ตอนที่ 9 การโต้เถียงกันระหว่างเพื่อนร่วมห้อง
“ดูหนังเหรอ?”
ซูเหวิน ค่อนข้างประหลาดใจ, ดอกไม้งาม เซี่ย ชวนเขาไปดูหนัง นี่คือเขาฟังไม่ผิดไป ..ใช่มั้ย?
“อืม ตอนแรกฉันอยากไปดูกับเพื่อน แต่พวกเธอมีธุระเลยไปด้วยไม่ได้.. มันเป็นหนังสยองขวัญ ฉันไม่กล้าไปดูคนเดียว เลยอยากชวนคุณไปด้วยกัน คืนพรุ่งนี้ไม่ทราบว่าคุณมีเวลาไหม?”
ที่ปลายสาย เสียงของ เซี่ย ซินเหยา ดังขึ้นอีกครั้ง
“ติ๊ง!”
“ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่กระตุ้นภารกิจระบบสำเร็จ ทั้งนี้ระบบได้เตรียมรางวัลพิเศษให้แล้ว”
“ภารกิจระบบ : ยอมรับคําขอของอีกฝ่าย ไปดูหนังกับ เซี่ย ซินเหยา หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ รางวัลที่ได้รับ วิลล่าสำหรับครอบครัว ในเขตอ่าวไห่หยุน”
ในเวลานี้ เมื่อเสียงกลไกดังขึ้น และระบบก็ปรากฏขึ้น พร้อมกับเสียงแจ้งเตือนต่างๆ
“วิลล่า.. ในเขตอ่าวไห่หยุน?”
เมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือนภารกิจจากระบบ ซูเหวิน ถึงกับตกตะลึงไปทันที โอ้.. พระเจ้า นี่มันเหลือเชื่อจริงๆ.. และนั่นไม่ใช่หนึ่งในย่านวิลล่าที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองม่อ หรอกหรือ?
ราคาบ้านที่นั่นสูงจนน่าขัน โดยมีราคาตั้งแต่หนึ่งแสน หรือมากกว่าสองแสนหยวนต่อตารางเมตร วิลล่าที่ใหญ่กว่าเล็กน้อย ถ้าคุณไม่มีเกิน 100 ล้านหยวน ก็อย่าได้คิดฝันว่าจะได้มันมาครอง..
ด้วยเหตุนี้ ว่ากันว่าถ้าคุณต้องการจะไปดูบ้าน หรือซื้อบ้านที่นั่น คุณก็ต้องเตรียมหลักฐานทรัพย์สินมูลค่าอย่างน้อย 20 ล้านก่อน มิฉะนั้นไม่ต้องพูดถึงการซื้อบ้าน เพราะคุณจะไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะได้เข้าไปดูข้างในด้วยซ้ำ
“รับภารกิจ” ซูเหวิน กล่าวอย่างตื่นเต้นทันที
ภารกิจง่ายๆ แบบนี้ไม่ทำก็น่าเสียดายแย่ แค่ไปดูหนังก็ได้วิลล่าชั้นนำของเมืองม่อมาแล้วหลังหนึ่ง มีอะไรไม่คุ้มค่ากว่านี้?
เขาจึงพูดกับปลายสายไปว่า : “โอเค ได้สิ คืนนั้นผมจะไปกับคุณ”
“เอ่อ.. จริงสิ ว่าแต่คุณจะไปเวลาไหน โรงภาพยนตร์ไหน?”
