ตอนที่ 47 ทานข้าว
ด้วยวิธีนี้ หลังจากที่ ซูเหวิน พาพ่อแม่ของเขามาที่บ้านใหม่ พ่อแม่ก็ตัดสินใจอาศัยอยู่ที่นี่
ส่วนบ้านในเขตย่านเมืองเก่า ซูเหวิน ตัดสินใจว่าจะไปทำเรื่องย้ายออกในวันรุ่งขึ้น
เขาเองพบบริษัทรับขนย้าย เขาจึงจะขนย้ายสิ่งของที่มีประโยชน์ในบ้านเก่าออกมาให้หมด เช่น พวกเสื้อผ้า จานชาม และอื่นๆ
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมา และส่งข้อความ VX ไปให้กับเพื่อนสนิทของเขาที่มหาลัย ร่วมถึง เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย และถามพวกเขาว่าจะออกไปทานมื้อใหญ่ด้วยกันไหม
พ่อกับแม่ของเขาทํางานหนักมาทั้งชีวิต และไม่เคยทานอาหารมื้อใหญ่เลย
ซูเหวิน คิด และรู้สึกว่าควรจะพาพวกเขาออกไปทานอาหารดีๆ สักหน่อย
แต่แค่การออกไปกินกัน 2-3 คนมันก็ดูไม่ค่อนน่าสนใจเท่าไหร่ จึงเตรียมเรียกพวกเพื่อนๆ มาร่วมด้วย
พอทันทีที่ทราบว่ามีมื้อใหญ่ให้กิน ทุกคนก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที พวกเขาจะไม่ไปได้อย่างไร?
แม้แต่ เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย ที่ไม่อยากอ้วนก็เลือกที่จะอยู่ข้างอาหารแสนอร่อยไป ..ในที่สุด
จากนั้นทุกคนจึงนัดเวลา และสถานที่…
วันจันทร์ ในช่วงตอนเย็น
พอเลิกเรียน ซูเหวิน ก็ขับรถ Koenigsegg กลับไปที่ อ่าว ไห่หยุน ทันที โดยวางแผนที่จะกลับไปอาบน้ำก่อน แล้วรับพ่อกับแม่ไปที่ โรงแรม ฮิลส์
ส่วนเพื่อนๆ ของเขา และเพื่อนร่วมชั้น เซี่ย ได้ตกลงว่าจะนั่งแท็กซี่ ตีตี(DiDi) ไป
ไม่นานเวลาก็มาถึง 19.00 น. อย่างรวดเร็ว
ที่หน้าประตูทางเข้าของโรงแรมฮิลส์ Koenigsegg คันหนึ่งได้ขับเข้ามาจอดอย่างช้าๆ จากนั้น ซูเหวิน และซู กว่างเซิง อู๋เจวียน ก็ลงมาจากรถ
“เสี่ยวเหวิน เรามาทานข้าวกันที่นี่มันจะไม่ดูแพงไปหน่อยหรือเปล่า?”
“ที่นี่คือโรงแรมใหญ่เจ็ดดาว กินอาหารมื้อหนึ่งก็ต้องใช้เงินไปไม่น้อยเลย ใช่ไหม?”
เมื่อมองไปที่โรงแรมใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า ซู กว่างเซิง อดจะขมวดคิ้วไม่ได้
แม้เขาจะรู้ว่าลูกชายมีเงินแล้ว แต่การมากินข้าวที่นี่ก็ยังทําให้เขารู้สึกว่า ..มันฟุ่มเฟือยเกินไป
“ใช่! พวกเราไปหาร้านอื่นกินกันก็ได้ ไม่จําเป็นต้องมาที่นี่”
อู๋เจวียน เองก็เห็นด้วยเช่นกัน
“ไม่เป็นไรครับ กินอาหารที่นี่หนึ่งมื้อก็ไม่ใช่ว่าแพงอะไรมาก..”
“ยิ่งกว่านั้น ผมยังมีเพื่อนร่วมชั้นอีกหลายคนมาด้วย ดังนั้นจึงต้องเลือกสถานที่ที่ดีสักหน่อย”
ซูเหวิน กล่าวอย่างเฉยเมย
ไม่ต้องพูดถึงว่าตัวเองเป็นเจ้าของโรงแรมนี้ อีกอย่างการมาทานอาหารก็ไม่จำต้องจ่ายเงิน
แม้ว่าเขาจะต้องจ่ายเงิน แต่มื้อหนึ่งสำหรับอาหาร และเครื่องดื่มก็คงไม่กี่หลายหมื่นหยวน และสำหรับเขาแล้ว ..มันก็ไม่ใช่ว่ามากอะไร
ขณะที่พวกเขากำลังคุยกัน รถแท็กซี่ ตีตี(DiDi) สองคันก็ขับเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ และในไม่ช้า พวกเขาก็มาถึงหน้า ซูเหวิน
จากนั้นพรรคพวกของ ซูเหวิน เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย และเพื่อนสนิทของเธอก็เดินออกมาจากรถทีละคน
สักพักบรรยากาศก็มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที
เพื่อนๆ มองไปที่ ซูเหวิน แล้วมองไปที่คู่สามีภรรยาที่ยืนอยู่ข้างๆ ซูเหวิน พวกเขาแต่ละคนก็ยกยิ้มแล้วพูดว่า :
“คุณลุง คุณป้า สวัสดีครับ!”
“คุณลุง คุณป้า สวัสดีคะ...”
ก่อนหน้านี้ใน VX ซูเหวิน ได้บอกไปก่อนแล้วว่าจะพาพ่อกับแม่มากินข้าวด้วย
ตอนนี้พอเมื่อเห็นคู่สามีภรรยาที่ยืนอยู่ข้างๆ ทุกคนก็ต่างเข้าใจได้ว่านี่คงเป็นพ่อแม่ของ เพื่อนร่วมชั้น ซู อย่างแน่นอน ดังนั้นพวกเขาจึงกล่าวทักทายสวัสดีกันไปทีละคน
“อ๋า.. พวกเธอสวัสดีจ๊ะ”
เมื่อเห็นเด็กๆ สุภาพขนาดนี้ พ่อซู แม่ซู ก็ตอบกลับอย่างมีความสุขเป็นธรรมดา
“อ๋า..เสี่ยวเหวิน, เพื่อนร่วมชั้นของลูก เธอชื่อว่าอะไรนะ, หน้าตาสวยจังเลย”
ทันใดนั้น แม่ของ ซูเหวิน ก็มองไปที่ เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย แล้วพูดออกมาอย่างประหลาดใจ
เพราะหน้าตาของ เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย นั้นโดดเด่นมากจริงๆ อู๋เจวียน จึงมองอีกฝ่ายแทบจะไม่กระพริบตา
ทันใดนั้น ดวงตาของเธอก็เปล่งประกายอย่างน่าประหลาดใจ ไม่น่าเชื่อเลยว่าในโลกนี้ยังมีสาวน้อยที่สวยงามขนาดนี้อีก
“ฮ่าฮ่า แม่ เธอชื่อว่า เซี่ย ซินเหยา เป็นเพื่อนร่วมชั้นในมหาลัยของผม”
ซูเหวิน ยิ้มแล้วกล่าวอธิบายทันที
“โอ้ ที่แท้ก็เป็นแบบนี้” แม่ซู พยักหน้ารับ
แม้จะรู้ว่าการจ้องมองคนอื่นตลอดเวลานั้นจะดูไม่สุภาพมาก แต่ อู๋เจวียน ก็ยังมองอีกฝ่ายมากขึ้นอย่างอดไม่ได้
ไม่มีทาง.. ใครล่ะจะอดใจได้ไหว ผู้หญิงคนนี้หน้าตาสวยมากขนาดนี้
“ขอบคุณสำหรับคำชมค่ะ คุณป้า”
เมื่อเห็นแม่ของ เพื่อนร่วมชั้น ซู ชื่นชมตัวเองจริงๆ เซี่ย ซินเหยา ก็มีความสุข พลางรู้สึกเขินอายไม่น้อยเลย
“เอาล่ะๆ พอแล้วๆ หยุดมองได้แล้ว เธอไม่ใช่ลูกสะใภ้คุณสักหน่อย”
พอเห็นภรรยาจ้องมองเด็กสาวอยู่ตลอดเวลา เขาก็รู้สึกเกรงใจคนอื่นแล้ว ซู กว่างเซิง จึงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว และยิ้มออกมาอย่างจนใจ
“คุณ…”
“ทำไมฉันถึงไม่เคยได้ยินคำพูดดีๆ จากปากของคุณเลยนะ?”
อู๋เจวียน ทันใดนั้นก็มีสีหน้าราบเรียบขึ้นมา ตาเฒ่าคนนี้ทำไมถึงมักจะพูดขัดใจเธอเสมอเลยนะ
“ฮ่าฮ่าๆ คุณลุงคะ นี่ก็ไม่แน่นะ พวกคุณอาจจะไม่รู้ ความสัมพันธ์ระหว่าง เสี่ยวเหยา กับเพื่อนร่วมชั้น ซู นั้นออกจะดีเอามากๆ พวกเขาไปมาหาสู่กันอยู่บ่อยๆ อย่างกับคู่รักเลย”
“ใช่แล้วๆ แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะยังไม่ใช่คู่รัก แต่ก็เหมือนกับคู่รัก อีกอย่างคนที่ เสี่ยวเหยา คุยกับเรามากที่สุดก็คือ เพื่อนร่วมชั้น ซู เมื่อก่อนยังส่งชานมให้กับเขาทุกวัน ตอนนี้พวกเราเองก็ไม่รู้ด้วยว่าเธอชอบ เพื่อนร่วมชั้น ซู มากแค่ไหนแล้ว!”
ในเวลานี้ เพื่อนสาวคนสนิททั้งสองคนของ เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย วัง ซิ่วซิ่ว และจี้หยวี่ ต่างก็พูดด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม โดยไม่ทันสังเกตว่าพวกเธอได้พากันขาย เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย ไปแล้ว
และเป็นไปตามคาด, ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา
การแสดงออกของ เซี่ย ซินเหยา ก็หยุดชะงัด จากนั้นสีหน้าของเธอก็ค่อยๆ แดง ไปอย่างรวดเร็ว
น่าเกลียดมาก..
เพื่อนสาวสุดซี้ทั้งสองคนของเธอ พวกเธอกำลังพูดถึงเรื่องบ้าอะไรกัน?
พวกเธอกล้าเปิดหัวข้อสนทนาตามปกติของพวกเธอ และยังต่อหน้าพ่อแม่ของ เพื่อนร่วมชั้น ซู..
นี่พวกเธอบ้ากันไปแล้วเหรอไง?
อ่า อ่า อ่า~
เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย อยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา และแทบรอไม่ไหวที่จะบีบคอ เพื่อนสนิททั้งสองคนของเธอให้ตายทันที
และคําพูดของ วัง ซิ่วซิ่ว และจี้หยวี่ ก็ทําให้พ่อแม่ของ ซูเหวิน ตกใจมากจริงๆ
โดยเฉพาะคุณแม่ของ ซูเหวิน ดวงตาเธอ.. ได้เปล่งเป็นประกายขึ้นมาทันที
เป็นไปได้ไหมว่า สาวน้อย แซ่เซี่ย ..คนนี้มีความสัมพันธ์กับลูกชายของเธอ?
เธอจึงมองไปที่ วัง ซิ่วซิ่ว และจี้หยวี่ แล้วพูดว่า : “พวกคุณสองคนน่ารักมาก ..พูดเป็นนะเนี่ย”
จากนั้นเธอก็มองไปที่ เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย อีกครั้ง แล้วพูดว่า : “บางครั้งลูกชายของฉันก็ดื้อรั้น มีข้อบกพร่องมากมาย อดทนหน่อยนะ”
อู๋เจวียน พูดด้วยรอยยิ้มอย่างสดใส และไม่ได้พูดสืบเสาะหาเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองเป็นพิเศษอะไร
ใช่..เธอแก่แล้ว แต่เธอก็ไม่ใช่คนโง่นะ
เรื่องของเด็กๆ ก็ปล่อยให้เด็กๆ จัดการกันเองมันถึงจะถูกต้อง
และบางเรื่องถ้ายังไม่แน่ชัด ก็อย่าเข้าไปยุ่งเด็ดขาด มิเช่นนั้นจะมีแต่จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่าง ชาย-หญิง ต้องอึดอัดกันไปเสียเปล่าๆ
สำหรับลูกชายของเธอนั้นไม่ค่อยมีเรื่องไรอยู่แล้ว แต่สำหรับสาวน้อยของคนอื่นนั่นมันก็แตกต่างแล้ว
“อ่า…”
“คุณป้า ไม่ต้องห่วงคะ เพื่อนร่วมชั้น ซู ..เขาดีมาก หนูกับเขาเข้ากันได้ดี”
เซี่ย ซินเหยา ยิ้ม และรีบพูดออกไปอย่างรวดเร็ว
“เอาล่ะ.. เราเข้าไปกินข้าวกันก่อนดีกว่า!”
เมื่อฟังทุกคนพูดคุยเกี่ยวกับเขา ซูเหวิน ก็อดยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้
พูดไปก็พาทุกคนเดินเข้าไปในล็อบบี้ของโรงแรม
ในเวลานี้ ชายที่ดูเหมือนผู้จัดการคนหนึ่งก็รีบเข้ามา และดูเหมือนเขาจะรออยู่นานแล้ว
เขาเป็นผู้จัดการของโรงแรมแห่งนี้ และเมื่อกี้ ซูเหวิน ได้ทำการจองโต๊ะอาหารล่วงหน้าผ่านเขา
“ประธานซู เชิญชั้นบนได้เลยครับ”
ผู้จัดการทักทาย ซูเหวิน ด้วยความเคารพ แล้วพาทุกคนไปยังห้องส่วนตัวที่หรูหราขนาดใหญ่ที่อยู่ชั้นบน
“ว้าว, ที่นี่มีบรรยากาศดีสุดๆ จริงๆ”
“โอ้..ว ใช่! ทั้งใหญ่ และกว้างมาก”
พอทุกคนเข้าไปในห้องส่วนตัวก็อดไม่ได้ที่จะร้องว้าวออกมาอย่างประหลาดใจ
ห้องส่วนตัวนี้มีขนาดใหญ่มากครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 60 ตารางเมตรเห็นจะได้
ขนาดของห้องส่วนตัวนี้ เกือบจะใหญ่พอๆ กับบ้านหลังเล็กๆ ที่ ซูเหวิน เคยอาศัยอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว
ควบคู่ไปกับการตกแต่งแบบสไตล์โบราณ
ทุกคนจึงรู้สึกผ่อนคลาย และสดชื่นทันทีกับบรรยากาศภายในห้องนี้
“ทุกคนนั่งลงเถอะ อย่าได้เกรงใจไป”
ซูเหวิน กล่าวขึ้น
พวกเพื่อนๆ ก็ไม่เกรงใจแล้ว พากันหาที่นั่งลง และพูดคุยกันทันที
จากนั้น ซูเหวิน ก็พูดกับผู้จัดการสองสามคํา ผู้จัดการก็รีบหยิบวิทยุสื่อสารออกมา และเริ่มสั่งให้พนักงานยกอาหารเข้ามาเสิร์ฟ
ไม่นานนักก็เห็นบริกรสาวคนหนึ่งยกจานอาหารเข้ามา จานแล้วจานเล่า
โต๊ะที่ ซูเหวิน จองไว้นั้นไม่ใช่ราคาถูกๆ เลย และแค่อาหารบนโต๊ะนี้ก็ต้องใช้จ่ายไปมากกว่า 50,000 หยวนแล้ว
ดังนั้น เมื่อบริกรยกอาหารทั้งหมดของคืนนี้มาเสิร์ฟแล้ว เมื่อมองไปที่อาหารที่หรูหราจัดเต็มบนโต๊ะ ทุกคนจึงอดตกตะลึงไม่ได้..