Chapter 442 รออย่างกังวล
“แม่ทัพห้าดาวอย่างงั้นรึ?”
จุนซ่างเซียวที่เผยท่าทางประหลาดใจออกมา.
แม้นว่าจะไม่เข้าใจการจัดแบ่งระดับของแม่ทัพในโลกใบนี้ ทว่าน่าจะมีระดับชั้นเหมือนกับในโลกเดิมของเขา.
ระบบอธิบาย “ในทวีปชิงหยุนนั้น มีคนที่เป็นแม่ทัพระดับห้าดาว ที่มีชื่อเสียงแทบจะนับมือได้อย่างแน่นอน.”
“แล้วไป๋รุ่ยหู่ล่ะ?”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
ระบบเอ่ย “ตามข้อมูลที่ข้าได้รับมา แม้นว่าไป๋รุ่ยหู่จะเป็นคนที่มีชื่อเสียงหนึ่งในแม่ทัพใหญ่ของจังหวัดซีเหนียนหยาง ทว่าระดับแม่ทัพระดับทวีปมีระดับเพียงสามดาว.”
“เย็ดเข้!”
จุนซ่างเซียวที่เผยท่าทางประหลาดใจออกมา “ถางจู่เสวี๋ยร้ายกาจขนาดนั้นเลย.”
นี่มันเกินกว่าว่าร้ายกาจแล้ว.
แม่ทัพห้าดาว ที่ถูกจัดอันดับระดับทวีป มีไม่ถึงยี่สิบคน ไม่เพียงแค่มีชื่อเสียง ทว่านับว่ามีความแข็งแกร่งด้วย.
“เจ้ารู้จักข้าด้วยรึ?”เสวี๋ยเหรินกุยเผยท่าทางประหลาดใจ.
เหมี่ยวก้วยเอ่ย “ในอดีตข้าเคยตามแม่ทัพไป๋ไปยังจังหวัดจงจุน เคยพบกองกำลังของแม่ทัพเสวี๋ยทะลวงทัพกองกำลังใหญ่โดยบังเอิญ.”
น้ำเสียงของเขา ที่เอ่ยกล่าวเพื่อสร้างความสนิทสนมหวังว่าจะมีชีวิตรอด.
“เป็นเช่นนี้นะเอง.”
เสวี๋ยเหรินกุยเอ่ย จากนั้นก็ไม่กล่าวอะไรต่อไปอีก.
“ฆ่า.”จุนซ่างเซียวเอ่ยออกมาอย่างนุ่มนวล.
“แม่ทัพเสวี๋ย!”เหมี่ยวก้วยใบหน้าเปลี่ยนสีเอ่ยออกมาว่า “โปรดเห็นแก่พวกเราอยู่ในวงการทหารด้วยกัน ไว้ชีวิตข้าด้วย.”
เสวี๋ยเหรินกุยหันหน้าจ้องมอง “ทหารมีหน้าที่ปกป้องบ้านเกิดและดินแดนของตน ถึงจะมีขยายดินแดนบ้าง หากแต่ไม่เคยมีใครที่เป็นดั่งมือสังหารฆ่าล้างประชาชนผู้บริสุทธิ์.”
“จะให้กล่าวอีกล่ะก็.”
เขาหยุดและเอ่ยต่อ “ข้าไม่ใช่ทหารอีกต่อไป และไม่คู่ควรที่จะเป็นทหารด้วย.”
“แม่ทัพ......”
พรึดซี่ ----
ริ้วแสงกระบี่ที่เคลื่อนผ่าน ศีรษะของเหมี่ยวก้วยที่ขาดหลุดลงบนพื้นทันที.
ดวงตาของเขาที่เบิกกว้าง เห็นชัดเจนว่าไม่คาดคิดว่าตัวเองจะตาย.
เขาที่กุดหัวผู้คนมากมาย ท้ายที่สุดก็ต้องถูกกุดหัวคืน ถือว่าเป็นบาปกรรมที่เขาต้องได้รับ.
“ติ๊ง! ทำลายกองกำลังเคลื่อนที่เร็วของทัพพยัคฆ์ขาว สังหารแม่ทัพแนวหน้าเหมี่ยวก้วย สำเร็จภารกิจลับ ภารกิจมากาพย์สมบูรณ์ 10% โฮสน์ได้รับ 500 แต้มสนับสนุน.”
“ติ๊ง! คะแนนสนับสนุน : 3892 / 5000.”
หลังจากได้ยินเสียงแจ้งเตือน จุนซ่างเซียวที่ลอบคิดในใจ “ดูเหมือนว่าการปกป้องเมืองชิงหยาง จะมีภารกิจที่ซ่อนเอาไว้ด้วยจริง ๆ.”
10% ได้รับ 500 แต้ม เช่นนั้น 100% ไม่ได้ 5000 หรอกรึ?
หากสมบูรณ์มากกว่านั้น เป็นไปได้ว่าจะได้รับรางวัลที่มากยิ่งกว่านี้.
“มา เข้ามาเลย.”
แววตาของจุนซ่างเซียวที่เป็นประกาย “กองทัพมนทลเจิ้นหยาง รีบมาให้ข้าสังหารเร็ว ๆ!”
......
ทัพหนึ่งพันทำลาย 10,000 จำนวนมากไม่ได้หมายความว่าแข็งแกร่งเสมอไป ยังมีปัจจัยอีกหลายอย่าง เช่นสัตว์ขี่ อุปกรณ์และพลังบ่มเพาะของทหาร.
ที่ร้ายกาจที่สุด กองกำลังขี่หมาป่าไม่มีใครตายในสนามรบ แม้แต่บาดเจ็บยังไม่มีเลย.
กองกำลังหมื่นคนของเหมี่ยวก้วยที่ถูกทำลาย ส่วนหนึ่งเพราะม้าศึกของพวกเขาตื่นตระหนกไม่สามารถควบคุมได้ จนพวกเขาไม่มีเวลาโต้กลับการโจมตีของกองกำลังขี่หมาป่าได้.
จุนซ่างเซียวที่ส่ายหน้าไปมา “ไม่มีอะไรท้าทายเลย.”
“เจ้าสำนัก.”
เสวี๋ยเหรินกุยเอ่ย “กองกำลังเคลื่อนที่เร็วของเหมี่ยวก้วย ไม่ใช่กองกำลังระดับสูงของทัพพยัคฆ์ขาว ทัพหมื่นคนนี้ไม่คู่ควรให้กล่าวถึงแม้แต่นิดเดียว.”
“อืม.”
จุนซ่างเซียวพยักหน้ารับ.
อย่างไรก็ตาม การปะทะกันครั้งแรกได้ชัยชนะ ก็ถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง.
กองกำลังเคลื่อนที่เร็วถูกทำลายทั้งหมด เป็นไปตามกฎเดิม ทุกคนที่เริ่มเก็บสินสงคราม.
ในแหวนมิติของเหล่าทหาร ไม่มีแม้แต่ทรัพยากรฝึกฝนหรือเงินสักแดง ทว่าพวกเขานั้นมีหน้าไม้ระเบิดปิศาจ และลูกอยู่ด้วยคนล่ะสองลูก.
ในเวลานี้ พวกเขาสามารถยืนยันได้แล้วว่า ทัพเหล่านี้ มีอาวุธอะไรอยู่บ้าง.
“จะดีจะร้ายก็เป็นกองกำลังใหญ่ แต่กับแทบไม่มีของมีค่าเลย.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
เสวี๋ยเหรินกุยเอ่ย “เมื่ออยู่ในสนามรบ ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นหรือตาย ทหารย่อมไม่พกทรัพยากรฝึกฝนเอาไว้อยู่แล้ว.”
“นั่นก็ใช่.”
จุนซ่างเซียวที่ใช้เพลิงประณีตเผาร่างของทหารไปทั้งหมด และสั่งศิษย์ทำความสะอาดสนามรบ.
“ฟิ้ว ฟิ้ว!”
สายลมที่พัดโบกเนินเขา.
สนามรบที่เต็มไปด้วยโลหิต เวลานี้ไม่มีอะไรเหลืออยู่แล้ว.
......
เมืองโซวหยาง
เจ้าเมืองหานที่กระวนกระวายใจนั่งไม่ติด ใบหน้าแววตาเคร่งขรึม.
เขาเพิ่งได้รับข่าวว่า ทัพเคลื่อนที่เร็วของมนทลเจิ้นหยาง 10,000 นาย ได้ทำลายเมืองชิงหลิงมนทลฮวยหยางแล้ว และอาจจะเลยข้ามมาโจมตีเมืองของเขาต่อ.
“เจ้าเมือง.”
แม่ทัพที่สวมเกราะรบ กล่าวออกมาว่า “เมืองโชวหยางมีทหาร 50,000 นาย น่าจะต้านพวกเขาเอาไว้ได้!”
เจ้าเมืองหานที่ส่ายหน้าไปมา “ทัพดังกล่าวนั้นนำโดยแม่ทัพมือสังหารเหมี่ยวก้วย กองกำลังของเขามีหน้าไม้ระเบิดปิศาจ ถึงทหารเมืองโชวหยางจะมีมากกว่า ก็อาจจะไม่สามารถต้านทานเอาไว้ได้.”
“.....”แม่ทัพที่กลายเป็นเงียบไปในทันที.
หน้าไม้ระเบิดปิศาจ แน่นอนว่าเขาเคยได้ยินมาบ้างเหมือนกัน ลูกศรที่ยิงออกไปนั้นจะระเบิดแม้แต่ทำลายประตูเมืองได้ง่าย ๆ.
หากศัตรูมีอาวุธดังกล่าว ก็ยากจะป้องกันได้จริง ๆ.
“เฮ้อ.”
เจ้าเมืองหานที่ถอยหายใจ “ปล่อยตามบุญตามกรรม!”
เขาที่เข้าใจดี ว่าไม่มีพลังที่จะต้าน ทว่าก็ไม่สามารถที่จะยอมหดหัวได้ นี่คือเมืองของเขา เขาไม่สามารถยอมให้ประชาชนกลายเป็นทาสได้!
อย่างไรก็ตาม.
หลังจากรอไปได้สามวัน กองกำลังเคลื่อนที่เร็วก็ยังไม่บุกมา ทำให้เจ้าเมืองหานงงงวย.
แม่ทัพคนดังกล่าวเผยด้วยความสงสัย “เจ้าเมือง ด้วยความเร็วของพวกเขาแล้ว ควรจะมาถึงนานแล้ว ทำไมยังไม่ปรากฏกัน?”
“บางทีฝ่ายตรงข้ามคงรอให้พวกเราประมาทแล้วบุกโจมตีในทันที.”เจ้าเมืองหานที่วิเคราะห์.
แม่ทัพคนดังกล่าวเอ่ย “เกี่ยวกับข้อมูลที่ข้าได้มา แม่ทัพเหมี่ยวก้วยนั้น ตั้งแต่เข้ามาในมนทลชิงหยาง ก็เหมือนว่าจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย.”
“นี่เป็นสถานการณ์ที่น่ากลัวที่สุด!”
เจ้าเมืองหานที่เร่งรีบกล่าวออกไปอย่างรีบเร่ง “ให้ทหารทุกนายตื่นตัวตลอดเวลา ห้ามประมาทโดยเด็ดขาด.”
“รับทราบ.”
ทหารเมืองโชวหยาง ที่ปกป้องเฝ้าประตูเมืองทั้งวันทั้งคืน หวาดกลัวว่าศัตรูจะจู่โจมทันทีโดยที่พวกเขาไม่ตั้งตัว.
หลังจากที่กลับสำนัก จุนซ่างเซียวก็ได้รับข่าว เพื่อไม่ให้เจ้าเมืองหานตกอกตกใจ จึงได้เขียนสารแจ้งไป.
เนื้อความนั้นเอ่ยว่าทหารที่รุกรานดินแดนนั้นได้ถูกกำจัดแล้ว ขอให้สบายใจได้.
เจ้าเมืองหานหลังจากได้รับสารที่ไม่มีชื่อผู้ส่ง ก็แค่นเสียงเย็นชา “นี่เพียงแค่กลศึกง่าย ๆ เท่านั้น คิดว่าพวกเราจะเชื่ออย่างงั้นรึ?”
หลังจากนั้น เมืองโซวหยาง ก็รักษาการเฝ้าระวังที่เข้มข้นมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีก.
“ดี.”
จุนซ่างเซียวที่นั่งอยู่ในห้องโถงได้รับข่าวล่าสุดมา ก็เอ่ยออกมาว่า “ในเมื่อเจ้าเมืองหานมีจิตใจที่ฮึกเหิมขนาดนั้น ก็ให้เขาทำตามใจเถอะ.”
“เจ้าสำนัก.”
ลี่ลั่วฉิวเอ่ย “เพราะว่าทัพเคลื่อนที่เร็วของเหมี่ยวก้วยที่จู่ ๆ หายไป ทำให้ทหารมนทลเจิ้นหยางที่ปกป้องเมืองชิงหลิงไม่ลงมือกระทำอะไรต่อ.”
“แล้วมนทลเหอหยางล่ะ?”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
ลี่ลั่วฉิวเอ่ย “มีเมืองสองแห่งแตกแล้ว ด้วยความเร็วดังกล่าว หากต้องการยึดอีกสิบเมืองที่เหลือ อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาหนึ่งถึงสองเดือน.”
“ยังมีเวลาอีกเล็กน้อย.”จุนซ่างเซียวกล่าวเสียงเบา.
......
หลายวันหลังจากนั้น รายงานก็ถูกส่งมาด้วยวิชาเสียงผ่านวิญญาณมายังสำนักไท่กู่เจิ้ง ได้ทำให้จุนซ่างเซียวต้องเฝ้าระวังด้วยเช่นกัน.
“เจ้าสำนัก.”
หลี่ชิงหยางเข้ามารายงาน “ศิษย์น้องและศิษย์น้องหญิงทุกคน ตัดผ่านไปถึงระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นปลายกันทุกคนแล้ว.”
เพื่อที่จะเตรียมสงคราม จุนซ่างเซียวที่มอบทั้งหินวิญญาณและเม็ดยาจำนวนมาก ทำให้ศิษย์ทุกคนตัดผ่านไปยังระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นปลายได้ทั้งหมด ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล.
“ตอนนี้......”
จุนซ่างเซียวที่สีคางไปมา “รอแค่วัตถุดิบหลอมเม็ดยาอาจารย์ยุทธ์เท่านั้น.”
เพราะดินแดนเพื่อนบ้านที่สุ่มเสียง ทัพของมนทลเจิ้นหยางอาจจะเข้ายึดเมืองทั้งหมดได้ในเร็ว ๆ นี้ ไม่สามารถบอกได้ว่าอาจจะเร็วขึ้นหรือช้าลงได้.
หลังจากนั้นไม่นาน.
เหล่าเหว่ยก็ส่งแหวนมิติให้กับเขา “เจ้าสำนัก สมุนไพรเติบโตพร้อมแล้ว.”
จุนซ่างเซียวที่รับมา เปิดฟังชันหลอมยา ปรากฏจำนวนเม็ดยาอาจารย์ยุทธ์ที่หลอมได้ถึงจำนวน 4,000 เม็ด!
ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมมาก!
หลอม ต้องรีบหลอม!