Chapter 13: เคลื่อนย้าย
"อ๊ากกก!"
ฉินหรานแทงโจรที่กำลังกรีดร้องเข้าที่หัวใจ ริมฝีปากของชายคนนั้นขยับเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ฉินหรานเยือกเย็นและไร้ปรานี เขาไม่ได้คิดจะปล่อยชายคนนี้ไปตั้งแต่แรกแล้ว โดยเฉพาะเมื่อเขารู้เรื่องการแลกเปลี่ยนระหว่างอีแร้งและหัวหน้ากลุ่มก่อจลาจล
เหมือนกับมีคนบอกเขา ทุกคนที่เข้าร่วมกับอีแร้งล้วนเป็นคนเลว ตอนนี้เขาเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังคำพูดเหล่านี้แล้ว
ฉินหรานเองก็ไม่นับว่าตัวเองเป็นคนดีเหมือนกัน เขาดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดมาตั้งแต่เด็ก ๆ และสัมผัสความดำมืดมามากมายในชีวิตถึงระดับที่เขาไม่สามารถแยกแยะความดีออกจากความชั่วได้อีกแล้ว แต่ว่าเขาก็ไม่นับตัวเองเป็นคนเลวเหมือนกัน เขาเป็นสิ่งที่อยู่ตรงกลาง และเขาก็ไม่อยากเปลี่ยนด้วย
อันที่จริงเขาเป็นคนใจดี
"การแสดงความเมตตาออกมาน่ะเป็นทางเลือกหนึ่ง แต่จิตใจดีไม่ได้หมายถึงจะไม่ทำร้ายใครเลย!"
เขาอยู่มาเช่นนี้ เขาไม่รู้ว่าสักวันหนึ่งความคิดนี้จะเปลี่ยนไปหรือเปล่า แต่ตอนนี้เขาเชื่อแบบนี้ ฉินหรานผ่อนหายใจออกยาว รวบรวมความคิด
ตอนนี้ไม่ใช่เวลาคิดเรื่องนั้น เขาควรจะมีสมาธิอยู่กับเรื่องตรงหน้า
[เฉือน: ก่อความเสียหาย 10 แต้มต่อเป้าหมาย เป้าหมายพิการ...]
[เฉือน: ก่อความเสียหาย 10 แต้มต่อเป้าหมาย เป้าหมายพิการ...]
[เฉือน: ก่อความเสียหาย 10 แต้มต่อเป้าหมาย เป้าหมายพิการ...]
ฉินหรานเปิดดูบันทึกของระบบ มีการแจ้งเตือนสามข้อความบอกว่าฉินหรานลงมีดใส่เป้าหมายสำเร็จ แต่ว่า หน้าต่างแจ้งเตือนได้รับทักษะไม่เด้งขึ้นมา ฉินหรานยังลงมือข่มขู่โจรที่จับมาซึ่งสามารถนับได้ว่าเป็นการลงมือที่สัมฤทธิ์ผลเหมือนกัน แต่ว่าไม่มีหน้าต่างสกิลเด้งขึ้นมาเช่นกัน
"หรือว่ามีการจำกัดจำนวนสกิลที่รับได้? สกิลกลุ่มบีบบังคับเช่น [ข่มขู่] หรือ [แลกเปลี่ยน] ปรากฏขึ้น หรือว่าฉันทำผิดวิธี? ยังมี การใช้มีดแบบนี้ก็น่าจะนับเป็นสกิลดาบไม่ใช่เหรอ มันน่าจะได้สกิลใหม่สิ! นอกเสียจากว่าฉันจะถึงขีดจำกัดแล้วจริง ๆ?" เขาขมวดคิ้วขณะสรุปข้อมูล ตอนนี้เขายังอยู่ในดันเจี้ยนมือใหม่ เพื่อให้ผู้เล่นใหม่ได้มีการเริ่มต้นที่ดีเกมจะมอบความได้เปรียบเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ แต่ว่า ความได้เปรียบนั้นไม่ได้ไม่มีขีดจำกัด มันอยู่ในขอบเขตของเหตุผล
