บทที่ 48 : [สำรวจอิสระ] ทวิอัศวิน (2)
บทที่ 48 : [สำรวจอิสระ] ทวิอัศวิน (2)
พูดตามตรง สำหรับทีมที่มีความสามารถแบบเราแล้ว พวกโกเลมเป็นสิ่งที่ไม่ได้ท้าทายอะไรเลย
“ใครจะไปคิดกันว่าเราจะเคลียร์พื้นที่ทั้งหมดได้ภายในหนึ่งชั่วโมง …”
ในเวลาไม่นาน เราก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องสุดท้ายของพื้นที่ 1 แล้ว
ฉันดันเศษที่เหลือที่กระจัดกระจายของพวกโกเลมที่ตายไปด้วยรองเท้าบู๊ตของฉัน ในใจรู้สึกผิดหวังยิ่ง
สมาชิกแต่ละคนในสี่คนของเราต่างจัดการกับโกเลมด้วยวิธีที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง
ฟู่ม-!
แต่ละครั้งที่จูปิเตอร์ดีดนิ้ว สายฟ้าจะฟาดลงมาทำให้โกเลมกลายเป็นเศษหินหลอมเหลว
ฉึก! ตุ๊บ!
ลูกศรของเดเมี่ยนหาจุดอ่อนของมันและเจาะแกนเวทย์มนตร์ของโกเล็มด้วยความแม่นยำอันไร้ที่ติ
ฉัวะ!
ในจังหวะเดียวกัน พลังดาบอันทรงพลังของลูคัสก็ตัดแกนเวทย์มนตร์ของโกเลม แยกมันออกเป็นสองส่วน
จากนั้นก็มีเอวานเจลีน…
ปั๊ก!
เธอเหมือนกำลังจัดการเศษขยะอยู่เลย
เธอพุ่งเข้าใส่มันอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นกระหน่ำแทงด้วยหอกของเธอ และตรึงพวกโกเลมไว้ด้วยโล่
ไม่มีโกเลมตนใดสามารถต้านทานการโจมตีที่โหดร้ายนี้ได้เลย พวกมันพังทลายลงเหลือเพียงเศษซาก
"เย่! เย๊!"
เอวานเจลีนพุ่งไปมา จนร่างเล็กของเธอที่ถือโล่และหอกเลือนหายไปกลายเป็นเพียงภาพเบลอ
ท่าทางของเธอดูแปลกไปมาก ดูคล้ายกับกระรอกน้อยที่กำลังหาอาหารไม่มีผิด
ตู้มม!
“ฮ่าๆๆๆ -!”
เมื่อโกเลมตัวสุดท้ายกลายเป็นเศษซากเพราะโล่ของเธอ เอวานเจลีนก็หัวเราะอย่างมีชัย ใบหน้าของเธอแดงก่ำจากการออกแรงอย่างหนัก เธอดูกระปรี้กระเปร่ากว่าที่เคยเป็นมา
“มีอีกหรือเปล่า! ไม่มีอีกแล้วเหรอ!”
“นั่นเป็นตัวสุดท้ายแล้วรุ่นน้อง”
[พื้นที่ 1: ท่อระบายน้ำอันแห้งเหือด]
– ความคืบหน้าในการกวาดล้าง: ห้องธรรมดา 4/4
จากสี่ห้องแรก เราพบกับโกเลมหินประมาณ 20 ตัวและก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลยสักนิดเดียว
’มันง่ายเกินไปแล้ว’
ความยากอยู่ในระดับต่ำมาก จนแทบจะไม่รู้สึกว่าเราได้ประสานงานร่วมมือกันเป็นทีมเลย แต่ละคนต่างสามารถผ่านไปได้ด้วยฝีมือของแต่ละคนล้วนๆ
เนื่องจากพวกมันเป็นเพียงโกเลมระดับต่ำ ดังนั้นของที่ได้มาจึงค่อนข้างธรรมดา
อีกทั้งเรายังจำเป็นต้องทำลายแกนพลังเวทย์เพื่อจัดการพวกมัน แกนทั้งหมดจึงแตกสลายเกินกว่าจะเอามาใช้งานได้ใหม่
“ดูเหมือนพวกเราทุกคนจะอุ่นเครื่องกันเสร็จแล้วสินะ เรามาพักกันสักพักแล้วมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ 2 กันเถอะ”
เมื่อเดินผ่านทางเดินสุดท้ายของท่อระบายน้ำ ฉันก็พูดออกมาทันที
“พื้นที่ 2 จะท้าทายขึ้นมาก ดังนั้นก็ระวังกันด้วย”
พูดตามตรง ในเมื่อทีมเราครบครันและเก่งกาจเช่นนี้ พื้นที่ 2 คงจะง่ายมาก
ฉันเองก็หวังว่ามันจะยากสักหน่อยนะ เพราะหากมันท้าทาย เราก็จะได้ประสบการณ์กันเพิ่มขึ้นด้วย
ในไม่ช้า พวกเขาก็มาถึงปลายทางท่อระบายน้ำที่เป็นพื้นที่โล่ง
[พื้นที่ 2: ตรอกซ่อนเร้น]
เสาไฟกระพริบในตรอกด้านหลังส่งแสงสลัว ทำให้เกิดเงาทอดยาวและริบหรี่
นี่เป็นจุดปลอดภัยที่เรามาถึงในครั้งก่อน
ทิวทัศน์ของเมืองด้านหน้าเต็มไปด้วยตึกระฟ้าสูงตระหง่าน ทอดยาวอยู่ตรงหน้าเรา ด้านล่างมีความมืดเต็มทั่วไปหมด ดั่งมหาสมุทรอันมืดมิด
ขณะที่เธอมองทั้งเมืองที่ปกคลุมไปด้วยเงามืด ปากของเอวานเจลีนก็อ้าออกกว้างด้วยความหวาดกลัว
“น-นี่มันอะไรกันเนี่ย...?”
“จุดหมายปลายทางของเราสำหรับการสำรวจในวันนี้”
ฉันจับโชคกระแทกในมืออย่างกังวล
ในที่สุดก็ถึงเวลาที่จะสำรวจนรกใต้น้ำแห่งนี้แล้ว
’ฉันต้องรีบรวบรวมแกนพลังเวทย์จำนวนมาก’
การฟาร์มไอเท็มอย่างจริงจังกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว!
ก่อนที่จะก้าวเท้าเข้าไปในพื้นที่สอง เราพักผ่อนกันสักพักก่อน
แม้ว่าการต่อสู้จะไม่ได้ท้าทายมากนัก แต่สุดท้ายแล้ว เราก็เพิ่งต่อสู้กับสัตว์ประหลาดมา ความเหนื่อยล้าย่อมเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นอกจากนี้ ยังมีงานที่ต้องทำในระหว่างเราพักผ่อนด้วย ด้วยการประกาศหยุดพัก สมาชิกทีมของเราจึงลงหลักปักฐานในพื้นที่ปลอดภัย ต่างคนต่างหาวิธีผ่อนคลายในแบบของตัวเอง
ฟึบ ฟึบ
เอวานเจลีนและลูคัสกำลังกินอาหารที่เอาออกมาจากถุงเสบียงของพวกเขา สมกับเป็นพฤติกรรมของพวกอัศวินร่างกำยำเสียเหลือเกิน
ลูคัสเป็นพวกที่มีความอยากอาหารมาก ส่วนทางด้านเอวานเจลีนก็คงจะไม่ต่างกันนัก
เมื่อแก้มของเขาพองออกมาเหมือนดั่งกระรอก ลูคัสก็กลืนกินสิ่งที่อยู่ในห่ออาหารของเขาด้วยความิหิวโหย
“อาหารอร่อย~”
เอวานเจลีนจัดการกล่องอาหารกลางวันที่เธอเตรียมมาจนหมดด้วยเวลาไม่นานนัก เธอเขย่าถุงอาหารที่ว่างเปล่าของตนจนเกิดสายลมแรงพัดพามา
“หมดแล้วเหรอ?”
“นี่เธอกินหมดแล้วเหรอ?!”
“ทำหน้าไม่พอใจแบบนั้น อย่าบอกนะว่ายยังไม่อิ่ม?”
เอวานเจลีนเริ่มสำรวจถุงเสบียงของเธอเพื่อหาอาหารในทันที ความหิวโหยที่ไม่รู้จักพอของเธออาจเป็นผลพลอยมาจากที่เธอยังเด็กอยู่กระมัง
"โอ้..."
ลูคัส นายจะรีบร้อนยัดถุงอาหารที่เหลือเข้าปากทำไมกันเล่า เฮ้อ ลูคัส อย่าไปแข่งเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้เหมือนกับเด็กสิ
"ฟิ้ว~”
อีกมุมหนึ่ง จูปิเตอร์ก็เหมือนกำลังอยู่ในโลกของตนเอง
เธอถือซิการ์ไว้ระหว่างริมฝีปาก พ่นลมหายใจออกเป็นควัน
การที่เธอพ่นควันออกมาโดยไม่คำนึงถึงผู้เยาว์ในหมู่พวกเรา มันก็สมกับที่เธอเป็นทหารผ่านศึกผู้ไร้ความรู้สึกเสียเหลือเกิน
ขณะที่ฉันเดินผ่านไป ฉันก็อดไม่ได้ที่จะตำหนิเธอ
“เลิกสูบบุหรี่ทีเถอะ จูปิเตอร์”
เรายังอยากให้คุณมีอายุยืนยาวนะ คุณยาย คุณน่ะเป็นองค์ประกอบสำคัญในการต่อสู้นะ
ทว่าจูปิเตอร์ก็เพียงแค่ยิ้มออกมาและนิ่งเงียบไป
อันที่จริงถ้าเธอเป็นประเภทที่จะฟังคำแนะนำคนอื่น เธอคงเลิกดื่มและสูบบุหรี่ไปนานแล้ว ชีวิตของเธอคงจะดียิ่งกว่านี้
หากเป็นเช่นนั้น...คงไม่มีทางที่เธอจะยังเป็นทหารรับจ้างหรอก คงจะไปใช้ชีวิตที่ไหนสักแห่งในวัยเกษียณไปแล้ว
หลังเดินเล่นต่อสักพัก ฉันก็เดินไปทางเดเมี่ยน
“อา ฝ่าบาท!”
ขณะที่เดเมี่ยนจิบน้ำจากขวด เขาก็เหลือบมองมาที่ฉัน ฉันพยักหน้าตอบเขาไป
“เดเมี่ยน นายเป็นยังไงบ้าง?”
"ผมสบายดี ผมไม่ได้ฝืนอะไรตัวเองเลยครับ”
ฉันยื่นกระเป๋าที่ถืออยู่ไปให้เดเมี่ยนที่ดูค่อนข้างกังวลเรื่องอะไรสักอย่าง แล้วจึงหันไปพูดกับเขา
"เอานี้ไปสิ"
"หือ? มันอะไครับเนี่ย...?"
“มันคือปืนเวทมนตร์”
มันคือปืนเวทย์มนตร์ระดับ SR 'การลงทัณฑ์ของนักล่า' ซึ่งเป็นรางวัลจากกล่องของขวัญล่าสุดที่ฉันสุ่มมา
ขณะที่เดเมี่ยนแกะห่อบรรจุภัณฑ์ ปืนไรเฟิลยาวที่ออกแบบเหมือนสมัยยุคเก่าก็ปรากฏออกมา
แกนเวทที่อยู่ในใจกลางของลำกล้องปืนทำให้เกิดแสงสีม่วงที่น่าขนลุก
“มันมีศักยภาพมากกว่าหน้าไม้อย่างมาก ถึงจะไม่รู้ว่าอาวุธนี้มีองค์ประกอบยังไงก็เถอะ แต่มีข้อเสียอย่างหนึ่งคือมันมีกระสุนจำกัด”
เดเมี่ยนยกปืนไรเฟิลขึ้นอย่างระมัดระวังและพินิจพิเคราะห์มัน ดูแล้วเขาคงรู้สึกยินดีที่ได้มันมาก
พอได้ไปแล้วก็คงไม่ต้องสอนอะไรเข้ามาก ต้องขอบคุณดวงตาพันลี้ของเขาเลย มันคงทำให้เดเมี่ยนเข้าใจวิธีการใช้อาวุธที่เขาถืออยู่ในทันที
“ตอนนี้ลองเอาไปใช้มันเป็นอาวุธรองดูสิ”
“แต่มันหนักมากนะครับ หนักกว่าหน้าไม้พอสมควรเลย…”
“มันหนักไปหน่อยงั้นเหรอ?”
แต่อีกไม่นาน นายจะต้องแบกปืนพวกนี้ไปหลายกระบอกเลยล่ะ นายคงต้องเพิ่มแรงกายสักหน่อยแล้ว
เดเมี่ยนที่ลังเลก็ยังคงเหลือบมองทางฉัน
“คือจะให้ผมใช้สิ่งนี้จริงเหรอครับ? มันดูพิเศษมากเลยนะครับ”
"ก็ต้องอย่างนั้นสิ ตอนนี้มันเป็นของนายแล้ว เพราะงั้นใช้มันตามที่นายต้องการได้เลย อยากโยนทิ้งหรือทำลาย ก็ตามใจนาย”
“ม-ไม่มีทางที่ผมจะทำแบบนั้นหรอกครับ!”
เดเมี่ยนที่ลุกลี้ลุกลนวางปืนเวทย์ลง แต่รอยยิ้มกว้างพลันค่อยๆ ปรากฏประดับบนใบหน้าของเขา
“ขอบคุณมากเลยนะครับ ฝ่าบาท ผมสัญญาว่าจะดูแลมันเป็นอย่างดี”
อืม คนที่ควรขอบคุณต้องเป็นฉันมากกว่า พ่อตัวละครนำโชคของฉัน
เมื่อเห็นเขายิ้มออกมาด้วยความยินดี ฉันก็เหลือบมองไปยังสมาชิกในทีมของเรา
เอวานเจลีนและลูคัสกำลังยุ่งอยู่กับการแทะบิสกิตที่พวกเขานำมาเป็นของว่าง (นี่ยังไม่เลิกแข่งกันอีกเหรอ?) ในขณะที่จูปิเตอร์ก็กำลังคว้านหยิบซิการ์ของเธอออกมา
จากนั้นฉันจึงปรบมือเรียก
“ทุกคนพักผ่อนกันพอแล้วใช่ไหม? งั้นพร้อมกันแล้วหรือยัง?”
ทั้งกลุ่มไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว พวกเขาลุกขึ้นและเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ทันที
หลังจากแน่ใจว่าคบเพลิงและโคมไฟของทุกคนพร้อมแล้ว ฉันก็พยักหน้า
“ไปกันเถอะ!”
เราจึงออกเดินทางไปยังพื้นที่สองของดันเจี้ยนเขาวงกตใต้ดินแห่งนี้
ทันทีที่เราก้าวเข้าไปในถนนหลังเขาวงกต ลัดเลาะไปตามแผ่นกระเบื้องหลากสีที่จัดเรียงอย่างประณีตใต้ฝ่าเท้านั้นเอง...
ติ้ง!
หน้าต่างระบบกะพริบ แสดงรายละเอียดของพื้นที่ในดันเจี้ยน
[เขตที่ 2: ด้านหลังตรอกซ่อนเร้น]
– ความคืบหน้าในการกวาดล้าง: ห้องธรรมดา 0/4 ห้องบอส 0/1
– หีบสมบัติที่ได้รับมา: 0/5
มีหีบสมบัติห้าชิ้นให้เก็บ ดูท่าเขตสองจะให้รางวัลงามพอควร
’ถึงเวลาที่เราต้องอัปเกรดอุปกรณ์ของคนในทีมอย่างจริงจังแล้วสินะ!'
ด้วยความคิดที่ต้องการอัปเกรดไอเท็มของคนในทีม ฉันก็พยักหน้าอยู่ตัวคนเดียว
ถ้างั้นก็มาจัดการพวกมันให้สิ้นซากกันเถอะ!
***
พวกเราเดินไปตามเส้นทางที่ล้อมรอบด้วยกำแพงอิฐที่ทรุดโทรมทั้งสองด้าน มันปราศจากสิ่งก่อสร้างใดอยู่ ทว่าทั้งทีมของเราก็มุ่งหน้าต่อไปอย่างระมัดระวัง
ทั้งตรอกมืดสนิท บรรยากาศดูแปลกพิกล
ตรอกด้านหลังนี้ดูน่าขนลุกเหมือนอยู่ในเกาหลีที่แม้มีแสงจากโคมไฟบนถนนก็ไม่อาจช่วย
ทว่าที่นี่ ในถนนสายหลักของอาณาจักรทะเลสาบ ความมืดมิดได้ครอบคลุมพื้นที่ทุกจุดจนไม่อาจมีแสงเล็ดลอดออกมา พื้นที่โดยรอบเป็นสีดำสนิท
มันยิ่งกว่าความน่าขนลุก ทุกย่างก้าวของเราแม้นมีคบเพลิงกลับเต็มไปด้วยความตึงเครียด
’ที่นี่คือรังของพวกสัตว์ประหลาดจริงๆ’
ไม่ใช่แค่วิญญาณหรือสัตว์ประหลาดเท่านั้น สิ่งมีชีวิตที่ไม่เป็นมิตรทุกประเภทต่างแฝงตัวอยู่ในเมืองใต้บาดาลแห่งนี้
โชคดีที่มันมีเพียงประเภทเดียวเท่านั้นที่จะปรากฏขึ้นในตอนที่เราสำรวจ ซึ่งในวันนี้ มันคือโกเลม
’แต่ถึงจะรู้อย่างนั้น มันก็ยังน่ากลัวเมื่อมีโกเลมพุ่งออกมาจากเงามืดอย่างกะทันหัน!'
ลองนึกภาพจู่ๆ โกเลมขนาดเท่าบ้านก็กระโจนออกมาจากตรอกดูสิ…แค่คิดก็ทำให้ฉันเสียวสันหลังว๊าบแล้ว
และจากนั้นเอง
ตู้มม!
ขณะที่ฉันครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ ความคิดนั้นก็กลับกลายเป็นความจริง!
จากด้านขวามือของตรอกที่เราเดินมาอย่างระมัดระวัง โกเลมขนาดมหึมาได้ทะลุผ่านกำแพงอิฐมาหาเรา
“เหวอ เหี้ย!”
ฉันเผลอสบถออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัวเพราะความประหลาดใจ
ดูเหมือนว่าเราจะเข้ามาในดันเจี้ยนห้องแรกแล้ว ไม่มีอะไรนอกจากตรอกซอกซอยดำทะมึน เราจะไปรู้ได้ยังไงกัน!
โกเลมมีลักษณะคล้ายกับเครื่องจักรไอน้ำที่ประดับประดาไปด้วยถุงมือและข้อต่อโลหะ
โกเลมในพื้นที่เริ่มต้นมีขนาดใหญ่น่าเอ็นดู ขนาดมันพอๆ กับรถบรรทุกขนาดใหญ่
กรูวว-!
เสียงคำรามได้ดังก้องไปทั่วเครื่องจักรของมัน พ่นไอน้ำสีขาวออกมาราวกับรถไฟ จากนั้นโกเลมขนาดมหึมาก็กางแขนออกกว้าง
“ผมจะกันมันให้เอง!”
ลูคัสตะโกนพุ่งไปทางขวาและเหวี่ยงดาบตวัดไปทางมัน
แคร๊ง!
แขนของโกเลมที่ถูกดาบของลูคัสโจมตีได้กระเด็นกลับไปอย่างรุนแรง
ติ้ง!
ในขณะนั้นเอง หน้าต่างระบบก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าฉัน
[หลังตรอกซ่อนเร้น – ห้อง 1]
– กำจัดศัตรู!
– โกเลมไอน้ำ <หัวหน้า> ระดับ.15: 2 ตัว
ระดับ 15 โกเล็มไอน้ำ สัตว์ประหลาดยศหัวหน้า ทว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกตกตะลึง
’มาทีเดียวสองตัวเลยเหรอ?’
ฉันได้แต่รีบตะโกนออกมาทันที
“ยังมีอีกตัว…!”
ตู้ม!
คราวนี้มันมาจากทางด้านซ้ายของตรอก
เมื่อทุบกำแพงแล้ว โกเลมตัวที่สองก็โผล่ออกมา
กรูวว-!
เสียงคำรามและไอน้ำได้ดังกระหึ่มจากร่างกายของมัน ทันใดนั้นโกเลมก็พุ่งตรงมาที่เราทันที
ราวกับว่ารถไฟบรรทุกสินค้ากำลังแล่นลงมาหาเราไม่มีผิด!
ตุ๊บ-!
เอวานเจลีนหยุดการพุ่งของมันด้วยโล่เธอ
ขาที่บอบบางของเอวานเจลีนลื่นไถลไปด้านหลัง
เท้าของเธอหยั่งรากแน่น ราวกับยึดติดอยู่กับพื้น มันบดขยี้กระเบื้องที่อยู่ด้านล่างของเธอจนเกิดฝุ่นควันลอยขึ้นมา
“เวรเอ๊ย! นี่มันตัวบ้าอะไรกัน เป็นกระทิงหรือไง…!”
เอวานเจลีนฮึดฮัด ฟันของเธอกัดแน่นด้วยความมุ่งมั่น
"อึก!"
อีกฟากหนึ่ง ลูคัสก็หยุดเสียงฮึดฮัดออกมา
สายตาของฉันจ้องไปที่เขาด้วยความเป็นห่วง เพราะลูคัสตอนนี้กำลังถูกกดดันอย่างหนัก
เขาแทบจะไม่สามารถหยุดยั้งการโจมตีอย่างต่อเนื่องของโกเลมได้ มีแต่ต้องปัดป้องมันด้วยดาบเท่านั้น
ตุ้บ! ตู้ม!
ตาของฉันจับจ้องไปที่ลูคัส เขากำลังกลิ้งเพื่อหลบหมัดโลหะของมันที่เป็นอันตราย จากนั้นเขาก็เห็นฉันที่ส่งสัญญาณให้ด้วยการพยักหน้า
ส่วนสาเหตุที่ฉันยังไม่ลงมือตั้งแต่แรกก็เพราะว่ามีบางสิ่งที่ฉันต้องเตรียมการก่อน
“ได้เวลาจัดการมันแล้ว!”
นั่นคือการออกคำสั่งที่ต้องรวดเร็วและเด็ดขาดยังไงล่ะ!