บทที่ 19: ดินแดนลับ
บทที่ 19: ดินแดนลับ
“ใครจะไม่รู้เกี่ยวกับข่าวสำคัญเช่นนี้บ้าง?” ซูฟ่านพูดพร้อมกับหัวเราะ จากนั้นจึงพาทั้งสองไปที่ศาลารับแขก
ในขณะนี้ หวังยู่หลุนหยิบกล่องอาหารขนาดใหญ่ออกมาจากแหวนมิติของของเขา เขาหยิบอาหารจานร้อนออกมาสี่จาน อาหารเย็นสี่จาน และซุปสองรายการ รวมเป็นสิบจาน จากนั้นจึงหยิบไหเหล้าวิญญาณออกมา
“นี่คืออาหารที่ปรุงโดยหัวหน้าพ่อครัวของหอคอยเซียนเมามาย และเหล้านี้คือเหล้าที่ดีที่สุดของพวกเขา 'เหล้าเมาเมฆา'”
“เจ้าเอามามายขนาดนี้เลยหรอ?” ซูฟ่านกล่าวและมองดูทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม
“เจ้าก้าวหน้าไปไกลแล้ว ก่อนหน้านี้เจ้ารู้เพียงการนำเนื้อสัตว์อสูรมาให้ข้าปรุงอาหาร แต่ตอนนี้ เจ้ามีความสามารถมากขึ้นแล้ว ใครสอนเจ้ากันนะ?” ซูฟ่านกล่าวและหรี่ตามองหวังยู่หลุน อาหารมื้อนี้ไม่ใช่ความคิดของเขาอย่างแน่นอน
หวังยู่หลุนเกาหัวและหัวเราะออกมาอย่างเขินอาย เขาวางแผนที่จะนำเนื้อสัตว์อสูรมาและให้ซูฟ่านทำอาหารเองจริง แต่มู่หรงเฉียนเอ๋อก็ได้หยุดเขาไว้ก่อน
ด้วยเหตุนี้เอง พวกเขาจึงซื้ออาหารมาเต็มโต๊ะและเหล้าวิญญาณมาจากร้านอาหารที่ดีที่สุดในนิกายชั้นนอก
ซูฟ่านคีบชิ้นเนื้อเข้าไปในปากของเขาและเริ่มลิ้มรสมันอย่างช้าๆ
“แล้ววันนี้พวกเจ้ามีธุระอะไรถึงมาหาข้ากัน?”
ซูฟ่านรู้ดีว่าไม่มีอาหารกลางวันฟรีในโลก
“เรื่องนั้นคือ…” หวังยู่หลุนเริ่มรู้สึกเขินอายเล็กน้อย
“เราออกไปทำภารกิจมาได้สักพักแล้ว และเราก็ได้พบกับอสูรกลืนวิญญาณขอบเขตฝึกปราณขั้นเก้า”
“แม้ว่าข้าและเฉียนเอ๋อจะหลบหนีมาได้อย่างรวดเร็ว แต่นางก็ยังคงได้รับผลกระทบจากปราณสัตว์อสูร และนางก็พยายามดิ้นรนเพื่อที่จะต่อต้านมัน”
“นางมักจะรู้สึกถึงตัวตนของสัตว์อสูรอยู่ตลอดเวลา และมันก็กระตุ้นให้นางค้นหาอสูรกลืนวิญญาณ”
“เรามาที่นี่เพื่อดูว่าท่านพอจะมีวิธีแก้ปัญหานี้หรือไม่” หวังยู่หลุนพูดด้วยน้ำเสียงประจบประแจง
ซูฟ่านมองหวังยู่หลุนด้วยสายตาตำหนิ จากนั้นจึงทำผนึกมือ
หลังจากแสดงผนึกมือที่ซับซ้อนหลายครั้ง แสงที่สว่างและบริสุทธิ์ก็ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของซูฟ่านก่อนจะตกลงมาเหนือศีรษะของมู่หรงเฉียนเอ๋อ
'แสงพิสุทธิ์'
มู่หรงเฉียนเอ๋อรู้สึกโล่งสบายไปทั่วร่าง ควันสีดำเริ่มไหลออกมาจากร่างกายของเธอ
ทันใดนั้น ซูฟ่านก็ระเบิดควันดำด้วยบอลเพลิงอย่างไม่ใส่ใจและทำลายมันลงโดยทันที
“น่าละอายจริงๆ เจ้าซึ่งเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตฝึกปราณขั้นห้ากลับถูกอสูรกลืนวิญญาณเล่นงานเข้าได้ และแม้กระทั่งปล่อยให้ภรรยาของเจ้าได้รับบาดเจ็บ!” ซูฟ่านกล่าวอย่างไม่พอใจ
“แต่นั่นคือสัตว์อสูรขอบเขตฝึกปราณขั้นเก้าเลยนะ!” หวังยู่หลุนตะโกน
“หุบปากไปเลยเจ้าคนไร้ความสามารถ!” ซูฟ่านตอบกลับทันที
ในขณะนี้เองที่มู่หรงเฉียนเอ๋อกลับมาสู่ความเป็นจริง
“พี่ซู ท่านเชี่ยวชาญวิชาแสงพิสุทธ์แล้วหรอ?”
เธอรู้ดีว่ามีเพียงการทำความเข้าใจวิชาแสงพิสุทธิ์จนถึงระดับสูงสุดเท่านั้นถึงจะสามารถขจัดความผิดปกติในจิตวิญญาณของเธอได้
“โอ้ ข้าก็แค่ฝึกมันผ่านๆ และยังไปไม่ถึงระดับสูงลย” ซูฟ่านกล่าวอย่างไม่เป็นทางการ โดยปกติแล้ว เขาก็ใช้เวลาสิบห้าวันในการฝึกฝนแต่ละวิชา
“พี่ซูน่าทึ่งมาก!” ตอนนี้มู่หรงเฉียนเอ๋อเชื่อมั่นในคำพูดของหวังยู่หลุนอย่างแท้จริง
“รีบกินข้าวซะเถอะ ไม่งั้นมันจะเย็นเอาได้”
หลังจากรับประทานอาหารอย่างอิ่มเอมใจ มู่หรงเฉียนเอ๋อก็เก็บจานและตะเกียบกลับเข้าไปในกล่องหิน จากนั้นก็เริ่มพูดคุยกับทั้งสองคน
“พี่ซู ท่านจะไปที่ดินแดนลับของนิกายในครั้งนี้ไหม?”
“ด้วยพลังการต่อสู้ของพี่ซู ท่านก็จะเก็บเกี่ยวกำไรได้มากมายอย่างแน่นอน” หวังยู่หลุนกล่าว
“ไม่ มันอันตรายเกินไป การใช้ชีวิตอย่างสงบสุขแบบนี้มันไม่ดีกว่าหรอ?” ซูฟ่านส่ายหัว เขาหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีโอกาสต่อสู้สูงกว่า
“พี่ซู ท่านจะไม่ไปจริงๆ หรอ? ข้าได้ยินมาว่าที่นั่นมีมรดกของผู้ฝึกตนอันทรงพลังซ่อนอยู่ด้วย”
“และก่อนหน้านี้ บันทึกที่เขียนไว้ด้วยลายมือของปรมาจารย์นักสร้างสิ่งประดิษฐ์ได้ถูกพบในดินแดนลับ ซึ่งบันทึกเกี่ยวกับอักษรรูนที่สูญหายไปเป็นจำนวนมากด้วย”
เมื่อได้ยินข่าวนี้ ซูฟ่านก็เริ่มสนใจเนื่องจากการที่จะเป็นปรมาจารย์นักสร้างสิ่งประดิษฐ์ที่ยอดเยี่ยมได้นั่น การมีความเชี่ยวชาญด้านอักษรรูนต่างๆ ก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
ปรมาจารย์นักสร้างสิ่งประดิษฐ์ควรจะเชี่ยวชาญอักษรรูนอย่างน้อยหนึ่งพันตัว แต่ตอนนี้ ซูฟ่านก็เพิ่งจะเชี่ยวชาญมากกว่า 80 ตัวเท่านั้น
“พี่ซู ข้ารู้จักบุคลิคของท่านดี ดินแดนลับคือสิ่งที่เราได้เตรียมการเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว”
“ในดินแดนลับ มีเพียงสัตว์อสูรขอบเขตฝึกปราณเท่านั้น และพวกมันส่วนใหญ่ก็เป็นสัตว์อสูรขอบเขตฝึกปราณขั้นสูงเท่านั้น”
“ดังนั้นเมื่อพิจารณาถึงความแข็งแกร่งของพี่ซูแล้ว เราจึงสามารถรับประกันความปลอดภัยได้” หวังยู่หลุนยังคงชักชวนต่อไปโดยรู้ว่าซูฟ่านกำลังมีความหลงใหลในเส้นทางนักสร้างสิ่งประดิษฐ์
“อันที่จริง มันมีมรดกของปรมาจารย์นักสร้างสิ่งประดิษฐ์อยู่ข้างในนั้นด้วยนะ พี่ซู ท่านไม่รู้สึกสนใจมันบ้างเลยหรอ?” มู่หรงเฉียนเอ๋อเองก็พูดจากด้านข้างเช่นกัน
“พวกเจ้าทั้งสองรู้วิธีประสานงานกันดีจริงๆ ครั้งนี้พวกเจ้ากำลังเล็งไปที่บางสิ่งบางอย่างอยู่ใช่ไหม?” ซูฟ่านพูดโดยมองไปที่คู่รักที่อยู่ตรงหน้าเขา
“ฮ่าฮ่า ข้าก็แค่อยากติดตามพี่ซูเพื่อรับเอาประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ ก็เท่านั้นเอง”
หลังจากได้รับสหายเต๋ามาแล้ว หวังยู่หลุนถึงได้ค้นพบว่าเขายังยากจนอยู่ เขายังไม่มีหินวิญญาณพอจะเลี้ยงสาวด้วยซ้ำ ดังนั้นหากข่าวนี้หลุดออกไป เขาก็จะได้กลายเป็นตัวตลกแน่
ซูฟ่านเหลือบมองมู่หรงเฉียนเอ๋อโดยไม่ทิ้งร่องรอย เขาแสดงว่าเขาเข้าใจดี
“เจ้าแน่ใจแน่นะว่าข้างในนั้นมีเพียงสัตว์อสูรขอบเขตฝึกปราณเท่านั้น?” ซูฟ่านครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูด
“ใช่แล้ว มีเพียงสัตว์อสูรขอบเขตฝึกปราณเท่านั้น” หวังยู่หลุนยืนยัน
“แล้วเราจะไปกันเมื่อไหร่?”
“ในอีกสิบวัน มารวมตัวกันที่ยอดเขาเทียนหมี่ ค่าเข้าดินแดนลับคือ 1,000 หินวิญญาณต่อคน” หวังยู่หลุนกล่าว
“เข้าใจแล้ว”
หลังจากส่งทั้งสองออกไปแล้ว ซูฟ่านก็เริ่มวิเคราะห์วิชาที่เขาได้เรียนรู้มา เขาให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับสถานที่ที่อาจเกิดการต่อสู้ได้
ซูฟ่านโบกมือและลูกเหล็กทรงกลมขนาดเท่าลูกบิลเลียดจำนวนหนึ่งร้อยลูกก็ปรากฏขึ้นในอากาศ ฟ้าร้องส่องแสงในมือของเขาในขณะที่เขาเริ่มตรวจสอบแต่ละอันและแกะสลักอักษรรูนลึกลับไว้บนพื้นผิวของพวกมัน
“ข้ายังไม่แน่ใจว่าจะสามารถใช้งานมันได้หรือไม่ ข้ายังไม่ได้ทดสอบวิชานี้เลย ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพลังของมันจะใหญ่โตอย่างที่จินตนาการไว้หรือไม่” ซูฟ่านลูบไล้ลูกเหล็กทรงกลมในมือของเขาแล้วพูด
“ไม่ได้การ แค่นี้อาจจะยังไม่ปลอดภัยพอ ข้ายังต้องปรับแต่งมันเพิ่มเติมอีก”
ซูฟ่านมาที่ห้องหลอมสิ่งประดิษฐ์ที่เขาสร้างขึ้นเอง จุดเพลิงวิญญาณด้วยหินวิญญาณ หยิบกองแร่เหล็กชั้นดีออกมา และเริ่มควบแน่นลูกเหล็กทรงกลม
...
วันรุ่งขึ้น ซูฟ่านมาถึงสถานที่รวมพลของกลุ่มพันธมิตรในศาลาสามชั้น
ทันทีที่ซูฟ่านมาถึง เขาก็ได้รับการต้อนรับจากศิษย์ทุกคนในกลุ่มพันธมิตร
“คารวะพี่ซู”
“พี่ซู ดื่มชาหน่อยไหม?”
“พี่ซู ท่านกินข้าวเช้ารึยัง? ข้าจะไปซื้อมากินอยู่พอดีเลย ท่านจะเอาด้วยไหม?”
ในขณะนี้ ผางฟู่ก็เดินออกมา
“เหตุใดศิษย์น้องซูจึงสนใจมาหากลุ่มพันธมิตรของเราในวันนี้กัน?” ผางฟู่พูดด้วยรอยยิ้ม นับตั้งแต่ที่ซูฟ่านได้แจกจ่ายยาวิญญาณที่เป็นที่ต้องการหลายชุดให้กับผู้คนในกลุ่มพันธมิตร ซูฟ่านก็ได้เข้าสู่บัญชีรายชื่อ VIP ของกลุ่มพันธมิตร และนั่นจึงทำให้เขาได้รับการดูแลเป็นอย่างดี
“ข้าแค่แวะมาดูเฉยๆ ภารกิจยาวิญญาณเมื่อวานยังอยู่หรือเปล่า?” ซูฟ่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“พวกมันยังอยู่ทั้งหมด ว่าแต่ศิษย์น้องซูกำลังหมายตาภารกิจไหนเอาไว้ล่ะ?”
“ทั้งคู่” ซูฟ่านกล่าวอย่างสบายๆ
“ศิษย์น้องซูสามารถหลอมยาหลอมกายาระดับสูงได้แล้วหรอ?” ผางฟู่กล่าวด้วยความประหลาดใจ นักปรุงยาที่สามารถหลอมยาวิญญาณระดับสูงได้นั้นล้วนเป็นบุคคลที่สวรรค์ประทานพร
นักปรุงยาปกติสามารถเชี่ยวชาญการหลอมยาวิญญาณระดับกลางได้หลังจากพยายามมานับพันครั้ง แต่การหลอมยาวิญญาณระดับสูงนั้นต้องใช้พรสวรรค์
“ข้าโชคดีบังเอิญหลอมพวกมันขึ้นมาได้สองสามขวด”
เมื่อมองดูผางฟู่ที่กำลังประจบประแจง ซูฟ่านก็รู้สึกสบายใจเล็กน้อย แม้ว่าปกติแล้วเขาจะทำตัวไม่โดดเด่น แต่บางครั้งการอวดตัวก็ค่อนข้างสนุกอยู่ไม่น้อย...