บทที่ 20 ความสัมพันธ์แบบเงินทองๆ
หม้อไฟมื้อนี้ ทำให้หลี่จิ้งจ่ายไป 500 กว่าหยวน
ถ้าเทียบกับระดับการบริโภคของเมืองเจียงไห่แล้ว ก็ถือว่าปานกลาง
ไม่ได้แพงมาก แต่ก็ไม่ถูกเช่นกัน
หลังจากกินอิ่มแล้ว หลี่จิ้งส่งหลิวซือซือกลับที่พัก
หลังจากบอกลาหลิวซือซือ หลี่จิ้งมองไปทางร้านหม้อไฟแล้วเดินกลับบ้าน
หลี่จิ้งไม่คิดจะเปิดเผยตัวตนของเจ้าของร้านหม้อไฟ
เขาคือหลี่จิ้ง
เขาไม่ใช่พระที่มองเห็นว่าไม่ใช่มนุษย์แล้วก็จะต้องฆ่า(พระเถระฝาไห่)
โลกนี้ไม่ยอมรับพวกปีศาจมากนัก
แต่พูดตามตรง การเป็นปีศาจก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน
แทบจะกล่าวได้ว่าพวกมันคือจุดดำของโลกมนุษย์ และอยู่อย่างยากลำบาก
ถึงหลี่จิ้งไม่ใช่คนดีมีน้ำใจมากนัก
แต่ในความเห็นของเขา
เธอสงบเสงี่ยมและเปิดร้านหม้อไฟ ไม่ทำร้ายใคร หรือฝ่าฝืนกฎหมาย เขาไม่สามารถทำลายชีวิตที่มั่นคงของเธอเพียงเพราะว่าเธอเป็นปีศาจ
ผู้คนมีทั้งความดีและความชั่ว
แล้วปีศาจที่มีสติปัญญาสูงล่ะ?
มีความชั่วร้ายมากมายที่ถูกบีบบังคับออกมา
อย่างน้อยนั่นคือสิ่งที่หลี่จิ้งเห็น
เจ้าของร้านหม้อไฟไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ เธอนั่งอยู่บนเคาน์เตอร์และดื่มด่ำไปกับเกมมือถือบางเกมที่ชื่อว่า เซียนหวังหรงเย่า(仙王荣耀 คล้ายHok RoV)
บางทีก็พูดคุยกับพนักงานในร้านค้าและลูกค้าด้วยท่าทีที่เป็นมิตร
……
เวลาใกล้จะบ่าย 3 โมง
หลี่จิ้งกลับไปที่สวนจันทราลับ
เมื่อหลี่จิ้งเปิดประตูวิลล่า ก็เห็นเต้าหู้เหม็นถูกมัดมือมัดเท้า ปากถูกพันด้วยเทปที่ห้องรับแขก
เห็นฉากที่น่าขำแบบนี้โดยไม่ทันตั้งตัว หลี่จิ้งอดไม่ได้ที่จะขำ
เมื่อรู้สึกว่ามีคนเข้ามา เต้าหู้เหม็นก็เงยหน้าขึ้นและมอง
พอเห็นหลี่จิ้งกลับมา น้ำตาก็คลอเบ้าของมันอย่างฉับพลัน
ท่าทางนั้น ช่างน่าสงสารเหลือเกิน
หลี่จิ้งยิ้มเมื่อเห็นสิ่งนี้ มองขึ้นไปที่ชั้นสอง ไม่สนใจเต้าหู้เหม็นที่ถูกมัด และเดินตรงกลับไปที่ห้องของเขา
คืนนี้เขายังต้องไปทำงานต่อ
เวลาใกล้จะบ่ายสามแล้ว ถึงเวลาต้องพักผ่อนอย่างจริงจัง
การมีพลังวิญญาณทำให้ร่างกายของเขาไม่เหนื่อยง่ายนัก
การอดนอนหลายวันหลายคืนก็ไม่ใช่ปัญหา
แต่หากไม่ได้นอนเป็นเวลานาน จิตใจย่อมมีการเสื่อมเป็นเรื่องปกติ
ส่วนเต้าหู้เหม็น
น่าจะเป็นเพราะรบกวนการนอนของเฉินอวี่หราน
เรื่องแบบนี้เขาทำอะไรไม่ได้ และก็ขี้เกียจยุ่งด้วย
เอาจริง
เต้าหู้เหม็นเป็นสัตว์วิญญาณขอบเขตที่ 3
เชือกและเทปธรรมดาจะจำกัดมันได้อย่างไร?
