ตอนที่ 52 คนขับรถประจําตัวของเย่เฉิน
"เขาอยากที่จะไปนั่งตรงนั้นงั้นเหรอ"
หยางหยุนตัวแข็งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วส่ายหัวอย่างขบขันกับความคิดของตัวเอง
ข้ากําลังคิดบ้าอะไรอยู่กันล่ะเนี่ย เขาก้เป็นแค่นักเรียนเองนะ
ถ้ามองดูทั้งสามคนแบบนี้แล้ว อาจารย์ของโรงเรียนหรือผู้ปกครองของเขาควรที่จะพาไปพวกเขาไปเที่ยวใช่ไหมนะ?
แต่ในขณะนี้ ฉากที่ทําให้หยางหยุนตกใจมากก็ได้ปรากฏขึ้น
เย่เฉินหรือว่าทั้งสามคนนั้นได้เดินตรงเข้าไปในเครื่องบินรบคุน 20
และไม่มีใครหยุดในกระบวนการนี้เลยสักคน!
หยางหยุนตกตะลึงอย่างสมบูรณ์
เมื่อหยางหยุนคิดว่าทั้งสามคนจะต้องถูกเชิญตัวให้ลงมานั้น เครื่องบินรบก็มีเสียงดังของเครื่องยนต์ครั้งใหญ่
จากนั้นเปลวไฟจากหางสีฟ้าอ่อนสองดวงก็พุ่งขึ้นไปในอากาศ
"เครื่องบินรบ Kun 20 คันนี้มารับพวกเขาจริงๆงั้นเหรอเนี่ย?"
หยางหยุนตกตะลึงกับความตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างมาก
เธอในตอนนี้ดูเหมือนว่าจะตกใจอย่างมาก และจิตใจของเธอก็ว่างเปล่า
ไม่น่าแปลกใจเลย ที่ผู้ชายคนนั้นถึงได้ที่จะไม่สนใจที่จะเป็นดาราเลย!
ที่ตลกคือข้ายังคิดว่าเขาโง่เวลาในเวลาเรียนอีกด้วย?
คนที่โง่จริงๆ แล้วคือตัวข้าเองเหรอเนี่ย!
เขาจะแนะนําอะไรกับชายหนุ่มเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?
มีกระทั่งเครื่องบินส่วนตัวมารับ?
ผู้คนสามารถขี่ Kun 20 ได้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสถานะของพวกเขานั้นสูงส่งอย่างมาก
คนแบบนี้จะตกหลุมรักการเป็นดารา? คงจะเป็นคนที่เรียนได้อย่างโง่เขลาหรือเปล่าล่ะ?
ครู่หนึ่ง หยางหยุนนั้นก็รู้สึกว่าตัวเธอเองนั้นกลายเป็นตัวตลกไปแล้ว
ตัวตลกโดยสมบูรณ์.
จนกระทั่งเครื่องบินรบคุน 20 ได้ลอบขึ้นไปท่ามกลางเสียงอุทานของฝูงชนในตอนนั้นหยางหยุนก็เริ่มตระหนักได้
"พวกเขากําลังจากไปแล้ว..."
เมื่อฟังเสียงที่อยู่ไกลออกไปจากสนามบิน จู่ๆ หยางหยุนก็ตกอยู่ในช่วงเวลาแห่งความเสียใจและความสงสัยในทันที
เขาหน้าตาดีมาก ถ้าข้าได้ข้อมูลติดต่อกับเด็กคนนั้นได้ในตอนนี้ แต่ข้าคงไม่มีโอกาสแล้วสินะ!
โอกาสในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับบุคคลระดับสูงที่เพิ่งพลาดไป?
โอกาสที่เปลี่ยนแปลงชีวิต - พลาดไปโดยตัวตนที่ตามืดบอดของข้า?
...
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง
"เย่เฉิน เรามาถึงหยางเฉิงกันแล้วล่ะ"
บนเครื่องบินรบ หลิงเหว่ยมองไปที่ช่องหน้าต่างมองภาพและพูดด้วยรอยยิ้ม
เย่เฉินมองไปยังทิวทัศน์ของหยางเฉิง: "ระยะเวลาสองเดือนช่างผ่านไปรวดเร็วมากเลยล่ะ"
"ไม่ใช่ล่ะมั้ง คงเป็นเพราะพวกเจ้าสองคนนั้นกําลังมีความรักอยู่กันล่ะสิ"
หลิงเหว่ยพูดติดตลก
ไม่นานก่อนที่เธอจะรู้เรื่องนี้ และเธอก็พบว่ามันน่าสนใจมาก
แก้มของโจวไคเอ๋อแดงก่ำและเธอรู้สึกเขิลอายเล็กน้อย
"ว่าแต่ยังไงก็ตาม พวกเจ้าจะกลับไปที่โรงเรียนกันก่อนไหมล่ะ"
หลิงเหว่ยด้วยความสงสัยออกมา
"อาจารย์หลิง ข้าจะกลับไปที่บ้านก่อนน่ะและค่อยกลับไปที่โรงเรียน" เย่เฉินกล่าว
การกลับไปที่โรงเรียนนั้นยังจำเป็นอยู่จริงๆ เพราะการสอบเข้าวิทยาลัยนั้นคือช่วงสัปดาห์หน้านี้แล้ว
และด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเย่เฉินแล้ว หลักสูตรการเรียนการสอนที่เหลือจึงไม่จําเป็นอีกเลย
เหตุผลที่เขาต้องการกลับไปโรงเรียนคือเพื่อสมัครรับตราของมหาวิญญาจารย์ของเขาเองเป็นหลัก
นับตั้งแต่การปลุกพลังให้ตื่นขึ้นของวิญญาณยุทธ์ปล้ว เย่เฉินยังไม่ได้ไปสมัครรับตราของวิญญาจารย์เลย
ในตอนนี้ยังไม่มีการออกตราวิญวิญญาจารย์ให้เขาเลย เป็นไปได้ที่จะสมัครเป็นมหาวิญญาจารย์โดยตรงเลย
และคาดว่าอีกไม่นานก็จะสามารถที่จะออกเป็นตราอัคราจารย์วิญญาณได้
"เอาล่ะ ข้าเองก็คงไม่ต้องกังวลอะไรแล้วเพราะมีคนคนนั้นที่คอยอยู่รอบๆ แล้วสินะ"
หลิงเหว่ยพูดด้วยรอยยิ้ม
เธอรู้ถึงการมีอยู่ของเสี่ยวหงหยู่แล้ว แม้ว่าเธอจะไม่เห็นเสี่ยวหงหยู่บนเครื่องบินรบในครั้งนี้ แต่บุคคลผู้ทรงอำนาจในระดับของเธอเช่นนั้นไม่จําเป็นต้องขึ้นเครื่องบินเลย
แม้ว่าวิญญาณยุทธ์ของเสี่ยวหงหยู่จะไม่ใช่ประเภทการบิน ตราบใดที่มันถึงระดับปรมาจารย์วิญญาณ วิญญาจารย์ทุกคนก็จะสามารถที่บินได้ในอากาศ
และเสี่ยวหงหยู่ซึ่งเป็นถึงจักรพรรดิวิญญาณนั้นย่อมเร็วกว่า Kun 20 ของเขาอย่างแน่นอน
"แต่เจ้าต้องส่งข้อความหาข้าเมื่อเจ้ากลับถึงบ้านแล้วด้วยล่ะ ข้าจะไปที่โรงเรียนและเตรียมตัวรอเจ้าที่นั่น"
หลิงเหว่ยกล่าว
ในไม่ช้ากลุ่มของทั้งคนสามคนก็ลงจากเครื่องบินขับไล่ Kun-20
"ขอบคุณมาก ร้อยโทหลิว"
เย่เฉินบอกแก่ทหารคุ้มกัน
ร้อยโทหลิวหัวเราะและพูดออกมาว่า "ด้วยความยินดี เป็นเกียรติของเราที่ได้รู้จักอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้อย่างเช่นเจ้านะ"
หลังจากหยุดชั่วคราว จู่ๆ ร้อยโทหลิวก็ถามด้วยความตั้งใจ: "เย่เฉิน ด้วยกําลังของเจ้าแล้ว เจ้าจะเข้ามหาวิทยาลัยทหารได้อย่างแน่นอน เจ้ามีแผนจะเข้าร่วมกองทัพบ้างไหมล่ะ"
เหลียนชางเจิ้งนั้นเคยได้พูดเอาไว้กับเขาเอาไว้สั้น ๆ ในตอนที่เมื่อพวกเขานั้นได้พบกับกันมาก่อน
ตอนนี้ร้อยโทหลิวอดไม่ได้ที่จะอยากลองถามเขาอีกครั้ง
ไม่มีทางที่ร้อยโทหลิวจะปล่อยโอกาสนี้ไปง่ายๆ กองกําลังหลักกำลังขาดแคลนคนเมื่อเร็วๆ นี้ และกองทัพก็ขาดคนที่มีความสามารถเป็นพิเศษอย่างเย่เฉิน
"ข้าจะลองคิดเกี่ยวกับมันน่ะ"
เย่เฉินยิ้มเล็กน้อย
หลังจากบอกลาพวกเขาก็ออกจากที่สนามบินโดยตรง
เนื่องจากโจวไคเอ๋อและหลิงเหว่ยบังเอิญอยู่บนถนนสายเดียวกันหลิงเหว่ยจึงออกไปด้วยรถคันเดียวกันกับโจวไคเอ๋อโดยตรง
หลังจากเห็นทั้งสองคนออกไปแล้ว เย่เฉินก็มองไปรอบ ๆ และพบรถพิเศษคันสีดํายาวที่จอดอยู่ข้างถนนในระยะไกลออกไป
"Nan B·00001? นี่มันรถระดับสูงมากเลยไม่ใช่หรอเนี่ย"
หลังจากเห็นป้ายทะเบียนแล้วเย่เฉินก็ได้รับเส้นสีดํา
ก่อนหน้านั้นที่เสี่ยวหงหยู่ได้บอกกับเขาว่าจะมีรถคอยรับ หลังจากมาถึงที่สนามบิน เย่เฉินก็คิดว่ามันคงจะเป็นรถธรรมดาเพียงเท่านั้น
ปรากฎว่าทั้งรุ่นและป้ายทะเบียนนั้นเป็นระดับสูงมาก
"ท่านเย่"
คนขับที่ดูมีอารมณ์ดีพิเศษในวัยห้าสิบต้นๆ ก้าวออกไปช่วยในเรื่องของกระเป๋าเดินทาง
"ไม่เป็นไร ข้าจะทํามันเอง"
เย่เฉินเก็บกระเป๋าเดินทางของเขาและนั่งที่เบาะหลังของรถ
"ท่านเย่ เราจะไปชางจูหยวนเลยไหมครับ"
คนขับหันกลับมาและถามเขาด้วยความเคารพ
ชางจูหยวนนั้นเป็นชื่อย่านที่ที่เย่เฉินอาศัยอยู่
"ใช่แล้วล่ะครับ"
หลังจากที่เย่เฉินพูดจบ คนขับก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจในใจ ชายหนุ่มคนนี้ช่างสุภาพจริงๆ...
แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ แต่เขาก็ยังสุภาพกับตัวเองเป็นอย่างมาก
ชั่วขณะหนึ่ง ทัศนคติของคนขับที่มีต่อเย่เฉินก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก
...
50 นาทีต่อมา
รถรุ่นพิเศษสีดําได้จอดอยู่บนถนนถัดจากย่านชางจูหยวน
"ท่านครับ เรามาถึงที่นี่กันแล้วครับ"
คนขับที่นั่งด้านหน้าหันกลับมาและพูดด้วยความเคารพ
"ตกลงครับ คุณเฉินขอโทษนะครับจอดตรงนี้ได้เลยครับ" เย่เฉินวางโทรศัพท์ลงและยิ้มออกมา
"ด้วยความยินดีครับ ท่านเย่ครับเรายังอยู่ห่างจากประตูของชุมชนอยู่เลย ทําไมไม่ให้ข้าขับรถเข้าไปที่นั่นเลยล่ะครับ"