Chapter 452 เกลี้ยกล่อมให้ยอมจำนน.
วิชาลับสามอำนาจหยวน นั้นคือทักษะพลังวิญญาณระดับสุดยอดขั้นสูง เมื่อใช้ทักษะดังกล่าว จะรวมพลังวิญญาณสามชนิดเอาไว้ ก่อนจะปลดปล่อยออกไปพร้อมกัน ๆ.
กษัตริย์ยุทธ์มนทลเจิ้นหยาง ที่สำเร็จขั้นสุดท้ายแล้ว หลังจากผสานพลัง ก็โจมตีออกมาในทันที
พลังที่รุนแรงหนักหน่วงเห็นได้จากสนามพลังวายุที่รุนแรงฉีกกระชากทุกอย่าง แหวกอากาศทำลายพื้นที่รอบ ๆ ให้แหลกเป็นจุณ แม้แต่ต้นไม้ใหญ่ยังลอยเคล้งไปทั่วทุกสารทิศ.
เจียงเซี่ยที่ขมวดคิ้วไปมา.
แม้นว่าเขาจะอยู่ในระดับกษัตริย์ยุทธ์ขั้นที่สาม นอกจากนี้ยังฝึกฝนในสำนัก จนทำให้เขามีระดับชั้นสุดยอด ทว่าก็ยังไม่กล้าที่จะรับตรง ๆ แน่!
ทว่าเจ้าสำนักกับยืนนิ่ง ต้องการรับตรง ๆ อย่างงั้นรึ?
“ฟิ้ว!”
ในเวลานั้น จุนซ่างเซียวที่ยกมือขึ้น ร่างกายที่แผ่พุ่งระเบิดพลังวิญญาณที่กราดเกรี้ยวออกมา สร้างเป็นม่านพลังวิญญาณที่ด้านหน้าของตัวเองขึ้น.
หลังจากตัดผ่านไปถึงระดับกษัตริย์ยุทธ์ พลังวิญญาณของเขาที่มีความหนาแน่นมากยิ่งขึ้น สามารถที่จะก่อรูปร่างพลังวิญญาณสร้างกำแพงวิญญาณขึ้นมาได้.
นี่คือความสามารถที่สำคัญเป็นอย่างมาก.
จิตสัมผัสของกษัตริย์ยุทธ์ไม่เพียงแค่เคลื่อนย้ายพลัง ยังสามารถตรวจจับพื้นที่รอบ ๆ ได้อีกด้วย.
ด้วยจิตสัมผัสของจุนซ่างเซียว ทำให้เขารับรู้ถึงพลังของม่านพลังของตัวเองได้เป็นอย่างดี.
ระดับกษัตริย์ยุทธ์ มันยอดเยี่ยมเช่นนี้จริง ๆ!
ซูมม ซูมมม---
บอลสามสีที่ระเบิดพุ่งมาด้วยความเร็ว เกิดเสียงระเบิดดังกึกก้องปะทะกับม่านพลังวิญญาณ ผืนปฐพีที่สั่นไปมาอย่างรุนแรง!
ต้นไม้ใบหญ้าที่อยู่ใกล้ ๆ ต่างก็ล้มระเนระนาดไปในทันที.
จากตำแหน่งพื้นที่ต่อสู้อยู่ห่างจากกำแพงเมืองหลายร้อยเมตร ทันใดนั้นพื้นที่รอบ ๆ ก็พังทลายราบเป็นหน้ากลองไปจนถึงประตูเมืองทันที.
“น่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว!”
เซี่ยกวนคุนที่สูดหายใจที่เย็นเยือบเข้ามา.
ในเวลานี้ สิ่งที่เขาเป็นกังวลที่สุด คือเจ้าสำนักจุนเป็นไรหรือไม่?
จากนั้นไม่นาน.
กลิ่นอายพลังวิญญาณที่สลายหายไปทั้งหมด พื้นที่รอบ ๆ ที่พลังชนกันพังทลายเสียหายอย่างชัดเจน.
ฝุ่นควันที่หายไป เหลือเพียงม่านพลังวิญญาณยังคงอยู่ จุนซ่างเซียวที่ยืนอยู่อหังการ มุมปากของเขาทีเผยยิ้มพราย.
“......เป็นไปไม่ได้!”กษัตริย์ยุทธ์มนทลเจิ้นหยางที่ดวงตาเบิกกว้าง.
เขาที่ใช้ท่าไม้ตายแล้ว คาดไม่ถึงไม่แม้แต่ทะลวงม่านพลังวิญญาณของอีกฝ่ายได้ นี่อำนาจพลังวิญญาณของอีกฝ่ายนั้นมากมายขนาดใหนกัน!
“เพราะคือกษัตริย์สองวิถี ยุทธ์และกระบี่อย่างงั้นรึ?”เจียงเซี่ยที่ตื่นตะลึงเป็นอย่างมากเช่นกัน.
เย่ซิงเฉินที่ลอบตื่นตะลึงเช่นกัน ก่อนที่จะกล่าวในใจ “เห็นชัด ๆ เขาเพิ่งตัดผ่านระดับ ความหนาแน่นพลังวิญญาณไม่ควรที่จะทรงพลังเช่นนี้.”
แม้แต่ในชาติที่แล้วที่เขาเป็นหนึ่งในสิบราชันย์ยุทธ์ เขายังไม่มีความหนาแน่นพลังวิญญาณได้ขนาดนี้..
จุนซ่างเซียวที่โบกมือเก็บม่านพลังวิญญาณไป “เจ้าได้ใช้ไม้ตายออกมาแล้ว ต่อไปถึงคราวของเปิ่นจั้วแล้ว.”
กล่าวจบเขาได้ใช้ท่าเท้าเหยียบเมฆาพุ่งเข้าไป ด้วยความเร็วสูง กษัตริย์ยุทธ์มนทลเจิ้นหยางไม่มีแม้แต่เวลาสร้างม่านพลังวิญญาณป้องกัน.
ที่จริง แม้ว่าใช้ออกมาก็ไร้ประโยชน์.
ด้วยการโจมตีที่ไม่น้อยกว่า 3 ล้านจิน เกิดเสียงระเบิดดังกึกก้อง!
ตูมมม!
ตูมมม!
ตูมมม!
จะให้กล่าวล่ะก็ เสียงหมัดที่ดังก้องไปทั่วพื้นที่ติด ๆ กัน.
หมัดของจุนซ่างเซียวกระหนำอัดอีกฝ่ายไม่ยั้ง ด้วยพลังรุนแรงจนทำให้กษัตริย์ยุทธ์มนทลเจิ้นหยางนอนกองอยู่กับพื้นร่างสั่นกระตุก ที่ปากมีน้ำลายฟองฟอด.
“......”
ทุกคนที่จ้องมองมุมปากกระตุกไปตาม ๆ กัน.
กับยอดฝีมือระดับกษัตริย์ยุทธ์ คาดไม่ถึงเลยว่าจะถูกอัดอยู่ในสภาพน่าสงสาร เรื่องนี้ไม่เคยมีใครกล้าจินตนาการถึงมาก่อน.
นี่คือพลังของกษัตริย์สองวิถี ยุทธ์และกระบี่อย่างงั้นรึ?
ไม่มีใครคาดคิดว่า เจ้าสำนักจุนจะสามารถทุบกษัตริย์ยุทธิ์ขั้นที่สี่ได้อย่างง่ายดาย นี่ไม่ใช่แค่ว่าเขาเป็นกษัตริย์สองวิถียุทธ์และกระบี่ ทว่าด้วยแกนวิญญาณแฝด พลังวิญญาณที่ซ้อนทับกัน ทำให้มันมีความหนาแน่นมากกว่าปรกติหลายเท่า.
ยกตัวอย่างวิชาลับสามอำนาจหยวนก่อนหน้านี้.
หากจุนซ่างเซียวมีแกนวิญญาณเดียว ไม่ต้องบอกเลยว่าม่านพลังป้องกันของเขาคงพังทลายลงเช่นกัน.
......
การต่อสู้ระหว่างกษัตริย์ยุทธ์ จบลงแล้ว.
กษัตริย์ยุทธ์ของมนทลเจิ้นหยาง ไม่เพียงไม่สามารถนำเถาหยวนไปได้ ตัวเองยังกลายเป็นนักโทษไปด้วย.
ลานใหญ่เมืองชิงหยาง.
กองกำลังเหนือพยัคฆ์ที่เวลานี้ถูกจับตัวมารวมกันเอาไว้ที่นี่.
“เจ้าสำนัก.”
เสวี๋ยเหรินกุยเอ่ย “จะจัดการคนเหล่านี้อย่างไร?”
“ใช้อำนาจเปิดใจนำมาใช้งาน หากไม่สามารถทำได้ก็ขายเป็นทาสให้กับมนทลเจิ้นหยางซื้อกลับไปก็แล้วกัน.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
เหล่าทหารที่สามารถใช้เป็นแรงงาน หรือแม้แต่กษัตริย์ยุทธ์ขั้นที่สี่ แน่นอนว่าคงจะทำเงินได้อย่างมากมาย.
เสวี๋ยเหรินกุยเอ่ย ”เถาหยวนเป็นแม่ทัพที่เป็นตระกูลขุนนาง การจะให้เขาเปิดใจ ดูเหมือนจะยากเล็กน้อย.
จุนซ่างเซียวกล่าวอย่างไม่ใส่ใจนัก “คนเหล่านี้แม้นว่าจะไม่ยอมตอนนี้ ทว่าหากว่าได้กินข้าวผัดสักจานสองจาน ก็ไม่น่าจะใช่เรื่องยาก.”
“......”
เสวี๋ยเหรินกุยที่จำได้ถึงอาหารของหลิวหว่านซี แม้แต่เขายังรู้สึกยากจะต้านทานได้เช่นกัน.
“แม่ทัพเถา.”
จุนซ่างเซียวที่เดินเข้ามา “จะยอมรับทั้งกายและใจหรือไม่?”
เถาหยวนที่เงียบและเอ่ยออกมาว่า “อะไรคือยอมรับทั้งกายและใจ.”
สงครามในครั้งนี้เขาพ่ายแพ้ กองกำลังเหนือพยัคฆ์ไม่สามารถต้านกองกำลังหมาป่าได้เลย กลายเป็นว่าเขาที่พ่ายแพ้ทั้งกายและใจอย่างงั้นรึ?
จุนซ่างเซียวเอ่ย “สำนักไท่กู่เจิ้งของข้านั้น ต้องการเหล่าคนที่มีความสามารถ สนใจเข้าร่วมหรือไม่?”
เถาหยวนที่เงยหน้าขึ้นมองอย่างยากลำบาก เอ่ยออกมาว่า “เจ้าสำนักจุน แม้นว่าเถาโหมวไม่ใช่คนที่ยิ่งใหญ่ ทว่าก็ไม่มีทางยอมศิโรราบให้กับศัตรูอย่างแน่นอน.”
“แม่ทัพเถา.”
จุนซ่างเซียวที่ยังไม่ยอมแพ้ กล่าวออกมาว่า “ท่านเข้าใจผิดแล้ว เปิ่นจั้วหมายถึง เข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้ง.”
“กับยอมศิโรราบต่อศัตรูแตกต่างกันอย่างไร?”เถาหยวนเอ่ยออกมาด้วยเสียงที่เย็นชา.
“แตกต่างกัน.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “เปิ่นจั้วขอถามก่อนว่าแม่ทัพเถานั้นสังกัดนิกายใด?”
“ไม่ได้เข้าร่วมนิกายใด.”เถาหยวนเอ่ย.
จุนซ่างเซียวเอ่ย “แม้นว่าท่านจะเป็นแม่ทัพมนทลเจิ้นหยาง ทว่าก็ไม่ได้สังกัดนิกายใด ทำไมไม่เข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้งของข้าล่ะ?”
คำพูดนี้มันแตกต่างกันอย่างไรล่ะ?
เถาหยวนทีเอ่ยออกมาว่า “ท่านนำศิษย์มาปกป้องเมืองชิงหยาง เป็นศัตรูของข้า การเข้าร่วมสำนักของท่าน ไม่เท่ากับว่าข้า เข้าร่วมกับศัตรูอย่างงั้นรึ?”
“ไม่ ไม่ ไม่เหมือนกัน.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “การปกป้องเมืองชิงหยางนั้น เพราะว่าที่นี่คือบ้านเกิดของข้า หากมนทลเจิ้นหยางไม่เข้ามาโจมตี ไม่มีทางที่เปิ่นจั้วจะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของฆราวาส.”
“ตอนนี้ท่านโจมตีล้มเหลว สำนักไท่กู่เจิ้งของข้าก็ยังอยู่ ระหว่างพวกเรานั้นไม่ใช่ศัตรูกัน การเข้าร่วมสำนักของข้าก็เป็นเรื่องที่ยุติธรรม.”
“กล่าวให้ถูก.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “หากว่าท่านเป็นศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้ง เมื่อเป็นศิษย์คนหนึ่งแล้ว ข้าไม่มีทางให้เจ้านำทัพเข้าไปโจมตีทำสงครามกับมนทลเจิ้นหยางอยู่แล้ว.”
“.....”เซี่ยกวนคุน ถึงกับมุมปากกระตุก.
คำพูดของเจ้าสำนักจุนนั้นร้ายกาจมาก เป็นการชักจูงที่ยากจะมีคนต้านได้.
เถาหยวนถึงกับงงงวย เมื่อคิดดูให้ดี บางทีเรื่องนี้อาจจะจริง.
“แม่ทัพเถา!”
กษัตริย์ยุทธ์มนทลเจิ้นหยางที่กล่าวเสียงอ่อน “บุรุษที่แท้จริงเสียชีพ...แต่ไม่เสียสัตย์.......อ๊าก!”
ตูมมม! ตูมมม! ตูมมม!
จุนซ่างเซียวที่ต่อยกระหน่ำออกไป จนอีกฝ่ายหมดสติไป ก่อนที่จะปรบมือไปมา “แม่ทัพเถา เปิ่นจั้วให้ท่านได้ครุ่นคิดตัดสินใจ.”
จากนั้นก็กล่าวออกมาว่า “เจ้าเมืองเซี่ย นำทุกคนไปขังเอาไว้.”
“อืม.”
เซียกวนคุนที่รับคำสั่งในทันที เถาหยวน กษัตริย์ยุทธ์ และทหารหลายพันคนถูกนำไปขังในคุก.
“เจ้าสำนักจุน.
หลังจากเสร็จทุกอย่างเขาที่ยกมือประสานอก กล่าวด้วยความซาบซึ้ง “หากไม่มีสำนักอันทรงเกียรติของท่าน เมืองชิงหยางของข้าเกรงว่าจะต้องตกอยู่ในมือศัตรูเป็นแน่!”
จุนซ่างเซียว“จะขอบคุณยังเร็วไป ยังมีกองทัพของมนทลเจิ้นหยางที่บุกมนทลเหอหยางและมนทลฮวยอย่างอยู่.”
เซี่ยกวนคุนที่เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าด้วยความลึกล้ำ.
ใช่แล้ว.
มนทลเจิ้นหยางเพียงแค่ส่งทหาร 30,000 มา เวลานี้พวกเขายังมีทัพหนึ่งแสนที่เหลืออยู่!