บทที่ 13: ผู้อาวุโสชุดเขียวลึกลับ
บทที่ 13: ผู้อาวุโสชุดเขียวลึกลับ
หลังจากมาถึงเนินเขาของจางเว่ยหยุนแล้ว ซูฟ่านก็มองไปรอบๆ
ผู้อาวุโสได้ออกไปแล้วหลังจากการก่อสร้างเสร็จสิ้น และลานขนาดเล็กตามมาตรฐานก็ได้ถูกสร้างขึ้น
“ถ้าความเร็วในการก่อสร้างนี้อยู่ในชาติที่แล้วของข้า พวกเขาก็คงจะกลายเป็นคนรวยได้ในไม่กี่นาที” ซูฟ่านอุทาน
การก่อสร้างลานเล็กๆ นี้ใช้เวลาเพียงสามชั่วโมง ซึ่งเป็นระยะเวลาเดียวกับที่จางเว่ยหยุนร้องไห้
“สามี ท่านรังแกข้า!”
ร่างหนึ่งรีบวิ่งเข้ามาหาซูฟ่านอย่างรวดเร็ว และในขณะที่มันกำลังจะชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ ซูฟ่านก็ยื่นมือออกมาและสร้างเกราะป้องกันอันอ่อนนุ่มขึ้นมาเพื่อป้องกันไม่ให้เธอชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่
ความผิดหวังปรากฏอยู่ในดวงตาของจางเว่ยหยุน
เขาไม่แม้แต่จะจับข้าด้วยซ้ำ!
'ปัง!'
เธอชนเข้ากับโล่ป้องกันและทำให้ความเร็วของเธอลดลงในที่สุด
ซูฟ่านมองไปรอบๆ และเห็นว่าพื้นที่รอบตัวพวกเขาดูใหญ่กว่าเนินเขาของเขาเองมาก
“เว่ยหยุน ด้วยที่ดินอันกว้างใหญ่เช่นนี้ เจ้าอยากปลูกอะไรล่ะ?”
“แน่นอนว่าต้องเป็นดอกไม้! เอาที่ทั้งสวยงามและมีกลิ่นหอม” จางเว่ยหยุนกล่าวอย่างมีความสุข
“ถ้าอย่างนั้นเรามาปลูกดอกไม้เมฆาม่วงกันเถอะ มันมีฤดูออกดอกที่ยาวนาน และในช่วงเจริญเติบโต มันก็สามารถเก็บน้ำค้างเมฆาม่วงได้ เมื่อมันโตแล้ว เจ้าก็สามารถเก็บเกี่ยวน้ำหวานของมันเพื่อขายแลกเป็นหินวิญญาณได้” ซูฟ่านแนะนำโดยนึกถึงสิ่งที่เขาเคยอยากจะปลูกในอดีต แต่ในตอนนั้นเขาก็ไม่ได้ปลูกมันเพราะคิดว่าภูเขาที่เต็มไปด้วยดอกไม้สีม่วงคงจะไม่เหมาะกับบุคลิกของเขาสักเท่าไหร่..
ลูกผู้ชายและสีม่วง.. แค่คิดถึงมันก็น่าอึดอัดใจแล้ว
“นั่นฟังดูดีจัง!” จางเว่ยหยุนหรี่ตาและยิ้มด้วยความยินดี
“เอาล่ะ งั้นเจ้าก็ไปเตรียมเมล็ดพันธุ์ดอกไม้มาให้พร้อม แล้วข้าจะมาช่วยเจ้าปลูกมันเอง”
“อย่างไรก็ตาม ในเมื่อเจ้ามาที่นี่แล้ว พ่อของเจ้าได้ให้หินวิญญาณติดตัวมาด้วยบ้างรึเปล่า?” ซูฟ่านถาม
ท้ายที่สุดแล้ว ตอนนี้เขาก็ไม่ได้มีหินวิญญาณมากมาย
“แน่นอน เขาให้หินวิญญาณ 100 ก้อนมาแก่ข้า พรุ่งนี้ข้าจะไปซื้อเมล็ดพันธุ์ดอกไม้เลย”
หลังจากนั้น ซูฟ่านก็พาจางเว่ยหยุนไปเดินเล่นรอบๆ บริเวณเนินเขาและกลับไปที่เนินเขาของเขาเองด้วยจิตใจที่หนักอึ้ง
ซูฟ่านนั่งอยู่ในลานเล็กๆ ของเขา จ้องมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวด้วยความงุนงง เขาไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยังไงดี
ทันใดนั้น แสงสีเขียวลึกลับก็ระเบิดไปทั่วท้องฟ้า
นกศักดิ์สิทธิ์ปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้า โดยมีผู้หญิงสวมกระโปรงยาวสีฟ้ายืนอยู่บนหลังของมัน ผมสีดำยาวของเธอปลิวไสวและทำให้เธอดูน่าทึ่งอย่างหาที่เปรียบมิได้
ซูฟ่านเฝ้าดูทิศทางที่นกศักดิ์สิทธิ์กำลังบินไปและค่อยๆ ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“บ้าเอ้ย มันกำลังบินมาหาข้าหรอ!”
ซูฟ่านซึ่งเดิมนอนเหยียดกายอยู่บนเก้าอี้เริ่มตื่นตัวขึ้นมาโดยทันที เมื่อดูนกศักดิ์สิทธิ์ที่บินเข้ามา เขาก็เริ่มรู้สึกกังวล สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสับสน
“ข้าถูกลิขิตให้เป็นคนพิเศษเพราะระบบนี้งั้นหรอ?”
ตามความคิดของซูฟ่าน อีกฝ่ายก็อาจจะเห็นศักยภาพของเขาและต้องการจะรับเขาเป็นลูกศิษย์
อาจารย์สาวผู้งดงาม.. แค่คิดถึงเรื่องนี้ก็น่าตื่นเต้นแล้ว
จิตใจของซูฟ่านเต็มไปด้วยความคิดว่าเขาจะทำยังไงดีหากเขาถูกบังคับให้ต้องรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้
และในขณะนั้นเอง เสียงอันบริสุทธิ์ก็ดังก้องไปทั่วเทือกเขาส่วนนอก
“ยินดีต้อนรับท่านผู้อาวุโสสู่นิกายเทียนฉัว ข้าขอทราบได้ไหมว่าเหตุอันใดท่านผู้อาวุโสจึงมายังสถานที่แห่งนี้?”
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ซูฟ่านก็สัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวจากเสียงอันทรงพลังนั้น
“ข้ามาที่นี่เพื่อตามหาลูกศิษย์ของข้า” เสียงเย็นชาตอบ
“โอ้ ศิษย์ของท่านอยู่ในนิกายเทียนฉัวของเราหรอ?”
“ใช่”
ขณะที่ซูฟ่านกำลังคิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องปรากฏตัว เขาก็เห็นแสงสีฟ้ากำลังอุ้มจางเว่ยหยุนซึ่งกำลังกินแตงโมอยู่เข้ามาใกล้ เธอกำลังบินไปทางผู้อาวุโสชุดเขียว
“กายาชะตาสวรรค์ สาวน้อย เจ้าสนใจอยากจะมาเป็นศิษย์ของข้าหรือไม่?” ผู้อาวุโสชุดเขียวกล่าวต่อจางเว่ยหยุนด้วยความอ่อนโยน
“ข้า…ข้า…ข้าไม่รู้เหมือนกัน” จางเว่ยหยุนพูดอย่างว่างเปล่า
ซูฟานที่กำลังยืนดูละครอยู่รู้สึกปวดใจและอยากจะกระอักเลือดออกมาให้ไกลสักแปดเมตร
“ให้ตายเถอะ นี่เป็นโอกาสอันดีของเจ้าแล้ว! เจ้าต้องตอบตกลงไปสิ!” ซูฟ่านเริ่มรู้สึกกังวลแทนจางเว่ยหยุน
ในขณะนี้ ชายวัยกลางคนที่ดูสูงส่งและสวมชุดอาภรณ์สีขาวก็ปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้า ใบหน้าของเขาดูทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อยในขณะที่เขามองไปที่ผู้อาวุโสชุดเขียวลึกลับ
“ท่านผู้มีเกียรติ ข้าเดาว่าท่านคงจะมาที่นี่เพื่อแย่งชิงศิษย์นิกายเทียนฉัวของเราใช่ไหม?”
“แม้ว่ากายาชะตาสวรรค์จะเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ครอบครองได้รับโชคลาภมหาศาล แต่ข้าเกรงว่าเรื่องแค่นั้นคงจะยังไม่เพียงพอที่จะดึงดูดความสนใจจากท่านหรอกจริงไหม?” ชายวัยกลางคนกล่าว
“นางถูกกำหนดให้มาอยู่กับข้า”
“เจ้าจะพิจารณาว่ามันเป็นความโปรดปรานจากข้าที่มีต่อนิกายเทียนฉัวของเจ้าก็ได้” ผู้อาวุโสชุดเขียวลึกลับกล่าวอย่างไม่แยแส
ชายวัยกลางคนมองไปที่พื้นที่ชั้นนอกของนิกายและสัมผัสได้ถึงสัมผัสศักดิ์สิทธิ์มากมายที่กำลังสอดแนมพวกเขาจากในนิกายชั้นใน เขากัดฟันและกล่าวว่า “ถึงแม้ท่านจะอยู่ขอบเขตมหายานแล้ว แต่ท่านก็ไม่ควรบังคับศิษย์ของเราให้ติดตามท่านไป”
“ความโปรดปรานของข้าไร้ค่างั้นหรอ?” ผู้อาวุโสชุดเขียวลึกลับขมวดคิ้ว ความไม่พอใจแฝงอยู่ในน้ำเสียงของเธอ
ทันใดนั้นชายวัยกลางคนก็รู้สึกราวกับว่าเขาถูกภูเขาทั้งลูกกดทับ เขาเกือบจะสูญเสียการทรงตัวไปโดยทันที
“ไม่เลย มันนับเป็นเกียรติสำหรับเราแล้วที่ท่านให้ความสนใจลูกศิษย์จากนิกายเทียนฉัวของเรา”
“ถึงอย่างนั้น หากลูกศิษย์หญิงของเราไม่เห็นด้วย ข้าก็ขอท่านผู้มีเกียรติโปรดอย่าบังคับใครให้ลำบากใจเลย”
“ย่อมได้”
ผู้อาวุโสชุดเขียวลึกลับมองไปที่จางเว่ยหยุน
“เจ้าอยากเป็นศิษย์อาวุโสของข้าไหม? ข้าบังเอิญมีวิชาการฝึกตนที่เหมาะกับกายาชะตาสวรรค์ของเจ้า ด้วยสิ่งนี้ การขึ้นสู่โลกเซียนนั้นก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น”
หลังจากได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสชุดเขียวลึกลับ จางเว่ยหยุนก็คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตะโกนไปทางยอดเขาของซูฟ่าน
“สามี ท่านคิดว่าข้าควรทำอย่างไรดี?”
ทันใดนั้น ซูฟ่านก็กลายเป็นศูนย์กลางของความสนใจ
ภายใต้การจ้องมองของมหาอำนาจทั้งสอง ซูฟ่านก็กล่าวอย่างใจเย็นว่า “มันเป็นโอกาสของเจ้าแล้ว และข้าคิดว่าเจ้าควรยอมรับมัน”
ในใจของเขา ซูฟ่านก็ยังคงย้ำกับตัวเองว่า “ข้ามีระบบ และข้าจะแข็งแกร่งกว่าพวกเขาทุกคนในอนาคต เพราะงั้นแล้ว ตอนนี้ข้าต้องเอาตัวรอดไปก่อน”
หลังจากได้ยินคำพูดของซูฟ่านแล้ว จางเว่ยหยุนก็ถามว่า “ข้าจะยังสามารถกลับมาพบสามีของข้าในอนาคตได้หรือไม่?”
“แน่นอน” ผู้อาวุโสชุดเขียวลึกลับพยักหน้า เธอไม่ได้ฝึกตนสายวิชาต้องห้าม ดังนั้นเธอจึงจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในอนาคตของลูกศิษย์ของเธอ นอกจากนี้ กายาชะตาสวรรค์ก็ยังเกิดมาเพื่อนำพาโชคลาภอันยิ่งใหญ่ ดังนั้นสามีของเธอจึงจะกลายเป็นคนพิเศษอย่างแน่นอนในอนาคต”
“งั้นข้าก็ยินดีที่จะเป็นศิษย์ของท่าน” จางเว่ยหยุนกล่าวและคำนับโดยทันที
“ขอแสดงความยินดีกับท่านผู้มีเกียรติสำหรับการได้ลูกศิษย์ที่ดี”
ชายวัยกลางคนมองตรงไปที่ซูฟ่านชั่วครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหายไปอย่างช้าๆ
“ตอนนี้เจ้ากลายเป็นศิษย์ของข้าแล้ว ตามข้ามา”
ผู้อาวุโสชุดเขียวลึกลับนำจางเว่ยหยุนขึ้นไปบนหลังนกศักดิ์สิทธิ์โดยทันที เธอไม่อนุญาตให้จางเว่ยหยุนพูดคำลาใดๆ ก่อนที่ร่างของพวกเธอจะหายไปในท้องฟ้า
ทุกอย่างกลับมาเงียบสงบลงอีกครั้ง
“ภรรยาที่ข้าเพิ่งได้มาจากไปซะอย่างนั้นเลยหรอ?”
“เอาเถอะ ยังไงมันก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว อย่างน้อยข้าก็จะไม่ต้องมาคอยอึดอัดใจที่จะต้องปฏิเสธเธอในอนาคต”
ซูฟ่านทรุดตัวลงบนเก้าอี้อีกครั้ง
“ขีดจำกัดสูงสุดของโลกใบนี้นั้นสูงเกินไป พลังของข้าในตอนนี้ยังไม่เพียงพอ ข้ายังคงต้องนอนรออีกนานกว่าจะถึงเวลาได้โอ้อวดพลัง”
ด้วยความคิดดังกล่าว ซูฟ่านจึงหยิบแผ่นหยกที่มีข้อมูลวิชาบัญญัติห้าธาตุขึ้นมาอ่าน
ในมุมมองของซูฟ่าน คุณภาพของวิชาการฝึกตนก็ขึ้นอยู่กับหลายแง่มุม
การเพิ่มความสามารถของจุดตันเถียนในการกักเก็บพลังวิญญาณ การดูดซับคุณภาพของพลังวิญญาณ การเสริมสร้างขีดจำกัดของจิตใจและอื่นๆ
“วิชาบัญญัติห้าธาตุนี้ไม่ได้โดดเด่นเลย และมันก็ไม่ได้มีลักษณะเฉพาะตัวด้วย มันไม่ได้เปิดโอกาสให้ข้าปรับปรุงมันให้แข็งแกร่งขึ้นด้วยซ้ำ!”
ซูฟ่านต้องการหาวิธีปรับปรุงวิชาบัญญัติห้าธาตุนี้ให้มีระดับสูงขึ้นอยู่เสมอ นี่เป็นเพราะสิ่งที่เขากำลังฝึกอยู่ตอนนี้นั้นดูอ่อนแอเกินไปในสายตาของเขา...