ตอนที่ 48 ไปร้องเพลงที่ KTV กันเถอะ
“ห่านย่าง(烧子鹅) ไก่ผัดถั่วลิสง(宫保鸡丁) เต้าหู้เหวินซือ(文思豆腐)”
“พระกระโดดกำแพง(佛跳墙) ยอดผักกาดขาวในน้ำซุป(开水白菜) รังนกตุ๋นน้ำตาลกรวด(冰糖雪燕) กุ้งตุ๋นน้ำมัน(油焖大虾) ปูม้านึ่งน้ำซุปใส(清蒸梭子蟹)... ฯลฯ”
บนโต๊ะใหญ่มีอาหารขึ้นชื่อในประเทศมากกว่า 20 อย่าง
อาหารแต่ละจานเองก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดูน่าอร่อย เต็มไปด้วยสีสัน และกลิ่นหอม
“พ่อ แม่”
“เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย และเหลาเฉิน อย่ามัวแต่มองอยู่เลย เริ่มกินกันเถอะ!”
พูดพลาง ซูเหวิน ก็หยิบอาหารจานหนึ่งขึ้นมาลองชิม
ทันใดนั้น กลิ่นหอมก็อบอวลไปทั่วทั้งปาก และรสชาติอาหารจานนี้ก็อร่อยมากจริงๆ
เมื่อเห็น เพื่อนร่วมชั้น ซู ขยับตะเกียบแล้ว คนอื่นๆ ที่เห็นแล้วจะอดใจไหวได้ยังไง?
พวกเขารีบหยิบตะเกียบขึ้นมาทีละคน และเริ่มทานอาหารตรงหน้าทันที
“โอ้ยย ให้ตายเถอะ ห่านนี่หอมมาก”
“เต้าหู้เหวินซือนี้นุ่มมาก”
“นี่ยังมีกุ้งตุ๋นน้ำมัน รสชาติดีมาก…”
หลังจากทุกคนได้ชิมก็พากันชื่นชมมัน
“หากอร่อย พวกเธอก็กินกันเยอะๆ นะ”
พ่อแม่ ซูเหวิน กล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลังจากกินไปสองสามคํา ทุกคนก็เริ่มหยิบเครื่องดื่ม และเบียร์ขึ้นมา คนที่ดื่มเครื่องดื่มก็ดื่มเครื่องดื่ม คนที่ดื่มเบียร์ก็ดื่มเบียร์ไป
ซูเหวิน ไม่ดื่มเพราะเขาต้องขับรถตอนกลางคืน เขาจึงขอให้ เฉินหมิง และคนอื่นๆ ดื่มกับพ่อของเขาแทน
สักพักบรรยากาศก็เป็นไปอย่างคึกคัก ทุกคนต่างกินดื่มด้วยกันไปอย่างมีความสุข
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตาเดียวก็ผ่านไปกว่า 1 ชั่วโมงแล้ว
เวลานี้อาหารบนโต๊ะกินกันเกือบจะหมดแล้ว
เบียร์ เครื่องดื่มเองก็หมดเกลี้ยงแล้วเช่นกัน
หลังจากทุกคนพักผ่อนกันได้สักพัก พวกเขาก็ลุกขึ้น และจบมื้ออาหารค่ำนี้
นี่ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่พ่อแม่ของ ซูเหวิน มาทานอาหารที่โรงแรมระดับไฮเอนด์เช่นนี้
ต้องบอกว่ามันมีความรู้สึกที่ไม่ธรรมดาจริงๆ
“เวลานี้เพิ่งจะ 2 ทุ่มกว่าๆ เอง ยังเร็วไปนะ พี่เหวิน พวกเราทุกคนไปร้องเพลงที่ KTV กันไหม?”
“ใช่ ใช่ ไม่ง่ายเลยที่จะได้ออกมาสักครั้ง ทำไมเราไม่ไปสนุกสนานกันอย่างเต็มที่สักหน่อยล่ะ?”
เมื่อทุกคนออกจากโรงแรม และมาถึงข้างนอก ทันใดนั้น วัง ซิ่วซิ่ว จี้หยวี่ ก็มองไปที่ ซูเหวิน และพากันตะโกนส่งเสียงเชียร์
พวกเธอชอบร้องเพลงมากที่สุดแล้ว
วันนี้มีเถ้าแก่ใหญ่อยู่ที่นี่ด้วย พวกเธอย่อมที่จะอยากทำกำไรงามๆ ให้ได้มากขึ้นอีก
“นี่พวกเธอสองคน…”
เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย มองไปที่เพื่อนสาวทั้งสองคนพลางยิ้ม และส่ายศีรษะไปมาอย่างจนใจ
“ฉันคิดว่านี่เป็นข้อเสนอที่ดี เหล่าซู พวกเราไปร้องเพลงกันดีไหม?”
“ใช่ ใช่ ฉันเองก็เห็นด้วย คนมากมาย บรรยากาศเองดีขนาดนี้ ไม่ไปร้องเพลงมันก็น่าเสียดายแย่”
เพื่อนของ ซูเหวิน ต่างเห็นด้วยทันที
มีเพื่อนร่วมชั้นหญิงหลายคนไปร้องเพลงกับพวกเขา พวกเขาจะไม่อยากไปที่ไหน?
แน่นอน.. ว่านี่มันเป็นโอกาสอันดีในการกระชับความสัมพันธ์!
ซูเหวิน เองพยักหน้า และคิดว่านี่เป็นความคิดที่ไม่เลว จึงยิ้ม แล้วพูดว่า : “โอเค งั้นเราไปร้องเพลงกัน”
ถัดจากโรงแรมฮิลส์ ไม่ไกลนักก็มี KTV ทําไมจะไม่ลองไปดูล่ะ?
พอได้ยิน ซูเหวิน เห็นด้วย ทุกคนก็ดูตื่นเต้นทันที
“ฮ่าฮ่า การร้องเพลงเป็นเรื่องของคนหนุ่มสาวแล้ว คนแก่ๆ อย่างเราสองคนคงไม่ขอร่วมด้วย”
“ใช่แล้ว คนหนุ่มสาวอย่างพวกลูกก็สนุกกันไปนะ พวกเราจะขอกลับบ้านก่อน..”
ในทางกลับกัน พ่อแม่ของ ซูเหวิน ไม่สนใจการร้องเพลงเลย หลังจากที่ทั้งคู่ได้กิน และดื่มจนอิ่มเพียงพอแล้ว สิ่งที่พวกเขาคิดถึงก็คือ การกลับบ้าน
สําหรับพวกเขา แม้แต่การเดินกลับไปที่ชุมชน อ่าว ไห่หยุน ก็ยังรู้สึกว่าน่าสนใจกว่าการไปร้องเพลงใน KTV
“ถ้างั้นผมจะไปส่งพ่อกับแม่กลับบ้านก่อน!”
“เดี๋ยวฉันพาพวกท่านกลับบ้านก่อน เดี๋ยวฉันกลับมาอีกครั้ง”
ซูเหวิน เข้าใจความคิดของพ่อแม่ จึงพยักหน้า แล้วพูดออกไป
“ไม่เป็นไร เราจะนั่งแท็กซี่กลับ”
“พวกลูกไปเที่ยวเล่นกันต่อเถอะ เมืองม่อมีรถเยอะแยะ ยังจะกลัวว่าเราจะเรียกรถไม่ได้เหรอไง?”
ซู กว่างเซิง อู๋เจวียน โบกมือปฏิเสธทันที
พวกเขาไม่ใช่ผู้มาใหม่ในเมืองม่อแห่งนี้ ที่ไหนจะไม่รู้วิธีกลับบ้าน?
เมื่อเห็นพ่อแม่พูดแบบนี้ ซูเหวิน ก็ไม่คิดบังคับอีกต่อไป
แต่เพื่อความสบายใจ เขาก็เรียกแท็กซี่คันหนึ่งให้กับพ่อแม่ของเขา
หลังจากส่งพวกเขาไปแล้ว เขาจึงออกจากโรงแรมไปพร้อมกับเพื่อนๆ
Hills KTV อยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่ร้อยเมตร
ทุกคนเดินไปที่นั่นห้านาทีก็ถึงแล้ว
สิ่งที่เห็นตรงหน้าเป็นอาคารสูงสิบชั้น ส่องแสงระยิบระยับ และเป็นที่สะดุดตามาก
ซูเหวิน และเพื่อนๆ ขึ้นไปทันทีโดยไม่หยุดพัก
พอเข้าไปถึงก็พบกับห้องโถงที่งดงาม..
โซนโซฟา โซนเครื่องดื่ม โซนบันเทิง มีครบถ้วนทุกอย่าง
“ยังมีห้องส่วนตัวอยู่มั้ย?”
ซูเหวิน พาทุกคนมาที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์ เมื่อมาถึงเคาน์เตอร์ก็เห็นพี่สาวสวยคนหนึ่ง แล้วจึงสอบถาม
“มีค่ะ ยังมีหลายแบบห้องให้เลือก”
“มีห้องเล็กธรรมดา 450 หยวน ห้องใหญ่ธรรมดา 600 หยวน ห้องใหญ่พิเศษ 800 หยวน”
“ห้องดีลักซ์เล็ก 600 หยวน ห้องดีลักซ์ใหญ่ 900 หยวน และห้องดีลักซ์ใหญ่พิเศษ 1,200 หยวน”
“สุดท้ายคือ ห้องแกรนด์ซูพรีม 2,500 หยวนค่ะ”
“ไม่รวมค่าอาหาร และเครื่องดื่ม”
พนักงานต้อนรับพูดอย่างช้าๆ
“งั้นเราเอาห้องแกรนด์ซูพรีม!”
ซูเหวิน ขี้เกียจคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เลยพูดออกไปโดยตรง
“โอเคคะ.. ท่าน”
พูดพลาง พี่สาวคนสวยที่แผนกต้อนรับก็เรียกพนักงานบริการคนหนึ่งมาให้เธอพาทุกคนขึ้นไปชั้นบน
ไม่กี่นาทีต่อมา ทุกคนก็มาถึงชั้นสิบชั้นบนสุด
ต้องบอกว่าชั้นที่ห้องส่วนตัวสุดหรูตั้งอยู่นั้นแตกต่างออกไปจริงๆ ทางเดินล็อบบี้เป็นสีทองอร่ามอลังการมาก และสภาพแวดล้อมของที่นี่ก็.. ไม่มีใครเทียบได้
ที่ทุกๆ ห้องนั้นจะมีพนักงานบริการคนหนึ่งยืนอยู่หน้าห้อง ดูเหมือนว่าจะเตรียมพร้อมรับใช้ลูกค้าทุกคนตลอดเวลา
จากนั้น ซูเหวิน และคนอื่นๆ ก็ถูกพาเข้าไปในห้องส่วนตัว
ห้องส่วนตัวห้องนี้มีขนาดใหญ่มาก หรูหรามาก ทั้งยังมีความทันสมัย
“ท่านสุภาพบุรุษ และสุภาพสตรี นี่คือห้องส่วนตัวสุดหรูสูงสุดของทางเราคะ”
“ที่นี่ไม่เพียงแต่มีสภาพแวดล้อมระดับไฮเอนด์เท่านั้น อุปกรณ์ร้องเพลงต่างๆ ก็เป็นแบบที่ดีที่สุดเช่นกัน ทั้งห้องถูกล้อมรอบด้วยระบบเสียงเซอร์ราวด์สามมิติ สามารถมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ทุกท่านได้ดี..”
พนักงานบริการยังคงกล่าวแนะนำด้วยรอยยิ้ม
หลังจากแนะนําเรื่องต่างๆ เสร็จแล้ว เธอยังคงถามต่อว่า : “ต้องการเครื่องดื่มไหมคะ?”
“แน่นอนเราต้องการ..”
ซูเหวิน พยักหน้าพลางหยิบเมนูบนโต๊ะมาดู โดยสั่งอาหารสองอย่าง
อย่างหนึ่งเน้นไปที่บาร์บีคิว และอีกอย่างหนึ่งเน้นไปที่ผลไม้
“ได้ค่ะ กรุณารอสักครู่”
พูดจบ พนักงานบริการก็ถอยออกไป
สักพัก อาหารทั้งหมดก็มาส่งอย่างรวดเร็วมาก
ในเวลานี้ แสงไฟสว่างในห้องก็ไม่ทราบว่าเมื่อไหร่ที่ถูกหรี่ลง ในจุดหนึ่ง และถูกแทนที่ด้วยแสงสีเข้ม
เพื่อนๆ ของเขาก็เริ่มกดเพลงกันนานแล้ว
วัง ซิ่วซิ่ว กดเพลง ‘ดั่งปรารถนา (如愿)’ ของ หวังเฟย์ (王菲) ในขณะที่ จี้หยวี่ กดเพลง ‘Butterfly Spring (蝴蝶泉边)’
เฉินหมิง เหอ เหวินเฟิง ก็ก้าวขึ้นมากดไปคนละเพลง
เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย ไม่รีบเร่งกดสั่งเพลง แต่เธอกลับเลือกไปนั่งลงบนโซฟาแทน
คืนนี้เธอกินมากเกินไป และเธอยังต้องการเวลาที่จะย่อยมัน
ในขณะเดียวกัน จี้หยวี่ มองไปที่ ซูเหวิน แล้วพูดว่า : “พี่เหวิน คราวนี้หูของคุณมีความสุขแล้ว..”
“วัง ซิ่วซิ่ว เธอร้องเพลงได้ไพเราะมาก รอดูได้เลย และเดี๋ยวคุณจะต้องตกใจแน่นอน!”
“เธอเก่งขนาดนั้นเลย?”
เมื่อเห็นสีหน้าภาคภูมิใจของ จี้หยวี่ ซูเหวิน จึงกล่าวออกไปด้วยรอยยิ้ม
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว การประกวดร้องเพลงในมหาลัยเมื่อปีที่แล้ว เธอได้อันดับสามเลยนะ นี่..คุณไม่รู้เลย?”
จี้หยวี่ กล่าวขึ้นมาอย่างฉุนเฉียว
ซูเหวิน ประหลาดใจเล็กน้อย เพราะเรื่องนี้เขาไม่รู้จริงๆ
เขารู้แค่ว่าทางมหาลัยจัดการประกวดร้องเพลงในทุกปี แล้วค่อยคัดเลือกผู้เข้าชิงสามอันดับแรก เพื่อรับรางวัล
เพียงแต่ว่าใครอยู่สามอันดับแรกนั้น เขาลืมไปแล้วจริงๆ…
และในระหว่างที่พูดคุยกันอยู่นั้น เสียงดนตรีก็ดังขึ้น วัง ซิ่วซิ่ว ก็เริ่มร้องเพลงแล้ว
“คุณคือ หนทางที่ห่างไกล..”
“เป็นแสงสว่างท่ามกลางสายหมอกในภูเขา”
“ฉันยังคงเป็นเด็ก ในสายตาของคุณเสมอ”
“คุณคือ สายลมท่ามกลางแสงจันทร์ และฉันเป็นความฝันที่คุณค่อยใส่ใจดูแล”
“หนึ่งชาติได้พานพบ ฉันจะโอบกอดคุณไว้”
“และฉันจะรักโลกที่คุณรัก ขอให้มีรอยยิ้มกับสิ่งคุณปรารถนา”
“ฉันยังจับมือคุณแกว่งไกว พรุ่งนี้โปรดพาฉันไป…”
เพราะมาก เพราะระเบิดไปเลย
และในวินาทีที่เพลงดังขึ้นทุกคนก็เงียบลง
เพลงนี้ไม่ว่าท่วงทำนอง หรือจังหวะลงตัวสุดๆ
ควบคู่ไปกับทักษะการร้องเพลงที่ดีของ วัง ซิ่วซิ่ว พักหนึ่งก็ทําให้คนพากันหลงใหลแล้ว
แม้แต่ ซูเหวิน ที่มีสุดยอดเทคนิคการร้องเพลงระดับโลกอยู่แล้วก็ค่อนข้างชื่นชม
นอกจากนี้ เสียงของ วัง ซิ่วซิ่ว ก็ยังมีเสน่ห์เฉพาะตัว มีชีวิตชีวา ล่องลอย และมีความน่าหลงใหลอีกด้วย
แม้จะยังห่างไกลจากราชินีแห่งเสียงเพลงอยู่มาก แต่ก็เป็นสิ่งที่หาได้ยากมากในหมู่คนธรรมดา และไม่น่าแปลกใจเลยที่จะได้อันดับสามในการแข่งขันร้องเพลงของมหาลัย
“เป็นไง.. มันดีสุดๆ เลย ใช่ไหมล่ะ?”
จี้หยวี่ มองไปที่ ซูเหวิน แล้วพูดอย่างภาคภูมิใจ
“นี่..เหล่าซู ทำไมนายไม่ลองมาร้องดูสักเพลงล่ะ?”
“แม้พวกเราทุกคนจะสู้กับเพื่อนร่วมชั้น วัง ซิ่วซิ่ว ไม่ได้ ..แต่อย่างน้อยๆ เราก็สามารถเป็นใบไม้สีเขียวได้!” (绿叶, ใบไม้สีเขียว - “ตัวประกอบ” หรือ “ไม้ประดับ”)
ในเวลานี้ เฉินหมิง ที่อยู่ข้างๆ ก็ยกยิ้มขึ้นมา แล้วพูดอย่างอารมณ์ดี