Chapter 445 ข้าไม่ควรให้เจ้าสำนักจุนรับบทเช่นนี้เลย
หลายวันมานี้ เจ้าเมืองเซี่ยที่ยืนอยู่บนกำแพงเมือง เฝ้ามองความเป็นไปตลอดเวลา.
ทว่าเขาไม่มีความมั่นใจเลยแม้แต่น้อย ฝ่ายตรงข้ามที่มีหน้าไม้ระเบิดปิศาจ สามารถที่จะทำลายกำแพงและประตูเมืองได้อย่างง่ายดาย.
ภายในเมือง บนลานกว้าง.
ทหารเมืองชิงหยางจำนวน 50,000 คน แม้นว่าจะดูพร้อมเพรียงเป็นอย่างมาก ทว่ากับมีระดับเพียงศิษย์ยุทธ์ขั้นสามและสี่เท่านั้น.
กองกำลังเหนือพยัคฆ์นั้น มีพลังที่เหนือกว่ากองกำลังเคลื่อนที่เร็วของเหมี่ยวก้วยมาก ด้วยระดับทหารเหล่านี้ ยากจะต้านทานได้.
“เจ้าสำนักจุน.”
เซี่ยกวนคุนที่ก้าวขึ้นมาบนเวที “นี่คือทัพของเมืองชิงหยาง.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย ”เจ้าเมืองเซี่ยคงจะลงทุนไปมาก.
เซี่ยกวนคุนที่ได้ยิน รู้สึกน้ำตาแทบไหลอาบแก้ม.
ทหารห้าหมื่น ในการฝึกฝนทุก ๆ วันนั้นจำเป็นต้องจ่ายค่าจ้าง อุปกรณ์ อาวุธ แม้แต่ค่ารักษาจากอาการบาดเจ็บ เป็นค่าใช้จ่ายที่สูงเป็นอย่างมาก.
เสวี๋ยเหรินกุยที่ส่งเสียงผ่านวิญญาณ “เจ้าสำนัก ทหารที่เจ้าเมืองเซี่ยฝึกฝนขึ้นมานั้น ยากจะต้านกำลังเหนือพยัคฆ์ของเถาหยวนได้ ข้าคิดว่าควรให้ศิษย์ของพวกเราปกป้องเมืองดีกว่า.”
จุนซ่างเซียวที่ครุ่นคิดเหมือนกัน.
เขาไม่สามารถไว้วางใจทหารของเซี่ยกวนคุนได้ ด้วยการปกป้องเมืองชิงหยางนั้น เกี่ยวพันถึงภารกิจ จึงทำให้เขาต้องใส่ใจเรื่องนี้เป็นอย่างมาก.
“เจ้าเมืองเซี่ย.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “หากเชื่อใจเปิ่นจั้ว ให้สำนักไท่กู่เจิ้งเป็นคนเฝ้ากำแพงเมืองเอง.”
“คงต้องรบกวนเจ้าสำนักจุนแล้ว.”
เซี่ยกวนคุนเองก็ไม่มีความมั่นใจเช่นกัน ดังนั้นจึงมอบหน้าที่สำคัญให้กับจุนซ่างเซียว.
สำนักไท่กู่เจิ้งที่ใช้เวลาเพียงหนึ่งปีก็กลายมาแข็งแกร่ง บางทีการป้องกันเมือง คงจะสามารถทำได้เช่นกัน.
“ทหาร 50,000 นี้มอบให้อยู่ในการควบคุมของเจ้าสำนักจุนก็แล้วกัน.”
เซี่ยกวนคุนที่ส่งกำลังทหารทั้งหมดออกมา เห็นชัดเจนว่า เขานั้นต้องการเดิมพันกับจุนซ่างเซียวทั้งหมด.
“ไม่จำเป็น.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “ให้ทหารของท่านพักอยู่ในเมือง รอคอยเสริมกำลัง ตอนนี้มอบหน้าที่ทั้งหมดให้สำนักไท่กู่เจิ้งก็พอ.”
เจ้าเมืองเซี่ยถึงกับมุมปากกระตุก.
แม้นว่าทหารทั้ง 50,000 นั้น จะไม่ใช่ทหารชั้นยอด จะดีจะร้ายก็นับว่ามีพลังอยู่ เจ้าสำนักจุนกับไม่ใช้ ทำให้เขารู้สึกขาดความมั่นใจไปเหมือนกัน!
ฟิ้ว!ฟิ้ว! ฟิ้ว!
ในเวลานั้น ศิษย์ทั้งพันของศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งที่เข้าประจำกำแพงเมือง ติดตั้งค่ายกลรอบ ๆ กำแพงเมือง.
เมืองชิงหยางนั้นมีขนาดใหญ่ และกำแพงเมืองเองก็มีขนาดใหญ่เช่นกัน.
คนทั้งหนึ่งพันคน ที่ยืนประจำบนกำแพงเมืองนั้น ทำให้เกิดช่องว่างเป็นอย่างมาก.
ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งที่ประจำตำแหน่ง ยืนยืดอกอย่างอหังการ กวาดตามองลงไปยังด้านล่าง แผ่กลิ่นอายที่หนักหน่วงออกมา.
เหล่าประชาชนคนธรรมดา ที่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายดังกล่าว ก็รู้สึกปลอดภัยอย่างไร้เหตุผล!
ก่อนหน้านี้เจ้าเมืองเซี่ยที่ยังกังวลและสงสัยเล็กน้อย ทว่าในเวลานี้กับรู้สึกเคารพอีกฝ่ายอย่างล้ำลึก!”
“เจ้าสำนักจุน!”
เขาที่ตะโกนออกมาเสียงดัง “ประชาชนเมืองชิงหยาง 3.6 ล้านคน หวังว่าจะร่วมเป็นร่วมตายพร้อมกับท่าน!”
“หวังว่าจะร่วมเป็นร่วมตายพร้อมกับท่าน!”ทหารห้าหมื่นที่ตะโกนออกมาอย่างพร้อมเพรียงเช่นกัน.
“หวังว่าจะร่วมเป็นร่วมตายพร้อมกับท่าน!” ประชาชนหนึ่งล้านในเมือง ก็ตะโกนออกมาเสียงดัง.
ในเวลานั้น เสียงที่น่าพรั่นพรึงที่กู่ก้องราวกับจะไปถึงสวรรค์ตลบอบอ่วนด้วยอารมณ์ที่หนักแน่น ผ่านไปยาวนานยากจะหยุดลง.
บรรยากาศที่เคร่งขรึมนี้ ทำให้โลหิตของทุกคนสูบฉีดแทบทะลักล้นออกมา!
จุนซ่างเซียวที่อยู่บนป้องปราการ สีคางไปมา แววตาของเขาที่เป็นประกาย ก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงเบา “มีสำนักไท่กู่เจิ้งอยู่ จะไม่มีใครทะลวงเมืองชิงหยางได้.”
“ฟรุบ!”
เซียวจุ้ยจื่อที่ประจำที่ลอบสังเกตการณ์จากพื้นที่สูง มีทั้งสไนเปิลไรเฟิลรูปแบบ 88 และ ไรเฟิล AWM ที่เวลานี้ถูกโหลดกระสุนเต็มแมกกาซีน.
ทันทีที่ทัพของมนทลเจิ้นหยางบุกเข้ามา ก็พร้อมที่จะยิงออกไปได้อย่างต่อเนื่อง.
ด้วยการเตรียมตัวที่พร้อมเพรียงจะทำให้ไม่เสียเวลาสักนิดในการยิงติดต่อกัน.
บนป้อมอีกสองจุด สมาชิกของหอฝนพรำที่ประจำที่ซุ่มยิงด้วยเช่นกัน.
สามจุดซุ่มยิง ที่มีเทวะเปลี่ยนรูป ไรเฟิล AWM ที่พร้อมจะปลดปล่อย.
นอกจากจุดของเซียวจุ้ยจื่อที่มีร่างกายที่แข็งแกร่ง อีกสองจุดนั้นมีคนคอยเปลี่ยนการซุ่มยิงด้วยเช่นกัน เพราะแรงดีดของปืนนั้นยากจะยิงติดต่อกันเป็นเวลานานได้.
ในจุดซุ่มยิงไม่ไกล ก็มีศิษย์ที่ถือโล่เหล็กกล้าคอยปกป้องด้วยเช่นกัน.
นอกจากนี้พวกเขายังมีหน้าไม้ระเบิดปิศาจที่ได้มากจากทัพของเหมี่ยวก้วยด้วย ตอนนี้พวกเขามีลูกศรคนล่ะห้าลูก.
ภายในเมือง หอขี่หมาป่าที่นำโดยจงอี้ ก็เตรียมพร้อม สมาชิกหมาป่าเฮอริเคนทั้งพัน แผ่กลิ่นอายที่น่าเกรงขามออกมา!
“รู้สึกคันไม้คันมือแล้ว.”
“จะบุกก็รีบบุกมา!”
ซูเซียวโม่และลี่เฟยที่อยู่บนกำแพงเมือง พวกเขาที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่ลุกโชน.
ลู่เชียนเชียน หลี่ชิงหยาง เถียนซี เย่ซิงเฉิน หลงจื่อหยางและศิษย์สายใน พวกเขาที่ประจำอยู่บนกำแพงเมืองเช่นกัน.
เจียงเซี่ยที่นั่งบัญชาการอยู่ทางทิศเหนือ ที่มุมปากเผยยิ้มปริ่มออกมา.
การเตรียมพร้อมทำสงคราม ทำให้สำนักไท่กู่เจิ้งไม่ต่างจากนักรบระดับสูง!
“เจ้าสำนัก.”
เสวี๋ยเหรินกุยที่ก้าวเข้ามาบนป้อมปราการ เอ่ยออกมาว่า “ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว.”
“อืม.”
จุนซ่างเซียวที่พยักหน้ารับ.
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
ในเวลาเดียวกัน เสียงสายลมที่หวีดหวิวดังมาจากทางทิศเหนือ จากพื้นที่ไกลออกไปฝุ่นควันที่ลอยคละคลุ้ง ราวกับพายุทรายกำลังหมุนกวาดสาดซัดกำลังเคลื่อนที่มาด้วยความเร็ว.
กุบ กุบ กุบ!
เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เห็นชัดเจนว่ากำลังเคลื่อนที่เข้าหาพวกเขาด้วยความเร็ว!
“มาแล้ว!”
หัวใจของเจ้าเมืองเซี่ยที่เต้นไปมาทันที.
ประชาชนในเมืองเองก็ใจเต้นแรงเช่นกัน ต้องไม่ลืมว่านี้คือการบุกเข้าโจมตีของทัพมนทลเจิ้นหยาง ดินแดนระดับหก!
จุนซ่างเซียวที่ยืนบนกำแพงเมือง มุมปากกระตุก เผยยิ้มบาง เอ่ยออกมาว่า “หากสำเร็จภารกิจวันนี้ ข้าก็จะกลายเป็นกษัตริย์สองวิถี ยุทธ์และกระบี่ได้.”
“ฮี่ ฮี่ ฮี่!”
เพียงไม่นาน ที่ด้านนอกเมืองห่างออกไปพันจั้ง ควันที่ตลบอบอวลค่อย ๆ สลายหายไป กองกำลังทหารม้าที่ประจำแถวนับ 20,000 คน สวมชุดเกราะรบจัดแถวเป็นระเบียบ ดูน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก.
กึก! กึก! กึก!
อีกหนึ่งหมื่น ทหารราบที่สวมชุดเกราะหนัก ถือหอกก้าวเดินอยู่ข้าง ๆ ทหารม้า.
กลิ่นอายที่พวกเขาแผ่ออกมานั้น ดูทรงพลังมากกว่าทหารเคลื่อนที่เร็วของเหมี่ยวก้วยก่อนหน้านี้มาก.
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!”
ทหารข้าศึกปรากฏ กระจายออกไปรอบทิศ บนกำแพงเมืองมีศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้ง ที่ยืนประจำอยู่กำแพงทิศเหนือ.
พวกเขาที่จดจ้องมองมายังด้านล่าง.
ทัพสามหมื่นคนของมนทลเจิ้นหยาง เต็มไปด้วยความฮึกเหิม.
บนกำแพงเมือง ที่มีคนเพียงพันคนเท่านั้นที่เฝ้าป้องกันกำแพงเมือง!
นี่...ดูเบาบางเป็นอย่างมาก.
ในวันนี้ เพลิงสงครามที่มาถึงมนทลชิงหยางแล้ว ทว่ากับมีคนเพียงพันกว่าคนบนกำแพงที่ปกป้องเมืองที่มีประชากร 3.6 ล้านคน.
หากจะกล่าวตรง ๆ ล่ะก็ เป็นอะไรที่คาดไม่ถึงเป็นอย่างมาก.
“แม่ทัพ.”
ทัพของมนทลเจิ้นหยาง 30,000 คน ที่หยุดอยู่กับที่ รองแม่ทัพที่ชี้ไปยังป้อมปราการเอ่ยออกมาด้วยความประหลาดใจ “มีใครบางคนที่นั่งอยู่ด้านบน!”
เถาหยวนที่จ้องมองขึ้นไปเห็นผู้เยาว์ที่ดูเหมือนมีอายุเพียงสิบห้าสิบหกปี ที่กำลังนั่งมองลงมายังทัพที่ยิ่งใหญ่ของตน.
“พวกเราที่บุกมา น่าจะได้รับข่าวแล้ว ทว่าทำไมถึงได้เตรียมทหารเพียงเท่านี้ป้องกันกำแพงเมืองกัน?”รองแม่ทัพที่เผยความสงสัยออกมา.
“หรือว่าพวกเขาคิดว่าไม่สามารถต้านทานกองกำลังเหนือพยัคฆ์ได้ จึงได้ส่งคนมาเพียงคนเดียว เพื่อที่จะเจรจากับพวกเราหรือไม่?”แม่ทัพเถาเอ่ย.
เถาหยวนที่กระชับม้า ออกไป ตะโกนขึ้นไปยังเมืองชิงหยาง “ที่นั่งอยู่บนป้อมนั้น คือเจ้าเมืองชิงหยางหรือไม่?”
เซี่ยกวนคนที่ได้ยินเสียงดังกล่าวในเมือง มุมปากกระตุกไปมา ก่อนที่จะเอ่ยออกมาว่า “ข้าไม่ควรให้เจ้าสำนักจุนรับบทเช่นนี้เลย!”