ตอนที่ 28 ถูกดูหมิ่น
“แน่นอน ได้สิ แค่เพิ่มมาอีกสองคน”
ซูเหวิน ตกตะลึงไปก่อนครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มแล้วพูดทันที
เขาตระหนักว่านี่.. แน่นอนต้องเป็นเพื่อนร่วมห้อง หรือไม่ก็ เพื่อนสนิทของ เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย
“จริงๆ นะ ขอบใจมาก เพื่อนร่วมชั้น ซู”
พอได้ยินอีกฝ่าย ‘เห็นด้วย’ จริงๆ.. วัง ซิ่วซิ่ว และจี้หยวี่ ก็ดูตื่นเต้นทันที
กินอาหารมื้อใหญ่ ใครจะไม่อยากไปล่ะ จริงมั้ย?
“พวกเธอสองคนเนี้ย…”
ในอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย มองไปที่เพื่อนสนิททั้งสองคน จากนั้นก็อดยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้
เพื่อนสาวทั้งสองคนของเธอ ดีทุกอย่าง เสียก็แค่เรื่องกินเพียงอย่างเดียว…
ส่วนทางด้าน ซูเหวิน หลังจากวางสายไป เฉินหมิง และคนอื่นๆ ก็รีบเอนตัวเข้ามาทันที
“เชี้ยๆ ให้ตาย.. สถานการณ์นี้มันอะไร มีผู้หญิงคนอื่นมาด้วย? เป็นเพื่อนของ ดอกไม้งาม เซี่ย หรือเปล่า?”
เสียงโทรคุยกันเมื่อกี้ดังมาก รวมถึงการสนทนาระหว่าง ซูเหวิน กับเพื่อนร่วมชั้น เซี่ย ..ทุกคนย่อมได้ยินอยู่แล้ว
นอกจาก ดอกไม้งาม เซี่ย แล้ว เมื่อได้ยินว่ามีหญิงสาวคนอื่นมาด้วย เฉินหมิง และจูเหยี่ยน ก็รู้สึกตื่นเต้นทันที
“ก็.. น่าจะใช่ เดี๋ยวพวกนายสองคนคิดอะไรอยู่หรือเปล่า?”
ซูเหวิน มองพี่น้องที่ส่ายหางไปมาเป็นน้องหมาสองตัว ก็อดไม่ได้ที่จะแซว
“อะแฮ่ม อย่าหัวเราะเยาะเราสิวะ ดูตอนนี้เด็กน้อยเราเป็นไงภาคภูมิใจแล้ว มีเงิน และยังมีเพื่อนเป็นดอกไม้งามคนสวยอีก แต่ลองหันกลับมาดูสถานการณ์ที่น่าสังเวชของเราสิ ใช่ซี้ สภาพเราไม่ดีเท่าของแก ไม่หล่อเหมือนแก แน่นอนว่าเราต้องรีบมองหาโอกาส”
“เออจริง มองดูคนอื่นมีความรัก แล้วแมร่งฉันอิจฉาแทบตาย คราวนี้ฉันจะต้องสละโสดให้ได้”
ขณะที่ เฉินหมิง และจูเหยี่ยน พูด พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะยกกําปั้นขึ้น และทําท่าทางเชียร์ (แบบ สู้โว้ยย!) เพื่อแสดงความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่ของพวกเขา
เหอ เหวินเฟิง กลับยิ้มไม่ได้พูดอะไรไป นั่นก็เพราะเขามีแฟนนานแล้วนั่นเอง
ในฐานะที่เป็นนักศึกษาภาควิชาพลศึกษา และวิทยาศาสตร์การกีฬา แม้ว่าเขาจะไม่หล่อเหมือน ซูเหวิน แต่ก็ยังเป็นหนุ่มร่างสูง ในแบบหล่อเข้ม และการมีผู้หญิงมาชอบเขา มันก็ย่อมเป็นเรื่องปกติ ..จริงมั้ย?
ซูเหวิน เองก็ทราบว่าเขามีแฟนแล้ว เขาจึงขอให้เขาโทรตามแฟนมาด้วย
ในเมื่อต้องการเลี้ยง ก็ต้องให้มีความคึกคักกันหน่อยมันถึงจะสนุก
ดังนั้นคนกลุ่มใหญ่จึงได้มารวมตัวกัน...
ยามค่ำคืนมาถึงอย่างรวดเร็ว..
เนื่องจากมีคนมากเกินไป รถ Aston Martin จึงไม่สามารถจุได้พอ ซูเหวิน จึงเรียกรถ ตีตี (Didi) มาสองคัน
ส่วนตัวเขาเองไปที่ลานจอดรถ และขับรถ Aston Martin ออกไป
พอเมื่อเขาขับรถมาจอดที่หน้าประตูมหาลัย
เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย และเพื่อนสนิทของเธอ เฉินหมิง, จูเหยี่ยน, เหอ เหวินเฟิง และแฟนสาวของเขาก็มารออยู่ที่หน้าประตูมหาลัยนานแล้ว
“เหลาซู เราจะไปกินที่ไหนกัน?”
เมื่อเห็น ซูเหวิน มาแล้ว เฉินหมิง ก็เข้ามาใกล้รถเพื่อสอบถาม
“เราจะไปที่ภัตตาคาร เซียนผิ่นซวน!” (仙品轩)
ซูเหวิน กดกระจกรถแล้วตอบทันที
พอคําพูดนี้ออกมา ทุกคนก็อดที่จะตกใจไม่ได้
ภัตตาคาร เซียนผิ่นซวน เป็นร้านอาหารที่แพง และหรูหราที่สุดในเมืองม่อ
ว่ากันว่าไปกินอาหารมื้อหนึ่งอย่างน้อยราคาก็ไม่ต่ำกว่าหลายพันหยวนต่อคน
“มันแพงเกินไปเปล่า?” เหอ เหวินเฟิง ช็อคไปแล้ว
แม้ว่าตอนนี้ เหลาซู จะร่ำรวยมาก แต่นี่ก็เยอะเกินไปหน่อย
วันนี้มีคนมาอย่างน้อย 7-8 คนได้ นั่นไม่ใช่แค่ว่ากินข้าวมื้อเดียวก็ต้องจ่ายไปเป็นหมื่นแล้ว?
“ใช่ ถ้าเปลี่ยนเป็นร้านอื่น เอาแบบกลางๆ ไม่ดีกว่าเหรอ?” จูเหยี่ยน ก็พิจารณาถึงเรื่องนี้เช่นกัน
พี่น้องที่ดีเลี้ยงข้าว นั่นคือการไว้หน้าพวกเขาแล้ว แต่อย่างไรพวกเขาไม่สามารถทำตัวหน้าด้าน เลือกไปกินร้านอาหารที่แพงที่สุดได้
เมื่อรู้ว่าพวกพี่น้องกำลังคิดอะไรอยู่ ซูเหวิน ก็อดยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ : “ไม่เป็นไรๆ อย่าลืม มันไม่ง่ายที่เราจะกินมื้อใหญ่ได้ แน่นอนว่าเราต้องไปกินที่หรูหราที่สุด ถ้าพวกนายไม่ไปก็ถือว่า ..ไม่ไว้หน้าฉันนะ”
เพื่อลดภาระทางจิตใจของทุกคน ซูเหวิน จึงจงใจกล่าวออกไปเช่นนั้น
ยิ่งไปกว่านั้นด้วยเงินในกระเป๋าของเขา รวมถึงมูลค่าปัจจุบันของเขา เงินจำนวนแค่นี้ ..นับเป็นอะไรได้?
พูดพลาง เขาก็เชิญ เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย ขึ้นรถ
ในเวลาเดียวกัน รถตีตี (Didi) สองคันที่ ซูเหวิน เรียกมาก็มาถึงหน้าประตูมหาลัย ทุกคนก็ขึ้นรถ และออกจากมหาลัยไปทันที
ภัตตาคาร เซียนผิ่นซวน ตั้งอยู่ที่ถนนวงแหวนรอบสองของเมืองม่อ
ในฐานะร้านอาหารที่มีชื่อเสียง และหรูหราที่สุดในเมืองม่อ แน่นอนว่า ‘ความคึกคัก’ ของที่นี่ย่อมไม่ต้องพูดถึง
ไม่นานนัก ก็เห็นรถ Aston Martin คันหรู สุดเท่มากขับเข้ามาจอดอยู่หน้า ภัตตาคาร เซียนผิ่นซวน อย่างช้าๆ
ซูเหวิน เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย, วัง ซิ่วซิ่ว ลงจากรถ
ในขณะเดียวกัน ตีตี (Didi) สองคันที่ติดตามมาอย่างใกล้ชิด เหอ เหวินเฟิง, เฉินหมิง, จูเหยี่ยน และผู้หญิงอีกสองคนก็ลงมาจากรถเช่นกัน
จากนั้นทุกคนก็พากันเดินเข้าไปใน ภัตตาคาร เซียนผิ่นซวน ด้วยกัน
ภัตตาคาร เซียนผิ่นซวน มีขนาดใหญ่มาก มีทั้งหมดสิบชั้น
ทันทีที่ทุกคนเข้าไปก็พบห้องโถงกลางของอาคารที่เป็นรูปทรงกระบอกกลวง สภาพแวดล้อมภายในดูหรูหรา กว้างขวาง และสง่างาม
หินอ่อนแมกโนเลียสีขาว, โคมไฟระย้า สไตล์ นี โอคลาสสิก, การผสมผสานระหว่างสไตล์เซี่ยงไฮ้แบบคลาสสิก กับสไตล์โมเดิร์นอิตาเลียน ทำให้ทุกคนรู้สึกถึงความหรูหราขั้นสุด ของ ภัตตาคาร เซียนผิ่นซวน แห่งนี้
“สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับ”
“ขอสอบถามคะ ท่านต้องการรับประทานอาหารแบบตะวันตก หรืออาหารจีน? และท่านต้องการเลือกการบริโภคระดับใดค่ะ?”
ขณะที่ ซูเหวิน และคนอื่นๆ เพิ่งเข้ามาไม่นาน หญิงสาวที่สวมชุดเครื่องแบบพนักงานเดินเข้ามา มองดู ซูเหวิน และคนอื่นๆ แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“อาหารจีน คุณช่วยอธิบายเกี่ยวกับระดับการบริโภคให้ทีได้ไหม?”
ซูเหวิน รู้สึกสับสนทันที
“เป็นอย่างนี้คะ, ร้านของเราแบ่งเป็น 3 ระดับด้วยกัน”
“ราคาต่ำสุดเริ่มต้นที่ 1,000 หยวนต่อคน และท่านสามารถเลือกทานอาหารได้ตั้งแต่ชั้น 1 ถึงชั้น 3 ค่ะ”
“ราคาระดับกลางเริ่มต้นที่ 3,000 ต่อคน สามารถเลือกได้ตั้งแต่ชั้น 4 ถึงชั้น 6”
“ระดับสูงสุดของเราคือ 6,000 ต่อคนค่ะ สามารถเลือกได้ตั้งแต่ชั้น 7 ถึงชั้น 9”
“ราคาต่างกัน ชั้นต่างกัน และสภาพแวดล้อมก็ต่างกันเช่นกันค่ะ”
หญิงสาวยังคงอธิบายด้วยรอยยิ้ม
เมื่อทุกคนได้ยินต่างอ้าปากค้าง ในใจต่างรู้สึกพูดไม่ออกแล้ว
ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาทุกคนก็รู้ว่า ภัตตาคาร เซียนผิ่นซวน แตกต่างจากร้านอาหารอื่นๆ ค่าที่นั่งเป็นค่าใช้จ่ายโดยพื้นฐาน และการสั่งอาหาร หรืออะไรก็แล้วแต่ ..จะคำนวณแยกกัน
ในกรณีนี้ต้องบอกว่า ราคามันแพงมากจนน่าขันจริงๆ
“เหลาซู ฉันว่าเราเลือกระดับต่ำสุด 1,000 ดีกว่า กินที่ไหนก็เหมือนกันแหละ”
“ใช่ คุณดูสภาพแวดล้อมนี่สิ ระดับ 1,000 ก็หรูหราพออยู่แล้ว”
ทุกคนแนะนํา
ท้ายที่สุด พวกเขามากินข้าว ไม่ใช่มาดูสภาพแวดล้อม และพวกเขาก็ไม่ต้องการให้ ซูเหวิน สูญเสียเงินมากเกินไป
“พู.. ฮ่าฮ่าๆ! โต๊ะระดับต่ำสุด 1,000 หรูหราพอแล้ว? ฮ่าฮ่าๆ ถ้าไม่มีปัญญาก็อย่ามา มาภัตตาคาร เซียนผิ่นซวน เพื่อเลือกที่นั่งเกรด 1,000 ไปหาร้านอาหารอื่นนั่งดีกว่าไป”
“ก็แค่จะว่า ถ้าไม่มีเงินคุณจะมาทำอะไรที่ที่ เซียนผิ่นซวน ..หรือว่าจะมาแสร้งตบหน้าตัวเองให้อวบบวม?”
ทันใดนั้น คู่รักหนุ่มสาวคู่หนึ่งก็เดินผ่าน ซูเหวิน และคนอื่นๆ พอดี หลังจากได้ยินบทสนทนาของทุกคน พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าเยาะเย้ยออกมา
“ที่แท้คือ คุณชายโจว คุณอวี๋ พวกท่านมาถึงแล้ว เชิญครับๆ”
จังหวะนั้นก็มีพนักงานบริการอีกคนเดินมามองดูทั้งคู่ และพูดจาด้วยความเคารพต่ออีกฝ่าย
ดูเหมือนคนที่เรียกว่า คุณชายโจว คนนี้จะเป็นแขกประจําของที่นี่
“อืม.. ช่วยพาเราไปที่ชั้น 7 เถอะ!”
“ฉันไม่อยากเห็นคนจนกลุ่มนี้ที่แกล้งทําเป็น หมาป่าหางโต(1) ช่างแย่จริงๆ”
คุณชายโจว หันกลับมามองดู ซูเหวิน และคนอื่นๆ พร้อมกับพูดจาเย้ยหยันอีกฝ่าย
“เชิญเชิญ.. เชิญ คุณชายโจว คุณอวี๋ โปรดตามผมมาครับ ผมจะพาพวกท่านไปที่ชั้น 7 ตอนนี้”
พนักงานบริการก็ตอบสนอง ทั้งยังเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ซึ่งก็ดูเหมือนเขาจะใส่ใจ คุณชายโจว คนนี้เป็นอย่างมาก
พอพูดก็พาทั้งสองคนเดินไปที่ลิฟต์
“ท่านคะ ขอถามว่า ท่านต้องการเลือกระดับการบริโภคระดับใดค่ะ หากเป็นระดับ 1,000 ฉันสามารถพาไปได้ทันทีตอนนี้”
ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างหน้า ซูเหวิน ยังคงถามด้วยรอยยิ้ม
“พาพวกเราไปที่ชั้น 7 เถอะ” ซูเหวิน พูดอย่างใจเย็น
“เอ้ะ...ท่านคะ ชั้นเจ็ดเป็นระดับสูงสุด ค่าบริโภคที่นั้นราคาต่อคนเริ่มต้นที่ 6,000 หยวน”
ผู้หญิงคนนั้นอึ้งไปเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าไม่ได้คาดหวังว่า ลูกค้ากลุ่มนี้ที่เพิ่งคุยกันว่าจะเลือกบริโภคระดับต่ำสุด ซึ่งทำให้เธอคาดไม่ถึงว่าจะเลือกระดับไฮเอนด์ที่แพงที่สุดทันทีได้ โดยไม่แม้แต่จะมองระดับกลางด้วยซ้ำ
“อืม ผมรู้ ระดับสูงสุดก็ระดับสูงสุด พาเราขึ้นไปเถอะ!”
ซูเหวิน กล่าวออกมาอย่างเฉยเมย
ตอนนี้เขามีหลายบริษัท และต่อไปเงินก็จะมากขึ้นเรื่อยๆ เขาจะเก็บมันไว้ทำไม หากไม่ใช้จ่าย?
เขาแค่อยากเป็นคนใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายบ้าง ไม่ใช่แบบต้องมานั่งระวังเรื่องค่าใช้จ่ายอย่างในอดีตต่อไป
“โอเค ขอเชิญทุกท่านทางนี้คะ!”
เนื่องจากลูกค้าพูดแบบนี้ พนักงานบริการย่อมไม่มีเหตุผลให้ต้องปฏิเสธ เธอจึงรีบพาทุกคนไปที่ลิฟต์ และขึ้นไปที่ชั้น 7 ทันทีเช่นกัน
(1)[หมาป่าหางโต (大尾巴狼)] - แกล้งทำเป็น ‘หมาป่าหางโต’ ใช้เพื่อล้อเลียนบุคคล หรือเพื่อความเสแสร้งอวดรู้ อวดอ้างไปทุกที่ เป็นสำนวนปักกิ่ง หมาป่าอวดหาง หมายถึง เพราะกลัวคนอื่นจะมองข้าม หรือมองไม่เห็นตน