180. โลกใบเล็กและโลกใหม่ (3/3) (ฟรี)
ทันใดนั้น ระบบเกมก็มีการแจ้งเตือนออกมา
[ เมื่อโฮสต์ทำการปล้นชิงวัตถุดิบจากโลกใดก็ตาม โปรดคำนึงถึงจำนวนที่เหมาะสม หากโฮสต์กลืนกินมากเกินไป โฮสต์อาจถูกลงโทษโดยเจตจำนงของโลก ]
หนิงซีเข้าใจทันทีว่าหากเขาปล้นทรัพยากรจากโลกแห่งโมเอน
ไปให้โลกใบเล็กหยานหวงมากเกินไป
จะทำให้การพัฒนาของโลกแห่งโมเอนได้รับผลกระทบ
ดังนั้นโลกแห่งโมเอนจะลงโทษเขาอย่างแน่นอน
แต่หนิงซีไม่ได้กังวลมากนัก
ในอีกมุมหนึ่ง การปล้นของเขาไม่มีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับวัสดุของโลกทั้งใบ
นอกจากนี้ พลังต่อสู้ของโลกแห่งโมเอนนั้นอยู่ในแค่ระดับของสัตว์อสูรเวทย์ระดับสูงเท่านั้น
จากสิ่งนี้ จึงอนุมานได้ว่าเจตจำนงที่โลกแห่งโมเอนสามารถใช้ได้นั้นมีจำกัด
มันอาจจะไม่สามารถสร้างความเสียหายร้ายแรงให้กับหนิงซีได้
หากเจตจำนงของโลกแห่งโมเอนแข็งแกร่งจริงๆ
มันก็คงจะไม่ยอมให้มีผู้ข้ามโลกจำนวนมากเข้ามาที่โลกแห่งโมเอน
และทำลายการพัฒนาของมัน
เรื่องโลกใบเล็กหยานหวงเสร็จสิ้นลงแล้ว
ในที่สุดหนิงซีก็มีเวลาดูรางวัลสุดท้ายสำหรับการกลืนกินสมบัติต้นกำเนิด
มันเป็นอวตารของอีกเกมหนึ่ง!
นั่นหมายความว่าระบบเกมได้วิวัฒนาการจากการกลืนกินสมบัติต้นกำเนิด
และพบเป้าหมายใหม่ในการตามล่าสมบัติต้นกำเนิดของโลกใบใหม่
จิตสำนึกของหนิงซีเข้าสู่เกมและเห็นการแจ้งเตือนที่คุ้นเคยอีกครั้ง
[ คุณต้องการสร้างอวตารของเกมหรือไม่ ใช่/ไม่ใช่.]
หนิงซีระงับความตื่นเต้นในใจและเลือกใช่
คราวนี้ หนิงซีรับรู้ได้ชัดเจนว่า
ชิ้นส่วนเล็กๆของวิญญาณของเขาถูกดึงออกจากส่วนลึกของวิญญาณ
ขอบเขตการรับรู้ของเขาลดลงอย่างมากในทันที
จากนั้น อวตารเกมที่ดูเหมือนหนิงซีทุกประการก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเขา
แต่ข้อมูลจะแตกต่างจากข้อมูลของร่างหลัก
[ อวตาร : หนิงซี ]
[ กายภาพ: 10 (สูงสุดสำหรับมนุษย์ปกติ) ]
[ พลังวิญญาณ: 10 (สูงสุดสำหรับมนุษย์ปกติ) ]
[ รูปลักษณ์: 8 (หล่อ) ]
[ พื้นฐานครอบครัว : 6 (ครอบครัวที่ร่ำรวยเล็กน้อย) ]
[ สายเลือด: มนุษย์ธรรมดา ]
[ อาชีพ: ไม่มี ]
[ ทักษะ: ไม่มี ]
[ พรสวรรค์ : การเรียนรู้ (ทอง) ]
[ ความสำเร็จ: ไม่มี ]
ปัจจุบัน นอกเหนือจากสมรรถภาพทางกายของอวตารที่ถึงขีดจำกัดของมนุษย์ธรรมดาแล้ว
เขาไร้ซึ่งทักษะ แต่ยังคงรักษาพรสวรรค์การเรียนรู้ระดับทองเอาไว้ได้
ถึงกระนั้น เพื่อสร้างร่างอวตารนี้
ระบบเกมไม่เพียงแต่ต้องจ่ายพลังแก่นแท้โลกจำนวนมากเท่านั้น
แต่พลังวิญญาณของร่างหลักของหนิงซี ก็ลดลงจาก 50 แต้มเหลือ 49 แต้มเช่นกัน
พลังวิญญาณ 50 แต้มเป็นจุดวิกฤต ทันทีที่พลังวิญญาณ 50 แต้มลดลงเหลือ 49 แต้ม
จำนวนพลังวิญญาณโดยรวมทั้งหมดก็จะลดลงครึ่งหนึ่ง
จากสิ่งต่างๆเหล่านี้ จะเห็นว่าการสร้างอวตารเกมไม่ใช่เรื่องง่าย
หนิงซีตรวจสอบการแจ้งเตือนสำหรับอวตารจากระบบ
[ ก่อนที่ความแข็งแกร่งของอวตารจะเหนือกว่าร่างหลัก ความสามารถในการซิงโครไนซ์ระหว่างความแข็งแกร่งของอวตารและร่างหลักจะถูกระงับใช้ชั่วคราว ]
หลังจากผ่านเรื่องราวมามากมาย หนิงซีก็รู้จุดประสงค์ของระบบเกม
เมื่ออวตารเกมไปยังโลกใบใหม่เพื่อเพิ่มระดับและพัฒนา
วิธีที่ดีที่สุดคือการเป็นผ้าขาวที่ว่างเปล่า
แล้วปล่อยให้ความแข็งแกร่งที่เติบโตทั้งหมดอยู่บนพื้นฐานของระบบพลังของโลกใบใหม่
ด้วยวิธีนี้ เขาจะไม่ถูกปฏิเสธโดยเจตจำนงของโลกใบใหม่
และมันจะไม่ง่ายที่สมบัติต้นกำเนิดของโลกใหม่หรือโฮสต์จะพบความผิดปกติใด ๆ
นอกจากนี้ อวตารเกมยังคงใช้ระบบเกมเพื่อเพิ่มระดับความแข็งแกร่งเหมือนเดิม
และแหล่งที่มาของความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นนั้นส่วนใหญ่จะมาจาก
วิญญาณและพลังงานทางกายภาพของคนหรือสัตว์อสูรที่ถูกสังหารในโลกใบใหม่
ถ้าหากอวตารเกมมาถึงโลกใหม่และเลือกที่จะซิงโครไนซ์ความแข็งแกร่งของมันกับร่างหลักแล้ว
ไม่เพียงแต่จะต้องใช้พลังแก่นแท้โลกของระบบเกมจำนวนมากซึ่งจะทำให้ระบบเกมอ่อนแอลง
มันยังจะถูกปฏิเสธจากโลกใหม่ ทำให้ง่ายต่อการเปิดเผยตัวตนว่าเป็นผู้มาเยือนจากโลกอีกใบหนึ่ง
เมื่อคิดทบทวนทุกอย่างแล้ว หนิงซีก็เปลี่ยนจิตสำนึกกลับไปที่อวตารเกม
ทันใดนั้น ความรู้สึกอันทรงพลังที่ควบคุมได้ทุกสิ่งก็หายไป
และหนิงซีก็รู้สึกถึงความอ่อนแอของคนธรรมดาอีกครั้ง
แม้ว่าเขาจะเป็นคนธรรมดาที่มีค่ากายภาพสูงสุด
แต่หนิงซีก็ยังคงรู้สึกสูญเสียอยู่ในใจ
เมื่อวินาทีที่แล้ว เขายังเป็นผู้เชี่ยวชาญที่สามารถบดขยี้ดวงดาวได้
แต่ในวินาทีถัดมา เขากลับถูกลดบทบาทให้เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
ความแตกต่างนั้นมากเกินไป
หลังจากปรับสภาพจิตใจแล้ว
หนิงซีก็ผลักเปิดประตูเกมอีกครั้ง
และเดินเข้าไปในห้องฝึกที่เขาไม่เห็นมานาน
เขาไม่ได้หยุดลงแค่นั้น เขาผลักเปิดประตูห้องฝึก
ทันใดนั้น โลกใบใหม่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา