Chapter 14: แทรกซึม
กลางคืนอันเงียบสงัด
ถนนบรอดเวย์ที่หกเคยเป็นพื้นที่ที่ครึกครื้นและมีชีวิตชีวา แต่พอเกิดสงครามทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ตอนนี้มันพังทลายไปแล้ว แต่ว่า ยังมีตึกสูงสองสามแห่งที่รอดพ้นมาได้ยืนหยัดท้าทายอย่างภาคภูมิท่ามกลางซากปรักหักพัง
ห้างสรรพสินค้าคือหนึ่งในนั้น ในฐานะห้างที่ใหญ่ที่สุดในเมือง เคยรุ่งเรืองมาก ๆ มาก่อน ตอนนี้ไม่มีแม้กระทั่งหลังคาดี ๆ ปกคลุม ด้านบนมีโพรงใหญ่าวกับถูกอุกกาบาตตกใส่เห็นได้ชัดเจน แต่ที่นี่ก็ยังคงเป็นที่หลบซ่อนชั้นดีของผู้คนในระหว่างสงครามได้ ปัญหาเดียวก็คือที่นี่ถูกครอบครองโดยกลุ่มโจรติดอาวุธกลุ่มหนึ่ง
ตอนนี้มียามสองคนยืนพิงผนังอยู่ในเงา คอยจับตามองพื้นที่รอบ ๆ ห้าง ทั้งคู่ทำหน้าที่ของตัวเองได้แย่มาก ทั้งสองคนไม่มีใครสนใจที่จะจับตามองทั้งนั้น นี่ก็ไม่ใช่พฤติกรรที่ผิดปกติอะไร ชาวเมืองและอันธพาลที่อาศัยอยู่ในบริเวณถนนที่หกต่างรู้ว่าที่นี่คือฐานที่มั่นของอีแร้ง ตอนที่คนแรกที่กล้าต่อต้านมันถูกแขวนคอและเผาที่หน้าตึกก็ขู่ทุกคนให้กระเจิงออกไป นอกจากนี้ยังมียามอีกหนึ่งคนอยู่บนชั้นดาดฟ้าที่เหลือครึ่งเดียวด้วย ยามคนนี้คือของจริงเมื่อเทียบกับสองคนที่ตรงทางเข้า ตรงที่เขายืนอยู่นั้นเป็นตำแหน่งที่ได้เปรียบ เขาสามารถมองเห็นการเป็นไปทุกอย่างที่ข้างล่าง อีกอย่าง เขายังไม่ได้ใช้่ปืนสั้น M1905 พวกนั้น แต่เป็นปืนไรเฟิลลอบสังหารที่ดีกว่า เทียบกับยามทางด้านล่าง ผู้ชายคนนี้เหมือนเป็นมัจจุราช ถ้ามีใครหาญกล้าก้าวเท้าเข้ามาทางห้างแค่ก้าวเดียวก็ถูกเด็ดหัวปลิวไปได้ในทันที
"ฉันอยากสูบบุหรี่" ยามคนหนึ่งบอก
"ไปด้วยกันนี่แหละ" อีกคนเห็นด้วย
ทั้งสองคนเดินออกจากเงาเข้าไปในห้าง เพื่อจุดบุหรี่ พวกเขาต้องหาที่ที่ไม่มีลมโกรก ไม่มีที่แบบนั้นทางด้านนอกห้างพวกเขาจึงได้แต่เดินเข้าด้านใน ห้างสรรพสินค้านี้เสียหายจากกระสุนปืนในระหว่างสงคราม ผนังทุกด้านต่างมีโพรงหลายจุดทำให้ลมพัดผ่านเข้ามาได้ในยามค่ำคืน ยามทั้งสองกะว่าจะเดินเข้าไปในห้างผ่านทางหนึ่งในโพรงมากมายนั้น คนที่เสนอเรื่องบุหรี่เดินเข้าไปเป็นคนแรก แต่ก่อนที่คนที่สองจะทันก้มตัวมุดตามเข้าไป ก็มีมือข้างหนึ่งคว้ามันจากทางด้านหลังและปิดปากมันไว้ ก่อนที่มันจะทันได้ส่งเสียง มันก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาที่คอ และหล่นลงสู่ห้วงแห่งความตาย
[แทง: ก่อความเสียหาย 100 แต้มแก่เป้าหมาย (อาวุธมีคม (กริช) (พื้นฐาน) 50x2) เป้าหมายเสียชีวิต...]
"เร็วเข้า!" ยามคนที่เข้าไปด้านในเรียบร้อยแล้วบอกคู่หูของมัน มันไม่ได้สังเกตเลยว่ามีบางอย่างผิดปกติ มันจุดบุหรี่
ในตอนที่มันจุดบุหรี่นั้น เงาร่างมืด ๆ เงาหนึ่งถลันผ่านกำแพงเข้ามาแล้วกระแทกมันลงกับพื้น ใช้กริชปาดคอมัน ก่อนที่ยามจะทันได้ทำอะไรมันก็ตายไปแล้ว
[แทง: ก่อความเสียหาย 100 แต้มแก่เป้าหมาย (อาวุธมีคม (กริช) (พื้นฐาน) 50x2) เป้าหมายเสียชีวิต...]
ฉินหราน ผู้ที่ลงมือสังหารยามทั้งสองคน ยืนขึ้นแล้วผ่อนลมหายใจออกยาว เขามาถึงที่นี่ครึ่งชั่วโมงก่อน และรอตั้งแต่ตอนนั้นเพื่อหาโอกาสจู่โจม ด้วยสกิล [อำพราง] เขาเข้าใกล้อาคารนี้ได้ไม่ยาก ส่วนที่ยากคือการจัดการกับยามทั้งสองคนโดยที่ไม่ทำให้อีกคนที่อยู่บนดาดฟ้ารู้ตัว
ประตูทางเข้าพื้นที่เก็บของใต้ดินถูกคนของอีแร้งติดตั้งอุปกรณ์ให้ส่งเสียงเตือนทุกครั้งที่มีคนเปิด ทำให้ยากที่ฉินหรานจะผ่านเข้าไปยังชั้นใต้ดินได้โดยไม่ทำให้ยามสองคนนั้นรู้ตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเขาไม่ต้องการทำให้ยามบนดาดฟ้ารู้ตัว จากการสังเกตของเขา ผู้ชายที่อยู่บนดาดฟ้าคนนั้นมีสไนเปอร์ไรเฟิลกระบอกเดียวเท่านั้น ซึ่งเป็นเหตุผลให้ฉินหรานถึงยืนกรานให้แยกกันลงมือแม้ว่าคอลลีนจะไม่เห็นด้วย
ฉินหรานสามารถอำพรางตัวเองได้ดี แต่คอลลีนทำไม่ได้ ถ้าคอลลีนตามฉินหรานมา ไม่เพียงแต่จะทำลายแผนการของฉินหราน แต่อาจจะหมายถึงชีวิตของคอลลีนเองด้วย โจรที่จับได้คนนั้นพูดถึงยามที่ประจำบนดาดฟ้าและยังบอกว่าคนคนนั้นใช้ปืนสไนเปอร์ได้ดีแต่ไม่ใช่นักฆ่ามืออาชีพ ถ้าเขาเป็นนักฆ่ามืออาชีพฉินหรานคงไม่สามารถแอบเข้ามาข้างในได้แล้ว
ฉินหรานค้นตัวคนตายทั้งสองเพื่อลูทของแต่ไม่ได้อะไร ดังนั้นจึงเขาขยับไปทางชั้นดาดฟ้า เขาไม่สนใจปืนที่อยู่กับยามทั้งสองคน เขามี M1905 พร้อมกระสุนเต็มแม็กกาซีนอยู่กับตัวแล้ว การแบกอาวุธมากขึ้นมีแต่จะทำให้เขาเคลื่อนไหวได้ช้าลง
ทางขึ้นชั้นดาดฟ้าถูกทำลายและไม่ปลอดภัยในการใช้งานแล้ว คานเหล็กและหลังคอนกรีตพังลงมาตามผนัง เหลือเพียงปลายอีกด้านที่ยังยึดอยู่กับดาดฟ้ากลายเป็นเหมือนบันไดขึ้นชั้นดาดฟ้า ฉินหรานเดินขึ้นไปเงียบ ๆ
เมื่อถึงชั้นดาดฟ้า เขาก็เห็นยามที่เขาได้รับคำเตือนมาก่อน ผู้ชายคนนั้นนั่งย่อตัว ถือไรเฟิลลอบสังหารไว้ในมือและคอยจับตามองพื้นที่รอบห้างสรรพสินค้า ไม่ต้องสงสัยคนผู้นี้ละเอียดอ่อนกว่ามากเมื่อเทียบกับยามสองคนที่ฉินหรานเจอเมื่อครู่ แต่ก็ยังไม่รู้ทักษะการยิงปืนของมัน
ฉินหรานเข้าใกล้มันอย่างเงียบเชียบ ตั้งท่าเตรียมพร้อมต่อสู้ กริชในมือขวาเงื้อขึ้นเล็กน้อย มันเหมือนกับเขาผ่านการฝึกฝนมาเป็นล้านครั้ง มือซ้ายของเขาปิดปากมือปืนและดึงมาด้านหลังอย่างแรง ลำคอของมันเผยออกมา ฉินหรานใช้กริชในมือขวาปาดคอหอยมันอย่างรวดเร็ว เลือดสดสาดกระจายและเปรอะไปทั่วปืนไรเฟิลที่หล่นลงบนพื้น ร่างของมือปืนกระตุกเหมือนถูกไฟช็อต ฉินหรานกดร่างของมันไว้แน่นและปิดปากมันไว้ จนตายมือปืนคนนี้ก็ไม่ได้ทำเสียงอะไรเลยสักนิด ปากแผลกว้างกว่าที่ผ่านมาเพราะฉินหรานรั้งมันมาด้านหลัง
[แทง: ก่อความเสียหาย 100 แต้มต่อเป้าหมาย (อาวุธมีคม (กริช) (พื้นฐาน) 50x2) เป้าหมายเสียชีวิต...]
พอหน้าต่างแจ้งเตือนเด้งขึ้นมา ยืนยันว่าผู้ชายคนนี้ตายแล้ว ฉินหรานก็ปล่อยมือ
"หือ?" ฉินหรานอุทานอย่างแปลกใจ
ปืนไรเฟิลที่มือปืนถือไว้นั้นอันที่จริงไม่ใช่ไรเฟิลลอบสังหาร มันเป็นแค่ปืนพกติดศูนย์เล็งที่ไม่ได้พอดีกันนัก เป็นการเอาสองอย่างมาประกอบเข้าด้วยกันเพื่อแค่ใช้งาน
[ชื่อ: M12]
[ชนิด: ปืน]
[คุณภาพ: ปกติ]
[ความจุกระสุน: 20 นัด]
[การเสริมสถานะ: ไม่มี]
[ผลลัพธ์: ไม่มี]
[การนำออกจากดันเจี้ยน: ได้]
[หมายเหตุ: นี่คือปืนไรเฟิลขนาด 7.62 มิลลิเมตรที่ได้รับการดูแลอย่างดี มันควรจะเชื่อถือได้]
...
[ชื่อ: M12]
[ชนิด: กล้องส่องทางไกล]
[คุณภาพ: เสียหาย]
[การเสริมสถานะ: ซูมได้ 4-8 เท่า]
[ผลลัพธ์: ไม่มี]
[การนำออกจากดันเจี้ยน: ได้]
[หมายเหตุ: มันไม่ควรใช้กับปืนกระบอกนี้]
หลังจากอ่านรายละเอียดของปืน "สไนเปอร์ไรเฟิล" ในหน้าต่างแจ้งเตือนของระบบและตรวจสอบอีกครั้งหนึ่งแล้ว ในที่สุดเขากวางมันเอาไว้ ต่อให้เป็นสไนเปอร์ไรเฟิลจริง ๆ ฉินหรานก็คงไม่เก็บไปด้วย เขาต้องการความคล่องตัวในการเคลื่อนไหว และไอ้ที่เรียกว่า "สไนเปอร์ไรเฟิล" นั้นสะดุดตาเกินไปและอาจจะทำลายแผนการของเขาได้ แผนของเขาคือจัดการกับพวกยามทั้งหมดและแทรกซึมเข้าไปในฐานที่มั่นของอีแร้ง เขาวางแผนจะแทรกซึมเข้าไปในฐานตั้งแต่แรกระหว่างที่เขาสู้กับคนของอีแร้ง แม้ว่าคอลลีนจะไม่เห็นด้วยกับแผนของเขา ฉินหรานก็ยืนกรานที่จะทำตามแผน
เขายึดติดกับแผนนี้ต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับคนของอีแร้งไม่ใช่แค่สิบเอ็ดคน แต่เป็นยี่สิบเอ็ดคน เขารู้ดีมาก ๆ ว่าเขาไม่สามารถจัดการทั้งยี่สิบเอ็ดคนได้ แม้ว่าจะมีสกิลที่เกมมอบให้
หลังจากตรวจค้นศพและดาดฟ้า เขาลงมาข้างล่างอีกครั้ง มุ่งหน้าไปทางชั้นเก็บของใต้ดิน ตอนที่เขาลงมาจากทางลาด เขาก็มองเห็นทางเข้า มันสะดุดตามาก ประตูไม่ได้ปิดไว้สนิท มันเปิดแง้มไว้เล็กน้อยและแสงจากด้านในก็ลอดผ่านช่องว่างออกมา ทำให้ฉินหรานสามารถแอบมองเข้าไปด้านในได้อย่างง่ายดาย เขามองเห็นทางเดินที่กว้างพอให้รถยกผ่าน แต่ละด้านมีห้องเรียงราย ตามที่เขารู้มา พื้นที่เก็บของนี้กั้นด้วยผนังคอนกรีตให้เป็นห้องเล็ก ๆ สำหรับลูกค้าของห้างใช้เก็บสัมภาระของพวกเขา ตอนนี้มันเปลี่ยนเป็นโรงแรมให้พวกโจร
เขาค่อย ๆ ขยับเข้าไปใกล้หนึ่งในห้องพวกนั้น แสงจากด้านในส่องผ่านประตูพื้นที่เก็บของเกิดเป็นเส้นแสงบนพื้น ไม่เหมือนชาวเมืองและโจรขโมยอื่น ๆ คนของอีแร้งมีความเป็นอยู่ที่ดีมากในช่วงสงครามแบบนี้ เพราะว่ามีสายสัมพันธ์กับกลุ่มกบฏ โจรพวกนี้ได้รับเสบียงอย่างเพียงพอ ที่นี่มีกระทั่งเครื่องปั่นไฟฟ้าแบบใช้น้ำมัน เป็นหลักฐานอย่างดีถึงความชั่วของอีแร้ง ยิ่งความเป็นอยู่ของพวกมันดีแค่ไหน การแลกเปลี่ยนระหว่างอีแร้งกับพวกกบฏก็มากเท่านั้น จำนวนของผู้หญิงที่ไร้ความผิดที่ตกอยู่ในเงื้อมมืออันชั่วร้ายของพวกกบฏก็มากตาม ความต้องการเข่นฆ่าในใจฉินหรานก็เพิ่มสูงขึ้น