ตอนที่แล้วตอนที่ 46 รางวัลของผู้ชนะในค่ายฝึกพิเศษ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 48: เทคนิคการหลอมรวมวิญญาณยุทธ์

ตอนที่ 47 กระดูกวิญญาณขาซ้ายของพยัคฆ์เงาทมิฬ


"พยัคฆ์เงาทมิฬ!"

ดวงตาของเย่เฉินเป็นประกายขึ้นในทันที

เขานั้นเคยสังหารสัตว์วิญญาณตัวนี้มาก่อน และพยัคฆ์เงาทมิฬนั้นเป็นสัตว์วิญญาณที่มีความเร็วเป็นอย่างมาก ซึ่งสามารถจัดการกับมันได้ยากที่สุดในระดับเดียวกัน

และเหตุผลนั้นเป็นเพราะว่า พยัคฆ์เงาทมิฬมีความสามารถที่คล้ายกับการเทเลพอร์ต

ซึ่งสามารถเคลื่อนที่ได้ในระยะมากกว่าสิบเมตรอย่างต่อเนื่องในเวลาอันสั้น

ด้วยความสามารถนี้ แม้ว่าคู่ต่อสู้จะแข็งแกร่งกว่าพยัคฆ์เงาทมิฬแต่ก็ยากที่จะสามารถฆ่ามันได้

ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าพยัคฆ์เงาทมิฬต้องการที่จะหนี คนส่วนใหญ่ก็คงที่จะตามมันไปไม่ทัน

เขาได้ทําภารกิจที่ภูเขาเสี่ยวหลงเมื่อสองสัปดาห์ก่อน และเขาได้สังหารมันไปในไม่กี่วินาทีโดยอาศัยความแข็งแกร่งของเขาโดยตรง

ถ้าหากว่าเขานั้นต้องเจอพยัคฆ์เงาทมิฬที่มีความแข็งแกร่งเทียบได้กับตัวเขาเองแล้ว เขาอาจต้องทำได้แค่มองดูมันอย่างช่วยไม่ได้

เย่เฉินนั้นไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับกระดูกวิญญาณที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้จากค่ายฝึกพิเศษนี้ ไม่เพียงแต่มีอายุที่สูงเพียงเท่านั้น แต่แม้แต่ทักษะวิญญาณที่ติดมากับกระดูกวิญญาณเองก็ยอดเยี่ยมมากด้วยเช่นกัน!

นี่เหมือนกับว่าทุกสิ่งอย่างนั้นถูกสร้างมาเพื่อตัวเขาเองทั้งนั้น!

ด้วยทักษะวิญญาณยุทธ์นี้ ในการไล่ตามศัตรูของเขาจะถือได้ว่ากลายเป็นฝันร้ายสําหรับศัตรูเลยทีเดียว!

และถ้าเขานั้นต้องการที่จะหนี มันก็เป็นทักษะที่สามารถช่วยชีวิตได้อย่างดีอีกด้วย!

ในขณะนี้ นักเรียนทุกคนต่างก็กลับมามีสติกันอีกครั้ง

หลายคนต่างมองไปที่เย่เฉินโดยไม่รู้ตัว

กระดูกวิญญาณชิ้นนี้ตกอยู่ในกระเป๋าของท่านเทพเย่เลยหรือเปล่านะ?

"ใช่แล้วล่ะ ทําไมพวกเขาถึงต้องเอามันออกมาให้ต้องรู้สึกอิจฉาด้วยเนี่ย"

บางคนเกือบที่จะร้องไห้ออกมาด้วยความอิจฉา

"ใช่แล้วล่ะ คงจะไม่เป็นไรถ้าไม่ได้มันมา แต่ถ้าไม่สามารถได้มันมาเพราะว่าความสามารถของตัวเองไม่ถึงแล้ว มันช่างน่าอึดอัดมาก"

"ฮ่าฮ่า ใครที่จะไม่คิดแบบนั้นบ้างล่ะ"

บางคนตบต้นขาของตัวเองด้วยความเกลียดในตัวเอง ทําไมตลอดช่วงที่ผ่านมาถึงไม่ฝึกฝนให้ได้น่าพอใจกันนัก

นี่มันคือกระดูกวิญญาณเลยนะ!

หากว่าต้องพลาดในครั้งนี้ ก็อาจที่จะไม่สามารถได้สัมผัสกระดูกวิญญาณอีกได้เลยก็เป็นได้

เถิงชิงหู่เหลือบมองนักเรียนเหล่านี้ด้วยความเห็นอกเห็นใจ แล้วพูดว่า: "นักเรียนทุกคน อย่าลืมกันด้วยล่ะว่า 10 อันดับแรกจะได้รับรางวัลกันทุกคน"

"แม้ว่าอันดับที่สองถึงสิบนั้นจะไม่ใช่กระดูกวิญญาณก็ตาม แต่รางวัลก็ยอดเยี่ยมมากเช่นกัน"

"นอกจากนี้ หากว่าพวกเจ้าสามารถติดสิบอันดับแรกได้ พวกเจ้าก็จะได้รับคะแนนพิเศษ 5 คะแนนในการสอบเข้าสถาบันต่างๆ ด้วย"

ทันทีที่คําพูดนี้ออกมา ความทรงจําที่หายไปของทุกคนก็ย้อนกลับคืนมาในทันที

"ใช่แล้วล่ะ ถึงแม้ว่าอันดับแรกนั้นจะต้องหมดหวังไปแล้วก็ตาม แต่อีกเก้าอันดับทีเหลือนั้นยังคงเป็นไปได้ตราบเท่าที่เราพยายามกันอย่างเต็มที่ล่ะนะ"

"ข้าน่าจะสามารถคว้าห้าอันดับแรกได้อยู่ล่ะนะ"

"ข้าไม่สนใจอย่างอื่นอีกแล้วล่ะ ข้าแค่ต้องการคะแนน 5 คะแนน นั่นเป็นเหตุผลที่ข้ามาที่นี่"

....................

"ตอนนี้ข้าประกาศว่าการทดสอบสุดท้ายของค่ายฝึกพิเศษในรุ่นที่ 100 ได้เริ่มขึ้นแล้ว!"

หลังจากที่เถิงชิงหู่พูดจบ ทุกคนก็ปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ของพวกเขาในเวลาเดียวกันและต่างก็วิ่งไปที่ยอดเขา

ทันใดนั้น วิญญาณยุทธ์ประเภทต่างๆ แสงหลากหลายสีสันก็ได้ปรากฏขึ้น และฉากนั้นก็ดูงดงามอย่างยิ่งขึ้นมาในทันที

และในตอนนั้นเย่เฉินก็วิ่งไปที่ภูเขาด้วยความรวดเร็วในทันที

"บ้าเอ้ยย เร็วมาก!"

โจวไค,หวังเหอและคนอื่นๆ รู้สึกได้ถึงสายลมกระโชกแรงที่พัดผ่านพวกเขาไป

เมื่อทุกคนตอบสนองกัน เย่เฉินก็ได้หายไปจากตรงนั้นแล้ว

"เขา ดูเหมือนเขาจะยังไม่ได้ใช้วิญญาณยุทธ์เลยใช่ไหม" หวังเหอพึมพํา

เจียงเส่าเหิงพยักหน้าและพูดด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน: "ดูเหมือนว่าช่องว่างระหว่างเรากับเย่เฉินได้กว้างขึ้นอีกครั้งแล้วล่ะ"

"เร็วเข้า ต้องเร็วกว่าเดิม แต่ยังไงข้าก็ตามเขาไม่ทันอยู่ดี"

โจวไคยิ้มอย่างบิดเบี้ยว: "อย่างไรก็ตาม ข้ายังคงแน่ใจในอันดับที่สองล่ะนะ"

หลังจากพูดจบ ก็ใช้อสูรสถิตย์ร่างแล้วรีบวิ่งขึ้นไปทางบนภูเขาในทันที

"เจ้าคิดว่าจะทำได้งั้นเหรอ เจ้าหวังมากเกินไปแล้วล่ะ!"

แม้ว่าหวังเหอคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะเย่เฉิน แต่การเผชิญหน้ากับโจวไคนั้นเขาไม่ยอมอย่างแน่นอน

เมื่อหวังเหอได้ใช้อสูรสถิตย์ร่างแล้วกําลังจะไล่ตามไป

"โว้ว"

มีอีกสองร่างที่รีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

"หืมมมม?"

หวังเหอและเจียงเส่าเหิงต่างก็ตกตะลึงเล็กน้อย

เจียงเส่าเหิงพูดว่า "พวกเขาคือสองสาวฝาแฝด!"

"บ้าเอ้ย อย่ามัวแต่อึ้งกันไปเลย รีบตามพวกเขาให้ทัน เจ้าจะไม่ได้อันที่สองอย่างแน่นอน!"

หวังเหอไม่ได้คาดหวังว่าความเร็วของฝาแฝดนั้นจะรวดเร็วมาก ดังนั้นเขาจึงรีบออกไปทันทีหลังจากที่พูดจบ

เมื่อนักเรียนทุกคนวิ่งไปที่เส้นชัยเถิงชิงหู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม: "อาจารย์ จํานวนของนักเรียนทั้งหมดของรุ่นนี้ยอดเยี่ยมมาก ในความคิดของข้า มหาวิทยาลัยหลักทั้งสามแห่งแล้วส่วนใหญ่คงสามารถเข้าเรียนได้แน่นอน"

แม้แต่ชางเจิ้งก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ: "ในรุ่นก่อนหน้านี้ อัตราการได้เข้าเรียนนั้นน้อยกว่าครึ่ง แต่ในปีนี้น่าจะสามารถเข้าได้ถึง 80% หรือแม้แต่ 90%ได้เลยด้วยซ้ำ"

นี่เป็นเหตุผลหลักว่าทําไมค่ายฝึกพิเศษจึงได้จัดขึ้นในสถานที่ต่างๆ

"ว่าแต่ยังไงก็ตาม ท่านอาจารย์เวลาสําหรับการแข่งขันราชาสวรรค์ได้กำหนดมาชัดเจนแล้วหรือยัง" เถิงชิงหู่ถาม

มีการกล่าวเพียงว่าจะจัดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี แต่วันที่และเดือนนั้นยังไม่ได้กำหนดไว้อย่างแน่ชัด

เหลียนชางเจิ้งพยักหน้า: "ข้าได้ยินมาว่าการแข่งขันของผู้เข้าร่วมจากทั่วทุกมุมโลกได้กำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว และเวลาที่จัดก็คือวันที่ 15 กันยายนนี้น่ะ"

"อะไรนะ!"

ใบหน้าของเถิงชิงหู่เปลี่ยนไปเล็กน้อย: "เร็วขนาดนี้เลยงั้นเหรอ!"

ตอนนี้เป็นเดือนมิถุนายนแล้ว และการสอบเข้าวิทยาลัยจะมีขึ้นในอีกไม่กี่วัน นั่นหมายความว่าการแข่งขันราชาสวรรค์จะเริ่มในเวลาที่ไม่ถึง 3 เดือนนี้?

เมื่อเห็นสิ่งนี้เหลียนชางเจิ้งก็ยิ้มและพูดว่า "ถ้าจัดไวและช้ากว่านี้จะต่างกันอย่างไรล่ะ"

"ด้วยความแข็งแกร่งของเย่เฉิน ตราบใดที่เขาชนะการแข่งขันราชาสวรรค์เขาจะมีชื่อเสียงในอาณาจักรมังกร แม้ว่าเย่เฉินจะไม่ได้ตําแหน่งอันดับหนึ่ง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องสําคัญ"

เถิงชิงหู่พยักหน้า: "ฮ่าฮ่า ใช่แล้ว"

“อย่างไรก็ตาม มีผู้เข้าแข่งขันที่แข็งแกร่งมากมายในการแข่งขันราชาสวรรค์ในครั้งแรกนี้ ทั้งถัวโม่ซิง,ตงฟางหยูและหยิงหยานอาจจะคว้าอันดับหนึ่งมาได้ นอกจากนี้ยังมีทายาทของกองกําลังระดับสูงอีกมากมาย และแม้แต่กองกําลังโบราณทั้งสามของสำนักพุทธ ลัทธิเต๋า และลัทธิขงจื๊อล้วนมีส่วนสนับสนุนเหตุการณ์นี้ มีแต่ผู้มากด้วยพรสวรรค์ทั้งนั้น”

ถัวโม่ซิงเป็นหลานชายของ ราชาสวรรค์สูงสุดถัวปาและในตอนที่เขาอายุ 22 ปีนี้เขาก็ได้เป็นปรมาจารย์วิญญาณระดับ 48 แล้ว

ตงฟางหยูเองก็เป็นหลานชายของราชาปีศาจตงฟางเหรินที่มีความแข็งแกร่งเช่นเดียวกันกับถัวโม่ซิง

และหยิงหยานนั้นก็เป็นศิษย์เพียงคนเดียวของ ราชาอมตะ ซู ซึ่งสามารถจินตนาการได้เลยว่าพรสวรรค์ของเขาน่ากลัวมากแค่ไหน

ส่วนอีกทั้งสามสํานัก อย่างสำนักพุทธ ลัทธิเต๋า และลัทธิขงจื๊อ ที่ต่างเย่อหยิ่งจนที่เกือบจะซ่อนหายไปจากโลกนั้น เห็นได้ชัดว่ายังมุ่งเป้าไปที่ตำแหน่งของราชาสวรรค์คนที่สิบด้วย และเตรียมเข้าสู่ทางโลกกันแล้ว

และพวกกลุ่มพลังโบราณนี้ที่สืบทอดกันมาเป็นเวลานานตั้งแต่ยุคอู๋ฮุน แม้ว่าจะเป็นคนธรรมดาแต่ความแข็งแกร่งและภูมิหลังของพวกเขานั้นไม่สามารถหยั่งรู้ได้อย่างแน่นอน

เถิงชิงหู่กล่าวด้วยอารมณ์: "รอยแรกๆนี้ถือได้ว่าเป็นการต่อสู้ระหว่างมังกรและเสืออย่างแน่นอน"

"ฮ่าฮ่า ใช่ไหมล่ะ"

เหลียนชางเจิ้งยิ้มเล็กน้อย: "อย่างไรก็ตาม คราวนี้เราเองก็มีอัจฉริยะในมณฑลเจียงหนานด้วย เขาคือหลินต้าเจิ้งเจ้ารู้ไหม เขาอาจไม่ได้แย่ไปกว่าพวกเขานั้นเลยล่ะ"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด