ตอนที่ 33 : ความสุขของกวีแห่งความรักผู้ยิ่งใหญ่
ตอนนี้แรนช์ไม่เพียงแต่ต้องจ่ายค่าจ้างให้ทาเลียวันละสามปอนด์เท่านั้น แต่เขายังติดหนี้ทาเลียจำนวนมหาศาลหลายหมื่นปอนด์อีกด้วย
เนื่องจากมูลค่าของการ์ดมหากาพย์ “กวีแห่งความรักผู้ยิ่งใหญ่” นั้นค่อนข้างประเมินค่าไม่ได้ สุดท้ายแรนช์และทาเลียจึงเจรจาค่าธรรมเนียมการสร้างเป็นเงินเจ็ดหมื่นห้าพันปอนด์ในสกุลเงินรวมของอาณาจักรทางใต้ และเขาจำเป็นต้องจ่ายเต็มจำนวนภายในสิบปีรวมถึงดอกเบี้ยที่เกี่ยวข้องเพื่อทำสัญญากับเธอ
หากแรนช์ไม่ได้จัดเตรียมวัตถุดิบหลักของการ์ดใบนี้อย่าง [สดุดีแห่งความเมตตา] และมีส่วนร่วมในขั้นตอนสำคัญของการสร้างการ์ด เกรงว่าราคาของมันคงโดดขึ้นหลายเท่าจนแรนช์ไม่สามารถครอบครองการ์ดใบนี้ได้
แต่ถึงแม้จะเป็นเงินจำนวนเจ็ดหมื่นห้าพันปอนด์ ก็ยังเป็นเรื่องยากสำหรับหอการค้าวิลฟอร์ดที่จะนำเงินสดสภาพคล่องจำนวนมากออกมาใช้ได้โดยตรง
แรนช์ไม่สามารถจ่ายเงินได้ในขณะนี้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงรอจนกว่าเขาจะค่อยๆ มีความสามารถในการทำเงินก่อนที่จะจ่ายให้ทาเลีย
คำนวณโดยคิดจากอัตราดอกเบี้ยต่อปีทบต้น 4% หากเขาต้องการชำระจำนวนคงที่ภายในสิบปี เขาจะต้องจ่ายเงินให้ทาเลียอย่างน้อยปีละ 9,247 ปอนด์ ถ้าเขาไม่สามารถจ่ายเงินจำนวนนี้บวกกับล่าช้า ค่าธรรมเนียมการสร้างการ์ดจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องพร้อมดอกเบี้ย
ดังนั้น [กวีแห่งความรักผู้ยิ่งใหญ่] จึงมีมูลค่าสูงมาก
เพื่อเธอ แรนช์ถึงกับต้องเป็นหนี้ด้วยซ้ำ
แน่นอนว่าแรนช์ไม่ได้ถือว่าขาดทุนอะไร เขาสามารถรับประกันได้อีกครั้งว่าทาเลียจะอยู่เคียงข้างเขาอย่างมั่นคง
เดิมทีทาเลียวางแผนที่จะสอนแรนช์ถึงแค่ระดับสามเท่านั้น แล้วจึงค่อยแยกทางกัน
เนื่องจากตอนนี้แรนช์ต้องชดใช้เงินก้อนโตให้ทาเลีย เธอไม่เพียงแต่ต้องปกป้องเขาเท่านั้น แต่ยังต้องช่วยแรนช์ผู้ซึ่งสามารถขายการ์ดได้ตามต้องการในสังคมมนุษย์ เพื่อหาเงินให้เพียงพอที่จะชำระหนี้โดยเร็วที่สุด!
ตราบใดที่เขาเป็นหนี้ทาเลีย มันก็เพียงพอให้เธอปกป้องเขา
เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสัญญาระหว่างผู้คุ้มกันและศิษย์อาจารย์จะดำเนินต่อไปอย่างเป็นธรรมชาติ!
แรนช์คิดด้วยรอยยิ้มขณะที่เขาดีดลูกคิดอยู่ในใจ
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ [กวีแห่งความรักผู้ยิ่งใหญ่] ยังไม่ได้เปลี่ยนกลับไปเป็นการ์ดเวทมนตร์ตามปกติ
“คู่ต่อสู้แบบนี้อ่อนแอเกินไปหน่อย”
กวีแห่งความรักผู้ยิ่งใหญ่เดินไปหาแรนช์ เงยหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจเล็กน้อยพลางส่งเสียงหัวเราะราวกับระฆังเงินออกมา
แม้ว่าเธอกับทาเลียจะมีหน้าละม้ายตาคล้ายกัน แต่นิสัยของทั้งคู่กลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
เมื่อเปรียบเทียบกับทาเลียที่เย็นชา สง่างาม และปฏิเสธผู้คนให้ถอยห่างไปหลายพันไมล์ [กวีแห่งความรักผู้ยิ่งใหญ่] ดูเหมือนดวงอาทิตย์อันอบอุ่นในฤดูใบไม้ผลิทุกครั้งที่ยิ้ม แต่กลับแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์และความเย่อหยิ่งในดวงตา
ดูเหมือนเธอจะมีความสุขมากที่เห็นเฟอร์ราตถูกทรมานจนต้องยุติการสอบ
“มิตรภาพต้องมาก่อน จงเคารพคู่ต่อสู้ของคุณ”
แรนช์รีบหลับตาแล้วส่ายหัว ท่องบาปของเขาอย่างเงียบๆ
ไม่น่าแปลกใจเลยที่วัตุอัญเชิญเกรดมหากาพย์จะมีจิตสำนึกเป็นของตนเอง
แต่คุณสมบัติการต่อสู้ของ [กวีแห่งความรักผู้ยิ่งใหญ่] นั้นอ่อนแอกว่าวัตถุอัญเชิญระดับหนึ่งทั่วไป เมื่อเอฟเฟ็กต์พิเศษของเธอไม่สามารถใช้งานได้ก็ไม่จำเป็นต้องเรียกเธอออกมาในระหว่างการต่อสู้ ยกเว้นในฐานะมาสคอต
“เอาล่ะ กวีแห่งความรักผู้ยิ่งใหญ่ เปลี่ยนกลับไปเป็นการ์ดเวทมนตร์ได้แล้ว”
แรนช์โบกมือไปทาง [กวีแห่งความรักผู้ยิ่งใหญ่]
อย่างไรก็ตาม.
[กวีแห่งความรักผู้ยิ่งใหญ่] ดูเหมือนจะยังไม่อยากเปลี่ยนกลับไปเป็นการ์ดสักเท่าไหร่ เธอยังอยากที่จะออกมาสนุกสนานต่ออีกสักพัก
ดังนั้นเธอจึงเดินไปทางแรนช์อย่างไม่เร่งรีบ
“เฮ้ บอกหน่อยสิว่าครั้งหน้าท่านจะทรมานศัตรูอีกเมื่อไหร่?”
หลังจากที่ไม่ต้องแสร้งทำเป็นไร้เดียงสาแล้ว [กวีแห่งความรักผู้ยิ่งใหญ่] ก็ไม่มีเค้าของหญิงสาวผู้ไร้เดียงสาอีกต่อไป เธอหรี่ตาลงเหมือนสุนัขจิ้งจอกพลางถามด้วยสีหน้ายิ้มๆ
“อะแฮ่ม!”
คิ้วของแรนช์ขมวดเข้าหากันทันทีเมื่อเขาได้ยินเช่นนี้ เขากระแอมออกมาสองครั้ง
“อย่าพูดไร้สาระ การทรมานพลเมืองของเราถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย อาจตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีอาชญากรรมตามข้อบังคับของประมวลกฎหมายแห่งราชอาณาจักรฮัตตัน”
แรนช์อธิบายอย่างจริงจัง
“ฉันไม่มีเจตนาที่จะฝ่าฝืนกฎหมาย ฉันเข้าร่วมการสอบของอาณาจักรด้วยกลยุทธ์ตามปกติ”
“?”
[กวีแห่งความรักผู้ยิ่งใหญ่] ขมวดคิ้วพร้อมกับตกตะลึงไปสองวินาที
เธอกระพริบตาปริบๆ พลางจ้องมองเข้าไปในดวงตาสีมรกตอันสดใสของแรนช์ มันดูกระต่างใสไร้มลทิน
คำพูดของคนๆ นี้ดูเหมือนจะเป็นการส่งเสริมกฎหมายมากกว่าเป็นคำสแลงทางศีลธรรม
“จุ๊ๆ”
เธอแอบเดาะลิ้นของตัวเอง จากนั้น [กวีแห่งความรักผู้ยิ่งใหญ่] ก็สลายตัวกลายเป็นกลุ่มแสง ควบรวมกันอีกครั้งในมือของแรนช์ เปลี่ยนกลับไปเป็นการ์ดเวทมนตร์ที่มีออร่าสีส้มหุ้มไว้
“นายท่าน ท่านต้องแข็งแกร่งขึ้นไวๆ เพื่อที่ข้าจะได้อยู่ข้างนอกและเพลิดเพลินกับความสุขได้อย่างอิสระ”
เสียงสะท้อนอันคมชัดของ [กวีแห่งคงามรักผู้ยิ่งใหญ่] พร้อมรอยยิ้มอันแสนหวานดังก้องไปทั่วทุ่งหญ้าที่ว่างเปล่า
แรนช์เก็บการ์ดเวทมนตร์กลับมาพลางส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
แม้ว่าเขาจะมีมานาให้ใช้ได้อย่างไม่จำกัด แต่เขาไม่สามารถปล่อยวิญญาณร้ายตนนี้ออกมาและทำทุกอย่างตามที่เธอต้องการได้เด็ดขาด
เธอมีความสามารถในการเปลี่ยนสถานที่ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ด้านลบให้กลายเป็นโรงพยาบาลอาร์คัมได้ทันที
แม้ว่าวัตถุอัญเชิญประเภทมีจิตสำนึกของตนเองจะต้องใช้มานาเท่านั้นถึงจะปรากฏตัวบนโลกแห่งความเป็นจริงได้ แต่บางครั้งวัตถุอัญเชิญระดับสูงก็มักจะกลายเป็นผู้ช่วยที่ดีสำหรับเจ้าของ และแม้กระทั่งปกป้องตัวเจ้าของเอง
แต่ [กวีแห่งความรักผู้ยิ่งใหญ่] มีบุคลิกแย่มาก
เธอไม่ค่อยเชื่อฟังแรนช์สักเท่าไหร่ ยกเว้นเมื่อเขาเผชิญกับสถานการณ์ที่เธอสามารถทรมานและหยอกล้อผู้คนได้
“ครั้งต่อไปที่ฉันเรียกเธอออกมา เธอต้องทำความดีและสะสมบุญกุศล”
แรนช์แอบสาบานในใจ
[กวีแห่งความรักผู้ยิ่งใหญ่] เป็นการ์ดเวทมนตร์ที่สามารถนำพาความสุขและความรื่นเริงมาสู่ทุกคน
การบังคับระงับความโกรธของศัตรูอาจกล่าวได้ว่าเป็นการรักษาผู้คนรูปแบบหนึ่ง
วันนี้ยังคงเป็นวันที่เต็มไปด้วยบุญกุศล
หลังจากเก็บการ์ดทั้งหมดกลับคืน พ่อเทพบุตรแรนช์ก็ก้าวออกจากโลกแห่งภาพฉายแบบจำลอง
...
อาคารการเรียนรู้และการศึกษา ห้องโถงรอสอบชั้นเจ็ด
พื้นที่เปิดโล่งกว้างขวางล้อมรอบด้วยผนังม่านกระจกสูงตระหง่าน แสงแดดส่องอย่างทั่วถึงบนกระเบื้องปูพื้นหินอ่อน เสาไฟทรงกลมสีทองอ่อนๆ บนโดมเปรียบเสมือนจุดสำคัญของห้องโถงที่ทอดยาวจากพื้นจรดเพดาน แสงแดดและอากาศไหลเวียนได้อย่างอิสระผ่านช่องเปิดแบบวงกลม
ในขณะนี้พระอาทิตย์ขึ้นสู่จุดสูงสุดแล้ว น้ำใสของสระภายในห้องโถงส่องแสงระยิบระยับ ต้นไม้สีเขียวโดยรอบสะท้อนเงาลงบนสระน้ำ ซึ่งทำให้แรนช์ผู้เพิ่งกลับมายังห้องโถงรอสอบจากโลกแห่งภาพฉายรู้สึกถึงความผ่อนคลายและสบายใจ
อย่างไรก็ตาม แรนช์มองไปรอบๆ และพบว่าอาจารย์เทเรซ่าซึ่งแต่เดิมเป็นผู้จัดคิวสอบได้หายไป
ตามสามัญสำนึก อาจารย์เทเรซาซึ่งรับผิดชอบเรื่องนี้ ควรจะต้องอธิบายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการรับเข้าเรียนหลังจากสอบผ่านได้ระยะหนึ่งแล้ว
อย่างไรก็ตาม แรนช์สังเกตเห็นเปลหามกำลังถูกรีบนำออกไปโดยเจ้าหน้าที่ทีมแพทย์นอกห้องตรวจ และด้านหลังก็คืออาจารย์เทเรซาที่กำลังยุ่งอยู่กับการสื่อสารกับพวกเขา ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจได้ทันที
ดูเหมือนอาจารย์เทเรซาจะยุ่งอยู่กับการติดตามอาการของผู้คุมสอบเฟอร์ราต ดังนั้นเธอจึงต้องปลีกตัวออกจากห้องสอบไปครู่หนึ่ง
สถานการณ์ตอนนี้คือผู้สมัครกลุ่มที่สองซึ่งกำลังจะเริ่มสอบก็ถูกปล่อยให้รออยู่ในห้องสอบเช่นกัน โดยไม่มีผู้รับผิดชอบในการกำหนดเวลาเข้าเกท
“เห้อ ถ้าออกมาเร็วกว่านี้คงอาจจะเข้าไปช่วยได้”
แรนช์ผู้กระตือรือร้นและนิสัยดีจะต้องช่วยแน่นอนเมื่อเห็นคู่ต่อสู้ของตัวเองต้องถูกเปลหาม
“...”
ในห้องสอบ ไฮพีเรียนที่บังเอิญได้ยินแรนช์พึมพำกับตัวเอง อดไม่ได้ที่จะมองดูเขา
หากเมื่อกี้เฟอร์ราตยังมีสติอยู่เล็กน้อย
เมื่อเขาเห็นแรนช์มาช่วยยกตัวเองขึ้นเปลหาม
เกรงว่าเขาคงจะสลบไปทันที…
ขณะนี้ไฮพีเรียนรู้สึกว่าแรนช์อำมหิตมาก
แต่เมื่อมองดูสีหน้าที่จริงใจและไร้เดียงสาของเขา เธอก็ไม่รู้สึกเช่นนั้นอีกต่อไป
เขาอาจจะค่อนข้างซื่อบื้อนิดหน่อย
(จบตอน)
โรงพยาบาลอาร์คัม คือชื่อโรงพยาบาลจิตเวชในแบทแมน