ตอนที่แล้วChapter 422 ความเสียใจชาติที่แล้วของราชันรัตติกาล
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 424 ข้ากำลังอารมณ์ดี เจ้าหุบปากไปซะ!

Chapter 423 ทำแบบนี้จงเป็นหมาโสดต่อไป.


บนเวที ฝุ่นผงและพลังวิญญาณที่กระจายฟุ้งค่อย ๆ สลายหายไปช้า ๆ.

เจียงเสิ่นซือที่ยืน มือสองข้างยกขึ้นป้องกัน ใบหน้าบิดเบี้ยว.

คมวิญญาณที่ปล่อยออกมานั้น ทำลายร่างเงาของเขาไปจนสิ้น แม้แต่ร่างหลักของเขายังทำได้แค่ป้องกันเท่านั้น.

พลังโจมตีที่หนักหน่วงรุนแรงนั้น ทำให้ร่างของเขาเจ็บไประบมทั่วร่าง.

หากไม่เพราะว่าเจียงเสิ่นซือมีพรสวรรค์ที่สูง และร่างกายพิเศษ เกรงว่าคงลงไปนอนกองบนพื้นแล้ว.

ไม่ได้การ ไม่ได้การแล้ว.

คนผู้นี้มีร่างกายที่แข็งแกร่ง พลังวิญญาณร้ายกาจ จะเอาชนะได้อย่างงั้นรึ?

หากเป็นหลี่ชิงหยางและเซียวจุ้ยจื่อ เจียงเสิ่นซืออาจอาศัยพลังบ่มเพาะและรากวิญญาณที่เหนือกว่าข่มได้.

อย่างไรก็ตาม เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเย่ซิงเฉิน ผู้มากด้วยประสบการณ์ แทบจะไม่มีโอกาสชนะได้เลย.

ไม่ได้กล่าวเกินจริง.

ในเวลานี้ ถึงจะเป็นอาจารย์ยุทธ์ขั้นปลาย ก็ไม่มีทางเอาชนะเขาได้.

ในเวลานี้ เย่ซิงเฉินมีระดับอาจารย์ยุทธ์ขั้นที่เจ็ด ในระดับอาจารย์ยุทธ์เขาแทบจะกลายเป็นไร้เทียมทานไปแล้ว.

ถึงแม้นว่าฝ่ายตรงข้ามจะมีรากวิญญาณเทวะ แน่นอนว่าต้องถูกเขากำราบลงได้อย่างแน่นอน.

“ฟิ้ว!”

เย่ซิงเฉินที่ไม่ต้องการเสียเวลาต่อ พุ่งเข้าโจมตีอย่างต่อเนื่อง.

ด้วยอีกฝ่ายที่มีร่างกายที่แข็งแกร่ง และแยกร่างเงาได้หลายร่าง ดังนั้นเย่ซิงเฉินจึงโจมตีด้วยทักษะ คมวิญญาณ.

นี่คือทักษะพลังวิญญาณที่ใช้พลังน้อย และด้วยการใช้ออกมาโดยราชันต์รัตติกาล จึงสามารถสร้างพลังโจมตีได้สูงมาก

ตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว เจียงเสิ่นซีที่ใช้ท่าเท้าหลบ ก่อนที่จะใช้ร่างเงาส่งออกไปโจมตีอีกฝ่าย เป็นการโจมตีระยะไกลที่น่าเกรงขามมาก!

ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!

คมวิญญาณรูปจันทร์เสี้ยวที่ระเบิดขึ้นต่อเนื่อง!

พลังทำลายที่มากล้นกระจายไปทั่วสนามประลอง.

ตูมม! ตูมม! ตูมม!

เจียงเสิ่นซือที่วิ่งออกไปรอบ ๆ เพราะว่าจำนวนการโจมตีนั้นมีมากเกินไป ไม่สามารถที่จะใช้แขนทั้งสองข้างป้องกัน ริ้วแสงที่โจมตีใส่เขาไม่หยุดได้.

ครืนนน ครืนนน ครืนนน!

ด้วยจำนวนที่มากล้นทำให้ร่างกายของเขาถูกโจมตีเข้าไปไม่น้อย ร่างกายที่ถอยครูดออกไป.

“ฟิ้ว!”

เย่ซิงเฉินที่มาปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าเจียงเสิ่นซือ ที่เอาแต่ป้องกัน กล่าวออกไปว่า “ลงไปซะ.”

“ฟู่!ฟู่!”

หมัดระเบิดที่ปล่อยออกไป ปรากฏสายลมโบกสะบัดกรีดสายอากาศพุ่งออกไป.

ตูมม--

เจียงเสิ่นจื่อ ไม่มีเวลาให้หลบ ถูกโจมตีเข้าที่อก ลอยกระเด็นออกนอกสังเวียนไป หล่นลงพื้นในทันที

“......”

ทุกคนที่จ้องมองดวงตาเบิกกว้าง มุมปากกระตุก.

ผังผู้กล้ามนุษย์ระดับที่ 89 พ่ายแพ้ให้กับศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งไปแล้ว!

แข็งแกร่ง น่าเกรงขามยิ่งนัก!

“ฟู่!”

เจียงเสิ่นซือที่พ่นลมหายใจยาว ยกมือประสานกล่าวออกมาอย่างยากลำบาก “ขอบคุณที่ยั้งมือให้.”

เขารู้ว่า หมัดของฝ่ายตรงข้ามเมื่อครู่นั้นออมแรงไว้ให้ ไม่เช่นนั้นเขาคงจะบาดเจ็บหนักเป็นแน่.

เย่ซิงเฉินกวาดตามองไปรอบ ๆ เอ่ยออกมาอย่างอหังการ “มีใครที่อยู่ในผังผู้กล้า หากมีความกล้า ออกมาสู้กับข้า.”

เป็นคำพูดที่โอหังยิ่งนัก!

น่าเสียดาย ที่ไม่มีศิษย์ของนิกายใดที่อยู่ในผังผู้กล้าแล้ว ดูเหมือนจะมีเพียงแค่เจียงเสิ่นซือเท่านั้น.

ผังผู้กล้าระดับสวรรค์มี 100 ระดับปฐพีมี 100 ระดับมนุษย์ก็มีหนึ่งร้อยเช่นกัน รวมยอดพรสวรรค์ 300 คนนี่คือที่สุดของผู้เยาว์ทั่วทวีปชิงหยุน เป็นอันตราส่วนที่น้อยมาก.

อย่างไรก็ตาม.

เจียงเสิ่นซือที่มีรากวิญญาณระดับศักดิ์สิทธิ์ การที่ได้ผังมนุษย์ลำดับที่ 89  เห็นชัดเจนว่าเขามีพรสวรรค์ที่สูง น่าเกรงขามอย่างแน่นอน!

หลายพันปีที่แล้ว เย่ซิงเฉินที่มีพรสวรรค์สูงมาก เขามีรากวิญญาณเทวะ ไปถึงระดับกษัตริย์ยุทธ์ขั้นปลายก่อนที่จะหลุดออกจากผังผู้กล้าซะอีก.

ซึ่งผังผู้กล้านั้นจะนับอายุ 18 ปี.

และอายุ 30 ปี รายชื่อจะหายไปจากผังผู้กล้าโดยอัตโนมัติ.

กล่าวได้ว่าแม้นว่าเขาจะไม่ได้อันดับหนึ่งผังสวรรค์ ก่อนอายุสามสิบ ทว่าเวลานั้นเขาก็มีพลังเข้าใกล้จักรพรรดิยุทธ์แล้ว!

เป็นพลังที่น่าพรั่นพรึงมาก!

เทียบกับอาวุโสเจียงอายุ 25-26 ปี ตอนนี้มีระดับกษัตริย์ยุทธ์ขั้นที่สอง ถึงแม้นว่าจะเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง ทว่าจวบจนถึงอายุสามสิบ คงไม่มีทางที่จะไปถึงกษัตริย์ยุทธ์ขั้นปลายแน่.

“ไม่มีอย่างงั้นรึ?”

เย่ซิงเฉินที่ค่อนข้างผิดหวัง ก่อนจะกระโดดลงเวทีไป.

“ติ๊ง! ภารกิจสนับสนุนสำเร็จ ได้รับแต้มสนับสนุน 1000 แต้ม.”

“ติ๊ง! คะแนนสนับสนุน: 7461 / 5000.”

“ติ๊ง! คะแนนสนับสนุนล้น.......”

ไม่นับระหว่างทาง เพียงแค่บนเทือกเขาหัวซาน เขาได้รับแต้มถึง 2500 แต้ม ทำให้จุนซ่างเซียวรู้สึกสุดยอดเป็นอย่างมาก.

“ทุกท่าน.”

เขาที่ยื่นมือประสานไปด้านหน้า “มีใครต้องการประลองเชื่อมสัมพันธ์หรือไม่?”

“......”

เหล่าเจ้านิกายต่าง ๆ ที่กลายเป็นเงียบทั้งหมด.

ประลองเชื่อมสัมพันธ์อะไรกัน เห็นชัด ๆ ว่าถูกยำอยู่ฝ่ายเดียว หากรู้ว่าต้องขึ้นไปให้อีกฝ่ายทุบ สู้ไม่ประลองยังจะดีกว่า ใครกันที่จะขึ้นไป ทำให้ตัวเองอับอาย.

ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งที่เอาชนะได้แม้แต่พรสวรรค์ผังผู้กล้า เจียงเสิ่นซือ พวกเขาจะเอาอะไรไปสู้กัน.

“หากไม่.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “เปิ่นจั้วขอนำศิษย์ไปชื่นชมวิวทิวทัศน์ก็แล้วกัน.”

ไป ไปเถอะ!

เจ้าอยู่ที่นี่ พวกเราคงไม่มีโอกาสได้แสดงความสามารถออกมาได้แน่!

เจ้าสำนักจุน นำศิษย์มายังเทือกเขาหัวซาน ก็เพียงเพื่อภารกิจของตัวเองเท่านั้น.

“ทุกท่าน.”

จุนซ่างเซียวยกมือประสาน “ขอตัว.”

กล่าวจบก็สะบัดแขนเสื้อ เตรียมนำศิษย์จากไป.

“เจ้าสำนักจุน.”

ซีจิงเสวียนเอ่ย “ข้าไปดูทิวทัศน์ด้วยได้หรือไม่?”

“ได้อยู่แล้ว.”

จุนซ่างเซียวที่กล่าวตอบรับในทันที.

......

สำนักไท่กู่เจิ้งและวังเมี่ยวฮัวจากไปแล้ว เหล่าเจ้านิกายก็เริ่มแลกเปลี่ยนวิถียุทธ์กันต่อ.

ถึงเวลาแสดงความสามารถอออกมาแล้ว ก่อนหน้านี้โดนอีกฝังกลบซะมิด ไม่ได้มีโอกาสได้แสดงความสามารถเลย.

เจ้านิกายซ่างกานที่จ้องมองจุนซ่างเซียวจากไป เอ่ยออกมาว่า “เจ้าสำนักจุนมีความเข้าใจวิถียุทธ์ที่ลึกซึ้ง ความสำเร็จของสำนักไท่กู่เจิ้งในอนาคตคงไร้ขีดจำกัด!”

“ไม่ผิด.”

เจ้านิกายหลากหลายคนที่กล่าวเห็นด้วย.

ยิ่งเจ้าสำนักแข็งแกร่งเพียงใด สำนักก็จะยิ่งเติบโตและแข็งแกร่งขึ้นเพียงนั้น.

“มองกลับมาที่เปิ่นจั้ว.”

เจ้านิกายซ่างกานเอ่ย “ผ่านมาสามร้อยปีแล้วที่ไม่มีการพัฒนา ไม่ช้าคงถูกแซงหน้าอย่างแน่นอน.”

“ด้วยพลังของพวกเขาเวลานี้ สำนักไท่กู่เจิ้งอาจนับเป็นนิกายระดับสามได้.”

กับการแลกเปลี่ยนวิถียุทธ์ที่เทือกเขาหัวซานครั้งนี้ เหล่าเจ้านิกายไม่น้อยที่ชื่นชมจุนซ่างเซียว และคาดเดาว่าอนาคตคงประสบความสำเร็จที่สูงยิ่งกว่าพวกเขา.

คลื่นลูกใหม่มักจะมาแทนที่คลื่นลูกเก่าเสมอ.

ในทวีปชิงหยุน ไม่เคยขาดเหล่าพรสวรรค์ ทว่าการจะกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้จริงนั้นมีไม่มากนัก.

......

“จุนซ่างเซียวเอ่ย.”

บนศิลาก้อนใหญ่ ซีจิงเสวียนที่เอ่ยอย่างสุขุม “ไม่คาดคิดเลยว่าท่านจะเข้าใจวิถียุทธ์ได้ลึกซึ้งถึงเพียงนี้.”

จุนซ่างเซียวยักไหล่ “วิชายุทธ์ที่มีระดับสูง ความเข้าใจวิถียุทธ์ก็ยิ่งมีส่วนสำคัญ.”

ซีจิงเสวียนเผยยิ้ม “เจ้าสำนักจุนมีความเข้าใจในวิถียุทธ์ที่ลึกซึ้ง จะต้องก้าวขึ้นไปยังระดับสูงได้อย่างแน่นอน.”

“ไม่ผิด.”

จุนซ่างเซียวที่กล่าวออกมาอย่างมั่นใจ “แม้นว่าจะมีคนมากมายเหนือกว่าข้า หากแต่เพียงแค่เริ่มต้นเท่านั้น ขอเพียงข้ามีเวลามากพอ ย่อมก้าวเหนือพวกเขาได้ แม้แต่ก้าวไปถึงระดับราชันย์ยุทธ์!”

“ราชันย์ยุทธ์?”

ซีจิงเสวียนที่ตื่นตกใจ “เจ้าสำนักจุนมีความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่นัก.”

แม้นว่านางจะปกครองนิกายระดับสี่ ทว่าก็คิดเพียงแค่จักรพรรดิยุทธ์หรือปราชญ์ยุทธ์เท่านั้น ไม่เคยคิดก้าวไปถึงราชันย์ยุทธ์เลย.

เพราะว่าการจะประสบความสำเร็จได้นั้น ไม่ได้ใช่แค่พรสวรรค์ที่สูงล้ำ ทว่ายังต้องมีวาสนาที่ยิ่งใหญ่ด้วย!

จุนซ่างเซียวเอ่ย  “ยิ่งมีความทะเยอทะยาน ก็ยิ่งมีแรงผลักดัน.”

“ข้ายินดีกับเจ้าสำนักจุนไว้ล่วงหน้า ที่จะกลายเป็นราชันย์ยุทธ์ซึ่งคนทั่วหล้าต่างเคารพ.”ซีจิงเสวียนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม.

“ขอบคุณ.”

จุนซ่างเซียวที่จ้องมองท้องฟ้า ก่อนจะเอ่ยออกมาว่า “เวลาก็ล่วงเลยมานานแล้ว เปิ่นจั้วคงต้องนำศิษย์กลับสำนักแล้ว คงต้องขอตัวก่อน.”

“ทิวทัศน์เทือกเขาหัวซานนั้นงดงาม เจ้าสำนักจุนไม่อยู่สักสองสามวันก่อนค่อยกลับรึ?”

ซีจิงเสวียนที่รู้สึกสูญเสียเล็กน้อย.

“ทิวทัศน์ก็อยากดู หากแต่เรื่องในสำนักก็ต้องจัดการด้วยเช่นกัน.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.

ใช่แล้ว.

การชมธรรมชาติ.

พร้อมกับสาวงามเช่นนี้ เป็นอะไรที่ชุ่มฉ่ำหัวใจเป็นอย่างมาก ทว่าเขาก็มีเรื่องบางอย่างที่ต้องจัดการเช่นกัน!

“ตกลง.”

ซีจิงเสวียนเอ่ย “หวังว่าวันข้างหน้า จะมีโอกาสได้แลกเปลี่ยนพูดคุยวิถียุทธ์กับเจ้าสำนักจุนอีก.”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด