บทที่ 13 : ความน่ากลัวของอดีตนักบุญ
บทที่ 13 : ความน่ากลัวของอดีตนักบุญ
คนที่มาถึงไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเย่ว์หรู่ชวง…..ซึ่งก่อนหน้านี้เธออยู่ในช่วงการเก็บตัวเพื่อพยายามบุกทะลวงระดับไปสู่ระดับอาณาจักรปราการสวรรค์
อย่างไรก็ตาม, มันกลับมีคนมาเเจ้งข่าวกับเธอว่าตระกูลเย่กำลังเผชิญกับวิกฤติการกวาดล้างครั้งใหญ่
เเละในช่วงเวลาวิกฤตินี้ เย่หวู่ชางได้เข้าสู่การเก็บตัวฝึกตนเช่นกัน….ดังนั้นเธอจึงเลือกที่จะออกหน้าแทนเขา
……
ณ ขณะนี้
เพียงเเค่เห็นแม่นางน้อยผู้สวมชุดสีม่วง…..ยืนอยู่เดียวดายอยู่กลางทุ่งหญ้า, ดุจดั่งดอกโบตั๊นที่กำลังเปร่งประกายความงดงาม
ในเวลานี้, แม้แต่ผู้อาวุโสสูงสุดก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะเป็น เย่ว์รู่ชวงที่ปรากฏกายออกมาช่วยพวกเขา
“ฮูหยิน, ท่านได้ทะลุเข้าสู่อาณาจักรทะเลศักดิ์สิทธิ์แล้วหรือ?” เย่เหว่ยหวู่มองดูเย่ว์หรู่ชวงด้วยความตกตะลึง
เห็นได้ชัดว่าพวกเขายังติดอยู่ในวังวงที่คิดว่า เย่ว์รู่ชวงจะไม่สามารก้าวผ่านอาณาจักรควบแน่นแกนกลางได้ในตลอดชีวิตของเธอ
ดังนั้น, พวกเขาจึงไม่รู้เลยว่าในขณะนี้เย่ว์รู่ชวงไม่เพียงบุกทะลวงเข้าสู่อาณาจักรทะเลศักดิ์สิทธิ์ได้สำเร็จเท่านั้น….แต่เธอยังมาถึงจุดสูงสุดของอาณาจักรทะเลศักดิ์สิทธ์เรียบร้อยแล้ว
เเละเมื่อได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสสูงสุด…..ผู้คนรอบๆก็ตกตะลึงอย่างมากทันที
“โอ้, แม่นางน้อยผู้นี้เป็นใครกันแน่….นางถึงกับสามารถทำลายกระบวนท่าสังหารของชูเหรินซินได้อย่างง่ายดาย!”
“เย่เหว่ยหวู่เรียกเธอว่าฮูหยิน, เป็นไปได้ไหมว่าเธอคือนักบุญหญิงจากตระกูลเย่ว์…..ขยะที่ถูกตระกูลเย่ว์ทอดทิ้ง?”
“ให้ตายเถอะ, คนอย่างเธอจะถูกเรียกว่าขยะได้งั้นหรือ?.....ขยะเเบบใดถึงสามารถมาถึงจุดสูงสุดของอาณาจักรทะเลศักดิ์สิทธิ์ได้, ถ้าอย่างนั้นแล้วพวกเราเป็นตัวอะไร?”
“มีข่าวลือไม่ใช่หรือ, ว่าเย่ว์รู่ชวงจะไม่สามารถทะลวงเข้าสู่อาณาจักรทะเลศักดิ์สิทธ์ได้….เเล้วนางทำได้ยังไง?”
“ตระกูลเย่นี้ช่างลึกลับจริงๆ พวกเขามีความสามารถในการช่วยให้เย่ว์รู่ชวงฝ่าฟันได้สำเร็จ!”
“อาณาจักรทะเลศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงสุด ตอนนี้ทุกอย่างเริ่มน่าสนใจขึ้นมาแล้ว!”
“ตอนนี้ยังไม่สามารถพูดอย่างนั้นได้หรอก…..แม้ว่านางจะแข็งแกร่ง แต่ก็มีนางมาเพิ่มเเค่คนเดียว อย่าลืมว่าผู้นำตระกูลทั้งสามล้วนอยู่บนจุดสูงสุดของอาณาจักรทะเลศักดิ์สิทธิ์ เช่นกัน”
“เเถมพวกเขายังมีกองกำลังอาณาจักรทะเลศักดิ์สิทธิ์ขั้นปลายที่แข็งแกร่งอีกมากมาย, ไหนจะผู้ฝึกตนอาณาจักรควบแน่นแกนกลางอีกนับไม่ถ้วน”
“บอกได้เลยว่ามันยังคงเป็นเรื่องยากสำหรับนางที่จะต้องต่อสู้พวกเขาเพียงลำพัง!”
ผู้คนรอบๆต่างพูดคุยเเสดงควมคิดเห็นกันอย่างออกรส
แต่ท้ายที่สุดเเล้ว พวกเขาก็ไม่เชื่อว่าเย่ว์รู่ชวงจะสามารถเปลี่ยนชะตากรรมของตระกูลเย่ได้
…..
ณ ขณะนี้
ดวงตาของชูเหรินซินหรี่ลงเล็กน้อย….พร้อมความประหลาดใจที่แวบผ่าน
“เจ้าคือนักบุญแห่งตระกูลเย่ว์ใช่ใหม”
“ข้าขอแนะนำให้เจ้าออกจากตระกูลเย่เสียตั้งแต่ตอนนี้….แล้วพวกข้าจะทำเป็นว่าไม่เคยเห็นเจ้า, มิฉะนั้นเจ้าก็ต้องตายอยู่ที่นี่!”
ตระกูลชูยังคงมีความกลัวต่อตระกูลเย่ว์….อย่างไรพวกเขาก็ไม่อยากที่จะแตะต้องคนของตระกูลเย่ว์เข่นกัน
อย่างไรก็ตาม, แม้จะพูดออกไปแล้ว เย่ว์ร่ซวงก็ยังคงไม่สะทกสะท้าน
เธอยังคงมองฉากทั้งหมดด้วยสายตาที่เย็นชา
เพราะเหตุนี้….แม้ว่าชูเหรินซินจะรู้สึกรำคาญ แต่อย่างไรเขาก็ยังกลัวตระกูลเย่ว์ที่อยู่ข้างหลังนางอยู่ดี
เขากัดฟันและต่อรองอีกครั้ง
"อย่างมากที่สุด ข้าจะปล่อยให้เจ้าเอาบุตรทั้งสองที่เจ้าให้กำเนิดออกไปได้…..แต่พวกเขาไม่สามารถใช้นามสกุลเย่ได้ในอนาคต!"
นี่เป็นคำขาดสุดท้ายของเขายที่สามารถมอบให้ได้
ความจริงแล้ว, การปล่อยให้สายเลือดหลักของตระกูลเย่รอดไปอาจจะทำให้เกิดปัญหาในอนาคตได้
แต่เขาก็ยังหวาดกลัวตระกูลเย่ว์มากเกินไป
อย่างไรก็ตาม, แม้จะได้ยินเสียงนั้นเย่ว์รู่ชวงก็ยังคงไม่มีการตอบสนองใดๆ
มีเพียงผู้อาวุโสและคนอื่นๆของตระกูลเย่เท่านั้นที่ต่างก็รู้สึกยินดีอย่างมาก
เพราะพวกเขารู้ดีว่า อนาคตของบุตรชายและบุตรสาวของเย่หวู่ชางจะต้องแข็งแกร่งมากอย่างเเน่นอน
หากพวกเขาได้รับอนุญาตให้เติบโตขึ้น…..อนาคตของตระกูลเย่จะต้องมีวันรุ่งเรืองอย่างไม่ต้องสงสัย
ในขณะที่พวกเขากำลังจะพูดเพื่อเกลี้ยกล่อมเย่ว์รู่ชวง….เเต่เย่ว์รู่ชวงกลับเปิดปากออกมาอย่างรวดเร็ว
“ผู้อาวุโสไม่จำเป็นต้องชักชวนให้เสียเวลา, ยามนี้ข้าได้แต่งงานเเละเป็นสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลเย่แล้ว”
“ในฐานะภรรยาของผู้นำตระกูลเย่ ข้าจะหลบหนีเมื่อตระกูลเย่เผชิญอันตรายได้อย่างไร”
ด้วยคำพูดเหล่านี้ เธอก็ได้หักคำพูดของชูเหรินซินโดยตรง
“อวดดี”
“ถือว่าเราไว้หน้าให้กับตระกูลเย่ว์มามากพอแล้ว, ในเมื่อเจ้าต้องการอยู่และตายร่วมกับตระกูลเย่ งั้นพวกเจ้าก็ตายไปด้วยกันถิด!”
หลังจากพูดจบ, เขาก็กำหมัดวาดผ่านอากาศ เเละหมัดทะยานไปทางเย่ว์รู่ชวง
บูม!
ความแข็งแกร่งของอาณาจักรทะเลศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงสุดได้ถูกเปิดเผยออกมา
ฉากนี้ทำให้ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนหน้าเปลี่ยนสี…. เพราะพวกเขาตระหนักได้ว่าถึงตอนนี้ชูเหรินซินยังไม่เคยใช้พลังเต็มที่เลย
อย่างไรก็ตาม, เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหมัดนี้ สีหน้าของเย่ว์รู่ชวงยังคงไม่เปลี่ยนสี และเธอไม่แม้แต่ชักดาบออกมาด้วยซ้ำ
มีเพียงนิ้วเดียวที่เคลื่อนไหว
ฟู่ว~!
ปราณดาบพุ่งออกมาจากปลายนิ้วของเธอ….สร้างแรงกดดันอันไม่รู้จบ เเละทำลายหมัดของชูเหรินซินในพริบตา
เเถมปราณดาบที่น่าสะพรึงกลัวนี้ทำให้ชูเหรินซินต้องล่าถอยไปหลายสิบเมตร
ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวของเยว่รู่ชวง….มันกลับทำให้ใบหน้าของชูเหรินซินรู้สึกอับอายอย่างมาก
เขาจ้องมองเย่ว์รู่ชวงด้วยความหวาดกลัว พร้อมพูดประโยคหนึ่งออกมา
“นี่มัน….ร่องรอยของเจตนาดาบ!”
ทันทีที่คำพูดถูกพ่นออกมา ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้างและประหลาดใจถึงขีดสุด
ร่องรอยของเจตนาดาบนั้น อยู่ห่างจากขั้นแรกของเจตนาดาบเพียงก้าวเดียว
กล่าวอีกนัยหนึ่ง, ตราบใดที่เธอบุกทะลวงไปสู่อาณาจักรปราการสวรรค์ ได้…..เธอก็จะสามารถทะลวงเจตนาดาบขั้นแรกได้อย่างไม่ต้องสงสัย
นี่คือนักบุญหญิงอัจฉริยะแห่งตระกูลเย่ว์ใช่ไหม….เธอน่ากลัวมากจริงๆ!
ในขณะนี้, พวกผู้คนรอบๆก็เริ่มเข้าใจถึงความน่ากลัวของเย่ว์รู่ชวงอย่างถ่องแท้แล้ว
แม้แต่ผู้นำของตระกูลหวัง และ ผู้นำตระกูลเจียงที่อยู่ข้างๆผู้นำตระกูลชูก็มีการแสดงออกที่เปลี่ยนไป
อย่างไรก็ตาม ด้วยความหวาดกลัวและความตกใจของพวกเขานั้น….เย่ว์รู่ชวงไม่สนใจเลยสักนิด
สีหน้าของเธอยังคงเย็นชาและไม่แยแส….ดวงตาที่สวยงามของเธอกวาดไปทั่วสามตระกูลหลักเฉยเมย
"ด้วยความแข็งแกร่งระดับนี้, พวกเจ้ากลับหาญกล้ามารุกรานตระกูลเย่ของข้างั้นรึ?”
“ตาย!”
หลังจากพูดจบ….ดาบยาวในมือของเธอก็หลุดออกจากฝัก, พร้อมแผ่พลังอย่างไร้ขีดจำกัดออกมาทั่วสารทิศ
จากนั้น, เธอก็ยกดาบด้วยมือเดียวแล้วเหวี่ยงมันลงไปกลางอากาศ
ปรากฎเป็นปราณดาบยาวหลายสิบเมตรวาดผ่านท้องฟ้า
บูม~!
แรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวของปราณดาบนี้ส่งผลให้ผู้นำของสามตระกูลหลักเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ดาบเล่มเดียวนี้ทำให้พวกเขารู้สึกถึงวิกฤตและหายนะที่กำลังคืบคลานเข้ามา
“ลงมือพร้อมกัน, เร็วเข้า!”
พวกเขาทั้งสามคำรามเกือบจะพร้อมๆ กัน….นอกจากนี้ยังรวมถึงมหาอำนาจระดับอาณาจักรทะเลศักดิ์สิทธิ์หลายคนที่อยู่ข้างหลังพวกเขาด้วย
แต่ละคนปลดปล่อยการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า
บูม บูม บูม~!
การโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวจำนวนนับไม่ถ้วนปะทะกับปราณดาบของเย่ว์รู่ชวง
ตูมมมมมม~!
เสียงระลอกคลื่นจำนวนนับไม่ถ้วนเเละดังก้องกังวาล…..แรงปะทะได้กลืนกินทั้งสนามรบโดยตรง
ขณะที่ทุกคนอยากรู้ว่าใครจะชนะหรือแพ้.…เสียงคนกระอักเลือดก็ลอยออกมา
………………………….