ตอนที่แล้วตอนที่ 32 : เพื่อนร่วมทีมที่เหมะสมกับแรนช์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 34 : คำพูดที่แสดงว่าแรนช์มีความฉลาดทางอารมณ์สูง

ตอนที่ 33 : ความสุขของกวีแห่งความรักผู้ยิ่งใหญ่


ตอนนี้แรนช์ไม่เพียงแต่ต้องจ่ายค่าจ้างให้ทาเลียวันละสามปอนด์เท่านั้น แต่เขายังติดหนี้ทาเลียจำนวนมหาศาลหลายหมื่นปอนด์อีกด้วย

เนื่องจากมูลค่าของการ์ดมหากาพย์ “กวีแห่งความรักผู้ยิ่งใหญ่” นั้นค่อนข้างประเมินค่าไม่ได้ สุดท้ายแรนช์และทาเลียจึงเจรจาค่าธรรมเนียมการสร้างเป็นเงินเจ็ดหมื่นห้าพันปอนด์ในสกุลเงินรวมของอาณาจักรทางใต้ และเขาจำเป็นต้องจ่ายเต็มจำนวนภายในสิบปีรวมถึงดอกเบี้ยที่เกี่ยวข้องเพื่อทำสัญญากับเธอ

หากแรนช์ไม่ได้จัดเตรียมวัตถุดิบหลักของการ์ดใบนี้อย่าง [สดุดีแห่งความเมตตา] และมีส่วนร่วมในขั้นตอนสำคัญของการสร้างการ์ด เกรงว่าราคาของมันคงโดดขึ้นหลายเท่าจนแรนช์ไม่สามารถครอบครองการ์ดใบนี้ได้

แต่ถึงแม้จะเป็นเงินจำนวนเจ็ดหมื่นห้าพันปอนด์ ก็ยังเป็นเรื่องยากสำหรับหอการค้าวิลฟอร์ดที่จะนำเงินสดสภาพคล่องจำนวนมากออกมาใช้ได้โดยตรง

แรนช์ไม่สามารถจ่ายเงินได้ในขณะนี้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงรอจนกว่าเขาจะค่อยๆ มีความสามารถในการทำเงินก่อนที่จะจ่ายให้ทาเลีย

คำนวณโดยคิดจากอัตราดอกเบี้ยต่อปีทบต้น 4% หากเขาต้องการชำระจำนวนคงที่ภายในสิบปี เขาจะต้องจ่ายเงินให้ทาเลียอย่างน้อยปีละ 9,247 ปอนด์ ถ้าเขาไม่สามารถจ่ายเงินจำนวนนี้บวกกับล่าช้า ค่าธรรมเนียมการสร้างการ์ดจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องพร้อมดอกเบี้ย

ดังนั้น [กวีแห่งความรักผู้ยิ่งใหญ่] จึงมีมูลค่าสูงมาก

เพื่อเธอ แรนช์ถึงกับต้องเป็นหนี้ด้วยซ้ำ

แน่นอนว่าแรนช์ไม่ได้ถือว่าขาดทุนอะไร เขาสามารถรับประกันได้อีกครั้งว่าทาเลียจะอยู่เคียงข้างเขาอย่างมั่นคง

เดิมทีทาเลียวางแผนที่จะสอนแรนช์ถึงแค่ระดับสามเท่านั้น แล้วจึงค่อยแยกทางกัน

เนื่องจากตอนนี้แรนช์ต้องชดใช้เงินก้อนโตให้ทาเลีย เธอไม่เพียงแต่ต้องปกป้องเขาเท่านั้น แต่ยังต้องช่วยแรนช์ผู้ซึ่งสามารถขายการ์ดได้ตามต้องการในสังคมมนุษย์ เพื่อหาเงินให้เพียงพอที่จะชำระหนี้โดยเร็วที่สุด!

ตราบใดที่เขาเป็นหนี้ทาเลีย มันก็เพียงพอให้เธอปกป้องเขา

เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสัญญาระหว่างผู้คุ้มกันและศิษย์อาจารย์จะดำเนินต่อไปอย่างเป็นธรรมชาติ!

แรนช์คิดด้วยรอยยิ้มขณะที่เขาดีดลูกคิดอยู่ในใจ

อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ [กวีแห่งความรักผู้ยิ่งใหญ่] ยังไม่ได้เปลี่ยนกลับไปเป็นการ์ดเวทมนตร์ตามปกติ

“คู่ต่อสู้แบบนี้อ่อนแอเกินไปหน่อย”

กวีแห่งความรักผู้ยิ่งใหญ่เดินไปหาแรนช์ เงยหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจเล็กน้อยพลางส่งเสียงหัวเราะราวกับระฆังเงินออกมา

แม้ว่าเธอกับทาเลียจะมีหน้าละม้ายตาคล้ายกัน แต่นิสัยของทั้งคู่กลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง

เมื่อเปรียบเทียบกับทาเลียที่เย็นชา สง่างาม และปฏิเสธผู้คนให้ถอยห่างไปหลายพันไมล์ [กวีแห่งความรักผู้ยิ่งใหญ่] ดูเหมือนดวงอาทิตย์อันอบอุ่นในฤดูใบไม้ผลิทุกครั้งที่ยิ้ม แต่กลับแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์และความเย่อหยิ่งในดวงตา

ดูเหมือนเธอจะมีความสุขมากที่เห็นเฟอร์ราตถูกทรมานจนต้องยุติการสอบ

“มิตรภาพต้องมาก่อน จงเคารพคู่ต่อสู้ของคุณ”

แรนช์รีบหลับตาแล้วส่ายหัว ท่องบาปของเขาอย่างเงียบๆ

ไม่น่าแปลกใจเลยที่วัตุอัญเชิญเกรดมหากาพย์จะมีจิตสำนึกเป็นของตนเอง

แต่คุณสมบัติการต่อสู้ของ [กวีแห่งความรักผู้ยิ่งใหญ่] นั้นอ่อนแอกว่าวัตถุอัญเชิญระดับหนึ่งทั่วไป เมื่อเอฟเฟ็กต์พิเศษของเธอไม่สามารถใช้งานได้ก็ไม่จำเป็นต้องเรียกเธอออกมาในระหว่างการต่อสู้ ยกเว้นในฐานะมาสคอต

“เอาล่ะ กวีแห่งความรักผู้ยิ่งใหญ่ เปลี่ยนกลับไปเป็นการ์ดเวทมนตร์ได้แล้ว”

แรนช์โบกมือไปทาง [กวีแห่งความรักผู้ยิ่งใหญ่]

อย่างไรก็ตาม.

[กวีแห่งความรักผู้ยิ่งใหญ่] ดูเหมือนจะยังไม่อยากเปลี่ยนกลับไปเป็นการ์ดสักเท่าไหร่ เธอยังอยากที่จะออกมาสนุกสนานต่ออีกสักพัก

ดังนั้นเธอจึงเดินไปทางแรนช์อย่างไม่เร่งรีบ

“เฮ้ บอกหน่อยสิว่าครั้งหน้าท่านจะทรมานศัตรูอีกเมื่อไหร่?”

หลังจากที่ไม่ต้องแสร้งทำเป็นไร้เดียงสาแล้ว [กวีแห่งความรักผู้ยิ่งใหญ่] ก็ไม่มีเค้าของหญิงสาวผู้ไร้เดียงสาอีกต่อไป เธอหรี่ตาลงเหมือนสุนัขจิ้งจอกพลางถามด้วยสีหน้ายิ้มๆ

“อะแฮ่ม!”

คิ้วของแรนช์ขมวดเข้าหากันทันทีเมื่อเขาได้ยินเช่นนี้ เขากระแอมออกมาสองครั้ง

“อย่าพูดไร้สาระ การทรมานพลเมืองของเราถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย อาจตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีอาชญากรรมตามข้อบังคับของประมวลกฎหมายแห่งราชอาณาจักรฮัตตัน”

แรนช์อธิบายอย่างจริงจัง

“ฉันไม่มีเจตนาที่จะฝ่าฝืนกฎหมาย ฉันเข้าร่วมการสอบของอาณาจักรด้วยกลยุทธ์ตามปกติ”

“?”

[กวีแห่งความรักผู้ยิ่งใหญ่] ขมวดคิ้วพร้อมกับตกตะลึงไปสองวินาที

เธอกระพริบตาปริบๆ พลางจ้องมองเข้าไปในดวงตาสีมรกตอันสดใสของแรนช์ มันดูกระต่างใสไร้มลทิน

คำพูดของคนๆ นี้ดูเหมือนจะเป็นการส่งเสริมกฎหมายมากกว่าเป็นคำสแลงทางศีลธรรม   

“จุ๊ๆ”

เธอแอบเดาะลิ้นของตัวเอง จากนั้น [กวีแห่งความรักผู้ยิ่งใหญ่] ก็สลายตัวกลายเป็นกลุ่มแสง ควบรวมกันอีกครั้งในมือของแรนช์ เปลี่ยนกลับไปเป็นการ์ดเวทมนตร์ที่มีออร่าสีส้มหุ้มไว้

“นายท่าน ท่านต้องแข็งแกร่งขึ้นไวๆ เพื่อที่ข้าจะได้อยู่ข้างนอกและเพลิดเพลินกับความสุขได้อย่างอิสระ”

เสียงสะท้อนอันคมชัดของ [กวีแห่งคงามรักผู้ยิ่งใหญ่] พร้อมรอยยิ้มอันแสนหวานดังก้องไปทั่วทุ่งหญ้าที่ว่างเปล่า

แรนช์เก็บการ์ดเวทมนตร์กลับมาพลางส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้

แม้ว่าเขาจะมีมานาให้ใช้ได้อย่างไม่จำกัด แต่เขาไม่สามารถปล่อยวิญญาณร้ายตนนี้ออกมาและทำทุกอย่างตามที่เธอต้องการได้เด็ดขาด

เธอมีความสามารถในการเปลี่ยนสถานที่ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ด้านลบให้กลายเป็นโรงพยาบาลอาร์คัมได้ทันที

แม้ว่าวัตถุอัญเชิญประเภทมีจิตสำนึกของตนเองจะต้องใช้มานาเท่านั้นถึงจะปรากฏตัวบนโลกแห่งความเป็นจริงได้ แต่บางครั้งวัตถุอัญเชิญระดับสูงก็มักจะกลายเป็นผู้ช่วยที่ดีสำหรับเจ้าของ และแม้กระทั่งปกป้องตัวเจ้าของเอง

แต่ [กวีแห่งความรักผู้ยิ่งใหญ่] มีบุคลิกแย่มาก

เธอไม่ค่อยเชื่อฟังแรนช์สักเท่าไหร่ ยกเว้นเมื่อเขาเผชิญกับสถานการณ์ที่เธอสามารถทรมานและหยอกล้อผู้คนได้

“ครั้งต่อไปที่ฉันเรียกเธอออกมา เธอต้องทำความดีและสะสมบุญกุศล”

แรนช์แอบสาบานในใจ

[กวีแห่งความรักผู้ยิ่งใหญ่] เป็นการ์ดเวทมนตร์ที่สามารถนำพาความสุขและความรื่นเริงมาสู่ทุกคน

การบังคับระงับความโกรธของศัตรูอาจกล่าวได้ว่าเป็นการรักษาผู้คนรูปแบบหนึ่ง

วันนี้ยังคงเป็นวันที่เต็มไปด้วยบุญกุศล

หลังจากเก็บการ์ดทั้งหมดกลับคืน พ่อเทพบุตรแรนช์ก็ก้าวออกจากโลกแห่งภาพฉายแบบจำลอง

...

อาคารการเรียนรู้และการศึกษา ห้องโถงรอสอบชั้นเจ็ด

พื้นที่เปิดโล่งกว้างขวางล้อมรอบด้วยผนังม่านกระจกสูงตระหง่าน แสงแดดส่องอย่างทั่วถึงบนกระเบื้องปูพื้นหินอ่อน เสาไฟทรงกลมสีทองอ่อนๆ บนโดมเปรียบเสมือนจุดสำคัญของห้องโถงที่ทอดยาวจากพื้นจรดเพดาน แสงแดดและอากาศไหลเวียนได้อย่างอิสระผ่านช่องเปิดแบบวงกลม

ในขณะนี้พระอาทิตย์ขึ้นสู่จุดสูงสุดแล้ว น้ำใสของสระภายในห้องโถงส่องแสงระยิบระยับ ต้นไม้สีเขียวโดยรอบสะท้อนเงาลงบนสระน้ำ ซึ่งทำให้แรนช์ผู้เพิ่งกลับมายังห้องโถงรอสอบจากโลกแห่งภาพฉายรู้สึกถึงความผ่อนคลายและสบายใจ

อย่างไรก็ตาม แรนช์มองไปรอบๆ และพบว่าอาจารย์เทเรซ่าซึ่งแต่เดิมเป็นผู้จัดคิวสอบได้หายไป

ตามสามัญสำนึก อาจารย์เทเรซาซึ่งรับผิดชอบเรื่องนี้ ควรจะต้องอธิบายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการรับเข้าเรียนหลังจากสอบผ่านได้ระยะหนึ่งแล้ว

อย่างไรก็ตาม แรนช์สังเกตเห็นเปลหามกำลังถูกรีบนำออกไปโดยเจ้าหน้าที่ทีมแพทย์นอกห้องตรวจ และด้านหลังก็คืออาจารย์เทเรซาที่กำลังยุ่งอยู่กับการสื่อสารกับพวกเขา ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจได้ทันที

ดูเหมือนอาจารย์เทเรซาจะยุ่งอยู่กับการติดตามอาการของผู้คุมสอบเฟอร์ราต ดังนั้นเธอจึงต้องปลีกตัวออกจากห้องสอบไปครู่หนึ่ง

สถานการณ์ตอนนี้คือผู้สมัครกลุ่มที่สองซึ่งกำลังจะเริ่มสอบก็ถูกปล่อยให้รออยู่ในห้องสอบเช่นกัน โดยไม่มีผู้รับผิดชอบในการกำหนดเวลาเข้าเกท

“เห้อ ถ้าออกมาเร็วกว่านี้คงอาจจะเข้าไปช่วยได้”

แรนช์ผู้กระตือรือร้นและนิสัยดีจะต้องช่วยแน่นอนเมื่อเห็นคู่ต่อสู้ของตัวเองต้องถูกเปลหาม

“...”

ในห้องสอบ ไฮพีเรียนที่บังเอิญได้ยินแรนช์พึมพำกับตัวเอง อดไม่ได้ที่จะมองดูเขา

หากเมื่อกี้เฟอร์ราตยังมีสติอยู่เล็กน้อย

เมื่อเขาเห็นแรนช์มาช่วยยกตัวเองขึ้นเปลหาม

เกรงว่าเขาคงจะสลบไปทันที…

ขณะนี้ไฮพีเรียนรู้สึกว่าแรนช์อำมหิตมาก

แต่เมื่อมองดูสีหน้าที่จริงใจและไร้เดียงสาของเขา เธอก็ไม่รู้สึกเช่นนั้นอีกต่อไป

เขาอาจจะค่อนข้างซื่อบื้อนิดหน่อย

(จบตอน)

โรงพยาบาลอาร์คัม คือชื่อโรงพยาบาลจิตเวชในแบทแมน

0 0 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด