ตอนที่ 43 ความสุขของหลินเหว่ย
เถิงชิงหู่ขยับหน้าเข้าไปใกล้หูของหลิงเหว่ยและกระซิบ: "ตอนนี้เย่เฉินเป็นมหาวิญญาจารย์ อยู่ในระดับ 26 แล้วและข้าได้ยินมาว่า... ซุนเผิงนั้นเคยรังแกเพื่อนร่วมเขตของเย่เฉินมาก่อน แต่ซุนเผิงนั้นกลัวเย่เฉินเป็นอย่างมากจนเขาทำร้ายร่างกายตัวเองไปด้วยล่ะ"
จู่ๆ หูของหลิงเหว่ยก็ราวกับว่ามีเสียงระเบิด ราวกับมีคนตีกลองขนาดใหญ่อย่างแรงที่ข้างหูของเธอ เสียงดังหึ่งๆ เลยทีเดียว
"เย่เฉินมาถึงระดับ 26 แล้วงั้นเหรอ!"
หลิงเหว่ยถามออกมาโดยไม่รู้ตัว เสียงของเธอดังมากเพราะความตื่นเต้นและความไม่เชื่อ
และประโยคนี้ก็บังเอิญทำให้จางเซียวหนิงได้ยินไปด้วย
จางเซียวหนิงชะงักไปครู่หนึ่งแล้วมองไปที่เถิงชิงหู่ด้วยความไม่เชื่อราวกับรอให้เถิงชิงหู่ปฏิเสธ
แต่แล้ว
เมื่อเห็นว่าหลิงเหว่ยพูดนั้นได้พูดออกมาตรงๆ แล้วเถิงชิงหู่ก็เลิกที่เก็บเป็นความลับอีกต่อไป
อย่างไรก็ตามจางเซียวหนิง ก็เป็นสหายเก่าของเขาด้วยเช่นกัน เขารู้ตื้นลึกหนาบางของเธอเป็นอย่างดีและเชื่อว่าเธอนั้นไม่ใช่คนเลวอย่างแน่นอน
"ใช่แล้วล่ะ เย่เฉินนั้นมีความสามารถเป็นอย่างมาก และผู้นำนิกายเองก็ให้ความสำคัญกับเขาเป็นอย่างมาก และขอให้ช่วยมีการปกป้องความปลอดภัยของเย่เฉินโดยเฉพาะ เพื่อที่ไม่มีอะไรผิดพลาดได้น่ะ!"
ครึ่งหลังของประโยคของเถิงชิงหู่นั้นได้กล่าวถึงจางเซียวหนิงอย่างชัดเจน
แต่จางเซียวหนิงนั้นเธอไม่ได้ยินคําเตือน เพราะเธอกำลังตกใจอย่างมากกับคําพูดของเถิงชิงหู่
แม้แต่ผู้นำนิกายอย่างหัวหน้าของสมาคมวิญญาจารย์ประจำมณฑลเอง ที่เป็นบุคคลผู้ทรงอำนาจในระดับนิกายขนาดใหญ่ระดับซุปเปอร์เฟิร์สคลาส!
แม้แต่เขายังให้เกียรติและความสำคัญต่อเย่เฉินด้วย?
ถึงขึ้นต้องให้เถิงชิงหู่คอยปกป้องความปลอดภัยของเย่เฉิน?
นี่ นี่จําเป็นขนาดนี้เลยงั้นเหรอ?
"นอกจากนี้เย่เฉินยังขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งในการจัดอันดับการต่อสู้เสมือนจริง หลังจากฝึกฝนอยู่ในค่ายฝึกพิเศษไปได้เพียงครึ่งทางเท่านั้น แม้แต่ราชาทรราชเองก็ยังไม่มีความสามารถเทียบเท่ากับเขาในตอนที่อยู่ในค่ายฝึกได้เลยล่ะ"
ทุกครั้งที่เถิงชิงหู่คิดถึงเรื่องนี้ เขายังคงถอนหายใจด้วยความรู้สึกต่างๆมากมาย
ประหนึ่งว่ามีสายฟ้าที่ผ่าลงมาสองครั้งตกลงบนจางเซียวหนิงและหลิงเหว่ยในเวลาเดียวกัน
เป็นอันดับหนึ่งในการต่อสู้เสมือนจริง? ! !
แน่ใจนะว่าไม่ได้ล้อเล่นน่ะ?
จางเซียวหนิงตกตะลึงอย่างสมบูรณ์
แม้ว่าซุนเผิง นักเรียนของเธอในตอนที่สิ้นสุดการฝึกฝนพิเศษเองนั้น ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไปถึงอันดับแรกได้
ไม่สิ แม้แต่การไปถึงในอัยดับที่ 500 อันดับแรกได้นั้นก็ถือได้ว่าเป็นเรื่องยากมากแล้ว
ท้ายที่สุดนั่นคือลานปะลองสําหรับนักเรียนทุกรุ่นที่ผ่านมา ซุนเผิงนั้นยอดเยี่ยมมากก็จริง แต่เมื่อต้องอยู่ต่อหน้าผู้อาวุโสที่น่าทึ่งและมีความสามารถมากมายเหล่านั้น เขาย่อมด้อยกว่าอย่างแน่นอน
แต่เย่เฉิน? ชายหนุ่มคนนี้ที่เธอดูถูกเมื่อก่อนหน้านี้ เขาได้รับอันดับที่หนึ่ง?