ซูเหวิน ถามต่อ
“แน่นอนว่าต้องเป็น ฮิลส์ นะ ได้ยินมาว่าโรงภาพยนตร์ของที่นั่นมีวิชวลเอฟเฟกต์ (Visual Effects) ที่ดีมาก ตั๋วสองทุ่มครึ่ง คืนพรุ่งนี้อาจจะต้องออกเดินทางไปก่อนล่วงหน้าครึ่งชั่วโมง แล้วเดี๋ยวพอใกล้ถึงเวลาฉันจะส่งข้อความไปหาคุณ”
พอได้ยินว่า อีกฝ่ายยอมไปดูหนังกับเธอ เซี่ย ซินเหยา ก็รีบพูดออกไปอย่างมีความสุขทันที ใบหน้าของเธอร่าเริง เปล่งประกายด้วยรอยยิ้มหวานออกมา…
“อืม.. โอเค ผมเข้าใจแล้ว”
ซูเหวิน พยักหน้าตอบอีกฝ่าย
เมื่อหลังจากนัดหมาย เวลา และสถานที่กันแล้ว ทั้งสองก็วางสายไป
ในเวลาเดียวกัน ซูเหวิน ก็รู้สึกประหลาดใจ สถานที่ที่ดอกไม้งาม เซี่ย นัดไว้นั้น ไม่ใช่เป็นโรงภาพยนตร์ภายใต้เครือโรงแรมของเขาพอดีหรอกหรือ มันช่างบังเอิญจริงๆ
ทันใดนั้นโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นอีกครั้ง..
ซูเหวิน รับโทรศัพท์ และหลังจากนั้นไม่กี่วินาที เขาก็อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าที่มีความสุขออกมา ปรากฎว่า รถยนต์สุดหรูของเขา Aston Martin One-77 ที่ระบบได้ให้เป็นรางวัลเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาได้ถูกส่งไปยัง ….
อีกด้านหนึ่ง ..หอพักหญิง
“ว้าว! เซี่ย ซินเหยา เธอ... เธอ เธอมันคนโกหก คาดไม่ถึงว่าจะโกหกเพราะมีนัดเดทกับผู้ชาย?”
“นั่นสินะ ..ไหนจ๊ะ เธอบอกกับพวกเราตอนไหน แล้วเมื่อไหร่ว่าจะไปดูหนังสยองขวัญกัน ทำไมเราถึงไม่รู้เรื่องเลย?”
ทันทีที่ เซี่ย ซินเหยา โทรเสร็จ เพื่อนร่วมห้อง และซึ่งเป็นเพื่อนสนิททั้งสองคนที่แอบอยู่ข้างๆ เธอ จี้หยวี่ และวัง ซิ่วซิ่ว ก็พากันมองตรงไปที่หน้าของ เซี่ย ซินเหยา ทันทีไปพร้อมกับแสดงสีหน้าเหลือจะเชื่อออกมา ซึ่งมันราวกับว่าพวกเธอได้ค้นพบสิ่งมหัศจรรย์ของโลก
เมื่อวานนี้ เมื่อพวกเธอรู้ข่าวว่า เซี่ย ซินเหยา นำชานมไปให้กับ ซูเหวิน พวกเธอก็ตกใจมากพอแล้ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อวาน เพื่อนสาวคนนี้ของพวกเธอก็ได้เปิดเผยเหตุผลว่าทำไม หรือก็คือ เธอแค่ต้องการใช้โอกาสนี้ตอบแทนเพื่อนร่วมชั้น ซู ที่ได้ให้เธอยืมร่ม…
แต่เดี๋ยวก่อนนะ.. วันนี้มันสถานการณ์อะไร เธอชวน ซูเหวิน ไปดูหนัง นี่มันดูเหมือนนอกเหนือกว่านั้นแล้ว ใช่ไหม? (ตอบ?)
มันยากที่จะไม่ทําให้คนอื่นคิดว่า คุณหนูเซี่ย ของเรามีความคิด เป็นอย่างอื่น…
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ทั้งสองก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ โดยหันมายิ้มๆ ขยิบตาส่งให้กันอย่างรู้ทัน..
เพื่อนสนิทของพวกเธอ คือสาวงามผู้เลือดเย็นอันดับหนึ่งที่ได้รับการยอมรับจากทุกคนในมหาลัย แน่นอนว่าย่อมมีชายหนุ่มผู้ร่ำรวยไม่รู้กี่คนต่อกี่คนที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้ามาขายขนมจีบให้เธอ แต่กลับถูกปฏิเสธไปทีละคน แล้ว.. ครั้งนี้ล่ะ จะเป็นไปได้ไหม?
“อะแฮ่ม พวกเธอพูดว่าอะไรน้ะ?”
“เออก็ได้ ...ฉันแค่อยากดูหนังสยองขวัญเท่านั้น แต่พวกเธอไม่กล้าดู ดังนั้นฉันจึงได้แต่ต้องหาคนอื่นไปเป็นเพื่อน”
เห็นแต่เพื่อนสนิทของเธอพากันเบิกตากว้างทีละคน ราวกับว่าต้องการมองทะลุตัวเอง เห็นฉากนี้ ดอกไม้งาม เซี่ย ก็พลันใบหน้าแดงก่ำขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว
“ขอล่ะ เธอไม่ได้ถามพวกเราเลยด้วยซ้ำ หรือไม่จริง?”
“ใช่.. แม้พวกเราไม่กล้าดู แต่ไม่ได้บอกว่าจะไปเป็นเพื่อนไม่ได้ และนี่มันก็เห็นได้ชัดว่าเธอแค่อยากใช้โอกาสนี้เข้าหา เพื่อนร่วมชั้น ซู อย่าคิดว่าคนอื่นไม่รู้ทันน่ะ …ว่าอย่างไรค่ะ คุณหนูเซี่ย ผู้เลอโฉม ยอมรับมาซะเถอะ?”
เพื่อนสนิททั้งสองคน พากันหัวเราะไปมาอย่างสนุก พร้อมกับเปิดโปงเรื่องโกหกของเธอ ..ทันที
“......”
เซี่ย ซินเหยา รู้สึกว่าตัวเองเวลานี้สมควร ..หุบปากตัวเองจะดีกว่า
แต่เห็นได้ชัดว่า เมื่อเผชิญกับเรื่องแปลกประหลาดที่หาได้ยากเช่นนี้ เพื่อนสนิททั้งสองคนจะปิดปากตัวเอง ..ไปได้อย่างไร?
“จะว่าไปแล้ว เพื่อนร่วมชั้น ซู แม้ว่าครอบครัวของเขาจะยากจน แต่เขาก็ดูหล่อนะ ทั้งทางเราก็เข้าใจได้ว่า ซินเหยา ของเรา ..กำลังมีความรัก”
“ฉันช่วยเธอได้นะ ซินเหยา แบบนี้ เดี๋ยวเวลาไปดูหนังที่โรงภาพยนตร์ ถ้าเกิดกลัวก็อย่าเก็บกดตัวเองเอาไว้เด็ดขาดเลย เช่น พุ่งตัวเข้าไปซบอก หรืออ้อมแขนของอีกฝ่ายเลย แสดงมันออกมาให้ดีที่สุด เช่น อ๊ะ อ๊าย ฉันกลัวมาก กลัวจังเลย อย่า-...”
พวกเธอทั้งสองช่วยพากันพูดสอน และไม่เพียงพูดเปล่ายังมีท่าทางประกอบคำอธิบายถึงวิธีทำให้อีกฝ่ายตกหลุมรักไปทีละขั้นตอน..
พวกเธอได้คาดหวัง รอคอยที่จะได้เห็นมาตลอดว่า เพื่อนสนิทของพวกเธอ เซี่ย ซินเหยา ผู้เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งจนขึ้นชื่อว่าเลือดเย็นมาตลอดสามปี ใครจะไปคิดได้ว่า เวลานี้จะกลายเป็นพวกคลั่งรักไปได้? (1)
ในตอนท้ายหลังจากพูดจบ มีร่อยรอยความชั่วร้ายเล็กน้อยปรากฏบนใบหน้าของพวกเธอ…
“พวกเธอสองคนควรหยุดคิดบ้าๆ ได้แล้ว ผู้ชายคนนั้นมันก็เป็นแค่คนจนที่ไร้ประโยชน์เท่านั้น และนี่พวกเธอถึงกลับคิดทำเรื่องให้มันยุ่งยากถึงขนาดนี้เลย?”
ขณะที่พวกเธอกําลังพูดคุยกันอยู่นั้น กลับถูกขัดจังหวะขึ้นด้วยเสียงหนึ่ง ซึ่งมันได้ทําลายบรรยากาศแห่งความสุข…
ทุกคนเลยพากันมองย้อนกลับไป ก็เห็นแต่ผู้หญิงแต่งตัวเก๋ๆ คนหนึ่งเดินเข้ามา พูดด้วยน้ำเสียงเชิงดูถูกเหยียดหยามเล็กน้อย
ชื่อของเธอคือ ซุนเหม่ย เธอเองก็เป็นหนึ่งในสี่คนที่อยู่ในหอพักนี้เช่นกัน เธอมองตรงไปที่ เซี่ย ซินเหยา แล้วพูดว่า : “ซินเหยา ฉันไม่ได้ตั้งใจขัดแย้งกับเธอหรอกนะ พูดตามตรง เธอสวยขนาดนี้ ทําไมเธอถึงต้องไปเหลียวมอง หลงใหลในตัวคนที่ไร้ค่าอย่าง ซูเหวิน ด้วย?”
“ดูสิ แม้แต่ ฟาง ซินอี๋ ก็ดูถูกเขาไม่ใช่เหรอ เธอเป็นดอกไม้งามที่สวยที่สุดที่ได้รับการยอมรับจากผู้คนทั้งมหาวิทยาลัยเทียนเวย ..ของเรา และยังเป็น คุณหนู แห่ง ฮั่วซิน กรุ๊ป ด้วย ถ้าอยากจะหาผู้ชาย เธอสมควรที่จะเลือกหานายน้อยที่ร่ำรวยถึงจะดูเหมาะสมกว่าไม่ใช่เหรอ?”
ซุนเหม่ย หลังจากพูดจบ เธอก็เบะปาก ทั้งนี้ในคำพูดของเธอยังเต็มไปด้วยการดูถูก ซูเหวิน..
“เสี่ยวเหม่ย ทำไมเธอถึงพูดออกมาอย่างนั้น?”
วัง ซิ่วซิ่ว ขมวดคิ้ว และเธอไม่เห็นด้วยกับความคิดของอีกฝ่าย
“ใช่ ซูเหวิน คนนี้ยังเป็นคนดีมากอยู่นะ เขาหล่อ และก็น่าหลงใหลมาก เขามักจะไปทํางานพาร์ทไทม์บ่อยๆ เพื่อแฟนสาว แถมยังเอาอาหารเช้ามาให้แฟนสาวทุกวัน ถามหน่อยเหอะผู้ชายแบบนี้จะมีสักกี่คน?”
จี้หยวี่ ก็ตอบโต้กลับไปเช่นกัน
“พัฟ!” (*เสียงหลุดหัวเราะ)
ซุนเหม่ย กลอกตา แล้วมองมาที่พวกเธอแวบหนึ่ง แล้วพูดจาเยาะเย้ยไปว่า : “นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว? และไอ้ความหลงใหลบ้าๆ นั้นก็ไร้ประโยชน์ หล่อแล้วไงมันกินแทนข้าวได้หรือ?”
“ฉันคิดว่าหากเธอต้องการมีคนรักก็ควรที่จะหาใครสักคนที่ร่ำรวย และมีอํานาจ อีกอย่างนะ.. ฐานะของ ซินเหยา ก็สูงส่งขนาดนั้น ก็ยิ่งควรหาคนที่ร่ำรวย หรือเหล่านายน้อยจากตระกูลใหญ่แบบนั้นมันถึงจะถูก และคงมีแต่คนเหล่านี้เท่านั้นถึงจะคู่ควรกับ ซินเหยา ส่วน ซูเหวิน ฮ่าฮ่าๆ พวกเธอก็ลองคิดดูสิว่าเขา ..คู่ควรไหม?”
ซุนเหม่ย ส่ายศีรษะ ทั้งน้ำเสียงในคําพูดของเธอก็ยังเต็มไปด้วยการดูถูกดูแคลน
(1)[คลั่งรัก (恋爱脑)] - หรือจะพูดว่า ‘สมองคนมีความรัก’ ก็ได้ มันก็คือ โหมดการคิดที่ให้ความสำคัญกับความรักเป็นอันดับแรกๆ แถมยังทุ่มเทพลัง และความคิด ทั้งหมดให้กับความรัก และคนรัก กล่าวคือ เป็นพวกสมองที่ใช้การได้ไม่ปกติ เพราะมีความรักเข้ามาบังตา ส่งผลให้เหล่าคนที่มีแฟน ..บางที ก็มักชอบทำอะไรแปลกๆ แบบเอ๋อๆ อ๊องๆ ..