ตอนที่แล้วตอนที่ 48 ไปร้องเพลงที่ KTV กันเถอะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 50 ช่วยเหลือเพื่อนร่วมชั้น เซี่ย

ตอนที่ 49 เทคนิคการร้องเพลงระดับโลก


“ติ๊ง! ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่กระตุ้นภารกิจสำเร็จ”

“ภารกิจระบบ :  ร้องเพลงใดๆ ก็ได้ที่ KTV หนึ่งเพลง”

“รางวัลภารกิจ : หุ้น 51% ของบริษัท ว่านเหอ อิเล็คทริค (Wanhe Electric) ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำ 500 อันดับแรกในประเทศ”

หลังจากระบบส่งเสียงแจ้งเตือนเสร็จ ซูเหวิน ก็ตกใจ

แม้ว่าบริษัทนี้จะห่างไกลจาก ‘Worster’ มาก แต่ก็ยังเป็นหนึ่งใน 500 บริษัทชั้นนำในประเทศ ขนาดของบริษัทเองก็ไม่สามารถมองข้ามได้

ร้องเพลงเดียวก็ได้รางวัลแบบนี้มาแล้ว ใครที่ไหนจะไม่เห็นด้วยล่ะ?

นอกจากนี้ระบบยังมอบเทคนิคร้องเพลงระดับโลกแก่เขา และตอนนี้เขาก็มีโอกาสแสดงแล้ว ทําไมไม่ลองดูหน่อยล่ะ?

“รับภารกิจ” ซูเหวิน กล่าวทันที

จากนั้นเขาก็มองไปที่เพื่อนๆ ของเขา แล้วพูดว่า : “โอเค.. งั้นฉันจะลองสักเพลง”

เมื่อพูดไปอย่างนั้น ซูเหวิน คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกดเพลง ‘รวยรินกลิ่นหอม (暗香)’ บนหน้าจอ

“พี่เหวิน แน่ใจนะว่าจะร้องเพลงนี้?”

เมื่อเห็นเพลงที่ ซูเหวิน กด จี้หยวี่ ก็ตกตะลึง แล้วมองอีกฝ่ายหนึ่งด้วยความประหลาดใจ

“ว้าวว เหล่าซู เจ๋งสุดยอดมากที่กล้าเลือกเพลงนี้”

“ใช่! เพลงนี้ร้องยากมาก ถ้าเป็นฉัน ฉันจะไม่เลือกแน่นอน”

เฉินหมิง จูเหยี่ยน และคนอื่นๆ อดไม่ได้ที่จะตกใจ

พวกเขามอง ซูเหวิน และสงสัยว่าอีกฝ่ายมีไข้หรือเปล่า ไม่เช่นนั้นเขาจะเลือกเพลงที่ยากแบบนี้ ..ได้อย่างไรกัน?

“ยากมากไหม? ดูเหมือนมันจะไม่ได้ยากมากขนาดนั้นนะ!” ซูเหวิน พูดไปอย่างไม่แยแสอะไร

ในเวลานี้ วัง ซิ่วซิ่ว ได้ร้องเพลงของเธอจบแล้ว

จากนั้นก็ถึงคราวของพวกเขา จี้หยวี่ เฉินหมิง เหอ เหวินเฟิง แล้ว

เมื่อเทียบกับ วัง ซิ่วซิ่ว แล้ว ทักษะการร้องเพลงของพวกเขาดูแย่กว่ามาก

จี้หยวี่ เหอ เหวินเฟิง ก็โอเคนะ อย่างน้อยๆ การร้องของพวกเขาก็ตรงจังหวะ และถูกคีย์อยู่

ส่วน เฉินหมิง นั้น.. ร้องได้อย่างอิสระเต็มที่แบบสุดๆ จัดออกไปแบบเน้นๆ!

ไปแบบถูกท่อนบ้างไม่ถูกท่อนบ้าง และทุกครั้งที่ร้อง บางจังหวะก็เร็วเกินไป หากเอาแบบพูดกันตรงๆ คือ ..ร้องไม่เคยถูกท่อนเลย

ถ้าต้องจ่ายเงินในการฟังเพลงของคนอื่น หากเปรียบมาฟังเขาร้องเพลงก็เท่ากับว่าต้องจ่ายด้วยชีวิต แล้ว..

‘เฮ้ออ.. เขาร้องเพลงได้ไพเราะเสียยิ่งกว่าหมูร้องอีก’

“คุณไม่ร้องเพลงบ้างเหรอ?”

ซูเหวิน ขณะปอกส้มให้กับเพื่อนร่วมชั้น เซี่ย เขาก็พูดถามไปอย่างสงสัย

“รอจนกว่าพวกคุณจะร้องเพลงเสร็จฉันค่อยเลือกก็ได้ แบบนี้ฉันเองจะได้ดูไม่เลวร้ายไปกว่าพวกผู้ชายที่ร้องเพลงอยู่นั่นไง”

เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย พูดด้วยรอยยิ้มขำๆ ไปขณะรับส้ม

ซูเหวิน เองตกตะลึง

โอเค! คุณมีสายตาที่ดีจริงๆ

แต่ทว่า, ต่อไปก็จะถึงคิวของเขาแล้ว ถ้า เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย ขอเพลง ตอนที่เขาร้องเพลงอยู่ล่ะ มันจะไม่เป็นไรใช่ไหม?

และโดยทั่วไปแล้ว เสียงร้องของเขาก็มีคุณภาพระดับโลก

ในขณะที่เขากําลังสงสัยว่าจะบอกเรื่องนี้กับ เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย ดีหรือไม่ เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย ก็ลุกขึ้น ไปกดเพลงแล้ว

และตอนนี้ก็ถึงตา ซูเหวิน ร้องเพลงพอดี

เขาก็ไม่ได้ห้าม เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย กดเพลง และจากนั้นเขาขึ้นเวทีไปพร้อมกับถือไมโครโฟนที่ จูเหยี่ยน ส่งมอบมาให้

ไม่นานหลังจากนั้น เสียงดนตรีที่นุ่มนวลแผ่วเบาได้ค่อยๆ เริ่มดังขึ้น

ท่วงทำนองที่แสนคุ้นเคย และไพเราะดังก้องไปทั่วห้อง

จากนั้น ซูเหวิน ก็เริ่มร้อง..

“เมื่อกลีบดอกไม้ร่วงโปรยปราย ความหอมยังอวลกลิ่นรวยริน~”

“กลิ่นหอมจางหายยามต้องลม และฝน จะมีใครมาดมชมกลิ่นเจ้า!”

“ถ้าความรักบอกให้ฉันก้าวต่อไป~”

“ฉันจะต่อสู้กระทั่งความรักสูญสลาย”

“หากหัวใจดับสิ้นในความเรืองรอง~”

“ความรักจักเกิดใหม่ในกองเถ้าธุลี…”

ท่วงทำนองอันไพเราะกำลังหลั่งไหล และเสียงที่แจ่มใสยังคงดังก้องอยู่ในหูของทุกคน

ในขณะนี้ ทุกคนอึ้งเป็นไก่ไม้ไปแล้ว (งงเป็นไก่ตาแตก)

นี่ไม่ใช่สิ่งที่สามารถบรรยายได้ว่า ‘ระเบิด’ หรือ ‘ตกใจ’ แล้ว

ท่วงทำนองเพลง ‘รวยรินกลิ่นหอม (暗香)’ เดิมทีตั้งใจถ่ายทอดเรื่องราวความรักแสนเศร้าของคู่รักที่รักกันมาก แต่ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้

ซูเหวิน ใช้เสียงสวรรค์ที่เป็นธรรมชาติของเขา และเทคนิคระดับโลกเพื่อแสดงความรู้สึกของการดิ้นรนที่มันกําลังจะระเบิดออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบมาก

เมื่อทุกคนฟังเพลงก็เหมือนกับได้ดื่มด่ำลงไป และรู้สึกได้ถึงความเศร้าทางอารมณ์ที่รุนแรง ไปตามเนื้อเพลง …

เพลงนี้เหมือนร้องมานานแล้ว

แต่แล้ว.. ก็กลับไม่มีใครรู้เลยว่าเพลงนี้มันจบลงไปตั้งแต่เมื่อไหร่

เมื่อพวกเขาทั้งหมดตอบสนอง ซูเหวิน ก็ได้ก้าวลงจากเวทีไปแล้ว

จากนั้นทุกคนก็มองไปที่ ซูเหวิน ด้วยความตกตะลึงที่ฉายชัดอยู่ในดวงตาของพวกเขา ..ที่มันเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

“พระเจ้า พี่เหวิน คุณ... ทำไมถึงร้องเพลงได้เพราะขนาดนี้?”

“ใช่ เหล่าซู นาย... นายมันโดนผีเข้าสิงหรือเปล่า ไม่งั้นนายจะร้องเพลงได้เพราะซาบซึ้งกินใจขนาดนี้ไปได้ยังไง?”

“มัน..เยี่ยมมาก! แต่..ฉันจำได้ว่าเมื่อก่อนว่านายไม่ได้ร้องเพลงดีแบบนี้นะ แต่แล้ววันนี้.. มันเกิดอะไรขึ้น?”

ทุกคนพูดคุย แล้วพากันตกใจ

พวกเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ซูเหวิน สามารถร้องเพลงได้ระดับนี้

และนี่มันก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยที่จะบอกว่าสิ่งนี้มันได้ก้าวไปถึงระดับนักร้องชั้นนําของโลกแล้ว หรือแม้กระทั่งเกินเลยไปกว่านั้นอีก

เพื่อนร่วมชั้น วัง ซิ่วซิ่ว ที่เมื่อกี้ยังทําได้ดี แต่เมื่อเปรียบเทียบกับ ซูเหวิน แล้วนั่น มันก็เป็นเหมือน ..พ่อมดเล็กเจอพ่อมดใหญ่(1)

เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย มองไปที่ ซูเหวิน อย่างว่างเปล่า หัวใจของเธอเองเต็มไปด้วยความตกใจ และความไม่อยากจะเชื่อ..

เธอเองก็คาดไม่ถึงว่า เพื่อนร่วมชั้น ซู จะร้องเพลงได้อย่างไพเราะขนาดนี้ มันราวกับได้ยินเสียง เทพเซียน กำลัง ร้องเพลง.. อยู่เลย

ในขณะนี้ เธอยิ่งรู้สึกว่า ซูเหวิน เขาดูลึกลับมากขึ้น เขามันดูพราว และเปล่งประกายอย่างมาก

ตึกตัก~ตึกตัก~ตึกตัก~

ขณะที่เธอกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เซี่ย ซินเหยา ก็รู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นเร็วขึ้น และใบหน้าของเธอก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงขึ้นมา..

“เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย ถึงตาคุณแล้ว”

ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ซูเหวิน ได้มายืนอยู่ตรงหน้าของ เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย และยื่นไมโครโฟนไปให้กับเธอ

“อะ?”

เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย สับสนในตอนแรก แล้วจึงตอบสนองทันที

ใช่! เธอเพิ่งเลือกเพลงไป และต่อมาก็ถึงคราวของเธอแล้ว..

แต่ว่า..

เมื่อกี้ เพื่อนร่วมชั้น ซู ร้องเพลงเพราะมากขนาดนั้น และมันยังราวกับเสียง สวรรค์..

ส่วนเธอ.. ร้องเพลง หาโทนเสียงตัวเองได้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว

แล้วอีกอย่างการให้เธอร้องเพลงในเวลานี้ นั่นไม่ใช่ว่าตรงกันข้ามกับ เพื่อนร่วมชั้น ซู อย่างสิ้นเชิงเลยเหรอ?

เซี่ย ซินเหยา.. เธอยังอยากจะเก็บหน้าตัวเองไว้อยู่ไหม?

โดยเฉพาะ เพื่อนร่วมชั้น ซู ที่กำลังมอบไมโครโฟนมาให้..

แล้วแบบนี้.. นี่ไม่ใช่ว่าไล่เป็ดขึ้นคอนเหรอไง?(2)

ทันใดนั้น ภาพลักษณ์ของ ซูเหวิน ในใจของเธอก็ร่วงหล่นลงมา ‘ตุ้งตุ้งตุ๊ง’ อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย จะพึมพําอยู่ในใจตลอดเวลา

แต่เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว เธอจะไม่ร้องเพลงก็ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?

ให้ตาย.. นี่มันหาเรื่องใส่ตัวเองชัดๆ เลย!

เมื่อคิดเช่นนี้ เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย ก็รับไมโครโฟนมา และก้าวขึ้นเวที

เพลงที่เพื่อนร่วมชั้นเซี่ยจะร้องก็คือ ‘ปีกที่ซ่อนอยู่ (隐形的翅膀)’ ซึ่งเป็นเพลงสร้างแรงบันดาลใจที่เธอชอบมากเป็นพิเศษ

เมื่อเพลงเริ่มเล่น เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย ก็เริ่มร้องเพลง..

“ทุกครั้งยังคงท่องไปตามลำพังอย่างเข้มแข็ง~”

“แม้บาดเจ็บสาหัสยังคงไม่ยอมให้เห็นประกายน้ำตา...”

เป็นเพลงที่ไพเราะมาก ทั้งท่วงทำนอง และเนื้อเพลงต่างมีมุมมองที่ลึกซึ้ง..

แต่ต้องบอกว่าเสียงร้องที่เปล่งออกมาจากปากของ เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย มันมีความรู้สึกธรรมดาๆ มาก เมื่อเทียบกับเสียงสวรรค์ของ ซูเหวิน ในก่อนหน้านี้ มันเป็นสองขั้วที่แตกต่างจริงๆ

และแม้แต่ ซูเหวิน เองก็ต้องยอมรับว่า เสียงร้องของ เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย มันขัดกับอารมณ์เพลงจริงๆ

ถ้า พี่สาวจาง (張韶涵) รู้ว่าเพลงของเธอร้องแบบนี้โดย เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย.. เกรงว่าเธอจะต้องรีบบึ่งมาที่เมืองม่อ ด้วยรถยนต์ในชั่วข้ามคืน และเข้าทุบตี เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย อย่างหนักเป็นแน่…

ถึงแม้เขาจะพูดแบบนี้ไป แต่ ซูเหวิน ก็ยังฟังออกว่า เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย พยายามร้องเพลงอย่างเต็มที่แล้วจริงๆ…

โอเค เธอทำดีที่สุดแล้ว..

ไม่กี่นาทีต่อมา ในที่สุด เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย ก็ร้องเพลงจบ

ในเวลานี้ ซูเหวิน ปรบมือให้กับเธอ

ไม่ได้พูดถึงว่าเธอร้องเพลงได้ดี แต่อย่างน้อยความกล้าหาญของเธอนั้นก็น่ายกย่องแล้ว

เมื่อเห็น ซูเหวิน ปรบมือ เฉินหมิง และคนอื่นๆ ก็ปรบมือตามด้วยเช่นกัน

“ก็เอ่อ.. ร้องเพลงได้ดี ร้องเพลงได้ดีมากจริงๆ” เฉินหมิง กล่าวชื่นชม

“อะแฮ่ม! คือฉัน... ฉันจะไปเข้าห้องน้ำ”

เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย รู้อยู่แล้วว่าตัวเธอเองนั้นร้องเพลงได้ไม่ดี ตอนนี้พอได้ยินทุกคนทั้งปรบมือ และกล่าวชม ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าตัวเองอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีแล้ว

ดังนั้น หลังจากโยนไมโครโฟนไปให้กับ ซูเหวิน แล้ว เธอจึงลากหนึ่งในเพื่อนสาวของเธอออกจากห้องส่วนตัวไป เพื่อพยายามบรรเทาความอึดอัดใจในเวลานี้

ซูเหวิน ที่เห็น ..เขาก็ยกยิ้มบางๆ พลางส่ายศีรษะ แล้วยื่นไมโครโฟนไปให้กับ เฉินหมิง

พ่อหนุ่มคนนี้ยังร้องเพลงไม่พออีก และดูกำลังเตรียมที่จะร้องอีกเพลงแล้ว!

มันแปลกที่เมื่อ เฉินหมิง ร้องเพลงจบ เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย และเพื่อนสนิทของเธอ จี้หยวี่ ยังไม่กลับมา

“สองคนนั่นไปไหนกันนะ?”

“ผ่านไปห้านาทีแล้วยังไม่กลับมาอีก หาห้องน้ำไม่เจอเหรอ?”

เฉินหมิง พูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ

“ฉันจะออกไปดูหน่อย!”

เมื่อพูดออกไปเช่นนั้น วัง ซิ่วซิ่ว ก็ลุกขึ้นยืน

อย่างไรก็ตาม ขณะที่เธอกําลังจะออกไป ประตูห้องส่วนตัวก็ถูกเปิดออกอย่างกะทันหัน และเห็น จี้หยวี่ วิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบ แล้วพูดว่า : “ไม่ดีแล้ว เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย ถูกพวกอันธพาลหลายคนขวางไว้…”

(1)[พ่อมดเล็กเจอพ่อมดใหญ่ (小巫见大巫)] - เปรียบเทียบของสองอย่าง คนสองคน ของอย่างหนึ่งสู้อีกอย่างหนึ่ง หรือคนหนึ่งสู้อีกคนหนึ่งไม่ได้เลย 

    ตรงๆ คือ เปรียบเทียบว่า ฝ่ายหนึ่งด้อยกว่าอีกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด

(2)[ไล่เป็ดขึ้นคอน (赶鸭子上架)] - เป็นคำอุปมาเพื่อบังคับให้ใครบางคนทำบางสิ่งที่เกินความสามารถของตน

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด