ตอนที่ 46 รางวัลของผู้ชนะในค่ายฝึกพิเศษ
หลังจากที่เธอสะบดออกมาแล้ว เสี่ยวหงหยู่ก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยยิ้มที่เผยให้เห็นถึงเสน่ห์ของเธอออกมา
"แต่...เจ้าเด็กคนนี้ถือเป็นสมบัติอย่างแท้จริงสินะ"
"บางทีภายในเวลา 30 ปี อาจจะมีความหวังที่เขานั้นจะไปถึงในระดับเดียวกันกับพ่อของข้าก็เป็นได้"
พ่อของเสี่ยวหงหยู่นั้นป็นราชาแห่งสงครามที่มีชื่อเสียงอย่างมาก
ในสายตาของเสี่ยวหงหยู่แล้ว พรสวรรค์ของพ่อของเธอนั้นก็น่ากลัวมากเช่นกัน แต่เย่เฉินนั้นเขากลับมีพรสวรรค์ที่ดีกว่าพ่อของเธอเลยด้วยซ้ำ
เมื่อคิดว่าอาณาจักรมังกรในอนาคตจะมีราชาคนที่สิบถือกำเนิดขึ้นในไม่ช้า เสี่ยวหงหยู่ก็เริ่มตั้งตารอแล้ว
พ่อของเธอ เสี่ยวอู่หรงนั้นได้อุทิศตนในทางทหารอาณาจักรมังกรให้ยิ่งใหญ่ตลอดชีวิตที่ผ่านมาของเขา
ความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือ อาณาจักรมังกรนั้นมีความสามารถมากขึ้น และอาณาจักรมังกรสามารถแข็งแกร่งขึ้นมากกว่าเดิมได้อีก
เสี่ยวหงหยู่ยังสืบทอดเจตนารามณ์ของเสี่ยวอู่หรงมาโดยตลอดด้วย
แต่สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ เสี่ยวหงหยู่นั้นมีเมล็ดพันธุ์ที่ดีอย่างเย่เฉินอยู่ด้วย
ในเวลาเดียวกันนั้น
ในห้องต่อสู้เสมือนจริง
การต่อสู้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าทําให้เจียงเส่าเหิงหมดแรง
เมื่อเจียงเส่าเหิงถอดหมวกเสมือนจริงออก ชายหนุ่มอีกสองคนที่อยู่ข้างๆ เขาถามอย่างรวดเร็วว่า "เป็นยังไงบ้าง ลูกพี่"
"420"
เจียงเส่าเหิงพูดอย่างใจเย็น
"ว้าว ลูกพี่เจียงสุดยอดมาก อันดับสูงขึ้นมาก!"
"ใช่ ใช่แล้ว ดีกว่าของโจวไค,หวังเหอและคนอื่นๆเยอะเลย"
ชายหนุ่มทั้งสองคนอุทานออกมาทันที
มุมปากของเจียงเส่าเหิงกระตุก
บ้าเอ้ยย ถ้าเย่เฉินไม่ได้อันดับหนึ่งในก่อนหน้านี้ เขาคงจะต้องมีความสุขเป็นอย่างมาก
แต่เย่เฉินนั้นเขาสามารถขึ้นเป็นอันดับหนึ่งได้แล้ว และยังได้ตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้ว
สําหรับตัวเขาเองนั้น เขาอยู่ในอันดับที่ 420 เท่านั้นในช่วงสุดท้ายของค่ายฝึกพิเศษนี้ แล้วจะมีอะไรที่เหลือให้ภาคภูมิใจได้อีกบ้าง!
"ลูกพี่เจียง ทําไมท่านดูไม่มีความสุขเลยล่ะ"
วชายหนุ่มคนหนึ่งสังเกตว่าสีหน้าของเจียงเส่าเหิงนั้นผิดปกติ
เจียงเส่าเหิงพูดเบา ๆ ว่า "เย่เฉินได้เป็นอันดับหนึ่ง ข้าไม่มีอะไรที่ต้องให้ภูมิใจในฐานะคนที่ได้อันดับ 420"
หลังจากที่เจียงเส่าเหิงพูดจบ ชายหนุ่มอีกคนก็พูดโดยไม่รู้ตัวว่า "โอ้ ทําไมท่านถึงต้องไปเปรียบเทียบกับคนที่ไม่มีใครเทียบได้อย่างเย่เฉินกันด้วยล่ะ? ใครจะเทียบกับเขาได้กัน เขาแข็งแกร่งมากถึงขนาดนั้น"
ทันทีที่เขาพูดจบ จู่ๆ ชายหนุ่มก็รู้สึกว่าเขาได้พูดอะไรที่ไม่ควรออกมาเสียแล้ว
แน่นอนว่าเจียงเส่าเหิงนั้นรู้สึกเครียดขึ้นมาในทันที
เจ้าบ้า อย่าพูดในเรื่องที่ไม่สมควรที่จะพูด มีใครที่จะไม่รู้ว่าเย่เฉินนั้นแข็งแกร้งมากแค่ไหนกันด้วยล่ะ
หลังจากหยุดชั่วครู่เจียงเส่าเหิงก็ถอนหายใจและพูดว่า "มันช่างน่าเศร้าจริงๆ ที่ได้อยู่ในรุ่นเดียวกันกับเขาล่ะนะ"
ทันทีที่คําพูดเหล่านี้ออกมา วชายหนุ่มทั้งสองคนก็พยักหน้าพร้อมกันอย่างรวดเร็ว
ใช่แล้วล่ะ ท่านเทพเย่ช่างเปล่งประกายมากเกินไป!
เปล่งประกายมากพอที่จะครอบคลุมพวกเขาทั้งหมดได้
"ข้าไม่รู้ว่าจะมีคนที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ในมณฑลอื่นเช่นกันบ้างไหมนะ"
ชายหนุ่มคนหนึ่งได้กล่าวออกมา
"ก็คงอาจจะมีอยู่มั้ง ใครจะไปรู้กันล่ะ มีผู้คนอยู่ตั้งหลายพันล้านคนในอาณาจักรมังกรนี้ คงต้องมีคนทรงพลังมากอยู่ด้วยอย่างแน่นอนเลยล่ะ"
...
เข้าสู่ช่วงเวลาในตอนกลางคืน
เสี่ยวหงหยู่ได้เปลี่ยนเป็นชุดกี่เพ้าที่เธอแสนโปรดปรานหลังจากการอาบน้ำตามปกติ และได้นอนลงบนโซฟาด้วยความผ่อนคลาย
นี่เป็นกิจวัตรปกติของเธอที่ทำมาหลายปีแล้ว ที่เธอนั้นจะอาบน้ำและเปลี่ยนเป็นชุดกี่เพ้าทุกครั้งหลังจากที่ฝึกฝนเสร็จ
เสี่ยวหงหยู่เธอรู้สึกผ่อนคลายและสบายใจที่สุด ยามเมื่อเธอนั้นสวมชุดกี่เพ้าเท่านั้น
แต่ในขณะนี้
"พวกเขาเอาอีกแล้วงั้นเหรอ!"
เสี่ยวหงหยู่ตกตะลึง
เขาไม่ได้สัญญาว่าจะเปลี่ยนตัวเองมุ่งเน้นตั้งใจฝึกฝนเมื่อตอนกลางวันนี้ไปเองงั้นเหรอ?
นี่... แล้วทําไมผู้ชายคนนี้ยังมาอยู่ที่ห้องนี้อยู่อีกล่ะ?
มาทุกวัน ทุกค่ำคืน เขากําลังทําอะไรอยู่เนี่ย?
"บ้าเอ้ยยย!"
เสี่ยวหงหยู่ลูบใบหน้าของเธอและบังคับตัวเองไม่ให้ "มอง"
แต่เสี่ยวหงหยู่ก็ทํามันไม่ได้จริงๆ
"ออกไปฝึกฝนดีกว่า!"
เสี่ยวหงหยู่ลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธเคืองและวิ่งออกไปที่ห้องฝึก
แต่สิ่งนี้ยังคงไร้ประโยชน์
ท้ายที่สุดแล้วเสี่ยวหงหยู่ก็ต้องใช้ชีวิตอยู่ในความทุกข์เช่นเดิมอีกครั้งได้เท่านั้น
ด้วยวิธีการนี้แล้ว เสี่ยวหงหยู่ก็อยู่ฝึกฝนจนถึงรุ่งอรุณในเช้าวันใหม่โดยไม่รู้ตัว
และวันนี้เป็นวันที่ค่ายฝึกพิเศษได้สิ้นสุดลง และเป็นวันที่นักเรียนทุกคนนั้นต้องเข้าร่วมในการประเมินขั้นสุดท้ายอีกด้วย
ภายในห้องพัก 609
"ข้าไม่รู้ว่าจะได้รับรางวัลเป็นกระดูกวิญญาณอะไรกันนะ..."
เย่เฉินตั้งหน้าตั้งตารอวันนี้มา 2 เดือนแล้ว
"เย่เฉิน เจ้าพร้อมแล้วหรือยัง"
ที่ด้านล่าง โจวไคเอ๋อเงยหน้าขึ้นมอง แก้มของเธอเป็นสีแดงชมพูระเรื่อ เสียงของเธอฟังดูอ่อนแรงและแผ่สเบา
"ใช่แล้ว พร้อมมากเลยล่ะ"
เย่เฉินมองลงไปที่โจวไคเอ๋อและลูบหัวเล็กๆ ของโจวไคเอ๋อเบาๆอย่างนุ่มนวล
โจวไคเอ๋อกลอกตาคู่สวยของเธอและวิ่งไปที่ห้องน้ำ
หลังจากนั้นไม่นาน
ทั้งสองก็ได้เดินออกมาจากห้องพัก
เมื่อใกล้ถึงเวลาที่กำหนดในลานกว้าง นักเรียนส่วนใหญ่ก็ได้มาถึงกันแล้ว
"ท่านเทพ"
"อรุณสวัสดิ์เย่เฉิน อรุณสวัสดิ์พี่สะใภ้"
ทุกคนเริ่มทำการทักทายหลังจากที่เห็นเย่เฉิน
เย่เฉินรู้สึกสับสนกับเรื่องนี้
หลังจากที่ทุกคนได้ขึ้นลิฟต์เพื่อไปยังภูเขาเสี่ยวหลงกันแล้ว ครูฝึกทั้งสี่คนรวมถึงเถิงชิงหู่และหวู่จิงหยุนก็เดินมาด้วยกัน
ความแตกต่างของการสอบจําลองกับการสอบในคราวนี้ คือมีเหลียนชางเจิ้งเพิ่มมาด้วย
"นักเรียน ทุกคนต่างได้ฝึกฝนกันมาอย่างหนักจนถึงา 2 เดือนแล้ว และวันนี้เราจะได้เห็นผลจากการฝึกฝนจริงทั้งหมดแล้ว"
เถิงชิงหู่หัวเราะและพูดว่า: "ข้าจะไม่พูดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎเฉพาะ ฮิฮิ ทุกคนคงเข้าใจกันดีอยู่แล้วล่ะนะ"
"อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ข้าอยากจะพูดถึงคือรางวัลสําหรับอันดับแรก"
หลังจากที่เถิงชิงหู่พูดจบ นักเรียนทุกคนต่างก็มีดวงตาที่เป็นประกายขึ้นมา
ขุมทรัพย์ของโลกแห่งสัตว์วิญญาณนี้ แม้ว่าจะไม่มีคุณสมบัติที่จะได้รับมันก็ตามที แต่ก็ถือได้ว่าเป็นเกียรติที่ได้เห็นมันแล้ว
เหลียนชางเจิ้งยิ้มและผายฝ่ามือของเขาออกมา
วินาทีถัดมา แสงสีฟ้าสดใสก็เปล่งประกายออกมา เผยให้เห็นกระดูกขาซ้ายที่ใสราวกับคริสตัลหยก ที่ทำให้ดวงตาของทุกคนต่างจ้องมองด้วยสายตาเป็นประกาย
ทันทีที่กระดูกขาซ้ายนั้นได้ปรากฏขึ้น การหายใจของนักเรียนทั้งหมดก็หอบถี่ขึ้น
มีทั้งความโลภ ความปรารถนา ความคิดถึง และความคลั่งไคล้ในดวงตาของแต่ละคนต่างกันออกไป
นับประสาอะไรกับพวกนักเรียนเท่านั้น แม้แต่เถิงชิงหู่และเหลียนชางเจิ้งเองต่างก็ต้องการกระดูกวิญญาณนี้ด้วยเช่นเดียวกัน
แต่เป็นเพียงเพราะว่า นี่ไม่ใช่ของที่มาจากจากเหลียนชางเจิ้งเองเท่านั้น แต่มาจากความพยายามร่วมกันของทั้งสี่เขต
และการมาของเหลียนชางเจิ้งในครั้งนี้ ก็มาพร้อมกับภารกิจในการคุ้มกันกระดูกวิญญาณชิ้นนี้นั่นเอง
"ทุกคน นี่คือกระดูกวิญญาณขาซ้ายของพยัคฆ์เงาทมิฬที่มีอายุ 570 ปี หากพวกเจ้าคนใดสามารถคว้าอันดับหนึ่งในการประเมินการทดสอบในครั้งนี้ได้ กระดูกวิญญาณชิ้นนี้จะตกเป็นของเจ้า"