ตอนที่ 26 เทคโอเวอร์ Worster Enterprise
สิบนาทีต่อมา คนจากสถานีตำรวจก็มาถึง..
ขณะเดียวกันยังมีทนายความสองคนที่ได้รับการติดต่อจาก รองประธาน ฉาง จางไค ก็มาด้วย
พวกเขาได้เข้ารวบรวมเบาะแสมากมายในที่เกิดเหตุ
โทรศัพท์มือถือของ จ้าวเชี่ยน ภาพจากกล้องวงจรปิดภายในร้านอาหาร
หลังจากนั้นทุกคนก็ติดตามตํารวจไปยังสถานีตํารวจอีกครั้ง เพื่อทำการบันทึกคำให้การ
สําหรับ คุณชายหลี่ และคนของเขา ทางพนักงานร้านอาหารได้โทรเรียกรถฉุกเฉินให้มาพาพวกเขาไปนานแล้ว
กว่าหนึ่งชั่วโมงต่อมา สิ่งต่างๆ ก็ได้คลี่คลาย ซูเหวิน จึงออกจากสถานีตํารวจไปพร้อมกับทนายความทั้งสองคน
“ทนายโจว ทนายเจิ้ง ในส่วนที่เหลือคงต้องให้เป็นหน้าที่ของพวกคุณแล้ว”
“หวังว่าพวกคุณจะช่วยให้ผมชนะคดีนี้ ต่อสู้เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด ในส่วนค่าทนายผมจะให้พวกคุณจำนวนไม่น้อยอย่างแน่นอน”
ด้านนอกสถานีตํารวจ จู่ๆ ซูเหวิน ก็มองไปที่ทนายความทั้งสองคนที่อยู่ข้างๆ แล้วหัวเราะ ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้มออกไป
โดยปกติ เอาเข้าจริงๆ การสู้คดี ทนายคนเดียวก็พอแล้ว
แต่สําหรับ ซูเหวิน แล้ว การเพิ่มคนเข้ามาอีกคนหนึ่ง หมายถึงการเพิ่มความพยายามมากขึ้น แม้ว่าค่าทนายความจะเพิ่มอีกเล็กน้อย ..มันก็ไม่สําคัญ
จุดประสงค์หลักของเขาไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ แต่เพื่อทําให้ ฟาง ซินอี๋ และจ้าวเชี่ยน มีช่วงเวลาที่ยากลำบาก..
ยิ่งคดีนี้.. ยิ่งสู้มากเท่าไหร่ อีกฝ่ายก็จะต้องยิ่งจ่ายมากขึ้นเท่านั้น
โดยเฉพาะ ฟาง ซินอี๋ ที่ไม่รู้ว่า หลงตัวเอง และทำให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว
ถ้าหากไม่ให้บทเรียนอีกฝ่ายบ้าง อีกฝ่ายก็จะไม่รู้สึกถึงความผิดที่ตัวเองเคยก่อไว้ในอดีต
“ขอให้สบายใจได้ครับ พยานหลักฐานที่เรามีตอนนี้แน่นหนามากพอแล้ว และยังมีพยานบุคคล พยานวัตถุต่างๆ ที่ควรจะมี เราเองก็มีทั้งหมดแล้ว ซึ่งการฟ้องร้องคดีนี้มันง่ายเกินไปสำหรับเรา”
“ประธานซู ท่านวางใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เราเองจะสู้เต็มที ทำให้ดีที่สุด เพื่อชนะทุกคดี และในเรื่องคดีปล่อยให้มันเป็นหน้าที่ของเราครับ”
เมื่อเผชิญกับคําขอของประธานโรงแรมฮิลส์ ทนายความทั้งสองจึงกล่าวอย่างมั่นใจ
แต่พวกเขาก็ไม่ได้แค่คุยโว สําหรับทนายชั้นนํา คดีอย่างของ ซูเหวิน ไม่มีความซับซ้อนอะไรเลย และเป็นคดีที่ง่ายที่สุดที่จะต่อสู้
“ดี อย่างไรต้องลำบากพวกคุณแล้ว”
เห็นอีกฝ่ายพูดแบบนี้ ซูเหวิน ก็รู้สึกสบายใจแล้ว
พอพูดไป หลังจากคุยกันอีกสองประโยค เขาก็ขอแยกตัวกับทั้งสองคน
ฟาง ซินอี๋ และจ้าวเชี่ยน ยังคงถูกควบคุมตัวอยู่ที่สถานีตํารวจ ดูเหมือนว่าจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะให้ความรู้เชิงอุดมคติ พร้อมกับปรับเปลี่ยนทัศนคติบางอย่างในด้านความคิดของอีกฝ่าย
ส่วนทาง ซูเหวิน ได้ขึ้นรถ และกำลังจะขับรถกลับไปมหาลัย
ในขณะนี้เอง เสียงแจ้งเตือนระบบก็ดังขึ้น
“ติ๊ง! ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่เสร็จสิ้นภารกิจ พบปะ ฟาง ซินอี๋”
“ระบบดำเนินการแจกจ่ายรางวัล : 51% ของหุ้นของ ‘Worster’ ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำ 100 อันดับแรกของโลก”
ทันทีหลังจากเสียงแจ้งเตือนของระบบสิ้นสุดลง ซูเหวิน ก็ได้รับโทรศัพท์จากสํานักงานใหญ่ของ ‘Worster’
เมื่อโทรศัพท์อีกฝ่ายติดต่อมาแล้ว ยังจะรออะไรอยู่อีกล่ะ?
สำนักงานใหญ่ของ ‘Worster’ ตั้งอยู่ที่เมืองม่อ เลือกวันสู้วันที่เหมาะสมไม่ได้(1) ซูเหวิน จึงตัดสินใจไปที่สำนักงานใหญ่ตอนนี้ เพื่อเซ็นสัญญา….
เขตทางใต้ ถนนฝูอาน..
ถนนฝูอาน ตั้งอยู่บนถนนวงแหวนรอบที่สองของเมือง ที่นี่เต็มไปด้วยอาคารสูงหลายสิบชั้น
หนึ่งในอาคารเหล่านั้น มีสํานักงานใหญ่ของ ‘Worster’ บริษัทอีคอมเมิร์ซอันดับหนึ่งตั้งอยู่อย่างโดดเด่นมากๆ
จะเห็นเพียงตึกสูงกว่าร้อยชั้นตั้งตระหง่านอยู่ริมถนน สง่างาม และให้ความรู้สึก ยิ่งใหญ่มาก…
ข้างๆ ยังมีอาคารหลายหลังตั้งตระหง่านอยู่ ซึ่งก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน
พื้นที่นี้เกือบทั้งหมดเป็นอาณาเขตของ Worster Enterprise ซึ่งแสดงให้เห็นถึงขนาดพื้นที่ของมันได้
เมื่อมองไปที่อาคารเหล่านี้ที่อยู่ตรงหน้า ซูเหวิน ก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นมาก!
หลังจากเซ็นลงนามในสัญญาวันนี้ เขาก็จะกลายเป็นผู้นําสูงสุดของบริษัทที่อยู่ตรงหน้าเขาแล้ว สถานะของเขาตอนนี้เรียกได้ว่าก้าวกระโดดเชิงคุณภาพ (แบบประมาณ : สถานะ/ตำแหน่ง ได้รับการเสถียรภาพที่ดีขึ้นโดยมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ)
ขณะคิดกับตัวเองอยู่ เขาก็ได้จอดรถ Aston Martin ของเขาไว้ข้างๆ แล้วเดินเข้าไปที่สํานักงานใหญ่
ขณะเดียวกันภายในสำนักงานใหญ่ก็มีกลุ่มคนจำนวนมากมายืนรอต้อนรับอยู่ที่ห้องโถงล็อบบี้ในชั้นหนึ่ง
ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้บริหารระดับสูง และคนในคณะกรรมการเป็นหลัก
ทั้งสองด้านของประตูทางเข้า มีหญิงสาวพนักงานต้อนรับส่วนหน้าสิบกว่าคนมายืนรอการมาถึงของ ท่านประธาน คนใหม่ การเตรียมการนี้ก็ช่างดูเอิกเกริกไม่น้อย
“พวกคุณคิดว่า ประธานซู ประธานคนใหม่ของเราคนนี้เป็นใครกันแน่? เขาซื้อหุ้น 51% ของบริษัทเรา จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่กล้าเชื่อเลย”
“นั่นนะสิ คิดดูบริษัทของเรามีมูลค่าตลาดมากกว่า 1.5 ล้านล้านหยวน ด้วยหุ้น 51% บวกค่าอื่นๆ งั้นถามหน่อยใครสามารถมีเงินเกือบ 1 ล้านล้านหยวนได้?”
“แต่ความจริงก็คือ มันถูกขายออกไปแล้ว และนี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในแวดวงบริษัทชั้นนำ”
“ใครมันจะไปรู้สถานการณ์เป็นอย่างไร แต่อย่างไรก็ตาม รองประธานเพิ่งแจ้งมาว่า ผู้ชายคนนั้นที่ว่าอยู่ในเมืองม่อ และจะมาถึงที่นี่เร็วๆ นี้ ให้เราเตรียมพร้อมต้อนรับ!”
ในห้องโถง ผู้บริหารระดับสูงทุกคนกําลังพูดคุยกันอยู่
บ้างตกใจ บ้างก็สับสน และบ้างก็ยากจะเชื่อ
จนถึงตอนนี้ ทุกคนยังรู้สึกว่าสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในวันนี้ มันค่อนข้างเป็นเรื่อง ..เพ้อฝัน
ในฐานะที่เป็น 1 ใน 100 บริษัทชั้นนำของโลก คาดไม่ถึงว่าจะถูกคนคนหนึ่งซื้อหุ้นไปมากกว่าครึ่ง และนี่มันคือ ..เรื่องบ้าอะไร?
“เฮ้.. พวกคุณลองมองออกไปข้างนอก นั่น ประธานซู มาถึงแล้วใช่มั้ย?”
ทันใดนั้นมีคนชี้ไปที่ด้านนอกของห้องโถงชั้นหนึ่ง และตะโกนเสียงดังออกมา
ทุกคนที่ได้ยิน ล้วนมองออกไปข้างนอก..
และต่างพบว่า ด้านนอกห้องโถง มีร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งค่อยๆ เดินตรงมาทางนี้
ทุกคนต่างตื่นเต้นทันที และรีบออกไปต้อนรับเขา
ซูเหวิน ที่เดินเข้ามาจากข้างนอก และย่างเท้าเดินมาถึงประตูห้องโถง ก็พบเห็นคนหลายสิบคนเดินออกมาจากข้างในอย่างต่อเนื่อง
พวกเขาแต่ละคนล้วนอยู่ในชุดสูท และรองเท้าหนัง ต่างเต็มไปด้วยพลัง มองปราดเดียวก็รู้ว่าพวกเขา ..ไม่ใช่คนธรรมดา
เมื่อ ซูเหวิน กำลังประหลาดใจ อีกฝ่ายก็พูดขึ้นว่า
“โอ้.. ประธานซู ยินดีต้อนรับ ยินดีต้อนรับ ยินดีต้อนรับ!”
“ผมเป็นประธานบริษัท Worster... โอ้ ไม่สิๆ ตอนนี้เป็นอดีตประธานไปแล้ว ในนามของพนักงานทุกคนในบริษัทเรา เรายินดีต้อนรับการมาถึงของคุณ”
หวังถง อดีตประธานของ Worster มองไปที่ ซูเหวิน ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าพร้อมกับพูดออกมา
พูดจบยังยื่นมือออกมาเพื่อแสดงถึงความเป็นมิตร
เมื่อเห็นอีกฝ่ายกระตือรือร้นขนาดนี้ ซูเหวิน ก็ยกยิ้ม และย่อมต้องตอบกลับอีกฝ่ายด้วยความสุภาพ จากนั้นจึงยื่นมือไปจับมือกับอีกฝ่าย พร้อมกับกล่าวว่า : “เกรงใจเกินไปแล้ว ผมชื่อ ซูเหวิน เรียกผมว่า เสี่ยวเหวิน ก็ได้ครับ”
ทันทีที่เพิ่งคุยกัน รองประธาน และผู้ถือหุ้นหลายคนที่อยู่ข้างๆ ก็อดไม่ได้ที่จะเข้าร่วมการสนทนานี้
“ประธานซู ในที่สุดท่านก็มาถึงแล้ว เราแทบรอไม่ไหว เราอยากพบคุณมานานแล้ว”
“ใช่! สักพักก่อนที่คุณจะมาถึงเราทุกคนยังคงพูดถึงคุณอยู่เลย พวกเรากำลังคิดว่าคนใดกันที่มีอำนาจใหญ่ถึงขนาดที่สามารถเข้าซื้อกิจการของเรา Worster ได้”
“น่าประหลาดใจจริงๆ ที่ได้พบคุณ อีกทั้งไม่น่าเชื่อเลยว่าคนที่ซื้อหุ้นในบริษัทของเราไปจะยังคงหนุ่ม และหล่อเหลามากขนาดนี้ ทั้งยังมีความสามารถไม่น้อย…”
เราต่างยังไม่ทันได้คุ้นเคยกันดี แต่เหล่าผู้ถือหุ้นก็กลับแสดงความชื่นชมอย่างเต็มที่เช่นนี้ ..เสียก่อนแล้ว
ถ้าหากนักธุรกิจคนอื่นๆ มาเห็นฉากที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้ พวกเขาย่อมจะต้องตกใจไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ในบรรดาผู้ถือหุ้นหลายสิบคนที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้ หากคุณหยิบสุ่มออกมาสักคนหนึ่ง คนไหนไม่ใช่บุคคลที่มีชื่อเสียงในเมืองม่อ?
ในขณะนี้ทุกคนต่างพยักหน้า และโค้งคำนับให้กับ ซูเหวิน ทีละคน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ
“ฮ่าฮ่าๆ ทุกคนชมกันเกินไปแล้ว”
“ผมยังเด็กมาก และไม่เข้าใจในการดำเนินงานของบริษัท หลังจากนี้ต่อไปคงต้องขอพึ่งพาความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสทุกท่านอีกมาก”
เมื่อพอได้ฟังเสียงคนมากมายกล่าวชมเชย ซูเหวิน ก็อดไม่ได้ที่จะมีเหงื่อเย็นๆ ไหลตกลงมาจากหน้าผาก
ขอเหอะ.. เจ้านายคนนี้ยังไม่ทันรับตำแหน่ง และเริ่มเข้าทำงานสักวันเลยด้วยซ้ำ แต่นี่อะไร.. คนพวกนี้กลับรวบรวมคำเยินยอมากมายขนาดนี้ใส่ตะกร้ามาเต็ม?
“เชิญ เชิญเชิญ ก่อนอื่นเข้าไปในบริษัทกันก่อนเถอะ!”
อดีตประธาน รีบเชิญ ซูเหวิน เดินเข้าไปที่ล็อบบี้ในชั้นหนึ่ง
โดยมีคณะกรรมการ และผู้บริหารระดับสูงตามหลัง
ทันทีที่ ซูเหวิน ก้าวเข้ามาในห้องโถง
ทันทีที่มองไปทั่วห้อง ก็สังเกตเห็นสายตาของทุกคนที่ได้รวมตัวกันในจุดเดียว โดยต่างพากันจับจองมองไปที่ ซูเหวิน ราวกับค้นพบสิ่งที่น่ามหัศจรรย์ของโลก
บรรดาเหล่าหญิงสาวพนักงานต้อนรับส่วนหน้าที่ยืนอยู่จากทั้งสองฝั่ง เมื่อเห็น ซูเหวิน ต่างก็เงยหน้า ยืดเอว อวดสรีระส่วนโค้งส่วนเว้าในตำแหน่งที่น่าดึงดูดสายตาของอีกฝ่ายให้ได้มากที่สุด
เดิมทีตอนแรกพวกเธอยังคิดว่าเป็น ชายวัยกลางคน ไม่ก็แบบผู้สูงอายุที่มีพุงใหญ่ หัวโล้น ที่เข้าซื้อหุ้นของบริษัท
แล้วที่ไหนใครจะไปคิดว่า.. เป็นหนุ่มน้อยหน้าตาดีขนาดนี้
ชั่วพริบตาเดียว เหล่าหญิงสาวต่างก็พากันสูญเสียความสงบในใจ
และด้วยเหตุนี้พวกเธอจึงพากันยืดตัวตรง ไปพร้อมกับต้องการโชว์หน้าอกหน้าใจที่แสนกระชับบนเรือนกาย จนแทบรอไม่ไหวที่จะทำให้ ซูเหวิน หันมาสังเกตเห็นตัวเอง ..ในทันที
(1)[เลือกวันสู้วันที่เหมาะสมไม่ได้ (择日不如撞日)] - ความหมายคือ สรรพสิ่งล้วนเป็นไปตามธรรมชาติก็ดีแล้ว หรือง่ายๆ เลย แค่ปล่อยให้ทุกอย่างมันดำเนินไป