เหตุผลที่มันถูกมัดเหมือนปลาเค็มอยู่ตรงนั้น ก็คือว่ามันไม่กล้าที่จะหลุดพ้นจากพันธนาการที่เฉินอวี่หรานทิ้งไว้
……
ชั่วพริบตา
เวลาก็มาถึงสองทุ่ม
หลี่จิ้งงีบหลับไปสักพักแล้วตื่นขึ้นมา
เดินออกจากห้องไป
เต้าหู้เหม็นยังคงนอนอยู่ในท่านั้น และเฉินอวี่หรานไม่อยู่
แต่ไฟที่ชั้นหนึ่งเปิดทิ้งไว้ เธอคงกลับมาแล้ว
หลี่จิ้งมองไปที่หมาที่ตาเต็มไปด้วยความเศร้าราว เหมือนจะบอกเขาว่าทำไมไม่ช่วยมัน จากนั้นก็มองขึ้นไปชั้นบน
บังเอิญมาก
เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น เฉินอวี่หรานก็เดินลงมาจากบันได เธอสวมชุดนอนลายการ์ตูนและตายังง่วงอยู่
เมื่อเห็นหลี่จิ้ง เธอก็หยุดชะงัก อยากจะถอยกลับ แต่ก็คิดว่าไม่เหมาะสม เธอจึงรวบผมที่ยุ่งเหยิงของเธอ
“นายกลับมาเมื่อไหร่?”
"ตอนบ่ายโมง"
หลี่จิ้งตอบโดยแสร้งทำเป็นไม่สังเกตเห็นรูปร่างหน้าตาของเธอ
“เพิ่งตื่นเหรอ?”
"อืม"
เฉินอวี่หรานพยักหน้า
เมื่อเห็นว่าหลี่จิ้งไม่ได้สนใจว่าเธอจะหัวฟูหน้ามอม เธอรู้สึกสบายขึ้นมาก
การอยู่ร่วมกันภายใต้หลังคาเดียวกัน ในแง่นี้ พูดตามตรงแล้วค่อนข้างไม่สะดวก
แต่เนื่องจากหลี่จิ้งไม่สนใจ เธอจึงไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องนี้
ไปที่โซฟาแล้วนั่งลง เฉินอวี่หรานถอนหายใจเบาๆ
“หลังจากเก็บของเรียบร้อยก็ถึงเวลาไปทำงานอีกครั้ง”
"เดี๋ยวฉันก็ต้องไปทำงานเหมือนกัน"
หลี่จิ้งตอบกลับ
“วันนี้ฉันผ่านการสอบคัดเลือกของแผนกผู้ช่วยผู้ตรวจการและได้รับมอบหมายให้อยู่ในหน่วยลาดตระเวน”
“แผนกผู้ช่วยผู้ตรวจการ?”
เฉินอวี่หรานตกตะลึง
“ทำไมจู่ๆ นายถึงไปสมัครสอบคัดเลือกที่แผนกผู้ช่วยผู้ตรวจการ?”
“ฉันในตอนนี้ที่เจียงไห่ก็ถือว่าพอยืนหยัดได้บ้างแล้ว เธอจะไม่เห็นด้วยกับฉันว่าฉันควรมีงานดีๆเหรอ”
หลี่จิ้งถามกลับ
"นี่……"
เฉินอวี่หรานกระพริบตา รู้สึกไม่มีอะไรผิดปกติ ยักไหล่แล้วพูดว่า
“ก็ถูกอยู่ นายควรหางานจริงจัง มีระดับการฝึกฝนถึงขอบเขตที่สอง แต่ไปเป็นคนฆ่าไก่ในร้านขายไก่ ไม่เหมาะสมกับความสามารถ แล้วยังไม่สามารถก้าวหน้าในชีวิตได้อีกด้วย ผู้ชายควรมีความทะเยอทะยาน”
ขณะที่เธอพูด เธอก็พูดด้วยความสนใจอย่างมาก
“จังหวะที่คุณหามันดีมากเลย หน่วยลาดตระเวนของแผนกผู้ช่วยผู้ตรวจการเป็นหน่วยงานพิเศษที่จัดตั้งขึ้นเมื่อวานนี้และมีอำนาจเหินอากาศในเมือง แต่นายได้เป็นผู้ช่วยผู้ตรวจการแล้ว ร้านขายไก่นั่นจะทำยังไงล่ะ?”
