่มบ่มเพาะ.
พวกเขาที่เริ่มบ่มเพาะวิชาชำระจิต.
วิชาบ่มเพาะนี้ เมื่อโคจรแล้ว จะทำให้จิตใจมั่นคงขึ้นเป็นผลดีเป็นอย่างมาก.
มนุษย์ทุกคนต่างก็มีเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาซึ่งจะมีผลต่อการตั้งจิตในการบ่มเพาะ และถูกสิ่งเย้าภายนอกทำให้พวกเขาเสียสมาธิ ทำให้หลายคนมีการบ่มเพาะที่ล่าช้า.
[七情六欲 Qī qíng liù yù
อารมณ์ความรู้สึกความปรารถนาแบบปุถุชนทั่วไป (ความรู้สึก7 อย่างคือ ความสุข ความโกรธ ความกังวล ความคิด ความเศร้า ความกลัวและความตกใจ ส่วนความปรารถนาหรืออยากของมนุษย์นั้นก็มี 6อย่างด้วยกัน คือ ตา หู จมูก ลิ้น กายและใจ)]
ด้วยวิชาชำระจิต จะทำลายสิ่งเร้าเหล่านั้น ทำให้จิตใจของพวกเขามั่นคงสามารถตั้งมั่นเปี่ยมด้วยสมาธิ.
ตราบเท่าที่มีสมาธิ จิตใจสงบ การจะเข้าใจวิถียุทธ์ย่อมเข้าใจได้ลึกซึ้งขึ้นและบ่มเพาะได้เร็วขึ้นอีกด้วย.
ในที่พักชั่วคราวที่เจ้าเมืองเซี่ยได้เตรียมไว้ให้นั้น จุนซ่างเซียวที่โคจรวิชาดังกล่าว “ด้วยการโคจรวิชาลับชำระจิต ทำให้ข้าสามารถดูดซับพลังวิญญาณได้มากขึ้น เป็นวิชาที่ดี อ๊าก!”
นอกจากนี้วิชาบ่มเพาะนี้ ไม่เพียงทำให้เข้าใจวิถียุทธ์มากขึ้น ทว่ายังช่วยให้เข้าใจทักษะยุทธ์ได้ดีขึ้นอีกด้วย ถือว่าเป็นหนึ่งวิชาบ่มเพาะที่ช่วยสนับสนุนวิชาอื่น ๆ ที่ยอดเยี่ยมมาก.
ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งย่อมตระหนักเรื่องนี้ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องศึกษาวิชาลับชำระจิตนี้ให้ถ่องแท้.
ไม่กี่วันหลังจากนั้น.
บนลานฝึกฝน.
ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งที่แผ่พลังวิญญาณที่มากล้นออกมา กลิ่นอายที่ราวกับหมอกปกคลุมพื้นที่รอบ ๆ ปกคลุมร่างกายของตัวเอง สร้างเป็นเกราะโปร่งแสงขึ้นมา.
นี่คือทักษะป้องกัน เกราะพลังวิญญาณนั่นเอง.
หลังจากใช้ออกมาแล้ว ไม่เพียงสร้างชุดเกราะวิญญาณคุ้มกาย แม้แต่หมวกเกราะก็ยังสร้างได้ สนับแขนขา ปกคลุมไปทั่วร่าง.
ทักษะพลังป้องกันนั้น ง่ายที่จะเรียน ทว่ายากที่จะเชี่ยวชาญ.
ถึงแม้นว่าจะเชี่ยวชาญ ทว่าพลังวิญญาณที่ต้องใช้ในการสร้างเกราะปกป้องร่างกายตัวเองนั้นนับว่าผลาญพลังวิญญาณไม่น้อย.
ศิษย์ของสำนักไท่กู่เจิ้งนั้น ที่มีระดับอาจารย์ยุทธ์ขั้นสองขั้นสาม สามารถสร้างมันขึ้นมาได้เลือน ๆ ทว่ากับไม่สามารถคงสภาพมันได้นานนัก.
“ฟู่ ฟู่!”
เซียวจุ้ยจื่อที่ก้าวไปด้านหน้า พลังวิญญาณที่แผ่ออกมา สร้างเป็นเกราะรบทั่วร่างอย่างรวดเร็ว เขาที่ต่อยออกไปด้านหน้า กล่าวออกมาว่า “ไม่มีปัญหาในการเคลื่อนไหว.”
“โอ้วสวรรค์!”
“ศิษย์พี่เซียวสร้างเกราะรบที่ทรงพลังได้แล้ว!”
ศิษย์หลายคนที่เผยท่าทางอิจฉา.
เซียวจุ้ยจื่อมีระดับอาจารย์ยุทธ์ขั้นปลาย พลังวิญญาณที่มีมากกว่าเหล่าศิษย์น้อง เกราะของเขาย่อมสามารถคงสภาพได้อย่างมั่นคง เวลานี้เขายืนอยู่บนลานยุทธ์ ราวกับทหารกล้าชาญศึก!
ในเวลานั้น ซูเซียวโม่ก็ก้าวเข้ามา เอ่ยออกมาด้วยความประหลาดใจ “เกราะรบของศิษย์น้องเซียว ทำอย่างไรถึงได้ดูงดงามน่าเกรงขามขนาดนี้?”
เขาเองก็ใช้ทักษะเกราะพลังวิญญาณเช่นกัน.
อย่างไรก็ตาม เมื่อยืนเทียบกับเซียวจุ้ยจื่อ เห็นชัดเจนว่ามันอ่อนด้อยกว่าหลายขั้น.
ลี่เฟยและเถียนซีเองก็เช่นกันเดินเข้ามาหา.
พวกเขาที่สร้างเกราะพลังวิญญาณขึ้นมาได้เช่นกัน ทว่ากับมีเพียงบางส่วนที่เป็นรูปร่าง แตกต่างกับเซียวจุ้ยจื่อมาก.
พวกเขาที่คิดว่าเกี่ยวข้องกับการที่เซียวจุ้ยจื่อฝึกฝนร่างกายจนแข็งแกร่งหรือไม่?
“น่าเบื่อ.”
เย่ซิงเฉินที่นั่งอยู่บนกำแพงเมือง จ้องมองทุกคนที่กำลังทดสอบวิชา ที่มุมปากมุมปากที่ยกขึ้นด้วยท่าทางเหยียดหยัน.
ทักษะเกราะพลังวิญญาณนั้นเขาก็ศึกษาเหมือนกัน ทว่าไม่ได้ใส่ใจนัก ความจริงสิ่งที่เขาสนใจที่สุดคือวิชาชำระจิต วิชาบ่มเพาะที่ทำให้จิตใจมั่นคง นี่ช่วยในการยกระดับวิถียุทธ์เป็นอย่างมาก!
โจวหงเองก็ศึกษาเช่นกัน เพราะว่ามันช่วยทำให้เขาจิตใจสงบ สามารถเข้าใจสัจธรรมกระบี่ได้ดีขึ้น.
ขณะที่ปกป้องเมืองชิงหยาง ศิษย์ทุกคนที่ฝึกฝนวิชาต่าง ๆ อย่างขยันขันแข็ง ทำให้เซียวกวนคุนถอยหายใจเบา ๆ “ไม่สงสัยเลยว่าสำนักไท่กู่เจิ้งแข็งแกร่งขนาดนี้ ศิษย์ของพวกเขานั้นตั้งใจฝึกฝนขนาดนี้!”
......
หลังจากที่กองกำลังเหนือพยัคฆ์พ่ายแพ้ไป กองกำลังที่มนทลฮวยหยางและมนทลเหอหยางก็กลายเป็นเงียบงัน ทำให้จุนซ่างเซียวมีเวลามากขึ้น.
เถาหยวนที่เวลานี้กลายเป็นผู้คุมขังไปเรียบร้อยแล้ว.
เขาถูกโซ่คุมขัง แม้แต่อาหารก็ไม่ได้กิน อดข้าวเป็นเวลาสามวัน
จุนซ่างเซียวนอกจากบ่มเพาะแล้ว ก็จะเข้ามาคุยกับเขา ไม่ได้เอ่ยสิ่งอื่นใด นอกจากพูดคุยเรื่องเกี่ยวกับอาหารให้เขาได้ฟัง.
คนอื่นที่กำลังท้องว่างหิวโหย กับมาพูดเรื่องอาหาร เป็นสิ่งที่เลวร้ายเป็นอย่างมาก!
สิ่งที่เขาต้องการนั้น.
เพราะว่าจุนซ่างเซียวต้องการให้หลิวหว่านซีแสดงฝีมือ ต้องการให้อาหารของนางส่งผลต่อเขาอย่างที่สุด.
สำหรับคนที่กำลังหิวโหย อาหารโลน ๆ ก็อร่อยพอแล้ว ทว่าหากเป็นอาหารที่ยิ่งอร่อย จะส่งผลกับคนกินขนาดใหน!
เถาหยวนที่ได้แต่เงียบ ไม่เอ่ยกล่าวต่อไป.
ถึงแม้นว่าเขาจะหิวเป็นอย่างมาก ทว่าเขาคือทหาร เพียงแค่อดข้าว ไม่เพียงพอที่จะล้างสมองกร่อนความอดทนของเขาได้อย่างแน่นอน!
เจ้าสำนักจุนที่ไม่เร่งรีบ ขอเพียงแค่เวลา เขาจะทำให้อีกฝ่ายต้องสั่นสะท้านไปเลย.
......
ในคืนวันหนึ่ง.
ดวงดาราที่กระจายเต็มท้องฟ้า.
จุนซ่างเซียวที่นอนอยู่บนหลังคาป้อมปราการ จ้องมองดวงจันทร์เต็มดวง เอ่ยออกมาเสียงเบา “คิดถึงบ้านเกิดอยู่หน่อยเหมือนกัน.”
หลายวันมานี้ เขาที่ยังคงเข้ามาพูดเรื่องอาหารกรอกหูเถาหยวนต่อไป เขาที่เอ่ยเกี่ยวกับอาหารจีนมากมาย ดังนั้นทำให้เขาแอบคิดถึงบ้านเกิดต่างโลกของเขาไม่ได้เลย.
“ไม่รู้ว่าจะมีคนยังจำข้าได้หรือไม่?”
จุนซ่างเซียวที่เผยยิ้มขม ๆ ออกมาเหมือนกัน “ไม่มีญาติมิตร เพื่อนก็น้อย ใครจะจำข้าได้กัน.”
ในเวลานั้น เขาก็ตระหนักได้ในทันที เขาไม่ได้ห่วงกังวลอะไรเกี่ยวกับที่โลกเลย ทำไมเขาต้องคิดถึงโลกเดิม ไม่ใช่เพราะว่าที่นั่นเป็นโลกที่ปลอดภัยหรอกนะ?
ในเวลานี้เขาเป็นประมุขสำนัก มีศิษย์มากมาย แม้นว่าเขาจะต้องทำงานอย่างหนัก ทว่าที่นี่เขาก็รู้สึกเหมือนมีครอบครัว ความอบอุ่นและความสุขที่ได้รับเวลานี้ ก็ถือว่าไม่เลวเหมือนกัน.
ฟิ้ว-
เสี่ยวหลงที่กระโดดขึ้นมาจากบนกำแพงเมือง ก่อนที่จะกระโดนไปบนไหล่ของจุนซ่างเซียว จากนั้นก็ถูหัวไปมา นอนอย่างสบายใจ.
เพราะว่ามียาสัตว์ ทำให้สามารถจัดการความอยากอาหารของเจ้าตัวเล็กได้.
จุนซ่างเซียวที่ลูบหัวเล็ก ๆ ของมัน “เมื่อไหร่เจ้าจะโตอย่างงั้นรึ?”
“กี่ ๆ .”
เสี่ยวหลงที่ส่งเสียงแปลก ๆ ออกมา ก่อนที่จะหลับตานอนอย่างเกียจคร้าน.
จุนซ่างเซียวที่ส่ายหน้าไปมา ก่อนที่จะจ้องมองไปยังกำแพงทางเหนือ จดจ้องมองลู่เชียนเชียนที่สวมชุดสีขาว.
นางที่ยืนและนั่ง ขยับเป็นครั้งคราว.
จุนซ่างเซียวที่ส่งจิตสัมผัส จับจ้องนางมาพักหนึ่งแล้ว.
นางที่คิดอะไรอยู่อย่างงั้นรึ?
ลู่เชียนเชียนเวลานี้กำลังคิดถึงวิชาลับชำระจิตนั่นเอง.
วิชาดังกล่าวนั้นมันสามารถทำให้นางรวบรวมจิต ช่วยในการยกระดับวิชาลับหัวใจเหมันตร์ลึกล้ำได้ ซึ่งสามารถช่วยนางได้เป็นอย่างมาก.
ผ่านมาสองสามวัน เจ้าสำนักจุนตระหนักได้ว่านางที่ราวกับเป็นภูเขาน้ำแข็ง ร่างกายแผ่ไอเย็นออกมาทั้งวี่ทั้งวัน.
“ค่อนข้างหนาวเหมือนกัน.”
ไอเย็นของนางที่ทำให้คนที่เข้าใกล้ ต้องสั่นสะท้าน.
“เจ้าสำนัก.”
วันหนึ่ง ลู่เชียนเชียนที่มาพบเขา เอ่ยออกมาว่า “สงครามจบแล้ว ศิษย์จะออกไปหาประสบการณ์.”
หลังจากที่ได้รับวิชาลับชำระจิต ทำให้จิตใจของนางสงบขึ้น สามารถที่จะก้าวไปอีกระดับ เพื่อไม่ให้มีอะไรผิดพลาดดังนั้นนางจึงเร่งรีบ ที่จะเดินทางไปยังจังหวัดตงเป่ยลู่.
“ตกลง.”
จุนซ่างเซียวที่ไม่ได้ห้ามแต่อย่างใด.
ทั้งสองที่ยืนอยู่บนกำแพงเมือง อยู่ห่างกันราว ๆ สิบเมตร ทว่ากับไม่มีเรื่องให้พูดคุยกันนัก ทำให้สถานการณ์ดูน่าอึดอัดเป็นอย่างมาก.
“เจ้าสำนัก.”
ในเวลาเดียวกัน ลี่ลั่วฉิวที่ส่งเสียงผ่านวิญญาณเข้ามา “เกิดอุบัติเหตุบางอย่างขึ้น.”
“เกิดอะไรขึ้น?”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
ลี่ลั่วฉิวเอ่ย “คนของพวกเราส่งข่าวมาว่า มีนิกายใหญ่ของมนทลเจิ้นหยาง ส่งยอดฝีมือมายังนิกายเขาซ่างซาน ดูเหมือนว่ากำลังมาสร้างปัญหาอยู่.”
“สร้างปัญหาอย่างงั้นรึ?”จุนซ่างเซียวที่ขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อย.
มนทลเจิ้นหยางส่งนิกายใหญ่มาเยือนนิกายเขาซ่างซาน เรื่องนี้ควรจะเกี่ยวข้องกับสงคราม.
“นอกจากการโจมตีดินแดนแล้ว เป็นไปได้ว่านิกายใหญ่ก็รุกรานนิกายในดินแดนนั้น ๆ เหมือนกันแน่.”
“อาวุโสเจียง ถางจู่เสวี๋ย.”
จุนซ่างเซียวที่กระโดดลงจากกำแพงเมือง “พวกเจ้ารับผิดชอบปกป้องเมืองชิงหยางก็แล้วกัน.”
“เชียนเชียน ซิงเฉิน.”
เขาเอ่ยออกมาว่า “เดินทางไปนิกายเขาซ่างซานพร้อมกับเปิ่นจั้ว.”
เสี่ยวหลงเองก็ตามจุนซ่างเซียวไปด้วยเหมือนกัน.
“บู้ว!”
ราชาหมาป่าเฮอริเคนที่ถูกเรียกมา จุนซ่างเซียวที่กระโดดขึ้นหลัง นำลู่เชียนเชียนและเย่ซิงเฉินมุ่งตรงไปยังนิกายเขาซ่างซานทันที.