สกิลต้องการการลงมือได้ผลแค่สามครั้งก็จะปรากฏในหน้าต่างสกิล แต่ว่า ดูเหมือนว่าจะใช้ได้กับเฉพาะหมวดหมู่ของอาวุธ อย่างเช่น ฉินหรานได้รับสกิล [อาวุธมีคม (กริช)] ดังนั้นก็จะไม่ได้รับสกิลจากอาวุธอื่นใน [อาวุธมีคม] ไปโดยอัตโนมัติ เพื่อที่จะได้สกิลเหล่านั้น เขาต้องทำตามกฎของเกมจริง ความได้เปรียบของดันเจี้ยนมือใหม่ไม่ส่งผลแล้ว
"ถ้าเป็นอย่างนั้น งั้น..." เขาขมวดคิ้วอีกครั้ง
เรื่องไม่เป็นอย่างที่เขาคาดไว้ แผนเดิมของเขาคือสอบสวนโจรนี่เก็บข้อมูลเกี่ยวกับฐานที่มั่นของพวกมัน และเป้าหมายที่สองของเขา ก็คือได้สกิลเพิ่มขึ้นและทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นในระยะเวลาอันสั้น ดูเหมือนว่าผู้สร้างเกมจะสร้างมาตรการป้องกันการโกงแบบนี้เอาไว้ก่อนแล้ว เกมอนุญาตให้ผู้เล่นได้รับสกิลเพื่อป้องกันตัว แต่ไม่อนุญาตให้ผู้เล่นแข็งแกร่งเกินไปตั้งแต่ต้นเกม อย่างไรเสีย ความไม่สมดุลของพลังในเกมอาจจะนำไปสู่ความล่มจมของเกมได้เลย แม้ว่าฉินหรานจะอยากได้พลังมากขึ้น เขาก็ตระหนักว่าต้องทำตามกฎของเกมไปก่อนในตอนนี้
"แล้วถ้าฉันลองเลื่อนระดับสกิลที่ได้รับมาแล้วล่ะ? ฉันต้องทำตามกฎของดันเจี้ยนมือใหม่หรือว่าตามกฏปกติ?” ฉินหรานสงสัย
กฎของดันเจี้ยนมือใหม่ย่อมต้องง่ายกว่ากฎเกณฑ์ปกติอยู่แล้ว ทำตามกฎปกติยากกว่าหลายเท่า แต่ว่าฉินหรานก็ขาดข้อมูลที่จะใช้คาดเดาต่อแล้ว เขาสะบัดหัวแรง ๆ เพื่อปัดความคิดทั้งหมดออกไปจากสมองก่อน เขายืนขึ้นและโบกมือให้คอลลีนเป็นสัญญาณให้เธอกลับมา
ความปรารถนาจะได้สกิลใหม่ของฉินหรานนั้นไม่สำเร็จ แต่เขาก็ได้ข้อมูลเกี่ยวกับศัตรูมาไม่น้อย อันที่จริงแล้วยังมากกว่าที่คาดไว้เสียอีก โจรที่ตายไปนั้นบอกสิ่งที่ฉินหรานจำเป็นต้องรู้ และยังพูดถึงข้อตกลงลับระหว่างอีแร้งและหัวหน้ากลุ่มก่อจลาจลด้วย
"ไอ้หน้าตัวเมีย! มันทำลงไปได้ยังไง?" คอลลีนร้องออกมาด้วยความโกรธเมื่อฉินหรานเล่าสิ่งที่ได้รู้มาให้เธอฟัง ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง เธอจึงเข้าใจได้ว่าผู้หญิงที่ถูกเอาไปแลกเปลี่ยนนั้นจะต้องเผชิญกับอะไรบ้าง
"ไอ้หน้าตัวเมียเอ๊ย! ขอให้มันตายอย่างอนาถแล้วเน่าอยู่ในนรก!" คอลลีนสาปแช่งด้วยความโกรธ
"งั้นพวกเราก็ส่งมันลงไปที่นั่น!" ฉินหรานพูด
คอลลีนพยักหน้าเห็นด้วย "ใช่!"
"แต่ก่อนที่เราจะทำแบบนั้น เราต้องจัดการของที่เราลูทมาจะได้เตรียมการเพื่อต่อสู้กับอีแร้ง!" ฉินหรานพูด ชี้นิ้วไปที่เสื้อเกราะกันกระสุนและปืนอีกหลายกระบอก ฉินหรานไม่มีทางทิ้งพวกมันไป ก็เหมือนกันผู้เล่นทุกคน เขาอยากจะเติมช่องเก็บของของตนด้วยไอเทมและอุปกรณ์ต่าง ๆ ต่อให้มูลค่าของไอเทมพวกนี้ไม่สูง ฉินหรานก็จะยังคงเก็บทุกชิ้นเอาไว้ อีกอย่าง ไอเทมที่ลูทมาได้มักจะมีค่ามากกว่าไอเทมปกติ
"เรื่องนี้ให้ฉันจัดการ!" คอลลีนพูดอย่างมั่นใจ
"คุณวางแผนจะเอาพวกมันทั้งหมดนี่กลับไปที่ซ่อนของคุณเหรอ? เมื่อคืนมันก็มิดชิดดีพอ แต่ตอนนี้คงไม่แล้ว" ฉินหรานสงสัย
ที่ซ่อนของพวกเขาเมื่อคืนนี้ค่อนข้างมิดชิดและปลอดภัยก่อนที่พวกของอีแร้งจะรู้ว่าพวกเขาอยู่แถว ๆ นี้ พอคิดว่าพวกตนถูกพบเข้าแล้ว การไปที่นั่นก็ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป อีแร้งอาจจะส่งคนมาลาดตระเวนแถวนี้มากขึ้น อีกอย่าง ชาวเมืองคนอื่น ๆ ก็รู้เห็นเข้าแล้วด้วย ฉินหรานไม่อยากให้ของที่เขาลูทมาได้ถูกขโมยไปตอนที่เขาไปสู้กับอีกแร้งอยู่
ไอเทมพวกนี้มีค่ามาก ถ้าพวกเขาฆ่าอีแร้งไม่สำเร็จ ของพวกนี้ก็จะกลายเป็นแหล่งทรัพยากรเดียวของพวกเขาให้พวกเขากลับมามีมีาเขาฆ่าอีแร้งไม่สำเร็จ มันก็จะเป็นเสบียงเดียวที่พวกเขาจะพึ่งพาได้ จนกว่าจะมีเรี่ยวแรงกลับคืนมา
ฉินหรานคิดว่าผลลัพธ์น่าจะเป็นความล้มเหลวเพราะว่าเขารู้ว่าพวกมันมีจำนวนมากกว่ามาก เขาอาจจะมีสกิล แต่เขาไม่ได้มั่นใจในตัวเองแบบหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์
"ฉันดูเหมือนคนโง่เหรอ? ฉันมีที่ซ่อนมากกว่าหนึ่งที่... เก็บของแล้วตามฉันมา!" คอลลีนทำท่าบอกให้ฉินหรานเก็บของที่ลูทมาได้แล้วเดินออกไป เธอกลับไปที่ที่ซ่อนเดิมแล้วกวาดของทั้งหมดเท่าที่สามารถก่อนจะนำฉินหรานไปยังริมเขตวิลล่าการ์เด้น
ปืนสั้นเก้ากระบอก ไม่รวมที่ฉินหรานและคอลลีนถือติดตัว และอาหารกระป๋องหลายกระป๋องถูกยัดไว้ในกระเป๋าเป้ของฉินหราน เช่นเดียวกับเสื้อกันกระสุน พวกเขาสองคนสวมไว้คนละตัว และที่เหลือมัดรวมเข้าด้วยกันให้คอลลีนหิ้วมา คอลลีนเดินเซไปมาจากน้ำหนักของเสื้อพวกนั้น แม้ว่าฉินหรานจะมีกระเป๋าเป้ของตัวเองให้สะพายอยู่แล้ว เขาก็ยังเสนอจะช่วยคอลลีนแบกด้วย เขาคิดว่าเขาสามารถแบกน้ำหนักเพิ่มได้ แต่คอลลีนปฏิเสธ
"ถ้านายอยากให้แผนของนายสำเร็จ นายต้องเก็บแรงเอาไว้ พวกเราไม่ได้มีอาหาร น้ำ หรือเวลามากพอ ถ้าพวกเราไปไม่ถึงที่ซ่อนที่ถนนหกของฉัน พวกเราจะไม่สามารถเริ่มแผนของนายได้ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น" นี่ทำให้ฉินหรานชะงัก ผ่านมาสามชั่วโมงแล้วตั้งแต่ที่เริ่มสู้กับคนของอีแร้งและตามมาด้วยการเค้นถามเชลย ตอนนี้เวลาในเกมคือประมาณตีหนึ่ง พอหกโมงเช้ากลุ่มก่อจลาจลจะเริ่มเดินตรวจลาดตระเวนประจำวันไปตามถนน นั่นทำให้ฉินหรานมีเวลาเตรียมตัวราว ๆ ห้าชั่วโมง พวกเขาต้องใช้เวลา 1 ชั่วโมงเพื่อไปให้ถึงที่ซ่อนที่ถนนที่หก ดังนั้นพวกเขาจึงเหลือเวลาไม่ถึงสี่ชั่วโมง จากข้อมูลที่ได้จากโจรที่จับได้ เวลาลาดตระเวนของฐานที่มั่นของพวกโจรสำคัญกับแผนการของเขามาก และนั่นก็ใช้เวลาเช่นกัน
"พวกเราต้องรีบแล้ว!" ฉินหรานพูด
"ไป!" คอลลีนตอบขณะเร่งฝีเท้ามุ่งหน้าสู่จุดหมาย
...
หลังจากเดินมาประมาณสี่สิบห้านาที คอลลีนที่ดูหมดแรงแล้วก็พาฉินหรานมาถึงตึกหลังหนึ่งที่ถล่มลงมาครึ่งหนึ่ง มองจากภายนอก ฉินหรานสามารถบอกได้ว่าเดิมที่นี่เคยเป็นร้านขายเสื้อผ้าขนาดสองชั้น หุ่นโชว์เสื้อแตกหักเป็นสิ่งบ่งชี้ร่วม ฉินหรานกระโดดข้ามคานรับน้ำหนักที่ตกลงมาบนพื้นตามคอลลีนไปที่ด้านหลังร้าน มีประตูห้องเก็บของบานหนึ่ง
"ฉันเคยทำงานที่นี่ตอนก่อนเกิดสงคราม มีห้องเก็บของใต้ดินที่ปลอดภัยพอที่ให้พวกเราซ่อนตัวได้ นี่เป็นที่ซ่อนสุดท้ายของฉันแล้ว" คอลลีนพูดขณะเปิดประตู ฉินหรานพยักหน้าและตามเธอเข้าไปข้างใน
ห้องเก็บของกว้างกว่าที่ซ่อนก่อนหน้าของพวกเขา บรรจุคนสองคนและของที่เก็บมาได้แล้วยังเหลือพื้นที่อีกมาก พอทั้งคู่นั่งลง ฉินหรานก็ส่งน้ำที่เหลืออยู่ให้คอลลีน
"นายต้องการมันมากกว่าฉัน!" เธอบอกแม้ว่าจะคอแห้งมากก็ตาม
"แค่อึกเดียวน่า" ฉินหรานคะยั้นคะยอ
"ก็ได้..." เธอพยักหน้าและรับน้ำมา เธอดื่มแค่พอให้ชุ่มคอขึ้นแล้วส่งน้ำกลับไปให้ฉินหรานแม้ว่าเขาจะยืนยันให้เธอดื่มมากขึ้นอีกหน่อย แต่เธอปฏิเสธ ฉินหรานดื่มน้ำที่เหลือหมดภายในอึกเดียว เขากระหายน้ำมาก
ระหว่างการต่อสู้ ฉินหรานไม่ได้เคลื่อนไหวเยอะแต่ก็ใช้พลังงานไปเยอะมาก แม้ว่าร่างเสมือนของเขานี้จะฟื้นฟูพลังงานได้เร็วกว่าร่างจริง แต่สถานะ [ขาดน้ำ] และ [ความหิว] ยังคงสร้างปัญหาให้เขา
เห็นฉินหรานดื่มน้ำที่เหลือลงไปภายในอึกเดียวคอลลีนถึงได้รู้ว่าเขาน่าจะหิวน้ำสุด ๆ เลยเหมือนกัน เธอซึ้งใจมากที่เขาคิดถึงเธอก่อน แม้ว่าเขาก็กระหายน้ำมากแต่ก็ยังให้เธอดื่มน้ำก่อน
เป็นครั้งแรกหลังจากเกิดสงครามขึ้นที่มีอะไรบางอย่างกระทบความรู้สึกของเธอได้มากขนาดนี้
.
.
.
.