Chapter 440 คิดอะไรได้สิ่งนั้น!
จุนซ่างเซียวที่รอการบุกของมนทลเจิ้นหยาง แน่นอนเขาย่อมหวังให้มนทลเหอหยางและมนทลฮวยหยางช่วยถ่วงเวลาเอาไว้ เพื่อที่จะทำให้เขาพัฒนาตัวเองขึ้นไปอีก.
อย่างไรก็ตาม กับไม่ได้เป็นดั่งที่หวัง.
ไม่กี่วันหลังจากนั้น เจ้าเมืองเซี่ยที่กล่าวว่ามีเวลาเพียงหนึ่งเดือน คนของหอฝนพรำก็แจ้งข่าวมาว่า ผู้พิทักษ์ของมนทลฮวยหยางนั้นเลือกที่จะยอมจำนน.
“...”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “ขี้ขลาดจริง ๆ.”
ลี่ลั่วฉิวที่ส่ายหน้าไปมา “ผู้พิทักษ์มนทลยอมจำนน ก็ไม่ต่างกับการปล่อยให้ดินแดนเป็นไปตามยถากรรม เหล่าประชาชนที่น่าสงสาร คงต้องกลายเป็นทาสของมนทลเจิ้นหยาง.”
เลือกจำนนยอมแพ้ ยกบ้านเกิดให้กับคนอื่น ถึงจะมีชีวิตรอด แต่ก็ไม่เหลือศักดิ์ศรีใด ๆ อีกต่อไป.
เซี่ยกวนคุนที่ยืนหยัดไม่ยอมจำนน ปกป้องเมืองชิงหยางเพื่อเกียรติแล้วศักดิ์ศรีของตัวเอง.
“แต่ก็มีข่าวดีด้วยเหมือนกัน.”
ลี่ลั่วฉิวเอ่ย “เหล่าเจ้าเมืองของมนทลฮวยหยาง เลือกจะต่อสู้จนตัวตาย สามารถช่วยถ่วงเวลาให้กับพวกเรา.”
“ในโลกใบนี้ ก็มีคนที่ยืนหยัดไม่หวาดกลัวความตายเช่นกัน.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
ผู้พิทักษ์มนทลยอมจำนน ทว่าเหล่าประชาชนเลือกที่จะต่อต้าน แม้นจะบอกได้ว่าไม่สามารถต้านกองทัพหนึ่งแสนเอาไว้ได้ก็ตาม.
หากเป็นไปตามนี้ ทัพของมนทลเจิ้นหยางที่จะบุกเข้ามามนทลชิงหยาง ก็ต้องใช้เวลาสักเล็กน้อย.
ทำให้จุนซ่างเซียวสามารถต่อลมหายใจไปได้อีกหน่อย.
สิ่งที่เขารู้สึกยังไม่ค่อยพอใจนัก กับกองกำลังขี่หมาป่า เขาต้องการเวลา เพื่อเพิ่มความสามารถของศิษย์ขึ้นไปอีก.
“เหล่าเหว่ย.”
จุนซ่างเซียวที่เดินไปยังสวนสมุนไพรเอ่ยออกมาว่า “ใช้เวลานานเท่าไหร่ที่สมุนไพรจะเก็บเกี่ยวได้?”
ด้วยความจำเป็นในการหลอมเม็ดยารวมวิญญาณ เพื่อเพิ่มการดูดซับพลังวิญญาณ 20 เท่า และอีกอย่างคือสมุนไพรสำหรับหลอมเม็ดยาอาจารย์ยุทธ์ที่สมุนไพรยังไม่เติบโตพอ.
ในเวลานี้ศิษย์กว่า 1500 คน ที่อยู่ในระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นปลายแล้ว.
การจะตัดผ่านไปยังดินแดนยุทธ์ต่อไป พวกเขาจะต้องตระหนักและเข้าใจวิถียุทธ์มากกว่านี้ ซึ่งจำเป็นต้องใช้เวลานาน.
ด้วยเม็ดยาอาจารย์ยุทธ์ จะทำให้ทุกคนสามารถตัดผ่านระดับไปยังดินแดนอาจารย์ยุทธ์ได้ ซึ่งจะทำให้พลังต่อสู้แข็งแกร่งขึ้นเป็นอย่างมาก!
ดังนั้น เจ้าสำนักจุนจึงรู้สึกกระวนกระวายใจ.
เหล่าเหว่ยเอ่ย “ต้องใช้เวลาอีกครึ่งเดือน.”
“ครึ่งเดือนสินะ.”
จุนซ่างเซียวที่กล่าวในใจ “เป็นไปตามคำนวณ ศิษย์ทุกคนน่าจะสามารถตัดผ่านไปยังระดับอาจารย์ยุทธ์ขั้นปลายได้ทุกคน เมื่อถึงเวลานั้นจะต้องสามารถตัดผ่านไปยังระดับอาจารย์ยุทธ์พร้อม ๆ กันได้แน่!”
......
เพราะว่าดินแดนเพื่อนบ้านกำลังทำสงคราม ทำให้ท้องฟ้ามีกลิ่นอายที่อึมครึมปรากฏขึ้นที่ขอบท้องฟ้าไกล.
เหล่าประชาชนที่เผยความกังวลใจ จ้องมองด้วยความเหนื่อยล้าหวาดหวั่น.
หากมนทลชิงหยางตกอยู่ในมือศัตรู พวกเขาตระกูลต่าง ๆ ก็จะสูญเสียสถานะตัวเอง แม้แต่กลายเป็นประชาชนชั้นสอง หรือแม้แต่ถูกตีตราเป็นทาสอีกด้วย.
สิ่งที่พวกเขารู้สึกขอบคุณ.
เจ้าเมืองทั้งแปด ที่ไร้ความหวาดกลัว พร้อมที่จะตกตายไปพร้อมกับทุกคน!
จุนซ่างเซียวเอ่ย “ผู้พิทักษ์มนทลชิงหยาง แม้นว่าจะไม่รู้อยู่ที่ใหน ทว่าเจ้าเมืองก็เลือกที่จะต่อสู้จนตัวตายไร้ซึ่งความหวาดกลัว.”
“เจ้าสำนัก.”
ลี่ลั่วฉิวกล่าวรายงาน “เมืองชิงหลิง มนทลฮวยหยางตกอยู่ในมือศัตรูแล้ว เพราะว่าเจ้าเมืองต่อสู้ไม่ยินยอม ทำให้ทัพของมนทลเจิ้นหยางโจมตีอย่างหนักเมื่อเข้าเมืองได้...ประชาชนหนึ่งล้านคนถูกสังหารทั้งหมด.”
จุนซ่างเซียวที่ขมวดคิ้ว.
เสวี๋ยเหรินกุยเอ่ย “แม่ทัพที่บุกเมืองชิงหลิง คงจะเป็นเหมี่ยวก้วย?”
“ไม่ผิด.”ลี่ลั่วฉิวเอ่ย.
เสวี๋ยเหรินกุยเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา.“เป็นเขาจริง ๆ.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “ถางจู่เสวี๋ยรู้จักเขาอย่างงั้นรึ?”
เสวี๋ยเหรินกุยเอ่ยออกมาด้วยความโกรธ “เหมี่ยวก้วยนั้นเป็นแม่ทัพแนวหน้าของไป่รุ่ยหู่ มีฉายาว่าแม่ทัพนักฆ่า เขาเป็นคนที่ดุร้าย เขาสังหารคนทั้งเมืองด้วยความสุขมาหลายเมืองแล้ว แม้แต่คนนอกจังหวัด ยังได้ยินชื่อเสียงอันชั่วร้ายของเขาเลย.”
“แม่ทัพนักฆ่าอย่างงั้นรึ?”
จุนซ่างเซียวที่มุมปากกระตุกกล่าวด้วยความเหยียดหยัน “หากกล้าเข้ามาในมนทลชิงหยาง เปิ่นจั้วจะใช้ดวงวิญญาณของเขาเซ่นสังเวยดาบ.”
ในเวลานั้น ลี่ลั่วฉิวที่ได้รับข้อความจากผู้ใต้บังคับบัญชา “เจ้าสำนัก ข่าวล่าสุด เหมี่ยวก้วยหลังจากทำลายเมืองชิงหลิงแล้ว ได้นำกองกำลังเคลื่อนที่เร็ว 10,000 นาย มุ่งตรงมาทางตำแหน่งหุบเขาแห่งความตายมนทลชิงหยาง.”
เป็นความจริง....คิดสิ่งใดมักได้สิ่งนั้น!
เสวี๋ยเหรินกุยที่เริ่มกางแผนที่ตรวจสอบเส้นทางการเคลื่อนทัพของอีกฝ่ายทันที “เจ้าสำนัก ด้วยทัพเคลื่อนที่เร็วของเหมี่ยวกุย เป็นไปได้ว่าเขาต้องการโจมตีทางไกล เมืองโชวหยางอย่างแน่นอน.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “ควรรับมืออย่างไร?”
เสวี๋ยเหรินกุยที่ครุ่นคิดเล็กน้อย กล่าวออกมาว่า “ด้วยหอขี่หมาป่าของพวกเราเวลานี้สามารถล่าสังหารพวกเขาได้อย่างง่ายดาย.”
ด้วยจำนวนกองกำลังเคลื่อนที่เร็วของฝ่ายตรงข้ามที่มีจำนวนถึง 10,000 เป็นคนอื่นย่อมหวาดกลัว ทว่าเขากับบอกได้ว่าสามารถจัดการได้อย่างรวดเร็ว.
จุนซ่างเซียวที่สีจมูกไปมา กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “การป้องกันที่ดีที่สุด ก็คือการโจมตี ในเมื่อมนทลเจิ้นหยางกล้ารุกรานมนทลชิงหยางของข้า เช่นนั้นข้าจะให้พวกเขาไม่สามารถกลับออกไปได้.”
......
“กับ กุบ กับ!”
เส้นทางพื้นที่ป่าของหุบเขาแห่งความตาย ทัพเคลื่อนที่เร็วจำนวน 10,000 นายของมนทลเจิ้นหยาง กำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว นี่คือทัพหน้าของไป่รุยหู่ นำโดยแม่ทัพแนวหน้าเหมี่ยวก้วย.
“แม่ทัพ.”
ระหว่างทาง รองแม่ทัพกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พวกเรารอที่จะเข้าไปในมนทลชิงหยางไม่ไหวแล้ว รับรองว่าคงทะลวงเข้าเมืองได้ง่าย ๆ แน่!”
“แม่ทัพแข็งแกร่งอยู่แล้ว!”รองแม่ทัพอีกคนที่กล่าวประจบ.
“ชิ.”
บุรุษที่ร่างกายใหญ่โต ท่าทางดุร้ายเหมี่ยวก้วยแค่นเสียงดูแคลน “ถึงแม้นว่าจะบุกเข้าไปตรง ๆ ด้วยระดับมนทลชิงหยางที่ด้อยกว่ามนทลฮวยหยางมาก จะเอาอะไรมาต้านพวกเราได้.”
จากคำพูดของเขาแล้ว เขาไม่สนใจมนทลชิงหยางแม้แต่น้อย.
ดินแดนต่าง ๆ ของทวีปชิงหยุน ดินแดนระดับต่ำสุดคือขั้นที่เก้า มนทลชิงหยางระดับเก้า ไม่ต้องสงสัยว่าอ่อนแอที่สุด.
แม่ทัพของดินแดนขนาดใหญ่ ไม่แม้แต่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตา.
“แม่ทัพ.”
รองแม่ทัพที่หัวเราะอย่างหื่นกระหาย “การบุกเมืองชิงหลิง พวกเราเข้าโจมตีไม่หยุดหย่อน ครั้งนี้เมื่อทะลวงเมืองโซวหยางได้แล้ว ให้น้องชายหาคู่ครองได้หรือไม่?”
เหมี่ยวก้วยกล่าว “ชนะสงครามเมื่อไหร่ สตรีในเมืองไม่ว่าจะเป็นใครเจ้าเลือกได้สบาย ๆ เลย!”
“รับทราบ!”
เขาที่กล่าวตอบรับ แววตาที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ในทันที.
“ฮี่ ฮี่—”ในเวลาไม่นาน ม้าศึกที่น่าเกรงขามจู่ ๆ ก็หยุดในทันที ก่อนที่มันจะสะบัดหัวไปมา ราวกับว่ากำลังหวาดกลัวอะไรบางอย่าง.
ด้วยเรื่องที่เกิดขึ้นทันทีทันใด ทำให้ทหารเกือบที่จะตกจากหลังม้า.
“เกิดอะไรขึ้น?”เหมี่ยวก้วยกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม.
“แม่ทัพ!”
รองแม่ทัพที่ชี้ไปยังเนินเขาที่ไกลออกไป “มี....มีหมาป่า...”
หมาป่า?
เหมี่ยวก้วยและผู้ใต้บังคับบัญชาจ้องมองไปตาม ๆ กัน.
ปรากฏหมาป่าหลายร้อยตัว ที่ร่างกายใหญ่ยักษ์ใต้เท้ามีสายลมหมุนสีน้ำเงินพัดวนไปมา!
“นี่....”เหมี่ยวก้วยเผยความดีใจออกมา “หมาป่าเฮอริเคน!”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
รองแม่ทัพเอ่ยออกมาว่า “ในดินแดนที่แห้งแล้งเช่นนี้ กับมาเจอสัตว์ร้ายธาตุวายุที่หายากอย่างคาดไม่ถึง แม่ทัพนี่ดวงดีจริง ๆ!”
หากเปลี่ยนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ไร้สังกัดปกติ เห็นหมาป่าเฮอริเคน แน่นอนว่าจะต้องใบหน้าเปลี่ยนสีหวาดกลัว.
ทว่าเหมี่ยวก้วยนั้นดีใจเป็นอย่างมาก ต้องไม่ลืมว่านี่คือกองกำลังเคลื่อนที่เร็วกลุ่มใหญ่ แล้วจะกลัวหมาป่าได้อย่างไร!”
“เร็วเข้า!”
เขาที่ออกคำสั่ง “อย่าปล่อยให้หนี.....”
“ฟิ้ว---”
ยังกล่าวไม่จบ เสียงฉีกอากาศดังหวีดหวิวก็ดังขึ้น.
โพล๊ะ!
หัวของรองแม่ทัพคนหนึ่งก็ถูกทะลวง ก่อนจะล่วงหล่นลงจากหลังม้าในทันที.
“ศัตรูบุก! ศัตรูบุก!”
ฟิ้ว!
ฟิ้ว!
เป็นความจริง เสียงฉีกอากาศอีกสองเสียงก็ดังขึ้นทันที.
รองแม่ทัพของเหมี่ยวก้วยด้านข้างถูกเจาะสมองหล่นลงไปบนพื้นในทันที เป็นคนที่กล่าวว่าต้องการหญิงสาวเคียงคู่ก่อนหน้านี้นะเอง.
หึ! สามารถไปหาเจ้าสาวในนรกได้แล้ว.
“แก๊ก แก๊ก แก๊ก!”
สองสมาชิหอฝนพรำสองคนที่อยู่ห่างออกไป 2,000 เมตร ซุ่มยิงอยู่กำลังโหลดกระสุน กล่าวออกมาว่า “ถางจู่ เป้าหมาย 1 2 และ3 ถูกสังหารแล้ว.”
เสวี๋ยเหรินกุยที่มุมปากกระตุก.
นี่คือการทดสอบลอบยิงระยะไกล ไม่คาดคิดเลยว่า พวกเขาจะยิงได้อย่างแม่นยำขนาดนี้ ยอดเยี่ยมนัก!
“ฟิ้ว!”
ในเวลานั้น ธงสัญญาณรบก็โบกสะบัดไปในทันที.
“บู้ว!”
“บู้ว!”
เสียงหมาป่าที่หอนดังขึ้น ก้องไปทั่วดินแดนหุบเขาแห่งความตาย.
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
ในเวลาต่อมา ที่เนินเขา ปรากฏกองกำลังหมาป่ากว่าพันคน ที่ขี่หมาป่าเฮอริเคนปรากฏขึ้นอย่างพร้อมเพรียง.
“ฟิ้ว!”
จงอี้ที่นำหน้า ควบหมาป่าพุ่งเข้าไปยังทิศทางทัพของเหมี่ยวก้วยที่กำลังวุ่นวาย หอกผู้พิชิตที่ส่องประกายแสง เสียงของเขาที่ตะโกนออกมาเสียงดัง “บดขยี้ข้าศึก สังหารอย่าให้เหลือ---”