ตอนที่ 52 ถนนการค้า จิ๋นหฺวา
“อ๊าาากกก~”
เสียงตะโกนร้องดังขึ้นต่อเนื่อง..
เหล่าผู้หญิงหลายคนที่เคยภาคภูมิใจ และหยิ่งผยองก่อนหน้านี้ ตอนนี้ต่างพากันปิดหู และเป็นอัมพาตอยู่บนพื้นด้วยความกลัวไปนานแล้ว
มองไปทาง หานเชา อีกครั้ง
แม้ว่าเขาจะมีรูปร่างแข็งแรงกำยำ แต่เขาเองก็ยังไม่อาจทนต่อลูกเตะของ ซูเหวิน ได้
และสภาพของเขาตอนนี้หากเข้าโรงพยาบาล นอนอยู่บนเตียงสัก 7-8 วัน เกรงว่าอาจจะยังไม่หายดีด้วยซ้ำ
“เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย ก่อนหน้านี้ ใครเป็นคนแรกที่จะเอามือสัมผัสลูบหน้าคุณ และขอเบอร์โทรศัพท์คุณ?”
ทันใดนั้น ซูเหวิน หันไปมอง เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย แล้วกล่าวถาม
“เอ่อ.. เฉินหมิง จูเหยี่ยน ทั้งคู่ต่อยคนคนนั้นจนล้มหมดสภาพนอนอยู่นั่นนะ”
เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย ชี้นิ้วไปที่ชายคนหนึ่งที่ถูกทั้งคู่ทุบตีจนนอนฟุบกับพื้น
“โอ้..เป็นนายนั้นเองที่คือต้นเหตุของความวุ่นวายนี้!”
เฉินหมิง และจูเหยี่ยน ประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นพวกเขาก็โกรธจนไฟลุกพรึ่บขึ้นมาอีกครั้ง
พวกเขาหันหน้าไปมองทางผู้ชายคนนั่นที่นอนหมอบอยู่กับพื้น แล้วเตะไปอีกคนละที อีกฝ่ายก็ตะโกนกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดโดยตรงทันที
หลังจากทั้งสองสอนบทเรียนให้กับชายคนนี้เสร็จแล้ว ซูเหวิน ก็เดินมาข้างๆ เขา นั่งลงยองๆ แล้วก้มตัวลงไปพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มที่ฟังดูจะแสนอ่อนโยนไปที่ข้างหูอีกฝ่ายว่า : “บอกตามตรงว่ามันไม่คุ้มที่จะสนับสนุนให้รังแกคนอ่อนแอด้วยกำลัง แต่กลับเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะใช้มันจัดการกับขยะสังคมอย่าง..พวกแก”
ขณะพูดไป เขาก็ลุกขึ้นยืนพลางเหยียบมือของอีกฝ่าย
มีเสียง คริก๊อบๆ ดังขึ้นมาอยู่สองสามครั้ง และจากนั้นก็ได้ยินเสียงแตกหักของกระดูกข้อนิ้วมืออย่างชัดเจน
เมื่อได้ยินเสียงนี้ดังขึ้นในหูทุกคนก็พากันมีความรู้สึกหนาวสั่นขึ้นอย่างอธิบายไม่ได้
“อ๊าากก~”
เสียงกรีดร้องที่เพิ่งหยุดชะงักก็ระเบิดออกมาจากปากของชายคนนี้อีกครั้ง
ซูเหวิน เชื่อว่าหลังจาก ‘การเปลี่ยนแปลง’ ครั้งนี้ นิสัยที่ชื่นชอบการสัมผัสใบหน้าคนอื่นของผู้ชายคนนี้จะต้องเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน
หลังจากสอนบทเรียนคนเหล่านี้เสร็จแล้ว ซูเหวิน ก็พา เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย และเพื่อนๆ ของเขาออกจากที่เกิดเหตุไปด้วยกัน ทิ้งเหลือเพียงแต่ความยุ่งเหยิงไว้ด้านหลังเท่านั้น
เกี่ยวกับการจัดการหลังเหตุการณ์นี้ ..ก็ปล่อยที่เหลือให้กับเจ้าหน้าที่ของทาง KTV เข้ามาเก็บกวาด ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกเป็นกังวลอะไร
“เอายังไงต่อ.. ทุกคนยังอยากกลับไปร้องเพลงอีกไหม?”
ซูเหวิน มองดูแล้วเห็นว่าเวลาผ่านไปเพียงสิบนาที นับตั้งแต่ที่พวกเขาออกจากห้องจนถึงตอนนี้ มันยังมีเวลาเหลืออยู่..
หากทุกคนยังอยากร้องเพลง เขาก็ย่อมไม่คัดค้าน
“ช่างเถอะ ฉันว่าเรากลับกันดีกว่า อารมณ์ดีๆ ก่อนหน้านี้ถูกคนพวกนั้นทําลายไปหมดแล้ว”
“อา..ใช่! ฉากการต่อสู้เมื่อกี้มันน่าตื่นเต้นเกินไป ทําเอาหัวใจฉันตอนนี้มันยังเต้นแรงอยู่เลย แต่เอาตรงๆ ฉันเองก็ไม่สนใจร้องเพลงแล้ว”
เฉินหมิง, จี้หยวี่, วัง ซิ่วซิ่ว และคนอื่นๆ พากันกล่าว
เมื่อ ซูเหวิน เข้าใจแล้ว เขาก็มองไปที่ เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย อีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเธอก็เห็นด้วย เขาจึงพยักหน้า เช็คบิล และจากไป
หลังจากนั้น ซูเหวิน ก็พาทุกคนกลับไปที่มหาลัย
หลังจากกลับมาที่มหาลัยแล้ว ซูเหวิน ไม่ได้กลับไปที่หอพักโดยตรง แต่เขาไปส่ง เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย และเพื่อนสนิทของเธอกลับไปที่หอพักแทน
เมื่อ วัง ซิ่วซิ่ว และจี้หยวี่ ขึ้นไปชั้นบนแล้ว เขาถึงมองไปที่ เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย แล้วถามไปว่า : “วันนี้.. คุณโอเคใช่ไหม? แล้วคุณกลัวหรือเปล่า?”
ซูเหวิน สอบถามด้วยความเป็นห่วง
ท้ายที่สุดแล้วเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นเพราะเขา ถ้าเขาไม่ได้เป็นผู้นําในการพาออกมาข้างนอกในคืนนี้ เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย ก็คงจะไม่ถูกคนกลุ่มนั้นรังแกแบบนี้
“ไม่เป็นไร ตอนแรกมันน่ากลัวจริงๆ แต่พอเวลาผ่านไปก็ไม่มีอะไรแล้ว..”
“และวันนี้ฉันต้องขอบคุณคุณมาก ถ้าไม่ใช่ คุณ.. ฉันอาจจะถูกคนพวกนั้นพาไปจริงๆ”
เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย มองไปที่ ซูเหวิน และพูดกล่าวขอบคุณอย่างซาบซึ้งมาก
ก่อนหน้านี้ที่เธอถูกล้อมที่ KTV หากบอกไปว่าไม่กลัวนั่นคงเป็นเรื่องที่โกหกแล้ว เพียงแต่เธอกดข่มอารมณ์ตัวเองไว้ โดยแสร้งทำใจเย็นมาตลอด
แต่พอทันทีที่ เพื่อนร่วมชั้น ซู มาถึง มันก็เหมือนกับเห็นเทพสวรรค์ลงมาเยือนโลก และในวินาทีนั้นเธอก็รู้สึกปลอดภัยทันที
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย จึงเรียนรู้ว่า การอยู่ใกล้ๆ เพื่อนร่วมชั้น ซู จะทำให้เธอมีความรู้สึกปลอดภัยมาก จนถึงขนาดเธอเริ่มรู้สึกคลั่งไคล้เขาแทบตาย..
ในเวลานี้ ซูเหวิน กลับไม่รู้เลยว่า เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย เกือบจะกลายเป็นแฟนคลับตัวยงของเขาแล้ว
เมื่อเขาเห็นว่า เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย ไม่เป็นไรแล้วจริงๆ พวกเขาจึงพูดคุยกันอีกสองสามคําแล้วจึงแยกย้าย ส่วนตัวเขาก็กลับไปที่หอพัก
“ติ๊ง!”
“ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์สำหรับการทำภารกิจร้องเพลงสำเร็จ…”
ในขณะนี้ ระบบได้ส่งเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นในใจ(หัว)ของ ซูเหวิน
ซูเหวิน ดีใจมาก ในทันทีที่เขารู้ว่าเขาได้รับหุ้นของบริษัทที่ติดรายชื่อ 500 อันดับ ..อีกครั้ง
วันถัดมา…
เมื่อ ซูเหวิน ตื่นขึ้นมาอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว สิ่งแรกที่ทํา ไม่ใช่การไปเรียน แต่ไปที่บริษัท ว่านเหอ อิเล็คทริค และลงนามในสัญญาส่งมอบแทน
และขึ้นเป็นประธานของบริษัทนี้อย่างเป็นทางการ
ท้ายที่สุดแล้ว นี่คือบริษัทที่ติด 500 อันดับแรก และเขาเองคันจนแทบจะอดใจไม่ไหวที่มาลงนามในสัญญา
หลังจากนั้นเขาก็ขับรถ Koenigsegg กลับบ้าน เพื่อไปรับพ่อแม่ของเขาออกมา
เขาตัดสินใจว่าจะซื้อเสื้อผ้าให้พ่อกับแม่บ้าง
ท้ายที่สุดแล้วทุกครั้งที่เขากลับบ้าน และเห็นพ่อแม่ของเขาสวมใส่เสื้อผ้าเก่าๆ ราคา 20-30 หยวน ในใจเขาก็รู้สึกอึดอัด บวกกับความไม่สบายใจในก่อนหน้านี้ด้วย
ปรากฏว่าแม้เขาจะมีเงินแล้ว มีวิลล่าหลังใหญ่ และรถยนต์หรู
และถึงแม้ว่าเขาจะให้เงินพ่อแม่ไปมากมายขนาดนั้นแล้ว พวกเขากลับยังคงไม่เต็มใจที่จะใช้
ในเมื่อเป็นอย่างนั้น เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากซื้อให้พวกเขาด้วยตัวเอง
วันนี้มันต่างจากเมื่อก่อนแล้ว มีเงินแล้วอันไหนควรใช้ก็ต้องใช้
สถานที่ที่เขาไปในครั้งนี้ก็คือ ถนนการค้า จิ๋นหฺวา ซึ่งเป็นถนนที่เขาได้รับหุ้นอสังหาริมทรัพย์มา
ถนนการค้า จิ๋นหฺวา แห่งนี้ ตั้งอยู่ในเขตปินเจียงของเมืองม่อ บนถนนวงแหวนรอบสอง
ถนนการค้าแห่งนี้มีความยาวหลายร้อยเมตร เป็นถนนที่คึกคัก ที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คน
ในเวลานี้เอง ก็ได้เห็น รถ Koenigsegg สุดเท่ขับเข้ามา
จากนั้น ซูเหวิน ก็ลงมาจากรถพร้อมกับพ่อแม่ของเขา และเดินเข้าไปในถนนย่านการค้าแห่งนี้
“ที่นี่จะไม่แพงเกินไปเหรอ? มันดูเหมือนจะเป็นร้านแบรนด์เนมเลยนะ!”
“ใช่ พวกเราต่างก็แก่ๆ กันแล้ว จำเป็นด้วยหรือที่ต้องใส่เสื้อผ้าดีๆ แบบนี้?”
ทันทีที่พอมาถึงหน้าร้านขายเสื้อผ้าร้านหนึ่ง ซู กว่างเซิง และอู๋เจวียน ก็เริ่มขมวดคิ้วแล้ว
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดเป็นโรคกลัวการใช้เงิน (มีด้วยเหรอ?, มีแหะ : Money Dysmorphia)
“ไม่เป็นไรครับ นี่ไม่ได้ถือว่าหรูหราอะไรขนาดนั้น ในเมื่อมาซื้อเสื้อผ้า ก็ควรที่จะต้องซื้อให้มันดีๆ หน่อย”
“อีกอย่าง.. พวกพ่อกับแม่ใส่เสื้อผ้าราคาถูกมาทั้งชีวิตแล้ว ซื้อเสื้อผ้าดีๆ มาใส่หน่อยก็ไม่ถือว่าเป็นอะไรใช่ไหมล่ะ?”
ซูเหวิน พยายามคัดค้าน
ในขณะนี้ ถ้า ซู กว่างเซิง และอู๋เจวียน รู้ว่าอสังหาริมทรัพย์บนถนนการค้าทั้งหมดนี้เป็นของ ซูเหวิน ไม่รู้ว่าพวกเขาจะคิด หรือรู้สึกอย่างไร
หากกล่าวในอีกแง่หนึ่ง เจ้าของร้านค้าเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นผู้เช่าของ ซูเหวิน!
ระหว่างพูดคุยกัน หลายคนก็เดินเข้าไปในร้าน
และสมกับที่เป็นร้านแบรนด์ระดับไฮเอนด์จริงๆ
ทันทีที่ ซูเหวิน เข้ามา เขาก็สัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ของร้านค้าแห่งนี้
ร้านนี้มีขนาดใหญ่มาก และกว้างมาก
พื้นที่ถูกแบ่งออก และทุกส่วนถูกจัดการออกแบบมาอย่างประณีต ดูมีระดับ และให้บรรยากาศระดับไฮเอนด์ที่หรูหราไปได้อย่างสมบูรณ์แบบ
“ยินดีต้อนรับคะ”
ทันใดนั้น ผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม และดูเหมือนว่าเธอจะเป็นพนักงานขายของที่นี่
เพียงแต่ว่า เมื่อพนักงานคนนี้เห็นลูกค้าที่เดินเข้ามานอกจาก ซูเหวิน แล้ว เธอก็เห็นคู่สามีภรรยามีอายุอีกสองคนที่สวมใส่เสื้อผ้าโทรมๆ เดินตามเข้ามา เธอก็เม้มปากทันที รอยยิ้มที่เพิ่งหยิบยกขึ้นมาก็ลดลงมากไปกว่าครึ่งไปในทันทีเช่นกัน
ในความเห็นของเธอ ครอบครัวนี้แน่นอนว่าไม่ใช่ว่ามีเงินอะไรมาก
ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงไม่คิดใส่เสื้อผ้าเก่าๆ ที่โทรมขนาดนี้มาแน่ๆ
ลูกค้าแบบนี้อาจจะเดินวนไปวนมารอบใหญ่ และไม่คิดที่จะซื้อเสื้อผ้าสักชิ้นด้วยซ้ำ ซึ่งเธอถือว่า ..มันเป็นการเสียเวลาเปล่า
แต่ในฐานะพนักงานขาย เธอก็ยังต้องอดทน และที่สำคัญคือต้องควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดี ดังนั้นเธอจึงเข้ามากล่าวสอบถามไปว่า : “สวัสดีคะ ขอถามหน่อยค่ะ ..ว่า ใครที่กำลังซื้อเสื้อผ้า และต้องการซื้อเสื้อผ้าประเภทไหนคะ?”
“พ่อแม่ของผมที่ต้องการมาซื้อ” ซูเหวิน ตอบ
“โอเค.. งั้นเชิญทางนี้”
พนักงานขายพูดอย่างใจเย็น และพาพวกเขาไปที่พื้นที่ในส่วนที่เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุ
ต้องบอกว่าเสื้อผ้าของแบรนด์ระดับไฮเอนด์นั้นแตกต่างออกไป
มันมีสินค้าให้เลือกมากมาย และเสื้อผ้าทุกชิ้นก็ล้วนสวยงาม ดูลงตัวแบบสุดๆ
แม้แต่เสื้อผ้าที่ผู้สูงอายุใส่ก็มีหลากหลายแบบ หลายสไตล์ รวมถึงมีสีสันสดใสให้เลือกมากมาย
ซึ่งทำให้สามารถเล็งเห็นถึงคุณภาพ และความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมของสินค้าได้อย่างดีเยี่ยม
“เสื้อโค้ทตัวนี้ สัมผัสแล้วรู้สึกดีจริงๆ สีก็สวย ราคาเท่าไหร่เหรอ?”
อู๋เจวียน แตะเสื้อโค้ทสีแดงสดตัวหนึ่งบนไม้แขวนเสื้อแล้วถามอย่างสงสัย
เห็นได้ชัดว่าเธอชอบเสื้อโค้ทตัวนี้
“เสื้อผ้าผู้หญิงชุดนี้เป็นเสื้อโค้ทลายดอกไม้ สไตล์เรโทรของ Gucci และราคาอยู่ที่ …หยวนคะ”
พนักงานขายกล่าวแนะนำทันที
“อะไรนะ หมื่น...หมื่นกว่าเลยงั้นเหรอ?”
พอคําพูดนี้ออกมา ก็ทำให้สามีภรรยาคู่นี้ถึงกับต้องสะดุ้งตกใจทันที
คุณล้อเล่นฉันเหรอ?
เสื้อโค้ทที่มีราคามากกว่า 10,000 หยวน ซึ่งนี่มันเพียงพอแล้วสำหรับที่จะให้พวกเขาทำงานอย่างหนักติดต่อกันเป็นเวลาหลายเดือน..
นี่มันมาซื้อเสื้อผ้า หรือทองกันแน่?
“แล้วตัวนี้ล่ะ?”
อู๋เจวียน ถามโดยชี้ไปที่อีกตัวหนึ่ง
“นี่คือเสื้อโค้ทขนแกะแท้ ประดับโบว์ ราคา ..หยวนค่ะ”
พนักงานขายหญิงคนดังกล่าวได้แจ้งตัวเลขที่น่าตกใจไปอีกครั้งหนึ่ง
ทั้งคู่รู้สึกตกใจมากจนไม่รู้ว่าจะตกใจยังไงอีกแล้ว
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของอีกฝ่าย พนักงานขายหญิงคนนี้ก็แสดงสีหน้าดูถูกทันที เธอเองก็รู้ว่ามันจะต้องเป็น ..แบบนี้
สุดท้ายแล้ว.. คนพวกนี้ก็เป็นแค่กลุ่มคนบ้านนอกที่ไม่เคยเห็นโลกมาก่อน