ตอนที่แล้วตอนที่ 58 ตรามหาวิญญาจารย์ การแลกเปลี่ยนหินวิญญาณ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 60 เย่เฉินสามารถปราบปรามบเสี่ยวหงหยู่ได้งั้นเหรอ?

ตอนที่ 59 เจ้าช่างโง่เขลามากขนาดนี้ได้ยังไงกัน?


เย่เฉินเข้าใจทันทีว่าฉียู่นั้นต้องการที่จะทําอะไร เขาอาจต้องการหาเวลาที่จะพูดคุยกับตัวเขาเอง

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ จู่ๆ เย่เฉินก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา

เขาไม่ชอบปฏิสัมพันธ์ทางสังคมอย่างเป็นทางการแบบนี้มากที่สุด และเขาอาจจะสับสนถ้าเขามีความพยายามแบบนั้น

เย่เฉินกล่าวว่า "ข้าขอโทษด้วยประธานฉี ข้าจะต้องไปแลกเปลี่ยนหินวิญญาณหลังจากนี้น่ะ"

"อ่า เรื่องนี้ง่ายมาก ให้ข้าได้ช่วยเถอะนะ!"

ฉียู่รีบพูดอย่างกระตือรือร้น

"งั้นก็ได้ ถ้าอย่างนั้นต้องรบกวนประธานฉีแล้วล่ะ"

เย่เฉินไม่ได้ปฏิเสธ

ฉียู่และเย่เฉินเดินเคียงข้างกันไป: "เย่เฉินเจ้าต้องการที่จะจะแลกเปลี่ยนหินวิญญาณกี่ก้อนกันล่ะ"

"อืมสักเจ็ดสิบล้านเหรียญน่ะ"

ในตอนนี้เย่เฉินนั้นมีเงิน 78 ล้านอยู่ที่ตัวเขาเอง

เย่เฉินตั้งใจที่จะเอาเงิน 70 ล้านออกมาใช้เพื่อแลกเปลี่ยนกับหินวิญญาณเกรดต่ำทั้งหมด สําหรับหินวิญญาณระดับกลางนั้นไม่มีทางที่จะแลกเปลี่ยนได้

และที่เหลืออีก 8 ล้านเย่เฉินจะเก็บไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน

"เจ็ดสิบ เจ็ดสิบล้าน..."

ใครจะรู้ว่าฉียู่ตกตะลึงหลังจากได้ยินจำนวนที่เย่เฉินพูดออกมา

เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าเย่เฉินจะรวยมากขนาดนี้!

"โชคดีที่สมาคมวิญญาจารย์เพิ่งเพิ่มเตรียมของสํารองเอาไว้เมื่อสองวันก่อน ไม่เช่นนั้นคงจะไม่เพียงพอ"

ฉียู่ชื่นชมยินดีภายในใจของเขา

จากนั้นเขาก็พูดว่า: "เจ็ดสิบล้านนั้นเป็นจํานวนที่เยอะมาก และมันสะดุดตาอย่างมาก หรือ... ข้าจะหาคนไปส่งของให้เจ้าเมื่อเตรียมของพร้อมแล้วดีไหมล่ะ?"

เย่เฉินคิดอยู่พักหนึ่งและพูดว่า "ถ้าอย่างนั้นข้าต้องรบกวนประธานฉีด้วยแล้วล่ะ"

หากถูกนําออกไปตอนนี้ คาดว่าจะมีกล่องมากกว่าหนึ่งโหล และรถคงไม่สามารถใส่ไปได้ทั้งหมดเลย

มันจะช่วยประหยัดปัญหาได้มากสําหรับฉียู่ที่จะทําเช่นนั้น

"ประธานฉี ถ้าเช่นนั้นข้าจะต้องขอตัวกลับไปก่อนนะ" เย่เฉินกล่าว

"โอเค แล้วเจอกัน"

...

ห้องโถงสมาคมวิญญาณ

"หลิวหยู เจ้าเลิกงานหรือยัง"

หญิงสาวคนหนึ่งเข้ามาถาม

ผู้หญิงที่แผนกต้อนรับจากก่อนหน้านี้เธอกำลังทำท่าบิดขี้เกียจอยู่: "ใช่แล้วล่ะ ข้าเหนื่อยแล้ว"

งานประจําวันของเธอคือการทักทายและแนะนำเส้นทางแก่ลูกค้าทุกคน

แม้ว่างานจะไม่ใช่งานที่ซับซ้อนมากนัก แต่ในฐานะคนทั่วไปแล้ว เธอก็พอใจกับมันเป็นอย่างมาก

ท้ายที่สุดแล้ว รายได้ของงานนี้สูงกว่าบริษัทภายนอกหลายแห่งเลยทีเดียว ซึ่งเพียงพอที่จะทําให้เธอนั้นพึงพอใจกับมันได้

และถ้าหากว่าเธอนั้นโชคดีพอที่จะได้รับความโปรดปรานจากเหล่าวิญญาจารย์แล้ว เธอก็จะสามารถกําจัดสถานะของชนชั้นล่างสุดไปได้อย่างสมบูรณ์

"ทําไมเจ้าถึงได้เหนื่อเช่นนี้กันล่ะ เมื่อคืนเจ้านัดกับแฟนหนุ่มมหาวิญญาจารย์คนนั้นของเจ้าหรือเปล่า"

ผู้หญิงคนนั้นพูดแซวติดตลก

หลิวหยูแบะริมฝีปากของเธอแล้วตอบ: "ข้าอยากทําเช่นนั้นเหมือนกันแหละ แต่ไม่มีใครที่มาชอบข้าน่ะสิ"

"ข้าจะไม่บอกเจ้าอีกแล้ว ข้าต้องไปซื้ออาหารโดยเร็วแล้วล่ะ และเมนูพิเศษมันจะหายไปถ้าไปสายน่ะ"

หลิวหยูโบกมือให้ผู้หญิงอีกคน และเมื่อเธอกําลังจะจากไป เธอก็เหลือบไปเห็นฉียู่ที่ทางเดินจากมุมสายตาของเธอ

"ประธานฉี?!"

หลิวหยูกลับมามีกําลังใจในการทำงานและล้มเลิกแผนที่จะเลิกงานในทันที

นี่คือผู้นําระดับสูงของสมาคมวิญญาจารย์ ซึ่งเป็นสมาชิกของกลุ่มสมาพันธ์ใหญ่ของหยางเฉิงนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เจอกับเขา หลังจากที่ได้ทํางานมาแล้วครึ่งปี เธอจะพลาดโอกาสที่ดีในการโชว์ตัวในครั้งนี้ไปได้อย่างไรกัน?

"หลิวหยู เจ้าไม่ได้เลิกงานแล้วงั้นเหรอ"

ผู้หญิงคนนั้นกําลังวางแผนที่จะรับช่วงต่อ และถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนี้

หลิวหยูไม่ได้สนใจเธอ แต่เธอยังคงมองไปที่ฉียู่โดยเจตนาต่อไป

แต่วินาทีต่อมา หลิวหยูก็ต้องตัวสั่น

เพราะเธอพบว่าชายหนุ่มที่ได้บอกว่าเขานั้นต้องการที่จะมารับตรามหาวิญญาจารย์นั้นอยู่ด้วยกันกับประธานฉีงั้นเหรอ? !

ไม่เพียงแค่นั้นหลิวหยูยังสังเกตุเห็นว่า ประธานฉีที่แสนจะโดดเด่นนั้นสุภาพกับชายหนุ่มคนนั้นมากแค่ไหนอีกด้วย!

เห็นได้จากทั้งคําพูดและการกระทำเลยทีเดียว!

"เขา เขามารับตราของมหาวิญญาจารย์จริงๆ งั้นเหรอ"

หลิวหยูรู้สึกได้ประหนึ่งสายฟ้าฟาดลงมาที่ตัวของเธอ ซึ่งทําให้ตัวของเธอนั้นชาจากบนลงล่างในทันที

หากเป็นแบบนี้จริง การได้เป็นมหาวิญญาจารย์ในวัยเพียงเท่านี้เป็นเรื่องที่น่าทึ่งอย่างมาก!

เขาช่างเป็นคนที่มีเบื้องหลังน่ากลัวมาก!

มิฉะนั้นฉียู่คงจะไม่กระตือรือร้นมากถึงเพียงนี้นัก

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้หลิวหยูก็รู้สึกเสียใจและอยากที่จะร้องไห้เป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม มันไม่มีประโยชน์ที่จะเสียใจได้อีกแล้ว และเมื่อหลิวหยูรู้สึกหดหู่อยู่นั้น ฉียู่และเย่เฉินก็ได้เดินผ่านเธอไปแล้ว

แต่หลิวหยูนั้นพบว่ามันช่างน่าเศร้านัก ที่ทั้งคู่ต่างไม่ได้มองมาที่เธอเลยตั้งแต่ต้นจนจบ

นี่อาจเป็นเพราะสถานะของเธอหรือเปล่า หรือบางทีการมีอยู่ของเธอนั้นเป็นเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น

ช่องว่างขนาดใหญ่นี้ทําให้หลิวหยูต้องเสียสติไปเลย

"เย่เฉิน ถ้าอย่างนั้นแล้วค่อยเจอกันใหม่นะ ข้าจะส่งของไปให้ไวที่สุดเอง อย่าลังเลที่จะติดต่อข้าถ้าเจ้าต้องการอะไรล่ะ"

หลังจากส่งไปที่ประตูแล้ว ฉียู่ก็พูดออกมา

"โอได้เลย ประธานฉี ข้าคงจะต้องรบกวนท่านสําหรับเรื่องที่เหลือจากนี้แล้วล่ะ"

เย่เฉินโบกมือให้กับฉียู่เพื่อจากลา

หลังจากที่ฉียู่ขึ้นไปชั้นบน ในที่สุดผู้หญิงเพื่อนของหลิวหยูก็กลับมามีสติและพูดอย่างตื่นเต้น: "หลิวหยู หลิวหยู เจ้าเห็นประธานฉีแล้วใช่ไหมล่ะ เป็นไงบ้าง"

หลิวหยูพยักหน้าด้วยความผิดหวัง

ผู้หญิงคนนั้นไม่เห็นความผิดปกติของหลิวหยูแต่มองออกไปข้างนอก ใบหน้าของเธอแดงด้วยความตื่นเต้น: "เจ้าเห็นชายหนุ่มคนนั้นที่อยู่ถัดจากประธานฉีไหมล่ะ เขาหล่อมากเลยล่ะ"

"และเจ้าได้สังเกตไหมว่าประธานฉีดูเหมือนจะสุภาพกับเขามากด้วยล่ะ เขาควรจะเป็นลูกหลานคนสำคัญของตระกูลใหญ่นะ บางทีเขาอาจมาจากมณฑลก็เป็นได้"

เมื่อได้ยินคําพูดของผู้หญิงคนนั้น หลิวหยูก็อยากที่จะตาย และพูดเบาๆว่า "เขามาที่นี่เพื่อมารับตรามหาวิญญาจารย์ของเขาน่ะ"

"อะไรนะ? เขา เขา เขาเป็นมหาวิญญาจารย์แล้วงั้นเหรอ?"

ผู้หญิงคนนั้นพูดออกมาด้วยความตกใจ และใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความไม่เชื่อและความตกใจ

หลิวหยูพยักหน้าอย่างหดหู่: "เขาเพิ่งมาถึงก่อนที่เจ้าจะมาน่ะ เขาบอกกับข้าว่ามารับตราของมหาวิญญาจารย์ และถามข้าว่าจะไปรับได้ที่ไหนน่ะ"

"โอ้ พระเจ้า!"

ผู้หญิงคนนั้นมองไปที่หลิวหยูอย่างอิจฉา: "แล้วเจ้าได้สนทนากับเขาประทับใจเจ้าหรือไม่? เขาชื่ออะไรงั้นเหรอ? เจ้าโชคดีมากเลยอ่ะ ข้าอยากที่จะอยู่ในกะกลางวันแบบเจ้าบ้างจัง"

หลิวหยูกําลังจะร้องไห้: "ข้า... ข้าคิดว่าเขาโกหกข้า ข้าบอกให้เขาไปที่ชั้นสองแล้วไม่ได้สนใจเขาน่ะ"

"อะไรนะ!"

ผู้หญิงคนนั้นตะลึง: "เจ้า...เจ้าไม่รู้เหรอ? เจ้าทำพลาดขนาดนี้เลยงั้นเหรอ"

"หยุดพูเถอะ ฮือๆๆ..."

ตอนนี้ตัวเธอเต็มไปด้วยความเสียใจ และพิงไหล่ของเพื่อนสาวด้วยสีหน้าเศร้าใจ

ผู้หญิงคนนั้นไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆ ผู้หญิงคนนี้ช่างโง่เขลามาก!

หากให้โอกาสที่ดีในการได้สนทนากับเขาแล้ว เธอจะทำทุกวิถีทางจนชายหนุ่มคนนี้จะจดจําเธอให้ได้เลย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด