ตอนที่ 41 ตัวตนของเพื่อนร่วมชั้น เซี่ย
ทันใดนั้น ถัง จื้อตง ก็หันไปมอง ถานห่าว แล้วกล่าวไปด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า : “เห็นไหม แกได้ยินแล้วใช่ไหม?”
“นี่ก็คือคนที่แกกําลังจะไล่เขาออกไปเมื่อครู่นี้ แล้วคนที่มีสถานะเช่นนี้คือคนที่แกสามารถยั่วยุได้หรือไม่!?”
“และเพียงคำพูดเดียวของ ประธานซู มันก็ทำให้ชีวิตของแกอยู่ไม่สู้ตายแล้ว!!”
เสียงของ ถัง จื้อตง ดังสนั่นหวั่นไหว ทุกประโยคเหมือนเสียงระฆังที่ดังก้อง กระแทกเข้าไปถึงส่วนลึกในใจของ ถานห่าว
มันทำให้เขาไม่กล้าแม้แต่จะพูดใดๆ ออกไปสักคำ ..ในเวลานี้
ในความเป็นจริง ในใจของ ถัง จื้อตง และหญิงชราตระกูลถังเอง ก็แทบอยากจะโห่ร้องเสียงดังๆ ในใจของพวกเขา
ลองคิดดูมันแย่มากแค่ไหน เมื่อเรามองย้อนกลับไปถึงสิ่งที่ทำ พวกเขาเวลานี้รู้สึกหวาดกลัวจวนจะตายแล้ว และยิ่งพอได้คิดว่าตัวเองไปยืนแตะขอบเขตของความตาย พวกเขาก็รู้สึกแทบคลั่งไปจริงๆ!
คุณชายลู่ ก็รู้สึกตกใจไปเช่นกัน
ในตอนแรก เมื่อเขาพบว่า ซูเหวิน เป็นประธานของ โรงแรม ฮิลส์ เขาก็ไม่อยากเผชิญหน้ากับ ซูเหวิน โดยตรงอีกต่อไปแล้ว และทั้งหมดก็เพื่อลดความยุ่งยากให้กับตัวเอง
แต่ตอนนี้.. เขากลัวจริงๆ แล้ว
แม้ว่า จินอี กรุ๊ป จะถือเป็นองค์กรขนาดใหญ่ แต่เมื่อเทียบกับ Worster แล้ว นั่นก็คือ พ่อมดเล็กเจอพ่อมดใหญ่ กล่าวได้แค่ว่ามันไม่มีนัยสำคัญใดๆ เลย
โชคดีที่ ถานห่าว มุ่งเป้าไปที่ ซูเหวิน เมื่อกี้นี้ และตัวเขาเองก็ไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมใดๆ กับอีกฝ่าย
ไม่งั้นหากไปทําให้อีกฝ่ายโกรธ เป็นไปได้มากจริงๆ ว่าเขาอาจจะรับไม่ไหว
และในขณะที่ทุกคนเพิ่งยอมรับตัวตนใหม่ของ ซูเหวิน
ทันใดนั้น ชุน อวี้เหม่ย กลับตบหัวตัวเอง แล้วรีบพูดไปว่า : “ใช่แล้ว ประธานถังคะ สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้มันกะทันหันเกินไป จนฉันลืมไปว่ายังมีบุคคลสําคัญอีกท่านหนึ่งที่ไม่ได้กล่าวแนะนําให้คุณรู้จัก…”
ชุน อวี้เหม่ย กล่าวทันที
“มีบุคคลสำคัญอื่นอีก?”
ถัง จื้อตง ตกตะลึง และที่ไหนจะไม่เข้าใจในความหมายนี้ของมัน
“คะ.. นั่นก็คือ คุณหนูเซี่ย”
ชุน อวี้เหม่ย ผายมือไปทาง เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย แล้วกล่าวต่อ : “คุณผู้หญิงท่านนี้ที่มากับ ท่านประธานซู ก็คือ คุณหนูเซี่ย เซี่ย ซินเหยา คุณหนูคนโตของ ฮั่วซิน กรุ๊ป ทั้งยังเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของ ท่านประธานเซี่ย เซี่ย เฉิงตง ประธานแห่งกลุ่ม ฮั่วซิน”
ชุน อวี้เหม่ย พูดออกไปคำต่อคำ
พอคําพูดนี้หลุดออกมา ฉากในที่เกิดเหตุก็เกิดความโกลาหลอีกครั้ง
“ให้ตายเถอะ! คุณหนูแห่งกลุ่ม ฮั่วซิน บุตรสาวของ ท่านประธานเซี่ย เซี่ย เฉิงตง จริงๆ ใช่ไหม?”
“ตัวตนของ ลูกสาว ท่านประธานเซี่ย มีสถานะอย่างไร? คาดไม่ถึงว่าเธอจะมาปรากฏตัวที่นี่ด้วย และยังเป็นคู่ควงของ ท่านประธานซู…”
“ดี.. ดีเยี่ยมมาก นี่กล่าวได้ว่าเป็นพันธมิตรที่ทรงพลังที่สุดได้เลย จริงมั้ย?”
“ไม่แปลกใจเลยที่ฉันรู้สึกคุ้นๆ หน้ากับผู้หญิงคนนี้ มันเหมือนกับฉันเคยเห็นเธอที่ไหนมาก่อน ที่แท้เธอก็เป็นลูกสาวของ เซี่ย เฉิงตง”
ชั่วขณะหนึ่ง สายตาของทุกคนก็จับจ้องมองมาที่ เซี่ย ซินเหยา
ในตอนแรกทุกคนก็ติดใจในความงดงามของเธอ
เธองดงามมากจริงๆ ราวกับนางฟ้านางสวรรค์
แต่ไม่มีใครคาดคิดเลยว่า แม้แต่สถานะตัวตนของเธอก็ยังสูงส่งขนาดนี้
บริษัท ฮั่วซิน กรุ๊ป เป็นบริษัทประเภทใด และนั่นก็เป็น 100 อันดับแรกของโลกเหมือนกัน!
ในฐานะประธานของ ฮั่วซิน กรุ๊ป เซี่ย เฉิงตง ที่ถือหุ้น 55% ของกลุ่มซึ่งอาจกล่าวได้ว่ามีอํานาจควบคุมชีวิต และความตายได้อย่างสมบูรณ์
และส่วน เซี่ย เฉิงตง เองก็มีลูกสาวคนนี้เพียงคนเดียวเท่านั้น
ทั้งนี้ก็ไม่มีใครสงสัยเลยว่าเธอจะเป็นทายาทเพียงคนเดียวของกลุ่มในอนาคต
นี่จึงแสดงให้เห็นว่าสถานะของเธอ.. สูงส่งแค่ไหน
ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นสถานะ หรือความงาม การปรากฏตัวของเธอเวลานี้อาจกล่าวได้ว่าเป็นการลดระดับผู้หญิงคนอื่นๆ ในที่นี่ได้ทั้งหมด
“คุณหนูเซี่ย ยินดีที่ได้รู้จัก ยินดีที่ได้รู้จัก!!”
“เมื่อกี้ไม่ได้กล่าวทักทาย ขอคุณอย่าได้ถือสาเลย..”
ถัง จื้อตง ใช้โอกาสที่ไม่มีใครสนใจรีบเช็ดเหงื่อเย็นๆ ที่ไหลตกลงจากหน้าผากของเขา พลางยิ้มหัวเราะก่อนจะยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มเพื่อเป็นการให้เกียรติ และเพื่อเป็นการขอโทษต่อ เซี่ย ซินเหยา
วันนี้หัวใจของเขา รู้สึกหวาดกลัว..ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว
แต่เมื่อหันกลับมา เขาก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นอีกครั้ง
คนที่มางานเลี้ยงในวันนี้ ตัวตนของพวกเขายอดเยี่ยมกว่าคนอื่นๆ มากจริงๆ!
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการหรอกเหรอ?
คนหนึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับสามของ Worster
คนหนึ่ง เป็นประธานของ Worster และประธานของ โรงแรม ฮิลส์
อีกคนหนึ่ง ..เป็นลูกสาวของ เซี่ย เฉิงตง ประธานกลุ่ม ฮั่วซิน
ขอถามก่อนว่าในที่นี่ยังมีใครที่มีอิทธิพลมากกว่านี้อีกไหม?
หากเรื่องนี้ถูกแพร่กระจายออกไป มันจะนับว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับ ตระกูลถัง และบริษัท เทคโนโลยี ฮุยหวง ..อย่างแน่นอน
ในขณะนี้ อย่าพูดถึง ตระกูลถัง เลย
แม้แต่เพื่อนนักธุรกิจคนอื่นๆ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระสับกระส่าย และอยากจะก้าวขึ้นมาพูดคุยกับ ซูเหวิน โดยตรง
สักพักบรรยากาศก็เป็นไปอย่างมีชีวิตชีวามาก
ในช่วงเวลานี้ ซูเหวิน ก็ได้รู้จักกับเพื่อนในวงการธุรกิจไม่น้อย
แม้ว่าพวกเขาจะด้อยกว่าตัวเองในแง่ของสถานะ แต่ก็ถือได้ว่าเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงที่น่าเคารพนับถือ
ในหมู่พวกเขามีบริษัทหนึ่งที่ร่วมมือกับกลุ่ม ไฮเทค โฮลดิ้ง กรุ๊ปของ คุณชายหลี่
ในเรื่องนี้ ซูเหวิน เองย่อมไม่พลาดโอกาสในการจะสร้างปัญหาให้กับ คุณชายหลี่
“ประธานซู นี่คือท่านกำลังหมายความว่า ให้ผมยกเลิกความร่วมมือกับกลุ่ม ไฮเทค โฮลดิ้ง ..แล้วให้เรามา ร่วมมือกับคุณ?”
หวัง ฉางอัน ประธานของบริษัท เจี๋ยหง เทรดดิ้ง ถาม ประธานซู ด้วยความไม่อยากเชื่อ
“มันไม่ใช่ความร่วมมือกันระหว่างคุณ กับผม แต่เป็นความร่วมมือกันระหว่าง เจี๋ยหง กับ Worster Group”
“การลงทุนที่บริษัทของเราจะมอบให้กับคุณนั้นมากกว่ากลุ่ม ไฮเทค โฮลดิ้ง และแน่นอน.. ในเรื่องนี้ คุณสามารถพิจารณาก่อนได้”
ซูเหวิน ยกยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะพูดออกไป
แม้ว่า Worster จะเป็นบริษัทที่เน้นการขายผลิตภัณฑ์ออนไลน์เป็นหลัก แต่ก็ยังได้ลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพอื่นๆ อีกมากมาย
หลังจากพูดคุยปรึกษากันแล้ว เขาก็ได้ทําความเข้าใจกับ เฉียน ฟู่เทา เกี่ยวกับเรื่องนี้ แล้วจึงทราบว่า บริษัท เจี๋ยหง เทรดดิ้ง เป็นบริษัทที่ควรค่าแก่การลงทุน
ในเมื่อเป็นแบบนี้ ทําไมไม่ลองร่วมมือกับอีกฝ่ายดูล่ะ?
แถมยังสามารถแย่งอีกฝ่ายมาจาก กลุ่ม ไฮเทค โฮลดิ้ง ได้ และ..นี่ไม่ใช่ว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวหรอกหรือ?
“ไม่จำเป็นต้องคิดด้วยซ้ำ ท่านประธานซู”
“คุณที่เป็นถึงประธานของ Worster Group ได้มาพูดด้วยตัวเองเช่นนี้ ผมจะมามีเรื่องกังวลอะไรอีก?”
หวัง ฉางอัน รู้สึกตื่นเต้นมาก
พอเมื่อเขาได้ยินว่า Worster ต้องการจะร่วมมือกับ เจี๋ยหง เขาก็รู้ดีใจมาก แล้ว..จะไปกล่าวปฏิเสธอีกฝ่ายได้อย่างไร?
ด้วยเหตุนี้, เพียงแค่ประโยคเดียวเท่านั้น ตระกูลหลี่ ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาสูญเสียผลประโยชน์ไปมากน้อยเพียงใดแล้ว
ในขณะนี้ ทุกคนได้พูดคุยกัน และเริ่มรู้จักกันมากขึ้น
ส่วน ถานห่าว และคุณชายลู่ ถูกทุกคนมองข้ามไปนานแล้ว…
สุดท้ายดูเหมือนจะพูดคุยกันครบทุกคนแล้ว
ผู้ถือหุ้นของบริษัท เทคโนโลยี ฮุยหวง เองก็เริ่มขึ้นเวทีกล่าวสุนทรพจน์ และกล่างถึงสำหรับแผนการในอนาคตแล้ว
ถัง จื้อตง เข้าทักทายแขก และเพื่อนๆ ให้มานั่งที่นั่ง และสั่งให้บริกรทุกคนเริ่มเสิร์ฟอาหารลงโต๊ะ
ที่นี่โต๊ะอาหารเป็นรูปแบบแถบยาวไม่เหมือนโต๊ะกลมทั่วๆ ไป และทุกคนได้นั่งเรียงกัน
เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย นั่งลงข้าง ซูเหวิน
จากนั้น ทุกคนก็ได้เริ่มกินดื่ม และพวกเขาก็ได้พูดคุยกันไปขณะรับประทานอาหาร
“นาย(主人 มันแปลได้หลายความ)โทรมาแล้ว โทรมาแล้ว รีบรับสาย ทำไมยังไม่รีบรับสาย~”
ในขณะที่ทุกคนกำลังเพลิดเพลินกับมื้ออาหารของพวกเขา
ทันใดนั้น โทรศัพท์ของ ซูเหวิน ก็ดังขึ้น เป็นสายจากแม่ของเขา
ซูเหวิน รับโทรศัพท์ทันที
“แม่ มีอะไรเหรอครับ?” ซูเหวิน ถาม
“เสี่ยวเหวิน ..ลูก อีกสองวันพวกเราอาจกลับไปเมืองม่อแล้ว”
อีกฝั่งของโทรศัพท์ เสียงพูดปนหัวเราะของแม่ก็ดังขึ้น
อาจเป็นเพราะมันใกล้จะเป็นช่วงที่ครอบครัวเราจะได้อยู่ด้วยกันแล้ว เธอจึงอารมณ์ดีขึ้นมาก
“โอ้.. งั้นก็ดีเลย เมื่อพ่อกับแม่มาถึงอย่าลืมโทรหาผม ผมจะได้รีบไปรับ”
“อา.. ใช่ครับ ผมมีรถพอดี” ซูเหวิน พูดด้วยรอยยิ้ม
เมื่อคํานวณเวลา พ่อแม่ของเขาไปอยู่ที่บ้านเกิดมานานกว่าครึ่งเดือนได้แล้ว และนี่ก็คงถึงเวลากลับมา
“ลูกมีรถ?”
แม่ถามอย่างแปลกใจอีกครั้ง แต่แล้วก็รู้สึกโล่งใจ
ตอนนี้ลูกของเธอดูเหมือนจะมีเงินแล้ว และการจะซื้อรถมันก็ดูไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
“ครับ ผมซื้อมันมาได้สักพักแล้ว” ซูเหวิน ตอบกลับไป
“แล้วลูกซื้อรถรุ่นไหน และราคาเท่าไหร่?”
“เป็นรถเก๋งราคาหลายแสนหยวนแบบนั้นหรือเปล่า?”
“คือแม่มองว่าตอนนี้หลายคนชอบซื้อรถประเภทนี้”
มีคำถามตามมาอีกเป็นชุด
“อืม.. จะว่ายังไงดี รูปร่างก็คล้ายๆ กับรถเก๋งอยู่”
ซูเหวิน หยุดคิดอยู่ชั่วครู่หนึ่ง แล้วกล่าวไป
เขารู้สึกว่าด้วยความคิดของแม่ คาดว่ามันคงยากที่จะจินตนาการถึงรถที่มูลค่ากว่า 40 ล้านหยวน สู้ไม่พูดมันออกไปคงจะดีกว่า..
หรือไม่ก็ใช่จังหวะนี้ทำให้แม่ตกใจเล่น
“อืม ครับแม่ ..รู้แล้ว”
“แต่ถึงลูกจะมีรถก็ไม่ต้องมารับหรอก”
“คนที่กลับมาเมืองม่อครั้งนี้ไม่ใช่แค่แม่กับพ่อลูกเท่านั้น ยังมี ลุงเฉิน ที่อยู่ตรงข้ามบ้านเราด้วย และป้าหยาง เองก็มาด้วย คาดว่ารถคันนั้นของลูกคงนั่งได้ไม่พอ ให้พวกเราเรียกรถแท็กซี่กลับเองเถอะ”
แม่กล่าวอธิบายทันที
“ป้าหยาง?” ซูเหวิน ขมวดคิ้ว
“ทำไมพวกเขาถึงมาที่เมืองม่อ?”
ในความเข้าใจของ ซูเหวิน ความสัมพันธ์ของพวกเขากับครอบครัวป้าหยาง ..ไม่ค่อยจะดีนัก
โดยเฉพาะกับ ป้าหยาง เอง ที่เป็นคนมีอิทธิพลมาก แต่ก่อนเคยหัวเราะเยาะครอบครัวเรามาไม่น้อยว่า ยากจน