ตอนที่ 12 สถานการณ์ที่ไม่คาดคิด
“คุณรู้จักผม?”
เมื่อเห็นผู้จัดการมองมาที่ตัวเอง ซูเหวิน ที่ได้ยินอีกฝ่ายพึมพำเบาๆ จึงได้ถามกลับไป
“โอ้.. ท่านประธานซู ล้อเล่นแล้ว ผมจะกล้าไม่รู้จักท่านได้อย่างไรกัน”
“ตั้งแต่เมื่อวานที่ท่านเซ็นสัญญา และกลายเป็นประธานคนใหม่ของ ฮิลส์ อย่างเป็นทางการ ทางสํานักงานใหญ่ของบริษัทก็ได้จัดการประชุมทันที ผู้ปฏิบัติงานทุกคนในระดับกลาง และระดับสูงทั้งหมดในเมืองม่อ ก็ไปที่นั่น จุดประสงค์หลักคือเพื่อถ่ายทอดเรื่องที่ประธานคนใหม่เข้ารับตําแหน่ง และเราทุกคนรู้จักท่านผ่านภาพถ่าย ดังนั้นเราจึงไม่กล้าจะจำท่านไม่ได้หรอกครับ”
“แท้จริงแล้ววันนี้ผม.. มันสมควรตายจริงๆ ประธานซู ท่านมาเยี่ยมถึงที่นี่ แต่ผู้จัดการอย่างผมกลับไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ได้โปรดให้อภัยผมด้วย ท่านประธานซู” (จากผู้แปล: โครตเล่นใหญ่ขิงๆ)
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายได้ยินคำพูดของเขาแล้ว ชายหนุ่มในชุดสูทก็รีบเดินเข้ามาหา ซูเหวิน ในระยะสามก้าวด้วยเพียงสองก้าว(1) ด้วยความกระตือรือร้นอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ท่าทางที่แสดงออกมานั้นดูออกจะแสดงความรักใคร่ออกมามากกว่าตอนที่ได้พบเจอพ่อแม่ผู้บังเกิดเกล้าเสียอีก
และสิ่งที่เขาพูดออกมานั้น ก็ทําให้ลูกค้าโดยรอบตัวตกใจทันที ไม่มีใครคิดว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะมีสถานะเช่นนี้ แล้วจะนับประสาอะไรกับ เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย
“ที่แท้.. เป็นเช่นนี้”
ซูเหวิน ที่เข้าใจแล้ว จึงถามต่อว่า : “เมื่อกี้ตามที่คุณบอก มันเกิดอะไรขึ้น ทำไม หนังสยองขวัญ ที่ต้องเล่นตอนสองทุ่ม ถึงต้องเลื่อนไปเป็นสองทุ่มครึ่ง?”
“คือ.. ท่านได้จองตั๋วหนังเรื่องนั้นไว้ด้วยเหรอครับ?” หัวใจของ ผู้จัดการเต้นระรัว
“อืมม” ซูเหวิน พยักหน้า
“เอ่ออ... ไม่ ไม่แน่นอน ท่านประธานซู เข้าใจผิดแล้ว จริงๆ แล้วเมื่อกี้ผมอยากให้ทุกคนได้เข้าไปก่อนกำหนด”
“เพราะผมเห็นว่าโรงภาพยนตร์เรื่องนี้ของคืนนี้เป็นห้องโถงขนาดใหญ่ บวกกับที่นั่งเต็มหมดแล้ว ซึ่งมีจำนวนคนเยอะมาก ดังนั้นผมจึงพิจารณาให้ทุกคนเข้าไปด้านในก่อนล่วงหน้าสัก 5 นาที เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา”
หู ผิงอวี่ พูดออกมาอย่างกระฉับกระเฉง ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มทันที แต่ในใจเขากลับมีเหงื่อเย็นๆ หลั่งไหลออกมา
ไม่กี่นาทีก่อน จู่ๆ คุณจ้าว ก็โทรเข้ามาหาเขาอย่างกะทันหัน แล้วบอกว่า คุณชายลู่ จาก จินอี กรุ๊ป ต้องการเหมาโรงภาพยนตร์ที่กำลังฉาย หนังสยองขวัญ โดยให้ดำเนินการฉายตอนสองทุ่มครึ่ง และให้เขาหาวิธีคืนตั๋วให้กับทุกคนเอง
เดิมทีเขาต้องการโกหก โดยอาศัยเหตุผลว่าเครื่องขัดข้องมาเพื่อหลอกทุกคนโดยจะทำการคืนเงินค่าตั๋ว แต่เขาไม่คาดคิดเลยว่า ประธานคนใหม่ จะเข้ามาชมภาพยนตร์ในคืนนี้จริงๆ และยังต้องการดูหนังเรื่องนี้ด้วย ดังนั้นมันจึงกลายเป็นอะไรที่ไม่ดีแบบสุดๆ
หาก ประธานซู รู้สถานการณ์ที่แท้จริง เขาจะต้องโกรธทันที แล้วผู้จัดการตัวเล็กๆ อย่างเขาที่ไหนจะรับไหว จึงรีบแต่งเรื่องโกหกขึ้นมา
“เป็นแบบนี้ งั้นก็ให้ทุกคนเข้าไปเถอะ อย่าปล่อยให้ลูกค้ารอนาน”
ซูเหวิน พยักหน้า แน่นอนว่าเขาย่อมไม่รู้ความจริง และความกลัวในใจของอีกฝ่าย
“ครับ ท่านประธานซู”
ผู้จัดการหู กล้าไม่เชื่อฟังที่ไหน เขาได้ตอบกลับด้วยความเคารพทันที
พูดจบเขาก็ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่เริ่มตรวจตั๋ว แล้วเริ่มปล่อยให้ทุกคนเข้าไปในโรงภาพยนตร์
“ท่านประธานซู ไม่ทราบว่าท่านมีความต้องการอะไรเพิ่มเติมอีกไหม ตราบเท่าที่ นายหู คนนี้สามารถทำได้จะรีบจัดการให้กับท่านทันที”
หลังจากสั่งงานเสร็จ ผู้จัดการหู ก็หันกลับมามองแล้วเริ่มพูดเพื่อเอาใจ ซูเหวิน
“ผมไม่มีความต้องการอะไร คุณควรทำอะไรก็ไปทำเถอะ วันนี้ผมมาดูหนังกับเพื่อน ไม่อยากถูกรบกวน..”
ซูเหวิน กล่าวด้วยเสียงราบเรียบ
“โอ้, โอเคครับ!”
เจ้านายพูดแล้ว ในฐานะผู้จัดการ หู ผิงอวี่ ย่อมรู้จักล่าถอยอย่างมีสติ หลังจากเขาได้ยิน ซูเหวิน พูดแล้ว ก็รีบตอบอย่างกระตือรือร้น แล้วรีบถอนตัวทันที
ในเวลาเดียวกันเขาก็ไม่ลืมที่จะหยิบโทรศัพท์ออกมา และรีบโทรออกไปหา คุณจ้าว พร้อมรีบบอกกล่าวถึงเรื่องนี้…
ส่วนทางด้าน ซูเหวิน ก็ดึง เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย ที่ยังคงตกใจ ไปรับตั๋ว และเดินตามทุกคนเข้าไปในโรงภาพยนตร์
ในขณะนี้ ไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย เท่านั้นที่ตกตะลึง แต่ยังรวมถึง ซูเหวิน เองด้วย
เมื่อกี้ผู้จัดการคนนั้นสุภาพกับเขามาก มันเหมือนราวกับฝันอยู่เลย..
หรือว่านี่คือความรู้สึกของการเป็น เจ้านาย คน?
พนักงานทุกคนที่เห็นเขาจะมีทัศนคติเช่นนี้ เมื่อเห็นเขางั้นเหรอ?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ซูเหวิน ก็อดไม่ได้ที่จะแอบถอนหายใจ ..ในใจ
ดูเหมือนว่าหลังจากได้เป็นเจ้านายคนแบบนี้แล้ว เขาดูเหมือนจะไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริงของคนบางคนอีกต่อไป และสิ่งที่สามารถมองเห็นได้ก็เป็นเพียงความเคารพ และคำเยินยอที่คนส่วนใหญ่มีต่อตัวเองเท่านั้น
อีกทั้งดูเหมือนว่าตัวเขาเองจะต้องปรับตัวให้เข้ากับชีวิตที่ต้องเป็นแบบนี้ไปอย่าง.. ช่วยไม่ได้
เฮ้อ.. ให้ตาย! พอมาถึงจุดนี้ รู้สึกว่าการเป็นประธานบริษัทมันช่างน่ารำคาญจริง
“เพื่อนร่วมชั้น ซู คุณ...คุณเป็นใครกันแน่?”
ในระหว่างทางเดินที่ไม่มีผู้จัดการคนนั้น ในที่สุด เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย ก็ดูเหมือนจะฟื้นตัวแล้ว เธอหันไปมอง ซูเหวิน และถามโดยไม่ตั้งใจออกไป
จริงๆ แล้วตั้งแต่ ผู้จัดการหู คนนั้นเรียก ซูเหวิน ว่า ‘ประธานซู’ และโดยบอกอีกว่า ซูเหวิน เป็นประธานคนใหม่ของ โรงแรมฮิลส์ เซี่ย ซินเหยา ก็รู้สึกว่าสมองของเธอเริ่มทํางานหนักแล้ว(สับสน) และเธอรู้สึกไม่เข้าใจทั้งหมด
ซูเหวิน ซึ่งถูกมองว่าเป็นเด็กยากจนในมหาลัยมาโดยตลอด คืนนี้เขากลับขับรถหรูมารับเธอ ..พอมาตอนนี้ เขากลับกลายเป็นประธานคนใหม่ของ โรงแรมฮิลส์ แล้ว และการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องนี้ มันไม่ใช่สิ่งที่ เซี่ย ซินเหยา คาดคิด
และใช่... คนคนนี้ ดูเหมือนจะผิดไปจากความเข้าใจทั้งหมดของเธอ?
“อืม คุณไม่ต้องแปลกใจหรอก ครอบครัวผมไม่มีเงิน แต่ลุงสองของผมมีเงิน และมาจากครอบครัวใหญ่ เขาเห็นว่าผมน่าสงสารก็เลยสนับสนุนเงินมาให้ผมนิดหน่อย ผมจึงคิดเริ่มทําธุรกิจบางอย่าง ดังนั้นผมจึงตัดสินใจซื้อโรงแรมนี้”
ใบหน้าของ ซูเหวิน ไม่แดง หัวใจไม่เต้นแรงก็เป็นเรื่องโกหกแล้ว
เขารู้ว่า.. ตอนนี้ เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย ต้องเต็มไปด้วยความสงสัยอย่างแน่นอน
แต่มันช่วยไม่ได้ จู่ๆ เด็กยากจนคนหนึ่งเปลี่ยนจากคนจนกลายเป็นหล่อรวยในเวลาเพียงไม่กี่วัน และแน่นอนเหตุผลใดๆ ก็ไม่สามารถกลมได้(2) ดังนั้นเขาจึงต้องแต่งเรื่องโกหกขึ้นมา แม้ว่าคําโกหกนี้จะฟังดูไร้สาระเกินไปก็ตาม
และผลลัพธ์ก็เป็นไปตามคาด หลังจากฟังคําอธิบายของเขาแล้ว สีหน้าตกใจของ ดอกไม้งาม เซี่ย ก็ไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย แต่กลับมีเส้นสีดําขึ้นมาแทน
ก็จะประมาณนี้ครับ
[ขอบคุณภาพจาก kanqq.com]
โอ ..เค! เซี่ย ซินเหยา ยอมรับว่า หลังจากใช้ชีวิตมาหลายปี เธอเพิ่งจะรู้ว่า แท้จริง ‘เงินสนับสนุน’ สามารถใช้เช่นนี้ได้ และเดิมมันสามารถซื้อเครือโรงแรม 7 ดาว ได้ และสามารถซื้อรถยนต์หรูในระดับท็อปของโลกได้ ซึ่งนั่น.. เรียกว่า ‘เงิน’ เพียงเล็กน้อย…
ทั้งสองคุยกัน และเดินเข้าไปในโรงภาพยนตร์ ในขณะเดียวกัน คุณชายลู่ และพวกก็มาถึงที่นี่แล้ว พวกเขาขึ้นไปที่ชั้น 6 อย่างไม่เร่งรีบ และได้มาถึงล็อบบี้ของโรงภาพยนตร์
แต่แล้วพวกเขาก็ต้องตกใจ เพราะหลังจากสายตาของพวกเขามองไปรอบๆ พวกเขาก็ไม่พบเงาของ ซูเหวิน และดอกไม้งาม เซี่ย เลย ..แม้แต่น้อย
เพื่อนสองคนที่อยู่ข้างๆ คุณชายลู่ รีบเข้าไปสอบถามสถานการณ์กับพนักงาน จึงรู้ว่า หนังสยองขวัญเรื่องที่เหมาให้ออกฉายเวลา 20:30 น. ได้เปิดเช็คอินแล้ว และทุกคนที่จองตั๋วก็เข้าไปด้านในตั้งนานแล้ว…
“เชี่ยแมร่ง! มันเกิดอะไรขึ้น คุณชายลู่ ไหนคุณบอกว่าโทรหา คุณจ้าว ผู้จัดการทั่วไปของโรงภาพยนตร์แล้วว่าให้เหมารอบนี้ แล้ว.. เป็นแบบนี้ได้อย่างไร?”
อีกคนก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยเช่นกัน
คุณชายลู่ ไม่ได้ตอบคําถามของเพื่อนๆ ของเขา แต่ใบหน้าของเขาตอนนี้เปลี่ยนเป็นน่าเกลียดมาก จากนั้นเขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหา คุณจ้าว โดยตรงทันที
“คุณจ้าว นี่หมายความว่าไง? ไหนบอกฉันว่าหนังเรื่องนี้จะฉายรอบสองทุ่มครึ่ง แล้วทําไมพนักงานของคุณถึงปล่อยให้คนเข้าไป?”
ทันทีที่อีกฝ่ายรับสาย คุณชายลู่ ก็ถามออกไปอย่างไม่เกรงใจ ทั้งน้ำเสียงของเขาก็ค่อนข้างขุ่นมัวอย่างที่สุด
“คุณชายลู่ ฉันต้องบอกก่อนว่า.. ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากช่วยคุณ แต่ความสามารถของฉันมีจํากัดจริงๆ!”
“คุณรู้ไหมว่า วันนี้ท่านประธานของโรงแรมฮิลส์ของเรามาที่นี่ และเขาต้องการดูหนังเรื่องนี้ด้วย และหนังเรื่องที่เขาต้องการจะดูก็คือเรื่องที่คุณต้องการพอดี แล้วคุณคิดว่า ฉันกล้าที่จะไม่ให้เขาเข้า?”
“โชคดีที่ผู้จัดการของฉันแก้สถานการณ์ได้ทัน และปล่อยให้ ประธานซู เข้าไป ไม่งั้นฉันคงลำบากแน่หากถูกพบ และถึงอย่างไรเสีย นั่นก็คือ ท่านประธาน…”
ในอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ คุณจ้าว รีบอธิบายด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความจนใจจริงๆ
บอกตามตรงเขาไม่กล้ารุกราน คุณชายลู่ แห่ง จินอี กรุ๊ป และยิ่งไม่กล้ารุกราน ประธานซู หากทำไม่ถูกต้อง ดีไม่ดีเรื่องนี้เขาอาจจะถูกลากเข้าไปพัวพันด้วย
(1)[ในระยะสามก้าวด้วยเพียงสองก้าว (三步并做二步)] - อุปมา ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
(2)[เหตุผลใดๆ ก็ไม่สามารถทำให้กลมได้ (任何理由都不可能圆的过来)] - ตามที่เรารู้ๆ วงกลมที่สมบูรณ์แบบไม่มีอยู่จริงในโลก เส้นรอบวงกลมทุกจุดไม่สามารถห่างจากจุดศูนย์กลางเท่ากันตลอดตามคำนิยามได้ ตามประโยคคือ : ไม่ว่าเหตุผลใดๆ ก็ไม่สามารถเป็นจริงขึ้นมาได้