ตอนที่แล้วบทที่ 47 : [สำรวจอิสระ] ทวิอัศวิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 49 : [สำรวจอิสระ] หลังตรอกซ่อนเร้น

บทที่ 48 : [สำรวจอิสระ] ทวิอัศวิน (2)


บทที่ 48 : [สำรวจอิสระ] ทวิอัศวิน (2)

พูดตามตรง สำหรับทีมที่มีความสามารถแบบเราแล้ว พวกโกเลมเป็นสิ่งที่ไม่ได้ท้าทายอะไรเลย

“ใครจะไปคิดกันว่าเราจะเคลียร์พื้นที่ทั้งหมดได้ภายในหนึ่งชั่วโมง …”

ในเวลาไม่นาน เราก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องสุดท้ายของพื้นที่ 1 แล้ว

ฉันดันเศษที่เหลือที่กระจัดกระจายของพวกโกเลมที่ตายไปด้วยรองเท้าบู๊ตของฉัน ในใจรู้สึกผิดหวังยิ่ง

สมาชิกแต่ละคนในสี่คนของเราต่างจัดการกับโกเลมด้วยวิธีที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง

ฟู่ม-!

แต่ละครั้งที่จูปิเตอร์ดีดนิ้ว สายฟ้าจะฟาดลงมาทำให้โกเลมกลายเป็นเศษหินหลอมเหลว

ฉึก! ตุ๊บ!

ลูกศรของเดเมี่ยนหาจุดอ่อนของมันและเจาะแกนเวทย์มนตร์ของโกเล็มด้วยความแม่นยำอันไร้ที่ติ

ฉัวะ!

ในจังหวะเดียวกัน พลังดาบอันทรงพลังของลูคัสก็ตัดแกนเวทย์มนตร์ของโกเลม แยกมันออกเป็นสองส่วน

จากนั้นก็มีเอวานเจลีน…

ปั๊ก!

เธอเหมือนกำลังจัดการเศษขยะอยู่เลย

เธอพุ่งเข้าใส่มันอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นกระหน่ำแทงด้วยหอกของเธอ และตรึงพวกโกเลมไว้ด้วยโล่

ไม่มีโกเลมตนใดสามารถต้านทานการโจมตีที่โหดร้ายนี้ได้เลย พวกมันพังทลายลงเหลือเพียงเศษซาก

"เย่! เย๊!"

เอวานเจลีนพุ่งไปมา จนร่างเล็กของเธอที่ถือโล่และหอกเลือนหายไปกลายเป็นเพียงภาพเบลอ

ท่าทางของเธอดูแปลกไปมาก ดูคล้ายกับกระรอกน้อยที่กำลังหาอาหารไม่มีผิด

ตู้มม!

“ฮ่าๆๆๆ -!”

เมื่อโกเลมตัวสุดท้ายกลายเป็นเศษซากเพราะโล่ของเธอ เอวานเจลีนก็หัวเราะอย่างมีชัย ใบหน้าของเธอแดงก่ำจากการออกแรงอย่างหนัก เธอดูกระปรี้กระเปร่ากว่าที่เคยเป็นมา

“มีอีกหรือเปล่า! ไม่มีอีกแล้วเหรอ!”

“นั่นเป็นตัวสุดท้ายแล้วรุ่นน้อง”

[พื้นที่ 1: ท่อระบายน้ำอันแห้งเหือด]

– ความคืบหน้าในการกวาดล้าง: ห้องธรรมดา 4/4

จากสี่ห้องแรก เราพบกับโกเลมหินประมาณ 20 ตัวและก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลยสักนิดเดียว

’มันง่ายเกินไปแล้ว’

ความยากอยู่ในระดับต่ำมาก จนแทบจะไม่รู้สึกว่าเราได้ประสานงานร่วมมือกันเป็นทีมเลย แต่ละคนต่างสามารถผ่านไปได้ด้วยฝีมือของแต่ละคนล้วนๆ

เนื่องจากพวกมันเป็นเพียงโกเลมระดับต่ำ ดังนั้นของที่ได้มาจึงค่อนข้างธรรมดา

อีกทั้งเรายังจำเป็นต้องทำลายแกนพลังเวทย์เพื่อจัดการพวกมัน แกนทั้งหมดจึงแตกสลายเกินกว่าจะเอามาใช้งานได้ใหม่

“ดูเหมือนพวกเราทุกคนจะอุ่นเครื่องกันเสร็จแล้วสินะ เรามาพักกันสักพักแล้วมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ 2 กันเถอะ”

เมื่อเดินผ่านทางเดินสุดท้ายของท่อระบายน้ำ ฉันก็พูดออกมาทันที

“พื้นที่ 2 จะท้าทายขึ้นมาก ดังนั้นก็ระวังกันด้วย”

พูดตามตรง ในเมื่อทีมเราครบครันและเก่งกาจเช่นนี้ พื้นที่ 2 คงจะง่ายมาก

ฉันเองก็หวังว่ามันจะยากสักหน่อยนะ เพราะหากมันท้าทาย เราก็จะได้ประสบการณ์กันเพิ่มขึ้นด้วย

ในไม่ช้า พวกเขาก็มาถึงปลายทางท่อระบายน้ำที่เป็นพื้นที่โล่ง

[พื้นที่ 2: ตรอกซ่อนเร้น]

เสาไฟกระพริบในตรอกด้านหลังส่งแสงสลัว ทำให้เกิดเงาทอดยาวและริบหรี่

นี่เป็นจุดปลอดภัยที่เรามาถึงในครั้งก่อน

ทิวทัศน์ของเมืองด้านหน้าเต็มไปด้วยตึกระฟ้าสูงตระหง่าน ทอดยาวอยู่ตรงหน้าเรา ด้านล่างมีความมืดเต็มทั่วไปหมด ดั่งมหาสมุทรอันมืดมิด

ขณะที่เธอมองทั้งเมืองที่ปกคลุมไปด้วยเงามืด ปากของเอวานเจลีนก็อ้าออกกว้างด้วยความหวาดกลัว

“น-นี่มันอะไรกันเนี่ย...?”

“จุดหมายปลายทางของเราสำหรับการสำรวจในวันนี้”

ฉันจับโชคกระแทกในมืออย่างกังวล

ในที่สุดก็ถึงเวลาที่จะสำรวจนรกใต้น้ำแห่งนี้แล้ว

’ฉันต้องรีบรวบรวมแกนพลังเวทย์จำนวนมาก’

การฟาร์มไอเท็มอย่างจริงจังกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว!

ก่อนที่จะก้าวเท้าเข้าไปในพื้นที่สอง เราพักผ่อนกันสักพักก่อน

แม้ว่าการต่อสู้จะไม่ได้ท้าทายมากนัก แต่สุดท้ายแล้ว เราก็เพิ่งต่อสู้กับสัตว์ประหลาดมา ความเหนื่อยล้าย่อมเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

นอกจากนี้ ยังมีงานที่ต้องทำในระหว่างเราพักผ่อนด้วย ด้วยการประกาศหยุดพัก สมาชิกทีมของเราจึงลงหลักปักฐานในพื้นที่ปลอดภัย ต่างคนต่างหาวิธีผ่อนคลายในแบบของตัวเอง

ฟึบ ฟึบ

เอวานเจลีนและลูคัสกำลังกินอาหารที่เอาออกมาจากถุงเสบียงของพวกเขา สมกับเป็นพฤติกรรมของพวกอัศวินร่างกำยำเสียเหลือเกิน

ลูคัสเป็นพวกที่มีความอยากอาหารมาก ส่วนทางด้านเอวานเจลีนก็คงจะไม่ต่างกันนัก

เมื่อแก้มของเขาพองออกมาเหมือนดั่งกระรอก ลูคัสก็กลืนกินสิ่งที่อยู่ในห่ออาหารของเขาด้วยความิหิวโหย

“อาหารอร่อย~”

เอวานเจลีนจัดการกล่องอาหารกลางวันที่เธอเตรียมมาจนหมดด้วยเวลาไม่นานนัก เธอเขย่าถุงอาหารที่ว่างเปล่าของตนจนเกิดสายลมแรงพัดพามา

“หมดแล้วเหรอ?”

“นี่เธอกินหมดแล้วเหรอ?!”

“ทำหน้าไม่พอใจแบบนั้น อย่าบอกนะว่ายยังไม่อิ่ม?”

เอวานเจลีนเริ่มสำรวจถุงเสบียงของเธอเพื่อหาอาหารในทันที ความหิวโหยที่ไม่รู้จักพอของเธออาจเป็นผลพลอยมาจากที่เธอยังเด็กอยู่กระมัง

"โอ้..."

ลูคัส นายจะรีบร้อนยัดถุงอาหารที่เหลือเข้าปากทำไมกันเล่า เฮ้อ ลูคัส อย่าไปแข่งเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้เหมือนกับเด็กสิ

"ฟิ้ว~”

อีกมุมหนึ่ง จูปิเตอร์ก็เหมือนกำลังอยู่ในโลกของตนเอง

เธอถือซิการ์ไว้ระหว่างริมฝีปาก พ่นลมหายใจออกเป็นควัน

การที่เธอพ่นควันออกมาโดยไม่คำนึงถึงผู้เยาว์ในหมู่พวกเรา มันก็สมกับที่เธอเป็นทหารผ่านศึกผู้ไร้ความรู้สึกเสียเหลือเกิน

ขณะที่ฉันเดินผ่านไป ฉันก็อดไม่ได้ที่จะตำหนิเธอ

“เลิกสูบบุหรี่ทีเถอะ จูปิเตอร์”

เรายังอยากให้คุณมีอายุยืนยาวนะ คุณยาย คุณน่ะเป็นองค์ประกอบสำคัญในการต่อสู้นะ

ทว่าจูปิเตอร์ก็เพียงแค่ยิ้มออกมาและนิ่งเงียบไป

อันที่จริงถ้าเธอเป็นประเภทที่จะฟังคำแนะนำคนอื่น เธอคงเลิกดื่มและสูบบุหรี่ไปนานแล้ว ชีวิตของเธอคงจะดียิ่งกว่านี้

หากเป็นเช่นนั้น...คงไม่มีทางที่เธอจะยังเป็นทหารรับจ้างหรอก คงจะไปใช้ชีวิตที่ไหนสักแห่งในวัยเกษียณไปแล้ว

หลังเดินเล่นต่อสักพัก ฉันก็เดินไปทางเดเมี่ยน

“อา ฝ่าบาท!”

ขณะที่เดเมี่ยนจิบน้ำจากขวด เขาก็เหลือบมองมาที่ฉัน ฉันพยักหน้าตอบเขาไป

“เดเมี่ยน นายเป็นยังไงบ้าง?”

"ผมสบายดี ผมไม่ได้ฝืนอะไรตัวเองเลยครับ”

ฉันยื่นกระเป๋าที่ถืออยู่ไปให้เดเมี่ยนที่ดูค่อนข้างกังวลเรื่องอะไรสักอย่าง แล้วจึงหันไปพูดกับเขา

"เอานี้ไปสิ"

"หือ? มันอะไครับเนี่ย...?"

“มันคือปืนเวทมนตร์”

มันคือปืนเวทย์มนตร์ระดับ SR 'การลงทัณฑ์ของนักล่า' ซึ่งเป็นรางวัลจากกล่องของขวัญล่าสุดที่ฉันสุ่มมา

ขณะที่เดเมี่ยนแกะห่อบรรจุภัณฑ์ ปืนไรเฟิลยาวที่ออกแบบเหมือนสมัยยุคเก่าก็ปรากฏออกมา

แกนเวทที่อยู่ในใจกลางของลำกล้องปืนทำให้เกิดแสงสีม่วงที่น่าขนลุก

“มันมีศักยภาพมากกว่าหน้าไม้อย่างมาก ถึงจะไม่รู้ว่าอาวุธนี้มีองค์ประกอบยังไงก็เถอะ แต่มีข้อเสียอย่างหนึ่งคือมันมีกระสุนจำกัด”

เดเมี่ยนยกปืนไรเฟิลขึ้นอย่างระมัดระวังและพินิจพิเคราะห์มัน ดูแล้วเขาคงรู้สึกยินดีที่ได้มันมาก

พอได้ไปแล้วก็คงไม่ต้องสอนอะไรเข้ามาก ต้องขอบคุณดวงตาพันลี้ของเขาเลย มันคงทำให้เดเมี่ยนเข้าใจวิธีการใช้อาวุธที่เขาถืออยู่ในทันที

“ตอนนี้ลองเอาไปใช้มันเป็นอาวุธรองดูสิ”

“แต่มันหนักมากนะครับ หนักกว่าหน้าไม้พอสมควรเลย…”

“มันหนักไปหน่อยงั้นเหรอ?”

แต่อีกไม่นาน นายจะต้องแบกปืนพวกนี้ไปหลายกระบอกเลยล่ะ นายคงต้องเพิ่มแรงกายสักหน่อยแล้ว

เดเมี่ยนที่ลังเลก็ยังคงเหลือบมองทางฉัน

“คือจะให้ผมใช้สิ่งนี้จริงเหรอครับ? มันดูพิเศษมากเลยนะครับ”

"ก็ต้องอย่างนั้นสิ ตอนนี้มันเป็นของนายแล้ว เพราะงั้นใช้มันตามที่นายต้องการได้เลย อยากโยนทิ้งหรือทำลาย ก็ตามใจนาย”

“ม-ไม่มีทางที่ผมจะทำแบบนั้นหรอกครับ!”

เดเมี่ยนที่ลุกลี้ลุกลนวางปืนเวทย์ลง แต่รอยยิ้มกว้างพลันค่อยๆ ปรากฏประดับบนใบหน้าของเขา

“ขอบคุณมากเลยนะครับ ฝ่าบาท ผมสัญญาว่าจะดูแลมันเป็นอย่างดี”

อืม คนที่ควรขอบคุณต้องเป็นฉันมากกว่า พ่อตัวละครนำโชคของฉัน

เมื่อเห็นเขายิ้มออกมาด้วยความยินดี ฉันก็เหลือบมองไปยังสมาชิกในทีมของเรา

เอวานเจลีนและลูคัสกำลังยุ่งอยู่กับการแทะบิสกิตที่พวกเขานำมาเป็นของว่าง (นี่ยังไม่เลิกแข่งกันอีกเหรอ?) ในขณะที่จูปิเตอร์ก็กำลังคว้านหยิบซิการ์ของเธอออกมา

จากนั้นฉันจึงปรบมือเรียก

“ทุกคนพักผ่อนกันพอแล้วใช่ไหม? งั้นพร้อมกันแล้วหรือยัง?”

ทั้งกลุ่มไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว พวกเขาลุกขึ้นและเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ทันที

หลังจากแน่ใจว่าคบเพลิงและโคมไฟของทุกคนพร้อมแล้ว ฉันก็พยักหน้า

“ไปกันเถอะ!”

เราจึงออกเดินทางไปยังพื้นที่สองของดันเจี้ยนเขาวงกตใต้ดินแห่งนี้

ทันทีที่เราก้าวเข้าไปในถนนหลังเขาวงกต ลัดเลาะไปตามแผ่นกระเบื้องหลากสีที่จัดเรียงอย่างประณีตใต้ฝ่าเท้านั้นเอง...

ติ้ง!

หน้าต่างระบบกะพริบ แสดงรายละเอียดของพื้นที่ในดันเจี้ยน

[เขตที่ 2: ด้านหลังตรอกซ่อนเร้น]

– ความคืบหน้าในการกวาดล้าง: ห้องธรรมดา 0/4 ห้องบอส 0/1

– หีบสมบัติที่ได้รับมา: 0/5

มีหีบสมบัติห้าชิ้นให้เก็บ ดูท่าเขตสองจะให้รางวัลงามพอควร

’ถึงเวลาที่เราต้องอัปเกรดอุปกรณ์ของคนในทีมอย่างจริงจังแล้วสินะ!'

ด้วยความคิดที่ต้องการอัปเกรดไอเท็มของคนในทีม ฉันก็พยักหน้าอยู่ตัวคนเดียว

ถ้างั้นก็มาจัดการพวกมันให้สิ้นซากกันเถอะ!

***

พวกเราเดินไปตามเส้นทางที่ล้อมรอบด้วยกำแพงอิฐที่ทรุดโทรมทั้งสองด้าน มันปราศจากสิ่งก่อสร้างใดอยู่ ทว่าทั้งทีมของเราก็มุ่งหน้าต่อไปอย่างระมัดระวัง

ทั้งตรอกมืดสนิท บรรยากาศดูแปลกพิกล

ตรอกด้านหลังนี้ดูน่าขนลุกเหมือนอยู่ในเกาหลีที่แม้มีแสงจากโคมไฟบนถนนก็ไม่อาจช่วย

ทว่าที่นี่ ในถนนสายหลักของอาณาจักรทะเลสาบ ความมืดมิดได้ครอบคลุมพื้นที่ทุกจุดจนไม่อาจมีแสงเล็ดลอดออกมา พื้นที่โดยรอบเป็นสีดำสนิท

มันยิ่งกว่าความน่าขนลุก ทุกย่างก้าวของเราแม้นมีคบเพลิงกลับเต็มไปด้วยความตึงเครียด

’ที่นี่คือรังของพวกสัตว์ประหลาดจริงๆ’

ไม่ใช่แค่วิญญาณหรือสัตว์ประหลาดเท่านั้น สิ่งมีชีวิตที่ไม่เป็นมิตรทุกประเภทต่างแฝงตัวอยู่ในเมืองใต้บาดาลแห่งนี้

โชคดีที่มันมีเพียงประเภทเดียวเท่านั้นที่จะปรากฏขึ้นในตอนที่เราสำรวจ ซึ่งในวันนี้ มันคือโกเลม

’แต่ถึงจะรู้อย่างนั้น มันก็ยังน่ากลัวเมื่อมีโกเลมพุ่งออกมาจากเงามืดอย่างกะทันหัน!'

ลองนึกภาพจู่ๆ โกเลมขนาดเท่าบ้านก็กระโจนออกมาจากตรอกดูสิ…แค่คิดก็ทำให้ฉันเสียวสันหลังว๊าบแล้ว

และจากนั้นเอง

ตู้มม!

ขณะที่ฉันครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ ความคิดนั้นก็กลับกลายเป็นความจริง!

จากด้านขวามือของตรอกที่เราเดินมาอย่างระมัดระวัง โกเลมขนาดมหึมาได้ทะลุผ่านกำแพงอิฐมาหาเรา

“เหวอ เหี้ย!”

ฉันเผลอสบถออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัวเพราะความประหลาดใจ

ดูเหมือนว่าเราจะเข้ามาในดันเจี้ยนห้องแรกแล้ว ไม่มีอะไรนอกจากตรอกซอกซอยดำทะมึน เราจะไปรู้ได้ยังไงกัน!

โกเลมมีลักษณะคล้ายกับเครื่องจักรไอน้ำที่ประดับประดาไปด้วยถุงมือและข้อต่อโลหะ

โกเลมในพื้นที่เริ่มต้นมีขนาดใหญ่น่าเอ็นดู ขนาดมันพอๆ กับรถบรรทุกขนาดใหญ่

กรูวว-!

เสียงคำรามได้ดังก้องไปทั่วเครื่องจักรของมัน พ่นไอน้ำสีขาวออกมาราวกับรถไฟ จากนั้นโกเลมขนาดมหึมาก็กางแขนออกกว้าง

“ผมจะกันมันให้เอง!”

ลูคัสตะโกนพุ่งไปทางขวาและเหวี่ยงดาบตวัดไปทางมัน

แคร๊ง!

แขนของโกเลมที่ถูกดาบของลูคัสโจมตีได้กระเด็นกลับไปอย่างรุนแรง

ติ้ง!

ในขณะนั้นเอง หน้าต่างระบบก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าฉัน

[หลังตรอกซ่อนเร้น – ห้อง 1]

– กำจัดศัตรู!

– โกเลมไอน้ำ <หัวหน้า> ระดับ.15: 2 ตัว

ระดับ 15 โกเล็มไอน้ำ สัตว์ประหลาดยศหัวหน้า ทว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกตกตะลึง

’มาทีเดียวสองตัวเลยเหรอ?’

ฉันได้แต่รีบตะโกนออกมาทันที

“ยังมีอีกตัว…!”

ตู้ม!

คราวนี้มันมาจากทางด้านซ้ายของตรอก

เมื่อทุบกำแพงแล้ว โกเลมตัวที่สองก็โผล่ออกมา

กรูวว-!

เสียงคำรามและไอน้ำได้ดังกระหึ่มจากร่างกายของมัน ทันใดนั้นโกเลมก็พุ่งตรงมาที่เราทันที

ราวกับว่ารถไฟบรรทุกสินค้ากำลังแล่นลงมาหาเราไม่มีผิด!

ตุ๊บ-!

เอวานเจลีนหยุดการพุ่งของมันด้วยโล่เธอ

ขาที่บอบบางของเอวานเจลีนลื่นไถลไปด้านหลัง

เท้าของเธอหยั่งรากแน่น ราวกับยึดติดอยู่กับพื้น มันบดขยี้กระเบื้องที่อยู่ด้านล่างของเธอจนเกิดฝุ่นควันลอยขึ้นมา

“เวรเอ๊ย! นี่มันตัวบ้าอะไรกัน เป็นกระทิงหรือไง…!”

เอวานเจลีนฮึดฮัด ฟันของเธอกัดแน่นด้วยความมุ่งมั่น

"อึก!"

อีกฟากหนึ่ง ลูคัสก็หยุดเสียงฮึดฮัดออกมา

สายตาของฉันจ้องไปที่เขาด้วยความเป็นห่วง เพราะลูคัสตอนนี้กำลังถูกกดดันอย่างหนัก

เขาแทบจะไม่สามารถหยุดยั้งการโจมตีอย่างต่อเนื่องของโกเลมได้ มีแต่ต้องปัดป้องมันด้วยดาบเท่านั้น

ตุ้บ! ตู้ม!

ตาของฉันจับจ้องไปที่ลูคัส เขากำลังกลิ้งเพื่อหลบหมัดโลหะของมันที่เป็นอันตราย จากนั้นเขาก็เห็นฉันที่ส่งสัญญาณให้ด้วยการพยักหน้า

ส่วนสาเหตุที่ฉันยังไม่ลงมือตั้งแต่แรกก็เพราะว่ามีบางสิ่งที่ฉันต้องเตรียมการก่อน

“ได้เวลาจัดการมันแล้ว!”

นั่นคือการออกคำสั่งที่ต้องรวดเร็วและเด็ดขาดยังไงล่ะ!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด