บทที่ 21: การหล่อเลี้ยงอุปกรณ์ด้วยพลังวิญญาณ
บทที่ 21: การหล่อเลี้ยงอุปกรณ์ด้วยพลังวิญญาณ
หลี่จิ้งตกตะลึงเล็กน้อยเมื่อเขาได้ยินเสียงแจ้งเตือนดังก้องในหูของเขา
เขาเคยคิดหลายวิธีที่จะเปิดใช้ช่องอุปกรณ์บนแถบสถานะ
หนึ่งในนั้นรวมถึงการที่เขาได้รับวัตถุบางอย่างที่สามารถถูกตรวจสอบได้ว่าเป็นไอเทมโดยแถบสถานะ
ดาบเหล็กมาตรฐานของผู้ช่วยผู้ตรวจการที่ปรากฏต่อหน้าเขาสามารถเปิดใช้งานแถบสถานะได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก แต่มันก็ค่อนข้างกะทันหัน
สิ่งที่เขาไม่เคยคาดถึง
การนำไอเทมลงทะเบียนในแถบสถานะนั้นไม่ได้เป็นเพียงการลงทะเบียนธรรมดา
หลังจากลงทะเบียนแล้ว ไอเทมนั้นจะได้รับการหล่อเลี้ยงด้วยพลังวิญญาณในร่างกายของเขา และจากนั้นจะปรับปรุงความทนทาน ความแข็งแกร่ง และคุณภาพของอุปกรณ์ ซึ่งมีผลคล้ายกับ“การเลี้ยงอุปกรณ์”
ฟังก์ชั่นนี้อย่างกับมีโปรแกรมโกงเลย
การหล่อเลี้ยงอุปกรณ์ ผู้ฝึกตนทั่วไปก็สามารถทำได้เช่นกัน
แต่ไม่ใช่ว่าอุปกรณ์ทุกชนิดจะสามารถนำเข้าสู่ร่างกายเพื่อหล่อเลี้ยงได้
หากต้องการใช้ความแข็งแกร่งของตัวเองเพื่อหล่อเลี้ยงอุปกรณ์และทำให้มันเติบโต
อย่างแรกเลย อุปกรณ์นั้นจะต้องมีศักยภาพในการเติบโต
อุปกรณ์ที่มีศักยภาพในการเติบโต อย่างน้อยก็ต้องเป็นอุปกรณ์ระดับล้ำค่าขั้นที่ 8 ขึ้นไป
ระดับของอุปกรณ์ในโลกนี้
แบ่งออกเป็น 5 ประเภทคือ: อุปกรณ์ระดับทั่วไป อุปกรณ์ระดับล้ำค่า อุปกรณ์ระดับวิญญาณ อุปกรณ์ระดับเซียน และอุปกรณ์ระดับเต๋า
ในบรรดา 5 ระดับ ยังแบ่งออกเป็น 10 ขั้น
อุปกรณ์ระดับล้ำค่าขั้นที่ 8 ถือเป็นอุปกรณ์ชั้นยอด และยากต่อการหลอม
ราคาเริ่มต้นไม่ต่ำกว่าสิบล้าน
หลังจากมีอุปกรณ์ระดับล้ำค่าขั้นที่ 8 แล้ว ผู้ฝึกตนจะต้องสร้างสายสัมพันธ์กับและประทับจิตวิญญาณของตัวเองลงไป จากนั้นจึงจะสามารถเก็บมันไว้ในร่างกายและหล่อเลี้ยงด้วยจิตวิญญาณในทุกๆ วัน
การลงทะเบียนอุปกรณ์ทำให้หลี่จิ้งสามารถหล่อเลี้ยงอุปกรณ์ได้โดยตรง โดยไม่ต้องทำอะไรมาก
นี่ไม่เพียงแค่ความสะดวก
สิ่งสำคัญคืออุปกรณ์ระดับทั่วไปยังสามารถพัฒนาได้ในมือของเขา
เมื่อมองไปรอบๆ หลี่จิ้งก็พูดในใจ “ลงทะเบียน”
“ลงทะเบียนสำเร็จและได้รับดาบเหล็กมาตรฐานของผู้ช่วยผู้ตรวจการ ระดับทั่วไปขั้นที่ 4”
“ด้วยความแข็งแกร่งของพลังจิตวิญญาณในปัจจุบัน จะใช้เวลาอีก 27 วันในการอัปเกรดเป็นขั้นที่ 5”
เสียงแจ้งเตือนสองครั้งดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง และดาบเหล็กมาตรฐานก็หายไปจากมือของหลี่จิ้ง
ในสายตาของคนอื่น ดาบเหล็กก็ถูกใส่เข้าไปในพื้นที่เก็บของ
แต่ในความรู้สึกของหลี่จิ้ง ดาบเหล็กนั้นถูกย่อขนาดลงหลายเท่า ปรากฏขึ้นในหน้าผากของเขา ซึ่งเป็นที่ที่มีการไหลเวียนของพลังวิญญาณบรรจบกันอย่างหนาแน่นที่สุด
เจ้าของ: หลี่จิ้ง
แต้มประสบการณ์: 310/747
ระดับ: 8
แต้มทักษะ: 1
พลังวิญญาณ: 72
อุปกรณ์ : ดาบเหล็กมาตรฐาน (อุปกรณ์ระดับทั่วไปขั้นที่ 4 19%)
ทักษะติดตัว: ห้วงฉับพลัน, ชุดวิญญาณคุ้มกาย (5/5), หลีกนภา (5/5)
ทักษะใช้งาน: ฝ่ามือสายฟ้า (5/5)
เมื่อดูแถบสถานะแล้ว หลี่จิ้งรู้สึกเบื่อหน่ายในขณะนี้
อุปกรณ์มาตรฐานที่แผนกผู้ช่วยผู้ตรวจการให้มา ก็ไม่สามารถคาดหวังสูงได้
แต่มันเป็นเพียงอุปกรณ์ระดับทั่วไปขั้นที่ 4 พูตามตรงก็ออกจะโทรมไปหน่อย
อุปกรณ์ระดับทั่วไปขั้นที่ 4 สามารถซื้อได้ในราคาประมาณ 100,000 หยวน
อย่างที่คาดไว้ สำนักตรวจสอบมีอนาคตมากกว่า...
สำนักตรวจสอบแจกจ่ายกระบี่บินแบบผลิตจำนวนมาก แม้จะไม่ได้ถึงขั้นอุปกรณ์ระดับล้ำค่าขั้นที่ 8
แต่อย่างน้อยก็เป็นถึงอุปกรณ์ระดับล้ำค่าขั้นที่ 4-5 ซึ่งดีกว่ากระบี่บินทั่วไปอยู่แล้ว
เมื่อคิดว่านี่เป็นของฟรี ตัวเองก็ไม่สามารถขออะไรได้ หลี่จิ้งก็สงบลง
อย่างไรก็ตาม การที่สามารถลงทะเบียนอุปกรณ์เพื่อหล่อเลี้ยงอุปกรณ์ได้ อย่างน้อยก็ยังมีพื้นที่สำหรับพัฒนา
ที่เหลือก็ค่อยๆดูแลกันไป
แล้วค่อยคิดค้นวิธีเพิ่มความแข็งแกร่งของพลังวิญญาณแลเพิ่มประสิทธิภาพของการหล่อเลี้ยงอุปกรณ์ต่อไป
อีกด้านหนึ่ง
กงอู่เห็นว่าทั้ง 9 คนได้เลือกอุปกรณ์มาตรฐานของตนแล้ว เขาก็โบกมือแล้วหยิบโต๊ะออกมา และหยิบชุดเครื่องแบบพร้อมป้ายชื่อออกมา 9 ชุดอย่างต่อเนื่องและจัดวาง
“นี่คือเครื่องแบบของพวกนาย คนละชุดตามชื่อบนป้ายชื่อ บัตรประจำตัวและเครื่องมือสื่อสารของพวกนายอยู่ในกระเป๋าชุด โปรดเก็บไว้เอง”
ขณะที่เขาพูดเขาก็เล่าต่อไป
“ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ต้องพกบัตรประจำตัวติดตัวและสวมอุปกรณ์สื่อสารรูปทรงคล้ายกระดุมตลอดเวลา ในอุปกรณ์สื่อสารมีการตั้งค่าช่องสื่อสารไว้ 11 ช่อง ได้แก่ช่องสื่อสารของพวกนาย 9 คน ช่องสื่อสารของฉัน และช่องลาดตระเวน สามารถใช้ปราณวิญญาณในการเลือกช่อง เพื่อรับมือกับสถานการณ์ต่างๆสามารถติดต่อกันหรือแจ้งฉันได้ หากเกิดเหตุฉุกเฉินให้ติดต่อช่องลาดตระเวนโดยตรงเพื่อขอความช่วยเหลือจากสำนักตรวจสอบ”
กงอู่หน้าดูเคร่งขรึมขณะเฝ้าดูคนทั้ง 9 คนก้าวไปข้างหน้าเพื่อรับเครื่องแบบของพวกเขา
“จากนี้ไป พวกนายได้เป็นผู้ช่วยผู้ตรวจการอย่างเป็นทางการแล้ว”
“โดยส่วนตัวแล้วฉันชอบพูดล้อเล่น คุยกันขำๆ แต่ในฐานะหัวหน้าโดยตรงของพวกนาย ฉันหวังว่าจะไม่มีคนเอาเรื่องงานมาล้อเล่น”
“งานของผู้ช่วยผู้ตรวจสอบนั้นค่อนข้างสบาย แต่ก็ยังถือเป็นตำแหน่งราชการในระบบ ขอให้ทุกคนปฏิบัติหน้าที่ของตนเองอย่างจริงจัง และอย่าทำให้ชื่อเสียงผู้ช่วยผู้ตรวจการเสื่อมเสีย”
หลังจากพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นทางการแล้ว กงอู่ก็มองไปที่กลุ่มที่ประกอบด้วยหญิงสามคนและชายหนึ่งที่อยู่ตรงนั้น
"พวกเราหน่วยลาดตระเวนทั้ง 9 กลุ่ม มีหน้าที่ลาดตระเวนหลักแถวพื้นที่ชายฝั่งตะวันออกของเขตเป่ยเฉิง จ้าวจุ้นเฟิง กลุ่มของนายชื่อ กลุ่มเซียนล่องฟ้าและนายได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่หัวหน้ากลุ่ม รับผิดชอบในการลาดตระเวนทางเหนือของชายฝั่งตะวันออก มีคำถามอะไรไหม?
บุคคลที่ถูกเรียกชื่อนั้นเป็นชายเพียงคนเดียวในกลุ่ม
เขายืดหลังตรง เมื่อเขาได้ยินว่าเขาได้เป็นหัวหน้ากลุ่มเซียนล่องฟ้า
"ไม่มีปัญหาครับ"
กงอู่ได้คำตอบแล้วมองไปที่กลุ่มอื่น
“เติ้งหยิง กลุ่มของเธอชื่อราตรี และเธอเป็นหน้ากลุ่ม รับผิดชอบในการลาดตระเวนทางใต้ของชายฝั่งตะวันออก”
กลุ่มราตรีตรงข้ามกับกลุ่มเซียนล่องฟ้า ประกอบด้วยชายสองและหญิงหนึ่ง
เติ้งหยิง เป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่ม
เติ้งหยิง ค่อนข้างประหลาดใจเมื่อได้ยินกงอู่เรียกเธอ เธอไม่คาดคิดว่าเธอจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้ากลุ่ม
มองไปทางซ้ายและขวาที่เพื่อนร่วมงานสองคนในกลุ่มเดียวกันเธอก็ยืนตัวตรงแล้วตอบ
"รับทราบ."
กงอู่พยักหน้า และมองไปที่หลี่จิ้ง
“หลี่จิ้ง กลุ่มของนายชื่อกลุ่มเทียนหวังและมีหน้าที่รับผิดชอบในการลาดตระเวนส่วนกลางของชายฝั่งตะวันออก”
"..."
หลี่จิ้ง.
กลุ่มเทียนหวัง(ราชาสวรรค์)
ฟังดูอหังการและข่มศัตรูอย่างมาก แต่เขารู้สึกไม่สบายใจจริงๆ
เขาคือหลี่จิ้ง
ไม่ใช่หลี่จิ้ง(李靖 ราชาสงครามในสมัยราชวงศ์ถัง)...
……
อุปกรณ์มาตรฐาน เครื่องแบบ เอกสาร ฯลฯ ครบ
รายละเอียดของพื้นที่รับผิดชอบก็มีการกำหนดไว้เรียบร้อย
กงอู่ไม่ได้พูดมากเกินไป เขาเพิ่มรายละเอียดเล็กน้อยในระหว่างการลาดตระเวน จากนั้นก็ให้ทุกคนสวมเสื้อผ้าและไปยังเขตที่รับผิดชอบ
เขตเป่ยเฉิงมีขนาดใหญ่มาก
ครอบคลุมพื้นที่เกือบหนึ่งในสี่ของเมืองเจียงไห่
ชายฝั่งตะวันออกค่อนข้างไกลห่างจากแผนกผู้ช่วยผู้ตรวจการ
จากอาคารผู้ช่วยผู้ตรจการไป ประมาน 300 กว่ากิโลเมตร
การขับรถปกติจะใช้เวลามากกว่าสามหรือสี่ชั่วโมง
หน่วยลาดตระเวนมีอำนาจในการเหาะเหินในเมืองได้ ดังนั้นไม่กี่ร้อยกิโลเมตรก็ไม่ได้ลำบากอะไร
เมื่อเทียบกับการเดินบนพื้นดิน การเคลื่อนที่บนอากาศมีประสิทธิภาพมากกว่ามาก
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง หลี่จิ้งและอีกสองคนก็มาถึงเขตที่พวกเขารับผิดชอบ
มาถึงสถานที่แล้ว หลี่จิ้งเลือกที่จะหยุดพักบนอาคารสูงแห่งหนึ่งและหันกลับมามองที่อี้ซิวจู่และลู่หยางเฉิง
“นายสองคนจะพักก่อนไหม?”
"ฉันสบายดี"
อี้ซิวจู่ตอบกลับแล้วหันหน้าไปมองลู่หยางเฉิง
"นายล่ะ?"
"ฉันก็สบายดีเหมือนกัน"
ลู่หยางเฉิงตอบโดยไม่รู้ตัว หลังจากนั้นก็รู้สึกมีบางอย่างผิดปกติ เขาก็เงยหน้าขึ้นด้วยความสับสน
อี้ซิวจู่เย็นชาและไม่สนใจเขามาโดยตลอด
ตอนนี้ริเริ่มที่จะพูดคุยกับเขา แถมยังแสดงออกว่าห่วงใย เกิดอะไรขึ้น?
หลี่จิ้งรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย และมองไปที่อี้ซิวจู่
เดิมทีเขาไม่ได้สังเกต
ตอนนี้มาคิดดูอีกที ตั้งแต่วันที่อี้ซิวจู่เรียกเขาว่า "พี่หลี่" ก็ไม่ได้พูดอะไรกับเขาเลย
การที่เขาไม่สนใจลู่หยางเฉิง ก็อาจจะเพียงไม่อยากคุยกับเขาเฉยๆ
แต่โดยพื้นฐานแล้ว ดูเหมือนว่านิสัยของเขาจะไม่เลวร้ายนัก เพียงแต่ไม่เก่งในการเข้ากับคนอื่นเท่านั้น?
กลุ่มเทียนหวังยังมีความหวัง!
หลี่จิ้งแอบดีใจและพูดขึ้น
“ภารกิจลาดตระเวนกำหนดให้เราตรวจเช็คพื้นที่ที่เรารับผิดชอบทุกชั่วโมง ขณะนี้ยังไม่ต้องเร่งรีบอะไร การเดินทางครั้งนี้ 300 กว่ากิโลเมตร นายทั้งสองอย่าฝืนไปเลย พวกเราจะพักผ่อนกันก่อน”
ลู่หยางเฉิงเป็นคนที่เข้าใจง่าย
จากสิ่งที่อี้ซิวจู่พูดเมื่อกี้ เขายังเห็นว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้แย่อย่างที่คิด
เมื่อเห็นหลี่จิ้งพูด ลู่หยางเฉิงก็ได้พูดต่อ
“เอาล่ะ มานั่งคุยกันเถอะ พวกเราเหนื่อยมากจากการเดินทางแล้ว ดังนั้นพวกเราพักกันก่อนก็ดี”
ในขณะที่พูด เขาก็หยิบโค้กสามกระป๋องออกมาจากพื้นที่จัดเก็บและยื่นให้อี้ซิวจู่
“โค้กสักหน่อยไหม?”
เห็นลู่หยางเฉิงยื่นโค้กให้ตัวเอง อี้ซิวจู่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งและพยักหน้าโดยไม่ได้ปฏิเสธ
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ลู่หยางเฉิงก็ยืนยันความสงสัยของเขาทันทีและไม่ได้ยืนกรานที่จะคุยกับเขา เขายื่นกระป๋องให้หลี่จิ้ง แล้วพูดติดตลก
“หลี่เทียนหวัง นายก็ดื่มด้วย”
"ขอบคุณ"
หลี่จิ้งยิ้ม หยิบโค้กจากลู่หยางเฉิงแล้วนั่งลง
การเดินทางครั้งนี้ แทบจะส่งผลกระทบต่อเขาเลย
เพราะหลีกนภาของเขาได้นั้นถึงขั้นสมบูรณ์แล้ว
ข้อดีคือใช้พลังงานต่ำ
การเคลื่อนที่บนอากาศก็เร็วขึ้นมากเช่นกัน
เขาไม่แน่ใจขีดจำกัดความเร็วอยู่ที่เท่าไหร่
ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากทดลอง
การควบคุมอากาศและลมของอี้ซิวจู่และลู่หยางเฉิงนั้นอยู่ขั้นแรกเริ่มเท่านั้น เขาไม่สามารถละทิ้งสมาชิกในกลุ่มแล้วไปเองได้
หลังจากการเดินทางครั้งนี้ หลี่จิ้งยังค้นพบว่าทั้งอี้ซิวจู่และลู่หยางเฉิงนั้นไม่ธรรมดาเลย
การควบคุมอากาศและลมสามารถเรียนรู้เมื่อถึงขอบเขตที่ 2
อย่างไรก็ตาม ด้วยปราณวิญญาณของขอบเขตที่ 2 ไม่สามารถบินเป็นเวลานานได้
หลังจากเดินทางด้วยกันครึ่งชั่วโมง ทั้งสองก็ไม่มีอาการเหนื่อยอะไรเลย ขอบเขตที่สองทั่วไปไม่สามารถทำแบบนี้ได้
ขณะที่เขากำลังคิดหัวข้อจะคุย ลู่หยางเฉิงพูดขึ้นอย่างลึกลับ
“เหตุการณ์ล่าสุดที่มีการปราบปีศาจอย่างต่อเนื่องเมื่อวานนี้ยังไม่มีความคืบหน้า ทางสำนักตรวจสอบยังอยู่ระหว่างการสืบสวนและยังไม่มีการประกาศอะไรอย่างเป็นทางการ แต่ฉันมีข่าวบางอย่าง พวกนายอาจจะสนใจ”
ขณะที่เขาพูดเขาก็ลดเสียงลง
“พ่อของฉันทำธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องมือตรวจจับทุกชนิด ฉันได้ยินเขาพูดถึงเรื่องนี้ในช่วงอาหารค่ำ ในช่วงบ่ายสำนักงานตรวจสอบได้จัดสั่งเครื่องมือล้ำสมัยชุดหนึ่งสำหรับตรวจหามลพิษปีศาจอย่างเร่งด่วนเป็นจำนวนมากและราคาก็ให้มาสูงพอสมควร และต้องจัดส่งสินค้าให้เสร็จในวันพรุ่งนี้ก็พอ”