ตอนที่ 51 ผลที่ตามมาของการกระทำผิด
“คุณมาช้าเกินไป แล้วพูดแบบนี้มันจะมีประโยชน์อะไรในตอนนี้?”
ซูเหวินเหลือบมอง ชายหนุ่มตรงหน้า แล้วกล่าวออกไป
เมื่อเห็นการแต่งตัวของอีกฝ่ายก็ทราบได้ทันทีว่าเขาคือ ผู้จัดการของที่นี่
“เปล่า..เปล่าเลย มันไม่ช้าเลย”
“และก็ทั้งหมดนี้มันเป็นแค่ความเข้าใจผิด ใช่..มันเป็นความเข้าใจผิดกัน ส่วนสาเหตุที่เกิดขึ้นก็เพราะน้องชายฉัน!”
“ผู้หญิงคนนี้ เป็นผู้หญิงคนนี้บอกว่า น้องชายฉันไปก่อกวนเธอ และน้องชายของฉันก็บอกว่าเขาถูกใส่ร้าย ฉันในฐานะพี่ใหญ่แล้วก็ต้องเรียกร้องความยุติธรรมให้กับเขา มันก็ถูกต้องแล้ว ใช่ไหมล่ะ?”
เดิมที หานเชา เกือบจะสิ้นหวังแล้ว
ตอนนี้พอเมื่อเห็นผู้จัดการมาแล้ว เขาเหมือนจะมองเห็นความหวัง จึงร้องขอความเมตตาอีกฝ่ายทันที
เพียงแต่คำพูดที่หลุดออกมานี้
นับประสาอะไรกับคนอื่น ฉันเกรงว่าแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อตัวเองด้วยซ้ำ
“ผายลมล่ะไม่ว่า...!”
“พวกคนเลวอย่างพวกแกเนี่ยไม่มียางอายเลยว่างั้น?”
“เห็นอยู่ชัดๆ ว่าน้องชายแกนั้นแหละ ที่เข้ามาก่อกวนเพื่อนฉัน แล้วนี่อะไรมาแกล้งทําเป็นบริสุทธิ์เพื่อ?”
“แล้วไอ้สิ่งที่แกเรียกว่าการเรียกร้องหาความยุติธรรมนั้น คือการบังคับพาคนอื่นไปดื่ม เพื่อขอโทษ?”
ก่อนที่ ซูเหวิน จะทันได้พูดอะไรไป จี้หยวี่ ก็โพล่งเสียงออกไปทันที
เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ เธอ กับเสี่ยวเหยา รู้ดีที่สุด
เห็นได้ชัดว่าชายคนนั้นก่อกวน รังควาน เสี่ยวเหยา ก่อน แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกับตะโกนร้องให้จับโจร และดู ..คนพาลฟ้องก่อน(1)
เห็นแบบนี้จะไม่ให้เธอโกรธได้ยังไง?
“ต่อให้เป็นเช่นนั้นทางเราก็ไม่สนใจ เพราะฉันรู้แค่ว่าตั้งแต่ คุณหาน อยู่ในร้านเรา นั่นก็เท่ากับว่าเขาคือแขกของฉัน และฉันไม่สามารถนั่งดูเฉยๆ แล้วทำเป็นไปสนใจได้”
“ยิ่งกว่านั้น พวกคุณทั้งหมดบอกว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูก แล้วต่างมีเหตุผลกันทั้งนั้น ทางเราจะรู้ได้อย่างไรว่าผู้ใดในหมู่พวกคุณพูดความจริงกันแน่?”
ผู้จัดการก็พูดออกมา น้ำเสียงของเขาเองก็ค่อยๆ แข็งกร้าวขึ้น
ในคําพูดก็บ่งบอกถึงความตั้งใจอย่างชัดเจนที่จะปกป้อง หานเชา
“หากอยากรู้ว่าใครถูกใครผิดนั้นมันง่ายมาก เนื่องจากทางเดินนี้มีกล้องวงจรปิด เอาภาพจากกล้องวงจรปิดออกมาเปิดดู สิ่งนี้ก็ชัดเจนแล้วไม่ใช่เหรอ?”
ซูเหวิน กล่าวด้วยเสียงทุ้ม
“ขออภัยครับ กล้องวงจรของเราเกิดขัดข้อง จึงไม่สามารถให้หลักฐานที่ว่าได้”
ผู้จัดการ กล่าวปฏิเสธออกไปอย่างไม่แยแสทันที
พอคําพูดนี้หลุดออกมา ไม่ต้องพูดถึง ซูเหวิน และคนอื่นๆ เลย
แม้แต่พนักงานที่ยืนดูด้วยความคึกคักอยู่ข้างๆ ก็ยังตกตะลึง..
ระบบกล้องวงจรปิด KTV ของพวกเขามักจะได้รับการตรวจสอบอยู่บ่อยครั้ง แล้วเป็นไปได้อย่างไรที่ จู่ๆ มันก็เกิดเสียขึ้นมาอย่างกะทันหันได้?
และนอกจากนี้ ทางเดินเดียวกันก็มักจะมีกล้องวงจรปิดสองตัวติดตั้งอยู่ แม้ว่าจะเสีย แต่มันก็เป็นไปได้ที่จะเกิดเสียขึ้นมาทีเดียวพร้อมๆ กันได้ จริงมั้ย?
ที่นี่มันก็ชัดเจนแล้วว่า แม้แต่คนโง่ก็ยังบอกได้ว่า ผู้จัดการ.. ได้เพิกเฉยต่อข้อเท็จจริงโดยสิ้นเชิงแล้ว โดยเอนเอียงเรื่องราวทั้งหมดนี้ไปทาง คุณหาน!
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือ…
เมื่อเผชิญหน้ากับคําพูดของผู้จัดการ ซูเหวิน เขากลับไม่ได้โกรธ แต่มองอีกฝ่ายแล้วพูดว่า : “คุณเป็นผู้จัดการของ KTV นี้ใช่ไหม?”
“แน่นอน ทำไมหรือ?” ผู้จัดการ พูดออกมาด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ
บอกตามตรงเขาไม่ได้จริงจังอะไรกับ ชายหนุ่ม ..คนนี้เลย
แต่กลับ คุณหาน นั้นต่างออกไป..
คนอื่นเขาเป็นลูกค้าประจําของร้าน และมีสถานะค่อนข้างมาก
หากมีความขัดแย้งเกิดขึ้น แน่นอนว่าเขาย่อมต้องอยู่ข้าง คุณหาน
ซูเหวิน ไม่พูดอะไรให้มากความอีก เขาเค้นเสียงหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา
จากนั้นเขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วกดโทรออกไป
เพียงไม่กี่วินาที อีกฝ่ายก็รับสาย…
“สวัสดีครับ ประธานซู?”
อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาทันที
หากตั้งใจฟังดูดีๆ จะพบว่าคือ จาง คายหมิง เป็นรองประธานของ โรงแรมฮิลส์ (*ขอเปลี่ยนชื่อตามต้นฉบับครับ จาก ฉาง จางไค เป็น จาง คายหมิง)
“อืม.. รองจาง ใช่ไหม?” ซูเหวิน พูดอย่างช้าๆ
“ใช่ใช่ ใช่ครับ นี่ผมเอง”
“ไม่ทราบว่า จู่ๆ ประธานซู ก็โทรมาหาผม มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าครับ?”
จาง คายหมิง กล่าวด้วยรอยยิ้มทันที
ท่านประธานของ โรงแรม ฮิลส์ โทรมา เป็นธรรมดาที่รองประธานอย่างเขาจะรับฟังอีกฝ่ายอย่างตั้งใจ
“มีเรื่องหนึ่ง คุณช่วยติดต่อไปหาผู้จัดการทั่วไปของ Hills KTV ให้หน่อย”
“บอกเขาไปว่า ผู้จัดการที่ทำการบริหาร KTV ที่นี่ ..ไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ ให้เขาเลิกจ้างคนนั้นซะ แล้วจ้างคนใหม่เข้ามา หรือหากสามารถโอนคนมาจากสำนักงานใหญ่เพื่อจัดการดูแลต่อได้ก็ดำเนินการเลย”
หลังจากนั้นเขาก็วางสายไป
ส่วนอีกฝ่าย.. ไม่ได้พูดอะไรออกไปสักคำ
นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่า รองประธานจาง ..ย่อมจะเข้าใจอย่างแน่นอน
สำหรับ รองประธานจาง ที่อยู่ปลายสายเขาก็สมแล้วที่เป็นผู้มากประสบการณ์ แต่หลังจากตกตะลึงไปอยู่หลายวินาทีในตอนแรก ในที่สุดเขาก็เข้าใจได้แล้ว
นี่ต้องมีใครบางคนสายตาสั้นไปทําให้ ประธานซู ขุ่นเคืองเป็นแน่ ดังนั้นเขาจึงถูก ประธานซู สั่งปลดออกจากตําแหน่ง!
จากนั้นเขาก็ไม่รีรออะไรอีกแล้ว รีบเปิดสมุดรายชื่อทันที และพบเบอร์หัวหน้าหลินที่รับผิดชอบ KTV … (ผู้จัดการทั่วไป, 总经理 - GM - General Manager)
ขณะเดียวกันนั้นทางด้านของ ซูเหวิน
นับตั้งแต่วินาทีที่ ซูเหวิน วางสายไป ผู้จัดการที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามก็มีสีหน้าสับสนแล้ว
เพราะเขาได้ยินสิ่งที่ ซูเหวิน พูดออกไปเมื่อกี้นี้ด้วย
สักพักกลับดูเหมือนว่าเขายังไม่เข้าใจความหมายในคําพูดของอีกฝ่ายหนึ่ง
รองประธานจาง?
รองประธานคนไหน หรือว่าจะเป็น รองประธานจาง ของโรงแรม ฮิลส์ จาง คายหมิง?
อีกฝ่ายหนึ่งยังบอกอีกว่าให้ถอดเขาออกจากตำแหน่ง…
ในขณะที่เขากำลังสับสนอยู่นั้น จู่ๆ โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น
เมื่อผู้จัดการหยิบโทรศัพท์ออกมาดู เขาก็พบว่าเป็นสายที่โทรเข้ามาจาก คุณหลิน
ไม่รู้ว่าทำไม ใจของเขารู้สึกสั่นไหวขึ้นมาทันที
มันเหมือนกับมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีผุดขึ้นมาในใจ..
“ฮัลโหล หลิน…คุณหลิน?”
(林总 หลิน+‘จ่ง’ ใช่เรียกแทนอย่างสนิทถึงผู้มีอำนาจกว่าได้ เรียกแบบ สนิทสนม เป็นกันเอง ผมเลยตัดสินใจใช่ ‘คุณ’ แทน เพราะมัน Save ดีครับ)
ผู้จัดการรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วพูดอย่างระมัดระวัง
“ฉันขอถามคุณว่า ..มีอะไรเกิดขึ้นที่ KTV เมื่อกี้นี้หรือเปล่า?”
ในอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ คุณหลิน ไม่คิดที่จะพูดเรื่องไร้สาระอะไร โดยตั้งใจถามออกไปโดยตรง
“เอ่อ...ใช่ครับ” ผู้จัดการตอบทันที
จากนั้นเขาก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ออกไปสั่นๆ ประมาณหนึ่ง
แต่ก่อนที่เขาจะทันพูดจบ เสียงอันโกรธเกรี้ยวของ คุณหลิน ก็ดังเข้ามาทางโทรศัพท์ทันที
“โจว ลี่ซิน แกมันบ้าไปแล้วหรือไง?”
“แกรู้ไหมว่าชายหนุ่มคนนั้นเขาเป็นใคร และแกถึงกลับกล้าที่จะไปต่อกรกับเขา?”
“เขาเป็นประธานคนใหม่ของ โรงแรม ฮิลส์ ของเรา แล้วไงตอนนี้เกิดความขัดแย้งขึ้น แทนที่ แกจะช่วย ท่านประธาน พูด แต่กลับไปช่วยคนนอก ..ต่อต้านเขา ไอ้บัดซยเอ้ย ทําไมมันถึงได้มีคนโง่อย่างแกอยู่ในโลกนี้ได้กัน!?”
คำสาปแช่งชุดหนึ่งดังออกมา ทำให้ผู้จัดการรู้สึกสับสน จนมีสีหน้าโง่งมไป ..ทันที
แม้แต่สมองของเขาก็เริ่มที่จะค้าง ..แล้ว
คุณหลิน ..เพิ่งพูดว่าอะไรนะ?
ชายหนุ่มคนนี้ เขา...เขาเป็นประธานคนใหม่ของ โรงแรม ฮิลส์ จริงๆ นะเหรอ?
เป็นไปได้ยังไง?
ดวงตาของผู้จัดการเบิกกว้าง และเขามีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ
และที่สําคัญที่สุดคือ เมื่อกี้เขายังพูดตะโกนใส่ ท่านประธานคนใหม่ และทำท่าทางหยิ่งผยอง.. นี่เขาทำอะไรลงไป?
“หลิน...คุณหลิน ผมไม่รู้”
“ผม…”
ผู้จัดการต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่ คุณหลิน กลับปฏิเสธที่จะรับฟังสิ่งนี้ และพูดขึ้นขัดจังหวะเขาโดยตรง
“พอที คุณ..ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรอีกแล้ว”
“เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้ไม่ต้องมาทำงานอีก รับเงินเดือนแล้วก็ออกไปซะ”
หลังจากพูดจบ เขาก็ไม่สนใจว่าผู้จัดการต้องการจะพูดอะไรต่อ เขาก็วางสายทันที
มันเหมือนราวกับฟ้าผ่าตอนกลางวันแสกๆ…
ประโยคคำพูดสุดท้ายของ คุณหลิน มันทําให้ผู้จัดการรู้สึกทันทีว่าเหมือนท้องฟ้ามันกำลังจะถล่มลงมา..
มันเป็นเวลาหกปีแล้วที่ เขา.. โจว ลี่ซิน อยู่กับ Hills KTV
ตลอดในช่วงหกปีที่ผ่านมา เขาสามารถเข้าถึงตำแหน่งผู้จัดการได้โดยอาศัยทักษะสื่อสาร และความสามารถของเขา
แต่ใครจะคิดว่า ..อาชีพ และการงานของเขาที่นี่จะจบลงไป แบบนี้?
Hills KTV เป็นหนึ่งใน KTV ชั้นนําในเมืองม่อ มีสวัสดิการสูงมาก และตอนนี้เขาได้ถูกถอดออกจากตําแหน่งผู้จัดการแล้ว นั่นไม่ใช่ว่าเขาต้องประสบกับความยากลำบากเหรอ?
นาทีนี้ ผู้จัดการ ก็รู้สึกเสียใจแทบอยากจะร้องไห้ออกมา
ถ้าเขารู้ก่อนหน้านี้ว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นประธานคนใหม่ของ โรงแรม ฮิลส์ เขาคงไม่กล้าต่อสู้กับเขา แม้ว่าจะฆ่าเขาให้ตายก็ตาม!
ทันใดนั้น เขามองไปที่ ซูเหวิน ราวกับว่าเห็นฟางเส้นสุดท้าย แล้วกล่าวไปว่า : “ซู...ประธานซู ถ้าทำได้ ได้โปรดเมตตาปล่อยผมไปเถอะ!”
“ผม... ผมไม่รู้จริงๆ ว่าคุณเป็นประธานของ โรงแรม ฮิลส์ ผมมีตาหามีแววไม่ ที่ไม่รู้จักเขาไท่ซาน…”
ผู้จัดการมอง ซูเหวิน โดยสูญเสียออร่าในก่อนหน้านี้ไปโดยสิ้นเชิง
เขาขอให้คุณปู่ข้อร้องคุณย่าไปมากมาย(2) เพียงแค่หวังว่าอีกฝ่ายจะให้อภัยเขาโดยไม่คํานึงถึงความขุ่นเคืองในอดีต
อย่างไรก็ตาม..
บางสิ่งเมื่อเกิดขึ้นก็เกิดขึ้นแล้ว ทำไมถึงยังมีโอกาสที่จะเริ่มใหม่..ไปได้อีกอย่างไร?
เมื่อคิดว่าเมื่อกี้ ผู้จัดการ จงใจแสร้งทำเป็นสับสนโดยออกหน้าปกป้องผู้แซ่หานคนนี้ โดยไม่แยกแยะถึงความแตกต่างระหว่างสิ่งใดถูก และสิ่งใดผิด ซูเหวิน ก็ยิ่งไม่มีความคิดที่จะเห็นอกเห็นใจอีกฝ่าย
เวลานี้.. นอกจากผู้จัดการที่หน้าเสียไปแล้ว
ยังมีอีกคนหนึ่งที่ยิ่งรู้สึกสิ้นหวังมากขึ้น นั่นก็คือ หานเชา
เดิมที หานเชา คิดว่าเมื่อผู้จัดการมาถึงแล้ว เขาก็ออกสามารถออกไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัยแล้ว
ซึ่งเขาจะไปคิดได้ที่ไหนว่าเพียงพริบตาเดียว มันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น…
และเมื่อกี้ผู้จัดการเพิ่งพูดว่าไงนะ ชายหนุ่มคนนี้.. เป็นประธานของ โรงแรม ฮิลส์?
เขาได้ยินผิดไปหรือเปล่า?
และมันจะเป็นไปได้ยังไง?
ในขณะที่ หานเชา กำลังมีสีหน้าตกใจอยู่นั้น ซูเหวิน กลับไม่รอช้าอีกต่อไป เขาก้าวขึ้นไปอยู่ตรงหน้าเขาโดยตรงทันที
ก่อนที่ หานเชา จะทันได้ตอบสนอง เขาก็ถูกเตะเขาที่ท้องเต็มๆ
ทันใดนั้น หานเชา ก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงในบริเวณช่องท้องของเขา
จากนั้นทั้งคนก็บินลอยไปชนเข้ากับกำแพงอย่างแรง
จนเกิดเสียงดัง ‘ปัง’ ดังขึ้น.. ตามมา
ทําให้ผู้หญิงหลายคนที่อยู่ข้างๆ หานเชา ตกใจ และกรีดร้องเป็นชุดๆ
ออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
(1)[คนพาลฟ้องก่อน / คนชั่วบ่นก่อน(惡人先告狀)] - หมายถึงคนเลว หรือคนกระทำผิดเป็นคนแรก ที่บอกกล่าวบิดเบือนข้อเท็จจริง
(2)[ขอให้คุณปู่ขอร้อง(ฟ้อง)คุณย่า (求爷爷告奶奶)] - คือ การขอความกรุณาจากผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นการขอความกรุณาให้ปู่ช่วยพูด หรือเพื่อให้คุณย่าเข้าใจเรื่องบางอย่าง หรือเป็นการใช้เพื่อขอร้อง หรือการเรียกร้องเพื่อให้ได้รับความกรุณา หรือสนับสนุนในสิ่งที่ตนต้องการจากบุคคลที่มีตำแหน่งสูงๆ หรือผู้ที่มีอำนาจในครอบครัว