ไม่รอให้หลี่จิ้งพูด เธอเผยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น
“เจ้าของร้านขายไก่ปกป้องนายในตอนนั้น ถือว่ามีบุญคุณกับเธอ ฉันเห็นเธอคืนนั้น ก็ดูสนิทสนมกับนายมาก นายคงไม่ทิ้งเธอไปแน่ๆ”
หลี่จิ้งตอบกลับ
“ร้านขายไก่ต้องปรับปรุงใหม่เมื่อเร็วๆ นี้ ไม่สามารถเปิดร้านได้ รอปรับปรุงเสร็จค่อยว่าอีกที”
หลังจากพูดจบแล้วก็พูดเสริมอีกว่า
“พี่ซือซือกับฉันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิด คุณอย่าพูดไปเรื่อย”
“ฉันแค่พูดไปเฉยๆ ทำไมนายถึงจริงจังขนาดนี้”
เฉินอวี่หรานพูด
“ถ้านายมีแฟนจริงๆ คงไม่ต้องหาบ้านเช่าหรอกใช่ไหม?”
ขณะที่พูด เธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเล่น
ในเวลาเดียวกัน โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าของหลี่จิ้งก็สั่นขึ้นมา
หลี่จิ้งหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมา เห็นข้อความว่าเป็นเฉินอวี่หรานส่งอั่งเปาให้
เมื่อเขาคลิกและเห็นว่ามันเป็นหนึ่งร้อยหยวน เขาก็เงยหน้าขึ้นมองอย่างสงสัย
ยังไม่ทันถาม เฉินอวี่หรานก็ขยิบตา
“ฉันหิวแล้ว นี่ค่าทำอาหาร”
"..."
หลี่จิ้ง.
เมื่อเขามาที่วิลล่าเห็นเฉินอวี่หรานเมื่อวานนี้ เขาก็ได้เห็นว่าจริงๆ แล้วเธอไม่ได้เคร่งครัดขนาดนั้น
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเหตุการณ์ปีศาจที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในเขตเป่ยเฉิง เฉินอวี่หรานจึงต้องทำงานล่วงเวลาในฐานะหน่วยลาดตระเวนในที่ทำงาน และทั้งสองก็ไม่มีเวลาได้เจอกัน
อย่างไรก็ตาม หลี่จิ้งรู้สึกสับสนเล็กน้อยเมื่อต้องเจอกับอั่งเปาและ "สั่งให้ทำอาหาร"
พี่สาว เอางี้เลยเหรอ?
เมื่อมองดูเงินหนึ่งร้อยหยวนที่เขาได้รับ หลี่จิ้งก็ถามเธอด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
"อยากกินอะไรครับ?"
“ผัดหมี่ละกัน ฉันต้องไปทำงานสามทุ่ม รอนานเกินไม่ได้”
เฉินอวี่หรานหัวเราะ
“โอเค รอก่อนนะ จะได้เร็วๆ นี้”
หลี่จิ้งพูดจบแล้วเดินไปที่ห้องครัว
หนึ่งร้อยหยวนเป็นเพียงเงินจำนวนเล็กน้อย
แต่ขายผัดหมี่จานเดียวได้กำไรหนึ่งร้อยก็ถือว่าคุ้มมาก
หลี่จิ้งไม่ได้เกลียดความสัมพันธ์เงินทองแบบนี้
หลักๆ ก็เพราะว่าเขาจน
เมื่อมีเศรษฐีอยู่ข้างๆ แล้วทำไมไม่รักษาไว้ให้ดีล่ะ?
……
กลางคืนเริ่มมืดลง
หลังจากที่เฉินอวี่หรานกินผัดหมี่แล้วจากไป หลี่จิ้งดูเวลาแล้วก็ออกจากวิลล่า
ก่อนออกไปเขาก็ปล่อยเต้าหู้เหม็น
ช่วยไม่ได้
ไม่รู้ว่าเต้าหู้เหม็นทำเรื่องวุ่นวายอะไรยังไงในตอนกลางวัน เฉินอวี่หรานไม่คิดจะปล่อยมันเลย
หมาโง่ตัวนี้น่าสงสารจัง
ประมาณห้านาทีก่อนจะสี่ทุ่ม หลี่จิ้งก็มาถึงพื้นที่โล่งด้านหลังบริเวณอาคารผู้ช่วยผู้ตรวจการ
เวลานี้ทุกคนก็มาถึงแล้ว
ในวันแรกของการทำงาน ไม่มีใครขาดงานเลย
สิ่งที่ทำให้หลี่จิ้งปวดหัวคือ
เขาได้อยู่กลุ่มเดียวกับอี้ซิวจู่และลู่หยางเฉิง ถึงแม้สองคนนี้จะยืนอยู่ด้วยกัน แต่ทั้งคู่ดูเหมือนไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กัน และไม่มีการสื่อสารระหว่างกัน
เมื่ออี้ซิวจู่เห็นหลี่จิ้งมาถึง เขาก็ทักท้ายพยักหน้า
ส่วนลู่หยางเฉิง ทักทายเขาอย่างเป็นมิตร
“เทียนหวัง ในที่สุดคุณก็มาถึงแล้ว เรารอคุณมาสักระยะแล้ว”
ขณะที่หลี่จิ้งกังกำลังจะตอบ กงอู่ก็ลอยลงมาจากอากาศและลงโดดลงพื้นสนาม
เมื่อเห็นว่าทั้งเก้าคนมาถึงแล้ว เขาโบกมือแล้วหยิบดาบและออกมาสิบกว่าเล่ม
“คนมาครบแล้ว ก็ไม่พูดอะไรมาก อาวุธของผู้ช่วยผู้ตรวจการมีดาบและกระบี่ พวกคุณสามารถเลือกได้ตามความต้องการ”
ขณะที่เขาพูด เขาก็มองไปที่อี้ซิวจู่
“อี้ซิวจู่ คุณมีกระบี่สำเร็จรูปอยู่แล้ว แต่ก็ยังควรเลือกชิ้นหนึ่งเก็บไว้ ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ พยายามหลีกเลี่ยงการใช้”อาวุธส่วนตัว" โดยไม่จำเป็น เพราะมันจะส่งผลเสีย”
"รับทราบ"
อี้ซิวจู่ตอบและก้าวไปข้างหน้าแล้วหยิบกระบี่ยาวออกมา
เมื่อเห็นมีคนหยิบ คนอื่นก็ก้าวไปข้างหน้าทีละคนและหยิบอาวุธตามความต้องการของพวกเขาเอง
อาวุธที่หลี่จิ้งเลือกคือดาบ
กระบี่
มีนามเรียกขานอีกอย่างว่า "ราชันย์ทหาร"
มันฟังดูเท่และร้ายกาจ
แต่ปัญหาคือเขาใช้ไม่เป็น
อาวุธของผู้ช่วยผู้ตรวจการไม่ใช่อาวุธสมบัติระดับหนึ่ง แต่เป็นอาวุธปกติธรรมดาที่ค่อนข้างแข็งแกร่งและมีความสามารถในการบรรจุปราณวิญญาณ และไม่สามารถใช้คาถาที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมวัตถุกับมันได้
ใช้ได้กับมือเท่านั้น
สำหรับหลี่จิ้ง กระบี่ไม่ดีเท่าดาบอย่างแน่นอน
การใช้กระบี่ต้องใช้ทักษะและกระบวนท่า
แต่ดาบไม่จำเป็น
ถึงแม้คุณจะใช้ดาบไม่เป็น แต่คุณก็ยังหยิบมาสับแตงโมและผักได้
เริ่มต้นด้วยดาบเหล็กมาตรฐาน
หลี่จิ้งกำลังจะมองเข้าไปใกล้ๆ เมื่อจู่ๆ เสียงแจ้งเตือนก็ดังขึ้นในหูของเขา
“พบไอเทมดาบเหล็กมาตรฐานของผู้ช่วยผู้ตรวจการระดับทั่วไป ซึ่งสามารถลงทะเบียนเป็นไอเทมส่วนตัวได้ จะลงทะเบียนหรือไม่”
“แจ้งเตือน: หลังจากลงทะเบียนแล้ว คุณสามารถเก็บไอเทมไว้ในร่างกายได้ตลอดเวลา ในระหว่างนี้ ไอเทมที่เกี่ยวข้องจะได้รับพลังวิญญาณอย่างต่อเนื่อง ปรับปรุงความยืดหยุ่น ความแข็งแกร่งและคุณภาพ ประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของพลังวิญญาณของคุณ”