ตอนที่ 29 อาหารมื้อนี้มีรสชาติจริงๆ
ไม่กี่นาทีต่อมา ทุกคนก็ได้ขึ้นไปที่ชั้น 7
ทันใดนั้น ทุกคนก็รู้สึกตื่นเต้น และรู้สึกว่าโลกแตกต่างออกไปจากเดิม ..ทันที
เมื่อเปรียบเทียบกับฉากความวุ่นวายในชั้น 1 ที่นี่ถึงแม้จะมีคนเยอะก็ตาม แต่เมื่อเปรียบเทียบกับชั้นนั้นแล้ว ที่นี่กลับมีความเงียบสงบ และงดงามหรูหรามากกว่าจริงๆ
มองแวบแรกมันกว้างขวาง และน่าชื่นชม.. ทั้งทำให้ผู้คนรู้สึกว่า มันสะดวกสบายมาก
โซฟาของ Visalia และเก้าอี้ โต๊ะอาหารของ Minotti ยังแสดงให้เห็นถึงสไตล์ และความหรูหราขั้นสุดของที่นี่
ที่ด้านหน้าสุดยังมีนักดนตรีมืออาชีพหลายคนที่กำลังเล่นไวโอลิน และขับเพลงสบายๆ ซึ่งทําให้ผู้คนรู้สึกได้ถึง ความผ่อนคลาย..
“อ๋อย นี่ ม...มันจะหรูหราเกินไปแล้วมั้ย?”
“อ่า.. ใช่ แค่กินข้าวสักมื้อ ต้องหรูหราขนาดนี้เลย?”
“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมชั้น 7 ขึ้นไปถึงแพงขนาดนี้”
เพื่อนๆ ที่จ้องมองสภาพแวดล้อมของร้านอาหารไปอย่างเงียบงัน ก็อดไม่ได้ที่จะกระพริบตาปริบๆ
“เป็นเรื่องปกติ ถ้าราคาแพงขนาดนี้แล้วยังไม่สามารถทำได้แบบนี้ ก็ไม่สามารถเรียกตัวเองว่าร้านอาหารระดับพรีเมียมได้”
ในทางตรงกันข้าม เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย ไม่ได้มีการแสดงออกมากนัก และเธอพูดออกมาอย่างราบเรียบ
แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนัก ในฐานะคุณหนูคนโตของ ฮั่วซิน กรุ๊ป เธอคงได้เคยเห็นสถานที่ระดับไฮเอนด์เช่นนี้มามากมายแล้ว
ในขณะพูดคุยกัน ซูเหวิน จึงเลือกโต๊ะอาหารที่อยู่ข้างๆ เขา
ทำเลตรงจุดนี้ดีมาก และยังสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของห้องโถงกลาง(เอเทรียม, Atrium) ได้อีกด้วย
โต๊ะรับประทานอาหารก็มีขนาดใหญ่โต มากพอที่จะนั่งกันได้เจ็ดแปดคน
ทุกคนมองหาที่นั่ง และนั่งลง ส่วน ซูเหวิน นั่งกับเพื่อนร่วมชั้น เซี่ย ไปอย่างเข้าใจกันโดยปริยาย
จากนั้นพนักงานบริการก็นําเมนูมาสามเล่ม มาแจกจ่ายให้
“ให้ตาย.. พระกระโดดกำแพง (佛跳墙) ราคาหม้อละ 900 หยวน?”
“ยอดผักกาดขาวในน้ำซุป (开水白菜) จานละ 1,500 หยวน?”
“ซุปใสรังนก (清汤燕窝) ชามละ 1,250 หยวน?”
ทุกคนก้มมองดูราคาที่แสนจะน่ากลัวในเมนู พร้อมกับแสดงสีหน้าไม่อยากเชื่อ
จานเดียว ..เท่านั้น คาดไม่ถึงว่ามันจะแพงขนาดนี้
นี่ไม่ใช่แค่มากินข้าวแล้ว แต่มันคือการมากินเงิน!
สักพักทุกคนก็รู้สึกไม่กล้าที่จะสั่งอาหาร..
“เอาน่า.. สั่งสิ ไม่ต้องเกรงใจ เรามาที่นี่เพื่อกิน แล้วยังมาคิดช่วยฉันประหยัดเงินอีกทำไม?”
ซูเหวิน กล่าวด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นเขาก็หยิบเมนูขึ้นมา และเริ่มสั่งด้วยตัวเองทันที
“พระกระโดดกำแพงมาที่หนึ่ง”
จานนี้ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในเมนูขึ้นชื่อของประเทศ ที่ไม่เพียงแต่อร่อยเท่านั้น ยังมีราคาแพงอีกด้วย
นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาคงไม่กล้าสั่งอาหารแบบนี้ และก็คงไม่แม้แต่จะกล้าคิด แต่ตอนนี้ ซูเหวิน สั่งมันโดยไม่แม้แต่จะกะพริบตาด้วยซ้ำ
“ซุปใสรังนก หนึ่งที่”
“เอา.. หอยเป๋าฮื้อมาแปดตัว”
“ปูยักษ์มา 4 ตัว”
“กุ้งล็อบสเตอร์บอสตันมา 8 ตัว…”
จากนั้น ซูเหวิน ก็มองเมนู ถึงจะแพงแค่ไหนเขาก็สั่งตรงๆ โดยไม่คำนึงถึงราคา
เขาชอบกินอาหารทะเลเป็นที่สุดแล้ว และครั้งนี้ เขาจะพลาดไม่กินมันได้อย่างไร?
หลังจากสั่งอาหารไปอย่างรวดเร็ว แม้แต่พนักงานบริการที่อยู่ข้างๆ ก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ
ท้ายที่สุดแล้วเมื่อกี้นี้ คนกลุ่มนี้ยังแนะนําให้สุภาพบุรุษท่านนี้กินที่ชั้นหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ใช่คนร่ำรวยพิเศษอะไร
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ขาดแคลนเงินด้วยซ้ำ!
หรือจะแสร้งตีหน้าบวมจนอ้วนอย่างที่ คุณชายโจว เพิ่งพูดไปเมื่อครู่นี้จริงๆ?
เพื่อนๆ ที่นั่งอยู่มองดู ซูเหวิน เป็นจุดเดียว และไม่รู้สึกเกรงใจอีกต่อไปแล้ว จากนั้นก็พากันเดินตามรอยเริ่มสั่งอาหารทีละคนๆ
ผ่านไปหนึ่งนาที อาหารก็ถูกสั่งเกือบจะหมดแล้ว ซูเหวิน และคนอื่นๆ จึงวางเมนูลง พนักงานบริการก็ถือเมนูเดินออกไปทันที
ไม่นานนัก อาหารก็เริ่มถูกเสิร์ฟลงโต๊ะแล้ว
พระกระโดดกำแพง, รังนก, หม้อไฟ, ล็อบสเตอร์, ปูยักษ์ และอื่นๆ เวลานี้ เมนูหลากหลายเริ่มเสิร์ฟลงโต๊ะแล้ว
หลังจากนั้นเพียงไม่นาน ทั้งโต๊ะก็เต็มไปด้วยอาหารรสเลิศทุกประเภท
จากนั้นบริกรก็นําเครื่องดื่มต่างๆ เข้ามาให้ ทุกคนกินไปพลางก็ดื่มไปพลางระหว่างรับประทานอาหาร
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว หนึ่งชั่วโมงก็ผ่านไปในชั่วพริบตา
อาหารอร่อยๆ ที่เดิมเต็มโต๊ะ กลับกลายเป็นว่างเปล่าไม่เหลือแม้แต่เศษบนจาน ..ไปภายใต้ความวุ่นวายของทุกคน
“เอิ๊ก~”
เฉินหมิง เรอออกมาทีหนึ่ง เขาอิ่มแล้ว
คนอื่นๆ ก็แสดงสีหน้าอิ่มอกอิ่มใจเช่นกัน และก็เชื่อว่าเวลานี้ทุกคนอิ่มกันหมดแล้ว
“มันดีจริงๆ ที่มีเงิน ตลอดชีวิตของฉันยังไม่เคยกินอาหารที่อร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย”
จูเหยี่ยน ลูบท้องตัวเอง แล้วอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
“ถ้าอย่างนั้นต่อไปนายเองก็ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงินแล้ว ไม่งั้นนายเองอาจจะไม่มีใจจะมากินอาหารที่นี่ ตลอดชีวิต ..ได้”
เฉินหมิง พูดติดตลก
แต่ก็จริง.. อย่างที่พูด แค่ราคานี้บวกค่าที่นั่งแล้ว ถ้าไม่มีเงินเดือนหลายๆ หมื่น ใครที่ไหนจะกล้ามาล่ะ?
“วันนี้เป็นโชคดีจริงๆ ที่เพื่อนร่วมชั้น ซู พามาเลี้ยง ไม่อย่างนั้นฉัน คงไม่สามารถเพลิดเพลินไปกับอาหารที่นี่ได้”
“ใช่แล้ว เพื่อนร่วมชั้น ซู วันนี้ต้องขอบคุณมากเลยสำหรับความมีน้ำใจนี้ และฉันจะเก็บมันไว้ในใจของฉัน”
วัง ซิ่วซิ่ว และจี้หยวี่ มอง ซูเหวิน ดวงตาของพวกเธอก็เต็มไปด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง
พวกเธอทั้งสองสาบานในใจว่าหาก เพื่อนร่วมชั้น ซู ต้องการความช่วยเหลือในอนาคต ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟ พวกเธอก็จะไม่ลังเล!
“ไม่เป็นไร ต่อไปถ้าอยากกินมื้อใหญ่ ก็ส่งข้อความมาหาได้เลย ทุกคนมากินด้วยกัน ส่วนสถานที่อะไรก็แล้วแต่พวกคุณเลือกเลย”
ซูเหวิน ยิ้ม และพูดออกไปอย่างไม่ใส่ใจอะไร
แม้แต่ตัวเขาเองก็ต้องยอมรับว่าอาหารมื้อใหญ่ในวันนี้มีรสชาติจริงๆ แล้วหลังจากนี้จะไม่มาบ่อยๆ ได้ยังไง?
“จริงๆ นะ เพื่อนร่วมชั้น ซู ไม่สิ ต้อง พี่ซู”
“จากนี้ไปคุณเป็นพี่ชายของฉันแล้ว พี่ชายที่รักของฉัน ฮึ้บฮึ้บ~ ฮือ ฮือ~ ฉันรู้สึกซาบซึ้งใจมากเลย”
จี้หยวี่ ร้องไห้จนน้ำมูก น้ำตาไหล เธอแสดงอารมณ์ในเวลานี้ออกมาหมดแล้ว
ซูเหวิน อดจะยิ้มอย่างจนใจไม่ได้ พร้อมกับส่ายศีรษะไปพลาง
หลังจากทานเสร็จ ซูเหวิน ดูเวลาแล้วรู้สึกว่าใกล้ถึงเวลาพักผ่อนแล้ว จึงบอกทุกคนให้เตรียมเดินทางกลับ
“คาดไม่ถึงจริงๆ ว่าพวกคุณจะยังอยู่ที่นี่อีก โอ้.. เลือกทานที่ชั้น 7 นี่ไม่กลัวว่าจะไม่มีเงินจ่ายหรือ?”
“ฮ่าฮ่าๆ, ก่อนหน้านี้ฉันบอกแล้วว่าคนพวกนี้ตีหน้าตัวเองจนอวบบวม แล้วตอนนี้เป็นไง.. ไม่ผิดไปจากสิ่งที่ฉันพูดจริงๆ”
เมื่อทุกคนเพิ่งลุกขึ้นจากที่นั่ง และตามพนักงานมาที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์ คู่รักที่เคยเข้าไปในร้านก่อนหน้านี้ก็บังเอิญเดินมาพบเข้ากับกลุ่ม ซูเหวิน พอดี
“ฉันบอกพนักงานบริการไปแล้วว่าอย่าพาคนพวกนี้ขึ้นมา และนี่พวกคุณไม่ดูคนเลยหรือไง? คนแบบนี้ในกรณีที่กินแล้วไม่มีเงินจ่าย พวกคุณไม่ใช่ว่าขาดทุนหนักเลยเหรอ?”
ชายคนนั้นพูดด้วยรอยยิ้มเหยียด
“ไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร แต่ฉันกลับรู้สึกทนกับคุณมานานแล้ว อีกอย่างเราไม่มีความคับข้องใจ แล้วคุณจำเป็นต้องมาดูถูกเราตลอดเวลาแบบนี้ เพื่อ?”
ในที่สุด จูเหยี่ยน ก็ทนไม่ไหวแล้ว และเขากล่าวออกไปด้วยสีหน้าที่ฉุนเฉียว
ไม่ง่ายเลย.. วันนี้กำลังอารมณ์ดีๆ อยู่กลับต้องมาเจอกับไอ้คนแบบนี้ได้ยังไง?
ราวกับพวกเขาไม่ได้คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะโต้กลับ คู่รักคู่นั้นถึงกลับตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นผู้ชายคนนั้นก็พูดหัวเราะเยาะว่า : “คนจนอย่างพวกแก ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของ เล่าจื๊อ และแน่นอนว่า เล่าจื๊อ ย่อมต้องพูดสักสองสามประโยค” (老子, เล่าจื๊อ ‘พ่อ’)
ผู้หญิงคนนั้นก็ยิ้มหยันก่อนจะพูดไปว่า : “คุณชายโจว เป็นถึงลูกค้าระดับซูพรีมของที่นี่ ตะพาบน้ำอย่างพวกคุณสามารถมาพูดจาสามหาวได้เหรอ?” (鳖 ตะพาบน้ำ ‘ชาวบ้าน’)
“แต่จะไปโทษพวกคุณก็ไม่ได้ คนจนอย่างพวกคุณจะไปรู้ได้อย่างไรว่าสมาชิกระดับซูพรีมของที่นี่มันหมายถึงอะไร?”
พูดพลาง ผู้ชายคนนั้นก็หยิบบัตรสมาชิกใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเงิน และยื่นไปให้กับพนักงานที่อยู่เคาน์เตอร์แคชเชียร์
“สวัสดีคะ คุณชายโจว ค่าโต๊ะที่นั่งในห้องอาหารคือ 12,000 หยวน ค่าอาหารรวมกับเครื่องดื่มคืนนี้ของคุณ 7,400 รวมเป็น 19,400 หยวนค่ะ”
“ท่านเป็นสมาชิกระดับซูพรีมของเรา สามารถเพลิดเพลินไปกับส่วนลด 8.5 ได้ เพียงชำระเงิน และยอดเงินคงเหลือในบัตร … หยวนคะ”
พนักงานแคชเชียร์พูดพร้อมกับรูดบัตร
ขณะเดียวกัน ทั้งคู่ก็ยังแสดงความดูถูกต่อ ซูเหวิน และคนอื่นๆ
เมื่อพวกเขาชําระเงินแล้ว พนักงานแคชเชียร์ก็เริ่มคํานวณปริมาณการบริโภคของโต๊ะ ซูเหวิน อีกครั้ง
“สวัสดีคะ โต๊ะของพวกท่านมีทั้งหมด 8 ท่าน ค่าที่นั่งคือ ..หยวน ค่าอาหารรวมกับเครื่องดื่มคือ …หยวน รวมทั้งหมดเป็น …หยวนค่ะ”
“ท่านมีบัตรสมาชิกหรือไม่คะ?” พนักงานแคชเชียร์ ถาม
“ไม่มีครับ คุณช่วยทำให้ผมหน่อยสิ!” ซูเหวิน กล่าวออกไป
“งั้นต้องขอทราบก่อนว่า ท่านต้องการทำบัตรสมาชิกในระดับใดค่ะ?”
“เรามีบัตรสมาชิก 3 ระดับด้วยกันคะ ยิ่งระดับสูงก็ยิ่งมีส่วนลดมากขึ้น”
“ระดับหนึ่ง คือบัตรสมาชิกทั่วไปที่มียอดเติมเงินขั้นต่ำอยู่ที่ 100,000 หยวนจะได้รับส่วนลด 5%”
“บัตรสมาชิกระดับพรีเมี่ยมของเรา ยอดเติมเงินขั้นต่ำคือ 300,000 หยวน สามารถเพลิดเพลินไปกับส่วนลด 10%”
“บัตรสมาชิกระดับซูพรีม ยอดเติมเงินขั้นต่ำ 1 ล้านหยวน คุณสามารถเพลิดเพลินกับส่วนลด 15%”
พนักงานแคชเชียร์ กล่าวออกมาอย่างช้าๆ
“งั้นทำบัตรสมาชิกสูงสุดมาให้ผม!”
ซูเหวิน ตอบโดยไม่ต้องคิด