ตอนที่แล้วตอนที่ 33 เผชิญหน้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 35 ความตกใจของ ลุงจิ่ว

ตอนที่ 34 ความขัดแย้งยิ่งบานปลาย


“ไม่ต้องมองผมอย่างนั้น บอกตามตรงผมไม่กลัวใครเลย และการที่ผมยังไม่ได้ขับไล่พวกคุณออกไป.. นี่ก็ถือได้ว่าเป็นการให้เกียรติพวกคุณมากแล้ว”

“แต่ถ้าพวกคุณไม่ยอมเชื่อฟังคําแนะนํา งั้นก็อย่าได้โทษผมที่ไม่ไว้หน้า”

ซูเหวิน กล่าวต่อไป โดยที่ไม่แม้แต่เกรงกลัวใดๆ ทั้งสิ้น

หลังจากทำความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งที่ผู้จัดการบอกเมื่อกี้ บวกกับการแสดงของอีกฝ่ายในตอนนี้ การพยายามมีเหตุผลกับอีกฝ่ายมันก็จะดูเท่ากับคิดเพ้อฝันไป เพราะดูๆ ไปแล้วมันเป็นไปไม่ได้ สู้พูดตรงๆ เลยจะดีกว่า

“เถ้าแก่ คุณ...”

ผู้จัดการ ตกใจมาก

เขาไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้านายคนใหม่คนนี้, ลูกวัวแรกเกิดไม่กลัวเสือ เหรอ? (1)

นี่เขาไม่รู้หรือว่า เฟยฉือ กรุ๊ป คือบริษัทประเภทใด และบุคคลอย่าง จาง เย่าฮุย เป็นใคร?

คุณถึงกลับกล้าพูดกับ คุณชายจาง แบบนี้?

แม้แต่ เซี่ย เฉิงตง และคนอื่นๆ ก็ตกใจกับ ซูเหวิน และพวกเขาไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะมีความกล้าขนาดนี้

และคําพูดของ ซูเหวิน ก็เหมือนเปลวไฟที่จุดชนวนที่กําลังจะระเบิดอย่างสมบูรณ์..

คุณชายจาง มีสีหน้ามืดครึ้มถึงขีดสุด ความโกรธในใจก็มาถึงขีดสุดแล้วเช่นกัน

เขามองไปที่เพื่อนๆ ของเขา และพูดกับเพื่อนของเขาว่า : “ทุบตีมันให้ เล่าจื๊อ ทุบตีไอ้เด็กโง่เขลาที่มันไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำให้ตาย จากนั้นก็ทำลายร้านมันให้ฉัน หากเกิดอะไรขึ้นฉัน จาง เทียนห่าว คนนี้รับผิดชอบเอง!”

คุณชายจาง พูดออกมาอย่างชั่วร้ายอย่างดุเดือด

พรรคพวกของเขาเต็มไปด้วยความโกรธมานานแล้ว และพอได้ยิน คุณชายจาง พูดแบบนี้ ที่ไหนจะทนไหว?

ทันใดนั้น ก็หยิบคว้าเก้าอี้ขึ้นมาทีละคน และรีบวิ่งกรูกันเข้าหา ซูเหวิน ดูเหมือนว่าพวกเขาตั้งใจจะทุบตีอีกฝ่ายให้ตายจริงๆ

นี่ถ้าเป็นคนทั่วไปเจอกับเหตุการณ์นี้ ไม่ศรีษะแตก หัวแบะบานเป็นช่อดอกไม้เหรอ?

“เห้ย! พวกคุณคิดจะทําอะไรกัน?”

เซี่ย เฉิงตง และคนอื่นๆ เห็นสถานการณ์แบบนี้ ย่อมไม่สามารถนิ่งนอนใจอยู่ได้อีก

นอกจากนี้ ชายหนุ่มคนนี้ที่ชื่อ ซูเหวิน ยังไปมีความขัดแย้งกับอีกฝ่ายเพราะพวกเขา แล้วเขาจะปล่อยมันไปได้อย่างไร?

เขา และเพื่อนจึงพากันก้าวขึ้นไปข้างหน้า พร้อมที่จะเข้าไประงับเหตุปะทะในครั้งนี้

อย่างไรก็ตาม ซูเหวิน เร็วมาก ก่อนที่พวกเขาจะทันตอบสนอง เขาก็เริ่มตอบโต้กับคนหนุ่มสาวกลุ่มนั้นแล้ว

คนหนึ่งที่พุ่งเข้ามาเป็นหัวหอก ก็ได้ถูกเตะ

“อ๊ากกกก~”

ตามมาด้วยเสียงกรีดร้อง

หลังจากการเผชิญหน้าเพียงครั้งเดียว ชายคนนั้นลอยปลิวออกไปราวกับว่าวสายป่านขาด และล้มลงสลบทันที (K.O.)

แต่คนอื่นๆ อีกหลายคนก็รีบคว้าเก้าอี้ แกว่งเหวี่ยงไปมา และในเวลานี้พวกเขาบางคนก็ได้ขว้างพวกมันใส่ ซูเหวิน

ซูเหวิน จะไปถูกอีกฝ่ายจัดการลงได้ง่ายๆ อย่างนี้ ..ได้อย่างไร? (กรูววพระเอกนะเฟ้ย)

เขาพลิกตัวหลบด้วยร่างกายที่ยืดหยุ่น และมองหาโอกาสที่เหมาะสม กอปรกับความแข็งแกร่งของร่างกายเวลานี้ของเขา

เพียงปะทะกันไม่กี่ยก เขาก็ล้มคนของอีกฝ่ายลงไปจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว

ท้ายที่สุดแล้วที่นี่เป็นโรงน้ำชาของตัวเอง แม้ว่าเขาจะไม่ขาดเงินเหล่านั้นในการซ่อมแซม แต่ถ้าเป็นไปได้ เขาก็ไม่อยากทำลาย เลยจึงหาทางแก้ไขมันโดยรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

และก็เหลือคนสุดท้ายที่ยังไม่ทันได้ลงมือก็ถูก เซี่ย เฉิงตง และคนอื่นๆ ซึ่ง จู่ๆ ก็ได้โผล่มาด้านหลังของอีกฝ่าย คว้าแย่งเก้าอี้ไป และจัดการปราบเขาลง

เพียงแต่พวกเขาไม่ได้โหดเหี้ยมเหมือนอย่าง ซูเหวิน สิ่งที่พวกเขาทําก็แค่กดร่างอีกฝ่ายแนบไว้กับพื้นเท่านั้น

ในเวลานี้ เมื่อมองดูฉากทั้งหมดอีกครั้ง

คนหนุ่มสาวหลายคนที่ยังดูกระฉับกระเฉง ดูกระตือรือร้นอย่างมากเมื่อกี้ บวกกับ คุณชายจาง ที่ยังคงยืนอยู่ในห้องโถงชั้นห้า

คนอื่นๆ เวลานี้ที่ได้ถูกทุบตี บ้างได้รับบาดเจ็บจนนอนกองลงกับพื้น และคนทั้งหมดก็ได้ถูกปราบลงแล้ว

“เถ้า... เถ้าแก่ กล้าตีพวกเขา กล้าทุบตีเพื่อนของ คุณชายจาง จริงๆ?”

“โอ้.. พระเจ้า! นี่ฉันมันกำลังฝันอยู่ใช่หรือไม่กัน?”

“เชี้ยย! นี่เป็นการประกาศสงครามกันอย่างสมบูรณ์ระหว่างทั้งสองฝ่ายหรือยัง และด้วยภูมิหลังของ คุณชายจาง ไม่เรียกว่ากลืนกินชีวิตของ เถ้าแก่ เอาไว้แล้วเหรอไง?”

ผู้จัดการ บริกร ตกตะลึงอย่างสมบูรณ์ จนขากรรไกรแทบค้าง

หากก่อนหน้านี้ทั้งสองฝ่ายยังเป็นเพียงแค่การทะเลาะวิวาทกัน งั้นตอนนี้ก็ถือได้ว่าเป็นศัตรูกันอย่างแท้จริงแล้ว!

…คุณต้องโง่แค่ไหนถึงต้องการเป็นศัตรูกับ คุณชายจาง?

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่พวกเขาจะทันได้หายตกใจ ซูเหวิน ก็พูดขึ้นอีกครั้ง

“ฉันบอกไปแล้วว่ามีอะไรก็พูดคุยกันดีๆ แต่ในเมื่อพวกคุณไม่ฟังคําแนะนํา งั้นก็จะมาโทษฉันไม่ได้..”

“ตอนนี้คุณก็คงเห็นสถานการณ์แล้ว เป็นอย่างไรบ้าง พวกคุณต้องการกลิ้งออกไปเอง หรือต้องการให้ใครมาเชิญคุณออกไป?”

ซูเหวิน มองไปที่ คุณชายจาง ที่ยืนอยู่ไม่ไกล ด้วยสีหน้าเรียบเฉย และกล่าวคำเตือนออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ฮ่า.. ฮ่าฮ่าๆ…”

ทันใดนั้น คุณชายจาง ก็หัวเราะเสียงดังออกมา

เขามอง ซูเหวิน ด้วยสีหน้าเขียวช้ำ เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ไม่เพียงแต่ไม่กลัวเท่านั้น แต่เขากลับกล่าวอย่างเย็นชาว่า : “ดี ดีมาก.. ตีเพื่อนฉันแล้วยังกล้าหยิ่งได้ขนาดนี้ วันนี้ฉันจะให้ทำแกรู้ถึงผลที่ตามมาหลังจากมาทําให้ฉันคนนี้โกรธ”

ขณะที่เขาพูด.. เขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วส่ายไปมาให้เห็น

“ตอนที่แกทุบตี เพื่อนๆ ฉัน ฉันได้โทรออกไปหา ลุงจิ่ว แล้ว เชื่อว่าตอนนี้เขาคงกำลังนำคนมาแล้ว หลังจากนี้.. ฉันจะคอยดูสิว่าแกจะยังทำเป็นแข็งกร้าวได้อยู่อีกหรือไม่?”

จาง เทียนห่าว พูดออกมาอย่างผู้มีชัย อีกทั้งน้ำเสียงของเขาเองก็มีความเย่อหยิ่งปะปนอยู่ในนั้นด้วย..

ทันทีที่คําพูดนี้หลุดออกมา กลับกลายเป็นผู้จัดการที่อยู่ข้างๆ ตกใจมากจนแข้งขาอ่อนแรงล้มลงไปกับพื้น

คุณชายจาง เชิญ ลุงจิ่ว มา เขา.. เชิญ ลุงจิ่ว มาจริงๆ งั้นเหรอ?

ลุงจิ่ว คนนี้คือใคร?

เขาเป็นบุคคลระดับบิ๊กที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในโลกใต้ดินของเมืองม่อ วิธีการของเขานั้นโหดเหี้ยมมาก ได้ยินมาว่าเขามีพวกอันธพาลที่เลี้ยงดูไว้หลายร้อยคน

และการไปทำให้เขาขุ่นเคืองนั้น ..มันก็เท่ากับการ แสวงหาความตาย

“เถ้าแก่… ไม่ ไม่แบบนี้มันไม่ดีแล้ว”

“ลุงจิ่ว ที่เขาพูดถึงคือพี่ใหญ่ในโลกใต้ดิน ในเมืองม่อเขาถือเป็นบุคคลคนที่เลวทรามต่ำช้ามาก”

“ถ้าเขามาที่นี่ งั้นโรงน้ำชาของเราก็ประสบกับหายนะแล้ว ไม่แน่คุณเองอาจจะโชคร้ายไปด้วย คราวนี้.. คราวนี้เราจะทํายังไงดี?”

ผู้จัดการมองไปที่ ซูเหวิน และถามอย่างใจจดใจจ่อ ด้วยความกังวล..

“คุณไม่ต้องกลัว เกิดเรื่องขึ้นแล้ว ..จะให้ผมอยู่เฉยๆ ได้อย่างไร”

เมื่อเปรียบเทียบเขาแล้ว ซูเหวิน กลับไม่ตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย

“เรื่องของตระกูลจาง พวกคุณไม่ต้องกังวล ท้ายที่สุดแล้วเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะพวกเรา และต่อไปปล่อยให้พวกเราจัดการเถอะ”

ในเวลานี้เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น เป็น เซี่ย เฉิงตง ที่อยู่ข้างๆ ที่เดินเข้ามาพร้อมกับเพื่อนของเขา

พวกเขาที่เห็นว่าสถานการณ์สงบลงชั่วคราว พวกเขาจึงปล่อยชายหนุ่มคนนั้นไป

ขณะพูดพลางเขาก็ได้ตบไหล่ ซูเหวิน แล้วพูดว่า : “พ่อหนุ่ม ขอบใจมากจริงๆ เมื่อกี้หากไม่มีเธอเข้าช่วย เรื่องนี้ก็อาจจัดการได้ยาก”

เซี่ย เฉิงตง มองผู้ชายที่ลูกสาวของเขาชื่นชอบคนนี้ และพูดขอบคุณไปอย่างจริงใจ

เมื่อกี้เป็นเพราะเหตุการณ์มันเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เขาจึงไม่ได้มองพิจารณา ซูเหวิน อย่างรอบคอบ

เมื่อเขาได้มองพิจารณาดูอีกครั้งในขณะนี้ สายตาของเขาก็อดไม่ได้ที่จะสว่างขึ้น

ชายหนุ่มคนนี้.. ไม่เพียงแต่หล่อเท่านั้น แต่เขายังค่อนข้างสูงอีกด้วย

สิ่งที่สําคัญที่สุดคือ ผู้คนมีความรับผิดชอบอย่างมาก..

เผชิญหน้ากับ คุณชายจาง ยังกล้าเรียกร้องความยุติธรรมแทนลูกค้าคนอื่นๆ นับว่าหาได้ยากจริงๆ

ซูเหวิน ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ในใจขณะนี้ และยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเขาคือ พ่อ ของ เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย

เมื่อเห็นอีกฝ่ายอยากรับผิดชอบ เขาก็ยิ้มอย่างสงบ แล้วพูดว่า : “ไม่เป็นไรครับ เรื่อง คุณชายจาง ผมจัดการได้ คุณไม่ต้องกังวล”

แต่ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา เซี่ย เฉิงตง ก็โบกมือ แล้วพูดว่า : “จะให้ชายหนุ่มคนหนึ่งแบบคุณแบกรับทุกอย่างไปได้อย่างไร”

เซี่ย เฉิงตง ยกยิ้มบางๆ อย่างชอบใจ อีกทั้งยังดูเหมือนเขาจะเต็มไปด้วยความมั่นใจ

เมื่อฟังทั้งสองคนพูดคุยกันแล้ว มันดูราวกับว่าพวกเขาไม่ได้จริงจัง หรือมองเห็น ลุงจิ่ว.. อยู่ในสายตาเลย ผู้จัดการโรงน้ำชาตอนนี้ รู้สึก ‘หนึ่งหัวสองใหญ่’ (2) เหมือนมดบนกระทะร้อน(3) ไปด้วยความวิตกกังวลอย่างมาก

“เถ้าแก่ และสุภาพบุรุษท่านนี้ พวกคุณต้องไม่ประมาท ลุงจิ่ว คนนี้ไม่ใช่คนที่ล้อเล่นด้วยได้ง่ายๆ นะ”

“พวกคุณต้องอย่าได้ดูถูกดูแคลนคนคนนี้โดยเด็ดขาด บนท้องถนนก็ไม่มีใครไม่รู้จักเขา(คนในวงการ) แม้แต่คนใหญ่คนโตอย่าง จาง เย่าฮุย ก็ต้องให้หน้าเขาถึงสามส่วน”

“และถ้าวันนี้เขามา ผลที่ตามมา... ผลที่ตามมานั้นคงจะร้ายแรงมากจนยากที่จะจินตนาการได้!”

ผู้จัดการ กล่าวอย่างเป็นกังวล อีกทั้งในน้ำเสียงของเขาฟังดูตะกุกตะกักไม่น้อย

(1)[ลูกวัวแรกเกิดไม่กลัวเสือ (初生牛犊不怕虎)] - หมายความว่า ลูกวัวเกิดใหม่ไม่กลัวเสือ ทั้งหมดเป็นเพราะไม่รู้ว่าเสือมีพลังแค่ไหน(ขาดประสบการณ์) โดยทั่วไปใช้อธิบายถึง ‘คนหนุ่มสาว’ และเป็นคำอุปมาสำหรับคนหนุ่มสาวที่มีความกังวลเล็กน้อยในความคิด และกล้าที่จะลงมือทำ

(2)[หนึ่งหัวสองใหญ่ (一个头两个大)] - หมายถึง อยู่ในภาวะทุกข์ยาก ปวดหัวแทบระเบิด เพราะเจอปัญหาหนักยากจะจัดการแก้ไขได้

(3)[มดบนกระทะร้อน (热锅上的蚂蚁)] - อธิบายถึงความรู้สึกหงุดหงิด วิตกกังวล และกระสับกระส่าย

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด