ตอนที่ 33 เผชิญหน้า
“พวกคุณไม่มีเหตุผลไปหน่อยเหรอ เมื่อกี้เห็นได้ชัดว่า คุณชายจาง คนนี้ชนเราก่อน ทําไมถึงกลับกลายเป็นว่าเราชนเขาแทนล่ะ?”
“นอกจากนี้ ถึงแม้เราจะชนเขา แต่เราก็ขอโทษแล้วเมื่อครู่.. ทำไมถึงต้องยึดอยู่กับมัน และกระทำอย่างก้าวร้าวเช่นนี้ด้วย”
เมื่อต้องเผชิญกับทัศนคติที่หยิ่งผยองของคนหนุ่มสาวเหล่านี้ ในที่สุดชายวัยกลางคนคนหนึ่งก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ และอดไม่ได้ที่จะตําหนิ
“เฮ้อ ไม่ต้องทําแบบนี้หรอก”
เซี่ย เฉิงตง โบกมือเพื่อหยุดเขา
จากนั้นเขาก็มอง และยิ้มให้กับ คุณชายจาง ที่อยู่ตรงข้าม แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า : “พ่อหนุ่ม อะไรที่ให้อภัยได้ก็ให้อภัยไป เมื่อกี้ฉันเผลอไปชนคุณเข้าจริงๆ แต่ฉันก็กล่าวขอโทษคุณแล้ว”
“ถ้าคุณยังรู้สึกว่าคําขอโทษของฉันไม่จริงใจพอ งั้น ณ จุดนี้ ฉันจะขอโทษคุณอย่างจริงจังอีกครั้ง ขอโทษด้วย”
เซี่ย เฉิงตง มีทัศนคติที่จริงใจ และกล่าวออกไปอย่างช้าๆ
มันไม่ใช่ว่าเขากลัวอีกฝ่าย ในฐานะประธานกลุ่มของบริษัท ฮั่วซิน เขาไม่เคยเห็นพายุใหญ่แบบนี้หรือ? (1)
เพียงแต่เขาเลยวัยที่ชอบแข่งขันเอาชนะมานานแล้ว บางอย่างถ้าสามารถแก้ไขด้วยการถอยออกมาหนึ่งก้าวได้ เขาก็จะทําเช่นนั้น
แต่บางครั้งมนุษย์ก็เป็นเช่นนี้..
ยิ่งคุณทำตัวอ่อนแอ คนอื่นก็ยิ่งคิดว่าคุณกลั่นแกล้งได้ง่าย.. แล้วนับประสาอะไรกับคนอย่าง คุณชายจาง?
“ฉันพูดแล้ว แค่.. คำขอโทษอย่างเดียวมันไม่มีประโยชน์ วันนี้หากพวกคุณไม่ยอมคุกเข่า และโขกหัวให้ฉันสองสามครั้ง ก็อย่าคิดเลยว่าจะเดินออกไปจากโรงน้ำชาแห่งนี้ได้”
คุณชายจาง ยกยิ้มเหยียดอย่างดูถูก พลางหัวเราะอย่างสะใจ อีกทั้งในน้ำเสียงของเขา ..มันก็ไม่มีที่ว่างให้ต่อรองใดๆ เลย
“ฮ่าฮ่า พวกคุณรีบโขกหัวดีกว่า ไม่งั้นเดี๋ยว คุณชายจาง เกิดหงุดหงิดขึ้นมา ..มันจะกลายเป็นการสายเกินไปที่จะเสียใจนะ”
“ฮ่าฮ่าๆ ก็นั่นแหละ แล้ว.. พวกคุณรู้ไหมว่า คุณชายจาง ท่านนี้เป็นใคร? เขาเป็นลูกชายคนโตของ จาง เย่าฮุย ประธานของ เฟยฉือ กรุ๊ป หลังจากพวกคุณทำให้เขาขุ่นเคืองแล้ว พวกคุณยังจะมาแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้อยู่อีกเหรอ?”
คนหนุ่มสาวหลายคนพากันหัวเราะเยาะเย้ย และสีหน้าเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ และความสนุก
ดูเหมือนพวกเขาแทบจะอดใจรอไม่ไหวแล้วที่จะเห็นอีกฝ่ายคุกเข่าลงไป
เซี่ย เฉิงตง และเพื่อนของเขาที่ได้ยินตกตะลึงไปเล็กน้อย และอดไม่ได้ที่จะมองหน้ากัน ทั้งคู่ต่างมองเห็นความประหลาดใจในสายตาของกัน และกัน
เฟยฉือ กรุ๊ป เป็นบริษัทติดอันดับท็อป 500 ของโลก และเป็นองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงในเมืองม่อ..
และจาง เย่าฮุย แห่ง เฟยฉือ กรุ๊ป ..ถือได้ว่าเป็นบุคคลระดับบิ๊กในเมืองม่อแห่งนี้
ปรากฎว่า คุณชายจาง คนนี้ ..เป็นลูกชายของเขา ไม่น่าแปลกใจเลยที่กล้าหยิ่งผยอง และดูมีความมั่นใจมากขนาดนี้
เพื่อนของ เซี่ย เฉิงตง อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว : “อย่าคิดว่ามีพ่อที่ร่ำรวยแล้วจะสามารถทําอะไรก็ได้ตามต้องการ อีกอย่างหนึ่ง.. คุณรู้ไหมว่า คุณเซี่ย ที่อยู่ตรงหน้าพวกคุณคนนี้เป็นใคร…”
“ไม่ว่าพวกคุณมันจะเป็นใคร แต่การกล้ามาทำให้ คุณชายจาง ขุ่นเคืองแล้ว ยังคิดว่าตัวเองปลอดภัยได้อีกหรือ?”
ชายวัยกลางคนถูกอีกฝ่ายขัดจังหวะขณะที่เขาพูดไปได้แค่ครึ่งประโยค
พวกเขาที่หยิ่งผยอง คุ้นเคยกับการครอบงําคนอื่นจนชินแล้วเช่นนี้ก็ย่อมไม่มีความขลาดกลัวคนอื่นไปนานแล้ว
ในเมืองม่อ พวกเขาถือตนเองคือ เทพเจ้า
เมื่อบรรยากาศตกต่ำลงถึงขีดสุด และดูเหมือนว่าความขัดแย้งจะยิ่งมีแต่จะปะทุขึ้นในช่วงเวลาถัดไป แต่แล้วในที่สุด ผู้จัดการโรงน้ำชาก็ได้พา ซูเหวิน ขึ้นมาที่ชั้นห้า และมาหยุดอยู่ต่อหน้า คุณชายจาง และคนอื่นๆ
“จาง…คุณชายจาง ผมก็คิดว่าคุณจากไปแล้ว ทําไมพวกคุณถึงยังมาทะเลาะโต้เถียงกันอยู่ตรงนี้อีก เกิดอะไรขึ้น และมันเป็นอย่างไรกันแน่?”
ผู้จัดการถามด้วยเสียงสั่นเทาทันทีที่เขาเดินเข้ามา เพราะกลัวว่าจะไปเป็นการรุกรานนายน้อยคนนี้โกรธเคืองเข้าให้..
ปฏิกิริยาตอบสนองของ ซูเหวิน ก็มีความคล่องตัวมาก
เขาได้ส่งบริกรคนหนึ่งไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดทันที และขอให้นำวิดีโอของชั้น 5 เมื่อสักครู่นี้ที่เกิดเหตุขึ้นมาให้เขา เพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“ที่แท้เป็น ผู้จัดการฟู่ ที่นี่ไม่ใช่เรื่องของคุณ ดังนั้นอย่าได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้..”
เมื่อพบว่าผู้จัดการมาถึงแล้ว คุณชายจาง ยังไม่ทันพูดอะไร แต่กลับเป็นเพื่อนของเขาหลายคนที่รีบพูดขึ้นมาก่อน พร้อมกับกล่าวไล่ผู้จัดการคนนี้ให้ออกไป
ท้ายที่สุดแล้ว ผู้จัดการตัวเล็กๆ ก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเขาเลยด้วยซ้ำ
ผู้จัดการรู้สึกพูดไม่ออกอยู่พักหนึ่ง และเขากลัวเกินกว่าจะพูดอะไรออกไป
ไม่มีทาง คนหนุ่มสาวกลุ่มนี้ ..ไม่ง่ายที่จะยั่วยุด้วยได้
อีกทั้งพวกเขายังบอกให้ตัวเองอย่าเข้าไปแทรกแซง ดังนั้น ผู้จัดการตัวเล็กๆ คนหนึ่งอย่างเขาจะกล้าพูดมากที่ไหน?
เขาไม่สนใจ ใช่ว่า ซูเหวิน จะไม่สนใจ
เขาขมวดคิ้ว มองไปที่ คุณชายจาง และคนอื่นๆ : “สุดท้ายเกิดอะไรขึ้นกันแน่ คุณช่วยอธิบายให้ชัดเจนได้ไหม?”
“ในที่นี่มีเรื่องอะไรที่แก้ไขให้ดีไม่ได้?”
สิ่งที่เขาพูดดึงดูดความสนใจของทุกคนทันที”
“และแกมันเป็นใคร กล้ามาอวดดีต่อหน้าเรา? หรือว่าแกเริ่มเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้ว?”
ทันใดนั้น ชายหนุ่มคนหนึ่งก็ลุกยืนขึ้น มอง ซูเหวิน ด้วยสีหน้าเย็นชา พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยาม
“เอ่อ... ทุกคนอย่าได้โกรธไป ผมขอแนะนําให้ทุกคุณรู้จักก่อน”
“นี่คือ บอสซู เขาได้ซื้อโรงน้ำชา เซียนเฮ่อ ของเรามาได้สักพักหนึ่งแล้ว ดังนั้นตอนนี้เขาจึงเป็นเถ้าแก่คนใหม่ของโรงน้ำชาเรา..”
ผู้จัดการรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว กลัวว่าจะเกิดความขัดแย้งขึ้นระหว่างเจ้านาย กับคุณชายจาง
เมื่อถึงเวลานั้นโรงน้ำชาของพวกเขา ..อาจแบกรับผลที่ตามมาไม่ไหว
พอได้ยินว่าโรงน้ำชาเปลี่ยนเจ้าของจริงๆ คนหนุ่มสาวหลายคนก็ตกตะลึงเช่นกัน
หลังจากตอบสนองได้ พวกเขาก็พากันมองไปที่ ซูเหวิน และอดแสยะยิ้มไม่ได้ ในแววตาของพวกเขาแฝงให้เห็นถึงความสนุกบางอย่าง
“ปรากฏว่าคุณคือเจ้าของโรงน้ำชาคนใหม่ ไม่แปลกใจเลยที่จะกล้ามาอวดดีต่อหน้าเราขนาดนี้ แต่นับว่าน่าเสียดายจริงๆ ที่ในสายตาของเรา ..คุณ มันไม่นับว่าเป็นอะไรเลย”
ชายหนุ่มอีกคนกล่าวอย่างดูถูกเหยียดหยาม
เขาพูดต่อ : “เถ้าแก่คนใหม่ของพวกคุณมันก็นับว่าช่างไร้ความสามารถ กล้าต่อต้านเรา เพื่อเป็นการลงโทษ เราจำเป็นต้องตั้งกฎเกณฑ์ให้กับคุณหน่อยแล้ว”
“ต่อจากนี้ไปเวลาเรามาที่นี่ ไม่ว่าเถ้าแก่คนใหม่ของคุณจะอยู่ในโรงน้ำชาหรือไม่ ก็ต้องรีบมาเอาใจ(รับใช้)เราทันที ไม่งั้นก็อย่าโทษเราที่จะทำลายโรงน้ำชาแห่งนี้ ..ของคุณ ฮ่าฮ่าๆ”
พูดพลาง ชายหนุ่มคนนั้นกลับหัวเราะเสียงดังออกมา
ในขณะเดียวกัน เพื่อนๆ ของเขาก็หัวเราะตาม ทัศนคติของเขาถ้าไม่เรียกว่า ‘หยิ่งผยอง’ จะให้เรียกว่าอะไร?
ไม่ต้องพูดถึง ซูเหวิน แม้แต่ลูกค้าที่อยู่รอบๆ ฟังแล้วก็รู้สึกว่ามันมากเกินไปจริงๆ
และต้องบอกว่าคนที่ตกใจที่สุดในที่เกิดเหตุเวลานี้ก็คือ เซี่ย เฉิงตง พ่อของ เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย
ที่เขาตกใจไม่ใช่เพราะสิ่งที่คนหนุ่มสาวกลุ่มนั้นพูดเกินไปแค่ไหน.. แต่ทั้งหมดมันเป็นเพราะการปรากฏตัวของ ซูเหวิน
เขาไม่คาดคิดว่าตัวเองจะเจอกับ เพื่อนร่วมชั้นของลูกสาวที่นี่ และคนคนนี้คือ ผู้ชายที่ทำให้ลูกสาวของเขาส่งชานมให้กับเขา ..ทุกวัน
ในชั่วขณะหนึ่งเขาก็รู้สึกไม่เข้าใจทันที
และสิ่งที่สำคัญสุด ..ประธานหนุ่มของ โรงแรมฮิลส์ กลับมายืนอยู่ในห้องโถงของโรงน้ำชา และยังถูกเรียกว่าเป็น เจ้าของโรงน้ำชา ..มันเรื่องอะไรกัน?
ในที่สุดขณะที่เขากำลังประหลาดใจ บริกรที่ไปตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดก็รีบเข้ามา และยื่นโทรศัพท์ให้กับ ซูเหวิน
“เถ้าแก่ วิดีโอที่คุณขอ ผมนำมาให้แล้วครับ”
ซูเหวิน พยักหน้ารับโทรศัพท์ และเปิดวิดีโอเพื่อดูสิ่งที่เกิดขึ้นบนชั้นห้า เมื่อครู่นี้
เขาค้นพบว่าที่แท้สิ่งที่ คุณชายจาง คนนี้เรียกว่าถูกชน มันกลับเป็นเพียงแค่คนสองคนเดินเฉียดไหล่ผ่านกันไปแบบถูๆ เท่านั้น
ในระดับเช่นนี้ ถ้าหากเรามีความระมัดระวังมากขึ้น หรือระหว่างกำลังโทรศัพท์กับใครบางคนอยู่ เราอาจแทบจะไม่รู้สึกด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังชน หรือกระทบไหล่กับใคร นี่ไม่ต้องกล่าวถึงความรับผิดชอบที่ต้องให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดคุกเข่าลงเพื่อขอโทษอีกฝ่าย
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ซูเหวิน มั่นใจได้ 100% ว่า คุณชายจาง ..คนนี้แค่อยากยกหัวข้อนี้เพื่อประโยชน์ตนเอง โดยจงใจคุกคามผู้คน
จากนั้นเขาก็ไม่สนใจแล้วว่าคนกลุ่มนั้นจะคิดอย่างไร เขาก็เปิดเผยวิดีโอนี้ต่อหน้าทุกคนทันที
“คุณชายจาง ใช่ไหม? คุณลองดูเองว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น ถ้าคุณคิดว่าระดับนี้ต้องคุกเข่าขอโทษ นี่ไม่ใช่ว่าทําเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ไปหน่อยเหรอ?”
และเขากล่าวต่อว่า : “คุณต้องการจัดการกับคนอื่นข้างนอกอย่างไรผมไม่สนใจ เพราะผมเองก็ขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจมัน แต่ในโรงน้ำชานี้คุณควรทำตามกฎ และโปรดอย่าได้คิดทำอะไรที่มัน ..คดเคี้ยว”
ซูเหวิน มองคนหนุ่มสาวหลายคนตรงหน้าเขาอย่างเย็นชา โดยไม่มีความตั้งใจที่จะไว้หน้าอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย
ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา ไม่เพียงแต่ทําให้ คุณชายจาง และคนอื่นๆ ตกใจ เพราะแม้แต่ผู้จัดการเองก็ยังอึ้งไปด้วย
ผู้จัดการมองไปที่ ซูเหวิน ด้วยความไม่เชื่อ เพราะตอนนี้หัวใจของเขา Duang Duang (ดวอง ดวอง) ไปแล้ว (2)
พระเจ้า!!
เมื่อกี้.. เจ้านายของเขาทำอะไร?
เขาท้าทาย คุณชายจาง อย่างเปิดเผยแบบนี้ จริงๆ...
ก่อนหน้านี้เขายังแนะนำภูมิหลังของ คุณชายจาง ด้วยว่า ไม่ใช่คนที่ยุ่งด้วยได้ แล้วเขากล้าบ้าบิ่นขนาดนี้ได้ยังไง?
“ไอ้เชี้ยนี่ มรึงกล้าดีนี่หว่าที่มาทำเก่งต่อหน้าพวกเรา?”
“ตลอดหลายปีที่เราอยู่ในเมืองม่อ นี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นคนที่มันกล้าหยิ่งต่อหน้าเราเช่นแก เจ้าของโรงน้ำชาเล็กๆ ถามหน่อยแกมันแสร้งมาทำเป็นผายลมอะไรต่อหน้าเรา?”
“และวันนี้เราจะทุบร้านแก ..แกเชื่อไหมล่ะ?”
เป็นไปตามคาด ไม่น่าแปลกใจ คนหนุ่มสาวหลายคนเต็มไปด้วยความโกรธทันที
พวกเขาพากันมองไปที่ ซูเหวิน อย่างดุร้าย ดวงตาของพวกเขานั้นเต็มไปด้วยความโกรธ และดูเหมือนแม้แต่คําเดียวหากไม่ลงรอยกัน ..ก็จำต้องลงมือ
(1)[คลื่นใหญ่ลมแรง (大风大浪)] - หมายถึง คลื่นลมขนาดใหญ่ เปรียบเสมือนความปั่นป่วนครั้งใหญ่ของสังคม หรือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และยังเปรียบเทียบการต่อสู้ทางชนชั้นที่เฉียบคม หรือความยากลําบาก และอุปสรรคที่พบในเส้นทางข้างหน้า
(2)[Duang Duang] - เป็นการเลียนเสียงอาการกระเด้งออกมาเหมือนติดสปริง เป็นคำที่นักแสดง เฉินหลง (成龙) นำมาใช้เป็นคนแรก โดยเขาได้ใช้คำนี้แทนการงอกใหม่ของผมที่กระเด้งออกมาเหมือนติดสปริง