ตอนที่ 4 กลับไปที่มหาวิทยาลัย, ชีวิตใหม่
“ไอ้บ้าเอ๊ย 10 ล้าน ฉันมี 10 ล้านจริงๆ เหรอ?”
ซูเหวิน ไม่สามารถซ่อนความตื่นเต้นของเขาได้อีก เมื่อมองลงไปที่ข้อความจากธนาคารบนโทรศัพท์มือถือของเขา
โอ๊ยย ให้ตายเถอะ 10 ล้าน!
นี่คือต้องใช้เวลานานขนาดไหนถึงจะหามาได้?
แม้คุณจะทํางานโดยไม่ต้องกิน ไม่ต้องดื่ม เดาว่า.. คงต้องทำงานเป็นเวลาหลายร้อยปี…
“นาย(主人 มันแปลได้หลายความ)โทรมาแล้ว โทรมาแล้ว รีบรับสาย ทำไมยังไม่รีบรับสาย~”
ทันใดนั้น เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น
เป็นหมายเลขที่ไม่คุ้นเคยโทรเข้ามา ซูเหวิน ก็รีบรับสายทันที
“สวัสดีครับ นี่ใช่ คุณซู ซูเหวิน หรือเปล่า?”
เสียงชายหนุ่มคนหนึ่งดังมาจากอีกฝั่งของโทรศัพท์ น้ำเสียงของเขาดูสุภาพมาก
“ผม ซูเหวิน คุณคือ...?”
“สวัสดีครับ ประธานซู ผมโทรมาจากสํานักงานใหญ่ในเครือ โรงแรม ฮิลส์ เชน ผมชื่อ หวังหมิง รองผู้จัดการทั่วไปของโรงแรมครับ”
“ก่อนหน้านี้คุณได้ใช้เงินจำนวนมากเพื่อซื้อหุ้น 51% ของโรงแรมนี้ และตอนนี้คุณกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของ ฮิลส์ เชน โฮเทล”
“อดีตประธานขอให้ผมโทรหาคุณ หวังว่าคุณจะเซ็นสัญญาโอนได้ทันที และเข้ารับกิจการของโรงแรมนี้อย่างเป็นทางการ ไม่ทราบว่าคุณพอมีเวลาไหมครับ?”
“แน่นอน ถ้า ประธานซู ไม่มีเวลา ก็สามารถเลือกเซ็นสัญญาออนไลน์ได้เช่นกันครับ”
เมื่อเห็นว่า ซูเหวิน รู้จักตัวตนของเขาแล้ว น้ำเสียงของอีกฝ่ายไม่เพียงแต่สุภาพเท่านั้น แต่ยังเคารพมากขึ้น เพราะกลัวว่าจะทำให้ประธานคนใหม่ ต้องขุ่นเคือง…
ซูเหวิน ในตอนแรกก็รู้สึกประหลาดใจ จากนั้นจึงเปลี่ยนเป็นมีความสุขขึ้นทันที!
เชร็ด… ให้ตายเถอะ ประสิทธิภาพในการทํางานของระบบเร็วเกินไปหน่อยมั้ง?
หลังจากเพิ่งเสร็จสิ้นภารกิจ โรงแรมก็ถูกเขาครอบครองแล้ว?
ระบบเสินห่าว คงจริงใจ ..ไม่หลอกลวงฉัน
“อืม ผมเข้าใจแล้ว งั้นก็เซ็นออนไลน์เถอะ เอาเป็นเซ็นวันมะรืนนี้”
ซูเหวิน คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดออกมา
บังเอิญเขามีคอมพิวเตอร์ที่มหาลัยพอดี วันมะรืนเป็นวันจันทร์ และเขาสามารถเซ็นสัญญาได้โดยตรงเมื่อไปถึงมหาลัย
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว อารมณ์ของ ซูเหวิน เดิมที่หดหู่ เนื่องจากการเลิกรา กลับกลายเป็นผ่อนคลายขึ้นมากในขณะนี้ …
วันจันทร์ มหาวิทยาลัยเทียนเวย
มหาวิทยาลัยเทียนเวย เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในเมืองม่อ มีพื้นที่มากกว่า 2 ล้านตารางเมตร
ที่นี่มีอุปกรณ์ครบครัน และมีอาจารย์ผู้สอนที่มีคุณภาพ และแม้แต่ในมหานครระดับนานาชาติอย่างเมืองม่อ ที่นี่ก็ยังเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงติดอันดับต้นๆ
ในช่วงเช้าตรู่ ซูเหวิน ได้นั่งรถบัสมาที่มหาลัยตามปกติ
นับตั้งแต่เขาเลิกกับ ฟาง ซินอี๋ เมื่อวานก่อน และได้รับระบบมา เมื่อสองคืนก่อนเขาเองก็ตื่นเต้นมากจนแทบนอนไม่หลับ
อยู่ดีๆ ก็มีเงิน 10 ล้าน ใครจะไปสงบได้?
คืนนั้นเขาก็โอนเงินจํานวนหนึ่งไปให้พ่อแม่ของเขา และบอกกับพวกเขาว่าให้เลิกทำงานได้แล้ว
แน่นอนว่าเขาก็ไม่ได้ให้ไปเยอะ เขาให้ไปแค่คนละ 2 แสน อย่างไรเสียนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้ให้เงิน ถ้าเขาให้มากเกินไปพ่อกับแม่คงจะสงสัยได้
และด้วยเหตุนี้เขาจึงจงใจแต่งเรื่องโกหกว่าเขาทําเงินได้มากมายจากการเปิดร้านค้าออนไลน์ และทํางานพาร์ทไทม์เพื่อให้พวกเขารู้สึกสบายใจ!
ซูเหวิน เดินไปพลางคิดไปพลางมาตลอดทาง และเขาเดินผ่านเข้าไปในประตูมหาวิทยาลัยโดยไม่รู้ตัว แล้วเดินไปยังทิศทางของหอพัก
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขามีเงินหรือเปล่า อารมณ์ของเขาจึงดีขึ้น ซูเหวิน เข้ามหาลัยมาแล้วพบว่า ทิวทัศน์ของมหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะอาคารเรียน หรืออาคารต่างๆ มันกลับดูมีสไตล์มากขึ้น
“เหลาซู ในที่สุดนายก็มา มันเกิดอะไรขึ้น? นายเลิกกับแฟนแล้วจริงๆ?”
“ใช่! ฟาง ซินอี๋ คนนั้นทิ้งนายไปแล้ว นี่มันดูไม่ใจร้ายเกินไปหน่อยเหรอไง?”
ทันทีที่ ซูเหวิน เข้ามาในหอพัก เพื่อนร่วมห้องหลายคนก็เข้ามาทันที และเริ่มพากันถามคำถามมากมาย
“อืม เราเลิกกันแล้ว และนี่พวกนายรู้เรื่องนี้แล้ว?”
ซูเหวิน ที่พยักหน้า และก็พูดถามออกไปด้วยความประหลาดใจ
พวกเขาเหล่านี้เป็นเพื่อนร่วมห้อง และเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเขา ปกติความสัมพันธ์ของเราก็ดีมาก ดังนั้นจึงไม่มีอะไรต้องปิดบัง..
“จะไม่ให้รู้ได้อย่างไรเล่า เมื่อสองวันก่อนมีคนเห็น ฟาง ซินอี๋ นั่งรถของ คุณชายหลี่ เข้ามาในมหาลัยด้วยตาตัวเอง และมีคนถ่ายรูปมาโพสต์ลงในฟอรั่มด้วย ทุกคนก็เลยรู้”
เป็นเพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งของเขา เฉินหมิง อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจกับความไม่ยุติธรรมที่ ซูเหวิน ได้รับ
“ก็คือ หลายวันก่อน คุณชายหลี่ เพิ่งแสดงความรัก และต่อมาก็ไปไหนมาไหนอย่างกับต้องการเปิดเผยว่าพวกเขาคบกันแล้วอย่างโจ่งแจ้ง และแมร่ง มันราวกับไม่เห็นนายอยู่ในสายตาเลยจริงๆ”
จูเหยี่ยน เพื่อนร่วมห้องอีกคนก็โกรธไม่แพ้กัน..
ในมุมมองของพวกเขา ซูเหวิน ทุ่มเทให้กับ ฟาง ซินอี๋ มากขนาดนี้ แต่ในที่สุดสิ่งที่ได้มาคือการทรยศอย่างโจ่งแจ้ง ซึ่งมันไม่คุ้มค่าเลยจริงๆ
ในเวลานี้ เพื่อนร่วมห้องคนที่สามที่อยู่ข้าง ซูเหวิน เหอ เหวินเฟิง เดินเข้ามาตบไหล่ของ ซูเหวิน แล้วถอนหายใจก่อนพูดว่า : “โธ่.. ไอ้เพื่อนยาก นายร้องไห้ออกมาเถอะ!”
“......”
“ร้องไห้? เดี๋ยว ร้องไห้อะไร…?” ซูเหวิน สับสน
“มันก็ตามนั้นเลย นายร้องไห้ออกมาเถอะ” เหอ เหวินเฟิง กล่าวออกมาอย่างจริงจัง
“ใช่ ซูเหวิน ร้องไห้ออกมาเถอะ ร้องไห้ออกมาให้พอ บางที มันจะทำให้นายรู้สึกดีขึ้นได้ และมันก็ไม่ใช่เรื่องผิดหรอกนะถ้าผู้ชายคนหนึ่งจะร้องไห้ออกมา”
“เรารู้ว่าแกชอบ ฟาง ซินอี๋ มาก ตอนนี้เลิกกับเธอแล้วแน่นอนว่าคงเสียใจมาก ดังนั้นนายร้องไห้ออกมาเถอะ อย่าฝืนกลั้นเก็บมันเอาไว้อยู่เลย นายเก็บอัดอั้นมันไว้แบบนี้ มันไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก”
จูเหยี่ยน กล่าวให้กำลังใจขึ้นมาเช่นกัน
“เดี๋ยวๆ มันไม่ถึงขั้นนั้นมั้ง!”
พอฟังคำพูดของทุกคน ซูเหวิน อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหงื่อตก เขาเริ่มรู้สึกละอายใจขึ้นมาบ้างแล้วจริงๆ
หลังจากที่ตัวเขาได้ระบบมา เขาก็หัวเราะมาตลอด 2 วันนี้ และแทบจะเขียนความสุขลงบนหน้า แล้วเพื่อนร่วมห้องเหล่านี้มองว่าเขาเสียใจไปได้ยังไง?
“พอเถอะ! เหลาซู นายไม่จําเป็นต้องฝืนยิ้มหรอก เรารู้ดีว่าเบื้องหลังรอยยิ้มนั้นของนาย มันคือน้ำตาอย่างแน่นอน..”
“ใช่! เพื่อไม่ให้พวกเรากังวล นายจึงคิดจะกล้ำกลืนความเจ็บปวดทั้งหมดนี้ลงท้องไปเงียบๆ แบกรับความเจ็บปวดที่ขื่นขมนั้นอย่างเงียบๆ คนเดียวใช่ไหม!”
เพื่อนร่วมห้องพากันส่ายศีรษะทีละคน ราวกับมอง ซูเหวิน ออกอย่างทะลุปรุโปร่ง
“นาย(主人 มันแปลได้หลายความ)โทรมาแล้ว โทรมาแล้ว รีบรับสาย ทำไมยังไม่รีบรับสาย~”
ขณะที่ ซูเหวิน กำลังจะพูดบางอย่างออกไป ทันใดนั้นโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น และเป็นหมายเลขที่ไม่คุ้นเคยที่โทรเข้ามา
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ปรากฏว่าที่แท้ก็เป็นสายที่โทรเข้ามาจากโรงแรม ฮิลส์ และเป็น หวังหมิง โทรมาเพื่อเตือน ประธานซู ว่าวันนี้เป็นวันเซ็นสัญญาออนไลน์
ซูเหวิน พยักหน้ารับ และแน่นอนว่าเขาไม่มีทางลืมสิ่งนี้ จากนั้นเขาก็วางสายไป แล้วมองไปที่เพื่อนร่วมห้องทันที ก่อนจะพูดว่า : “ฉันซาบซึ้งในความหวังดีของพวกนายแล้ว แต่เรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว เอาเป็นว่าทุกคนไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับฉัน”
“อีกอย่าง เราเองต่างก็เป็นพี่น้องกัน หากถ้าฉันมีเรื่องอะไรในใจ ฉันก็ย่อมพูดบอกกับพวกนายออกมาเป็นธรรมดา หนำซ้ำไม่จําเป็นต้องปิดบังอะไรจากพวกนาย”
กลัวว่าทุกคนจะไม่สบายใจ, ซูเหวิน จึงกล่าวต่อ
“นายสบายดีจริงๆ?” หลายคนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งแล้ว..
“อ้า ฉันไม่เป็นไรจริงๆ”
“เห็นทุกคนเป็นห่วงฉันมาก เอาแบบนี้หากมีเวลาฉันจะเลี้ยงมื้อใหญ่ให้กับทุกคน”
ซูเหวิน ยิ้มเบาๆ ออกมา นั่นก็เพื่อยืนยันอีกครั้ง
“ฮ่าฮ่า นายไม่เป็นไรก็ดีแล้ว มื้อใหญ่อะไรก็ช่างมันไป เอาเป็นเลี้ยงบาร์บีคิวพวกเราสามคนพอ”
ทุกคนรู้ว่าครอบครัวของ ซูเหวิน ไม่ได้มีฐานะร่ำรวย ดังนั้น พี่น้องหลายคนจึงปฏิเสธความหวังดีของเขา สําหรับพวกเขาที่เปรียบได้ดั่งพี่น้องแล้ว แค่เห็นเขาสบายดี ..ก็ไม่เป็นไรแล้ว
หลังจากนั้น ทุกคนก็พูดคุยกันอีกสองสามคํา และเตรียมตัวจะออกไปเรียนแล้ว ส่วน ซูเหวิน ก็หาเหตุผลให้ต้องอยู่ต่อ..
เมื่อเห็นเพื่อนร่วมห้องออกจากหอพักไปทีละคน ซูเหวิน ก็ยกยิ้มขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ พวกเขาเป็นห่วงเขาจริงๆ แน่นอนเป็นพี่น้องกันก็ย่อมห่วงใยกันเป็นธรรมดา แต่ก็แค่ว่า พวกเขามัน ดราม่า เกิ๊น...
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และเพียงชั่วพริบตาก็ถึงเวลานัดเซ็นสัญญา
ซูเหวิน เดินไปที่โต๊ะ และหยิบคอมพิวเตอร์มือสองที่เขาได้ใช้งานมันมานานกว่าหนึ่งปีออกมา
มองดูคอมพิวเตอร์เครื่องนี้แล้ว ซูเหวิน ก็ต้องถอนหายใจ
สองปีมานี้ เพื่อให้ ฟาง ซินอี๋ มีชีวิตที่ดี เขาจึงต้องใช้ชีวิตอย่างประหยัดมัธยัสถ์ และออกไปทํางานพาร์ทไทม์ แม้แต่คอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ก็ไม่เต็มใจที่จะซื้อ ..ทั้งหมดที่เขาทำก็เพื่อ ฟาง ซินอี๋ แต่สิ่งที่ได้มาคือการดูถูก และการเยาะเย้ยจากอีกฝ่าย ..เท่านั้น
ตอนนี้ พอมาคิดๆ ดูแล้วก็รู้สึกขำจริงๆ
ซูเหวิน ถอนหายใจพลางเปิดคอมพิวเตอร์ และเข้าระบบ VX (คาดว่า WeChat)
โดยบังเอิญ เขาเห็นคำเชิญสนทนาแบบกลุ่มจากสํานักงานใหญ่ของโรงแรม ฮิลส์ ถูกส่งมา
เขาก็กดตอบรับทันที โดยไม่ลังเล...