ภายใต้ความตกใจครั้งใหญ่จางเซียวหนิง รู้สึกว่าทุกอย่างได้ผิดเพี้ยนไปหมด
เธอมองไปที่ซุนเผิงและเนี่ยซูซุยโดยไม่รู้ตัวราวกับต้องการการยืนยัน
เป็นผลให้ทั้งสองต่างก็พยักหน้าพร้อมกันโดยไม่ได้แสดงความลังเลออกมาเลย
สิ่งนี้ทําให้จางเซียวหนิงนั้นรู้สึกเวียนหัวอยู่พักหนึ่งเลยทีเดียว
เธอได้โอ้อวดต่อหน้าหลิงเหว่ยในก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก แต่ท้ายที่สุดแล้วกลับกลายเป็นว่าตัวเธอเองนั้นได้กลายเป็นตัวตลกไปแล้ว? !
ไม่น่าแปลกใจเลย!
ไม่น่าแปลกใจที่ตาเฒ่าเถิงชิงหู่ยอมให้พวกเธอเข้ามาทันทีที่เขาได้ยินว่าหลิงเหว่ยอยู่ที่นั่นด้วย
ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาเอาใจใส่หลิงเหว่ยมาตลอดทาง!
ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขายังบอกให้เชิญเย่เฉินมา ให้ตายสิ ข้าควรที่จะต้องใส่ใจเถิงชิงหู่ให้มากกว่านี้
ภายใต้ความแตกต่างกันอย่างมากนี้ จางเซียวหนิงก็หน้าแดงด้วยความลําบากใจ
สําหรับหลิงเหว่ย สีหน้าที่หดหู่ของเธอหายไปในทันที
แก้มของเธอแดงขึ้นมาทันที
ความหดหู่ที่จางเซียวหนิงได้หยอกล้อเธอมาก่อนหน้านี้ ได้หายไปอย่างสมบูรณ์ และความสุขอันยิ่งใหญ่ของฤดูใบไม้ผลิก็มาทดแทนในหัวใจของเธอทันที
หัวใจที่มีความสุขกําลังสั่นสะท้าน
"อะแฮ่ม ที่จริงพวกนี้ยังไม่ใช่ทั้งหมดหรอกนะ"
เถิงชิงหู่พูดต่อ
"ฮะ? นี่ยังไม่ใช่ทั้งหมดอีกงั้นเหรอ"
หลิงเหว่ยแค่มีความสุขมาก เมื่อเธอได้ยินคําพูดนั้น เธอตอบกลับว่า: "หัวหน้าครูฝึกเถิง ถ้านี่ยังไม่ใช่ทั้งหมด แล้วมีอะไรอีกกันล่ะ"
ข้ายังคงมีเรื่องที่ค้างคาใจอีกเล็กน้อย
โอ้ เจ้ากับจางเซียวหนิงนั้นเป็นสหายเก่าแก่กันมายาวนานสินะ เจ้าเลยพูดแบบนั้นออกมาโดยตั้งใจใช่ไหมล่ะ
เย่เฉินเขานั้นเป็นมหาวิญญาจารย์ ระดับ 26 อันดับหนึ่งในค่ายฝึกพิเศษ ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดจากทุกรุ่นก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาเลย ซึ่งสิ่งนี้ก็จะสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับค่ายฝึกพิเศษสี่เขตแห่งนี้ได้แล้ว เจ้าเข้าใจใช่ไหม?
เถิงชิงหู่ส่ายหัวอย่างรวดเร็ว: "แต่ทั้งหมดนี้ยังไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจหนอกนะ อาจารย์ใหญ่หลิง มีเรื่องที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นอีก"
"ซึ่งมันเป็นเรื่องที่...เย่เฉินไม่ใช่เป็นเพียงแค่มหาวิญญาจารย์ทั่วไปเท่านั้น แต่ท่านรู้เกี่ยวกับอายุของวงแหวนวิญญาณแต่ละวงของเขาหรือไม่ล่ะ"
ทันทีที่คําพูดนี้ออกมา หลิงเหว่ยก็ตกตะลึง
มีอะไรกันถึงจะต้องพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้งั้นเหรอ?
พวกมันทั้งหมดไม่ใช่แค่วงแหวนวิญญาณสีเหลืองสองวงตามปกติอย่างงั้นเหรอ?
และนี่คือสิ่งที่เด็ก ๆ ทั่วไปต่างก็รู้กันดีนี่นา
จางเซียวหนิงที่อยู่ด้านข้าง ก็ฟังอย่างตั้งใจและกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับเรื่องของวงแหวนวิญญาณของเย่เฉิน
"เย่เฉิน เขามีวงแหวนวิญญาณที่มีอายุพันปีทั้งสองวงเลยน่ะ!"
เถิงชิงหู่กระซิบด้วยน้ำเสียงที่มีเพียงหลิงเหว่ยและจางเซียวหนิงเท่านั้นที่ได้ยิน
ทันทีที่จางเซียวหนิงได้ยินว่าเป็นวงแหวนวิญญาณที่มีอายุถึงพันปี ดวงตาของเธอเบิกกว้างในทันที และเต็มไปด้วยความไม่เชื่อและความตกใจในดวงตาของเธอ
และปฏิกิริยาของหลิงเหว่ยก็ไม่ดีไปกว่าของจางเซียวหนิงเลยเช่นกัน
ทันใดนั้น ทั้งสองคนดูเหมือนกับราวได้ถูกแช่แข็งเอาไว้ และพวกเธอก็ถูกทําให้กลายเป็นหินโดยตรงจากข่าวที่ทําให้มุมมองของพวกเขาได้ยินนี้
"อย่างไรก็ตาม พวกท่านไม่สามารถบอกให้โลกภายนอกรับรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ได้เด็ดขาด! โดยเฉพาะเจ้า อาจารย์ใหญ่จาง ถ้าเจ้ากระจายข่าวไป พวกเราทั้งสามคนจะถูกลงโทษอย่างแน่นอน"
เถิงชิงหู่เตือนด้วยสีหน้าจริงจัง
แม้ว่าความเป็นไปได้ที่จางเซียวหนิง จะพูดออกมานั้นจะมีโอกาสต่ำมากก็ตาม แต่เขาก็ควรที่จะเตือนเธออย่างจริงจังด้วย
ทั้งสองต่างตอบสนองและพยักหน้าด้วยสีหน้าที่แข็งทื่อ
จากนั้น
หลิงเหว่ยก็ได้ลุกขึ้นยืนในทันที ท่าทางของเธอดูราวกับว่า วิญญาณของเธอนั้นได้หลุดลอยออกจากร่างไปแล้ว เม้ดเหงื่อก้ไหลลงมาระหว่างคิ้วของเธอด้วยพลังที่ไม่สามารถอธิบายได้!
ในทางกลับกันจางเซียวหนิงเองนั้นอ้าปากค้างโดยไม่รู้ตัว และร่างกายของเธอก็มึนงงจากความตกใจของข้อมูลชุดนี้ในใจของเธอ
ในระหว่างการสนทนานั้นนี้จางเซียวหนิงยังคงอยู่ในความสับสน
จนกระทั่ง.
"อาจารย์ใหญ่ ท่านอาจารย์ใหญ่? เรากําลังจะกลับไปกันแล้วนะครับ" ซุนเผิงกล่าว
จากนั้นจางเซียวหนิง ก็ได้สติกลับมาและพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า
"อะแฮ่ม ท่านอาจารย์ใหญ่ครับ ได้โปรดล่ะช่วยปฏิบัติต่ออาจารย์ใหญ่ของเย่เฉินให้ดีด้วยนะครับ ไม่อย่างนั้นข้าเกรงว่าท่านเทพเย่จะทำร้ายข้าอีกครั้งได้น่ะ"
ซุนเผิงพูดเสียงเบา และหลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็เหลือบมองเย่เฉินอย่างระมัดระวัง
จางเซียวหนิงได้มองไปที่ซุนเผิงด้วยความไม่อยากที่จะเชื่อ แต่สีหน้าของซุนเผิงนั้นก็ทําลายร่องรอยแห่งความภาคภูมิใจเพียงอย่างเดียวในใจของจางเซียวหนิงไปในทันที
"ฮ่าฮ่า ท่านอาจารย์ใหญ่หลิง ถ้ามีโอกาสแล้วเราเจอกันใหม่นะ"
หลังจากที่เย่เฉินและคนอื่นๆ นั้นได้จากไปแล้ว เถิงชิงหู่ก็ลุกขึ้นและพูดอย่างสุภาพ
"ศิษย์พี่ เรากลับกันเถอะ?"
ใบหน้าของหลิงเหว่ยเต็มไปด้วยสีแดง ราวกับว่าเธอกินน้ำผึ้ง หัวใจของเธอรู้สึกอบอุ่น ชุ่มชื่นหัวใจและมีความสุขอย่างมาก
ในที่สุดเธอก็เข้าใจเหตุผลที่แท้จริงว่าทําไมตำหนักเจ้าเมืองจึงได้เลื่อนตําแหน่งให้กับเธอ
"โอ้ เอ่ออ เรากลับกันเถอะ"
จางเซียวหนิงพยักหน้าพร้อมด้วยรอยยิ้มที่ซับซ้อนบนใบหน้าของเธอ