ตอนที่ 44 การพบกันของเสี่ยวหงหยู่และเย่เฉิน
หลังจากที่ได้บอกลาเถิงชิงหู่แล้ว
"ศิษย์พี่? ศิษย์พี่?"
หลิงเหว่ยยื่นมือออกมาและโบกมือต่อหน้าต่อตาของจางเซียวหนิง
จางเซียวหนิงกลับมาได้สติอีกครั้งและพูดด้วยรอยยิ้มปลอมๆ ว่า "เป็นอะไรไปงั้นหรอ ศิษย์น้อง?"
"ถ้าหากว่าท่านไม่มีอะไรทําในตอนบ่ายนี้ เราไปทานอาหารด้วยกันดีไหม? ข้าจะเลี้ยงเอง!"
ในตอนนี้หลิงเหว่ยรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเธอนั้นเหมือนเป็นผู้ชนะอย่างสมบูรณ์ ที่ได้บดขยี้จางเซียวหนิงจนตายได้เลย
จางเซียวหนิงได้ยิ้มออกมาอย่างปะหลาด: "ข้า บ่ายนี้ข้ามีบางอย่างต้องไปต้องทําน่ะ"
"โอ้ มีธุระอะไรถึงยุ่งเช่นนี้กัน กว่าที่เราจะได้มาเจอกันสักครั้งมันยากนะ"
หลิงเหว่ยจับมือของจางเซียวหนิงและพูดว่า "นอกจากนี้ ข้าเองก็ได้บอกกับเย่เฉินไปโดยตรงแล้ว เพื่อขอให้เขาดูแลซุนเผิงเพื่อให้ท่านจะสามารถที่วางใจได้ในค่ายฝึกพิเศษแห่งนี้น่ะ"
ต้องบอกว่าการต่อสู้ลับระหว่างผู้หญิงนั้นช่สงเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง
คําพูดของหลิงเหว่ยนั้น เป็นเพียงการตอบโต้จากการเยาะเย้ยในครั้งก่อนของจางเซียวหนิง
มุมปากของจางเซียวหนิงกระตุก และหัวใจของเธอก็ราวกับว่าถูกแทงอีกครั้ง
...
เข้าสู่ช่วงเวลาในกลางคืน
ภายในห้องพักหมายเลย 610 เสี่ยวหงหยู่ผู้พิทักษ์ของเย่เฉิน ส่วนใหญ่แล้วเธอมักที่จะสวมชุดกี่เพ้าที่เธอชอบ ในตอนที่เธอนั้นอยู่คนเดียวเพียงลำพังหลังจากที่เธอนั้นอาบน้ำเสร็จแล้ว
ในวันนี้นั้นเสี่ยวหงหยู่ได้สวมชุดกี่เพ้าสีชมพูอ่อน
ควบคู่ไปกับผิวอมชมพูหลังจากที่อาบน้ำเสร็จ มันเป็นภาพที่ดูน่าดึงดูดมากเป็นพิเศษ
ในตอนที่เสี่ยวหงหยู่กำลังรินไวน์แดงให้กับตัวเองแล้วนอนอย่างเกียจคร้านบนโซฟาอยู่นั้น
"ไม่นะ มันเริ่มอีกครั้งแล้วงั้นเหรอ"
เสี่ยวหงหยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ความขมขื่นได้ปรากฏบนใบหน้าของเธอ
ในช่วงครึ่งเดือนแรกนั้นเย่เฉินได้ใช้เวลาเกือบทั้งหมดของเขาในบ่อพลังวิญญาร และอนุสาวรีย์วิญญาณยุทธ์ และเขาเองก็ไม่ได้เลยเถิดไปไกลเกินไปนักกับโจวไคเอ๋อ
อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์นี้ เย่เฉินนั้นได้มาหาเธอทุกคืน... และในแต่ละคืนนั้นก็มีช่วงเวลานั้นหลายครั้งมาก
เสี่ยวหงหยู่สับสน เขาไม่เหนื่อยบ้างงั้นเหรอ?
แม้แต่วัวกระทิงเองก็ยังต้องเหนื่อยและหมดแรงไปบ้างใช่ไหม?
สิ่งที่ทําให้เสี่ยวหงหยู่อึดอัดที่สุดก็คือ "ทักษะการสอดแนม" ของเธอไม่สามารถยกเลิกได้ด้วยตัวเธอเอง
วิฬารโลกันตร์นั้นมีประสาทสัมผัสทั้งห้าที่ยอดเยี่ยมและโดยพื้นฐานแล้วสามารถหลีกเลี่ยงอันตรายส่วนใหญ่ในป่าได้ เพราะสัตว์เดรัจฉานชนิดนี้สามารถตรวจจับสถานการณ์โดยรอบได้อย่างชัดเจนตลอดเวลา
นอกจากนี้แล้ว เสี่ยวหงหยู่ยังอาศัยอยู่ห้องข้างๆ กับเย่เฉินอีกด้วย
ซึ่งทำให้เธอนั้นอึดอัด และทรมานเป็นอย่างมาก
แม้ว่าเสี่ยวหงหยู่จะไม่เคยมีความสัมพันธ์กับเพศตรงข้ามในชีวิตของเธอเลยก็ตาม และความแข็งแกร่งของเธอนั้นก็แข็งแกร่งมาก แต่เธอเองก็ยังคงเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่งและเป็นผู้หญิงอยู่ดี
"เย่เฉินคนนี้ การหักโหมกิจกรรมอย่างหนักเช่นนี้เกินไปอาจจะไปทําร้ายรากฐานของเขาได้!"
เสี่ยวหงหยู่วางแก้วไวน์แดงบนโต๊ะลงด้วยความโกรธ: "ไม่ได้การละ ข้าต้องหาโอกาสที่ไปเตือนเขาแล้ว"
เธอนั้นเป็นผู้พิทักษ์ของเขา เธอต้องการปกป้องและช่วยเหลือเย่เฉินอย่างลับๆ ตลอดเวลา ไม่ใช่ว่าแค่คอยคุ้มกันความปลอดภัยภายในระยะเวลาหนึ่งเดือนนี้เฉยๆเท่านั้น
ถ้ายังคงเป็นเช่นนี้ตลอดทั้งปี แล้วใครจะไปทนได้อีก
เช้าในวันรุ่งขึ้น
เย่เฉินและโจวไคเอ๋อก็เดินออกจากห้องพัก เย่เฉินก็เดินออกมาสบายๆ
แม้ว่าในวันพรุ่งนี้จะเป็นการสอบปลายภาคสําหรับค่ายฝึกพิเศษนี้ แต่เย่เฉินเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ในช่วงสองวันที่ผ่านมา
มิฉะนั้น หลังจากออกจากค่ายฝึกพิเศษนี้ไปแล้ว ก็คงจะไม่มีสถานที่ที่ให้ประโยชน์ที่ดีเช่นนี้ได้อีก
"เย่เฉิน"
ทันทีที่เขาออกจากห้องมา ห้องข้างๆ ก็เปิดประตูออกมาด้วยเช่นเดียวกัน
จากนั้นเย่เฉินก็เห็นสาวสวยที่สวมชุดเกราะสีแดงที่เปล่งประกาย
เย่เฉินรู้สึกประหลาดใจ ผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนว่าจะมีอายุราวๆ 30 ปี เป็นไปได้ไหมว่าเธอยังเป็นนักเรียนอยู่ในวัยนี้?
ใบหน้าของเสี่ยวหงหยู่มืดลงเมื่อเธอได้กลิ่นที่คุ้นเคย
จากนั้นเธอก็พูดออกมาว่า: "โจวไคเอ๋อเจ้าไปทำธุระส่วนตัวของเจ้าก่อนเลย ข้ามีเรื่องที่จะต้องพูดคุยกับเย่เฉินสักหน่อยน่ะ"
โจวไคเอ๋อดูสับสน
"โอ้ ใช่แล้ว ข้าชื่อเสี่ยวหงหยู่ เป็นผู้บัญชาการของนครหลวงหยางเฉิง อืม... เป็นผู้พิทักษ์ส่วนตัวของเย่เฉินด้วย!"
เมื่อพวกเขาได้ยินครึ่งแรกของประโยคเย่เฉินและโจวไคเอ๋อต่างก็ดูตกตะลึง
ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอนั้นดูคุ้นเคยบ้างเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นไม่นาน มันกลับกลายเป็นบัญชาการของนครหลวงหยางเฉิง!ของพวกเขา ?
แต่เมื่อหลังจากที่พวกเขาได้ยินครึ่งหลังของประโยค ทั้งคู่ต่างก็ตัวแข็งอยู่ครู่หนึ่ง
"ข้ามีผู้พิทักษืตั้งแต่เมื่อไหร่กันล่ะเนี่ย"
นี่เป็นปฏิกิริยาแรกของเย่เฉิน
จากนั้นเขาก็ได้นึกถึงฉากที่เหลียนชางเจิ้งและเถิงชิงหู่ได้คุยกับเขาเมื่อเดือนที่แล้ว
"ดูเหมือนว่าพวกเขานั้นกลัวว่าข้าจะเจออันตรายสินะ"
"เอ่อ มันคงน่าจะเป็นเรื่องดีสินะ ใช่ไหม" เย่เฉินคิด
โจวไคเอ๋อกลับมาได้สติและพูดด้วยความเคารพ: "งั้นเชิญท่านเสี่ยวหงหยู่ ให้พวกท่านได้พูดคุยกันเถอะ เย่เฉินข้าขอตัวไปก่อนนะ"
เมื่อมองไปที่แผ่นหลังที่ของเธอดูเหมือนจะปวดหลังของโจวไคเอ๋อแล้ว เสี่ยวหงหยู่มองไปที่เย่เฉินด้วยรอยยิ้มครึ่งเดียว
"หญิงสาวคนนี้จะโอเคดีไหมนะ"
ประโยคที่ไม่สมเหตุสมผลนี้ทําให้เย่เฉินรู้สึกสับสน
"เข้ามาคุยกันก่อนเถอะ"
เสี่ยวหงยูผลักประตูให้เปิดออกด้วยมือที่ราวกับหยกขาวของเธอ
หลังจากที่ทั้งสองเข้าไปในห้องแล้ว เย่เฉินพบว่าการตกแต่งและโครงสร้างของที่นี่ก็ดูเหมือนกับห้องพักของเขาจริงๆ
จากมุมมองนี้แล้ว เสี่ยวหงหยู่คนนี้อาจมาหลังจากที่เขาได้พบกับเหลียนชางเจิ้งแล้ว
แต่เสี่ยวหงหยู่นั้นอยู่อย่างเงียบมานานแล้ว แล้วทําไมวันนี้เธอถึงได้มาหาเขาด้วยตัวเองกันล่ะ?
"นั่งลงก่อน เย่เฉิน"
ใบหน้าที่สวยงามประณีตของเสี่ยวหงหยู่แสดงความชื่นชมอย่างไม่ปิดบังเลย: "ไม่เลวเลย!"
แม้ว่าเธอจะ "เห็น" เย่เฉินตลอดเวลา แต่การมีปฏิสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดเช่นนี้ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกเลยทีเดียว
"ท่านเสี่ยวหงหยู่ ท่านมีเรื่องอะไรอย่างงั้นเหรอ?"
เย่เฉินถามหลังจากที่เขานั้นนั่งลงแล้ว
ทันใดนั้น เย่เฉินก็เหลือบไปเห็นชุดกี่เพ้าที่แขวนบนระเบียงจากมุมตาของเขา และผงะไปครู่หนึ่ง
เสี่ยวหงหยู่ใส่ชุดกี่เพ้าแบบนี้ด้วยงั้นเหรอ
ชุดเกราะสีแดงประกายของเสี่ยวหงหยู่นั้นดูดีมาก จนเย่เฉินนึกภาพไม่ออกเลยว่าตอนที่เสี่ยวหงหยู่นั้นสวมชุดกี่เพ้าจะเป็นยังไง
ท้ายที่สุด ในความประทับใจของเขาต่อเสี่ยวหงหยู่นั้น เธอเป็นผู้บัญชาการที่เด็ดขาดและแน่วแน่ อืม และใจดีมาก
เสี่ยวหงหยู่ตะลึงไปชั่วขณะแล้วแอบบ่น "แย่จังที่ข้าลืมเก็บเสื้อผ้า!"
"เอ่อ!"
เสี่ยวหงหยู่ไอเบา ๆ และแสร้งทําเป็นไม่สนใจ: "เย่เฉิน ผู้นำเหลียนพูดถึงเรื่องของเจ้ากับข้าเมื่อเดือนที่แล้ว อืม... ข้าไม่ได้คาดหวังว่าในเขตเมืองหยางเฉิงภายใต้เขตอํานาจของข้าจะมีอัจฉริยะดั่งเช่นเจ้าอยู่ด้วย ข้าต้องขอโทษด้วย นี่ถือว่าเป็นการละเลยหน้าที่ของข้าเอง"