ตอนที่ 10 คุณชายลู่
“อืม พอแล้ว! ฉันรู้วิธีจัดการเรื่องของตัวเอง พวกเธอควรกังวลเรื่องของตัวเองดีกว่านะ!”
เมื่อเห็นว่าหลายคนยังคงโต้เถียงกันอยู่ เซี่ย ซินเหยา จึงต้องรีบหยุดพวกเธอ
เธอกลัวว่าหากเธอไม่พูดอะไรอีก คนอื่นจะเริ่มทะเลาะกัน..
และพอทันทีที่คําพูดนี้หลุดออกมา ก็ไม่มีใครพูดอะไรกันอีก แต่บรรยากาศในหอพักนี้ เริ่มจะหนักหน่วงขึ้นเล็กน้อย..
เพื่อนสนิททั้งสองคนของเธอมีสีหน้าดูน่าเกลียด และทั้งคู่ดูจะหมดอารมณ์ความตื่นเต้นจากเมื่อกี้ ..ไปนานแล้ว
เซี่ย ซินเหยา ก็ไม่มีความสุขเช่นกัน เมื่อกี้ ซุนเหม่ย พูดมากเกินไป ซึ่งทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจมาก
แต่ดูเหมือน ซุนเหม่ย จะไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของทุกคน หลังจากที่เธอกลับไปที่เตียงของเธอ เธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาทันทีพร้อมกับส่งข้อความไปถึงใครบางคนอย่างเงียบๆ…
เวลามาถึงคืนวันถัดไป..
เมืองม่อ ในฐานะที่เป็นมหานครระดับนานาชาติ ความเจริญรุ่งเรืองของช่วงเวลากลางคืนไม่ได้ด้อยไปกว่าตอนกลางวันเลยแม้แต่น้อย
ตึกอาคารสูงนับไม่ถ้วน เปล่งประกายด้วยแสงสีเงินระยิบระยับ ที่ทําให้ผู้คนรู้สึกตื่นตาตื่นใจ.. ไปกับทิวทัศน์ของเมืองในยามค่ำคืน
ที่หน้าประตูของ มหาวิทยาลัยเทียนเวย..
ช่วงนี้เป็นช่วงต้นของฤดูใบไม้ร่วง ลมในยามค่ำคืนก็เย็นกว่าปกติ
ในเวลานี้ เซี่ย ซินเหยา ถือกระเป๋าสีชมพู ดูราวกับผู้หญิงเรียบร้อย โดยกำลังยืนอยู่ข้างประตูมหาวิทยาลัย
ตามที่ตกลงกันไว้ วันนี้เป็นวันที่เธอได้นัดกับ ซูเหวิน เพื่อไปดูหนังด้วยกัน
และมันดูราวกับเป็นการสร้างความประทับใจที่ดีในใจให้กับอีกฝ่าย, ดังนั้นวันนี้เธอจึงแต่งตัวสวยมาเป็นพิเศษ
เธออยู่ในชุดกระโปรงสีขาวอ่อน พร้อมกับผ้าพันคอ ผ้ากอซปิดคลุมบริเวณหน้าอก ให้อารมณ์ที่ดูอ่อนโยน ราวกับถูกรายล้อมรอบไปด้วยดอกกล้วยไม้ในหุบเขาร้าง …
‘กล้วยไม้เกิดในหุบเขาลึก มิได้หยุดกลิ่นหอมกำจาย ด้วยว่าไร้ผู้คน’
*(ดอกกล้วยไม้ป่า สวยงามแบบไม่ฉูดฉาด มีกลิ่นหอมอ่อนๆในตัวเอง จึงถูกนำมาเป็นสัญลักษณ์ของความสงบ และเรียบง่าย เป็นตัวแทนของฤดูใบไม้ผลิ)
ผิวที่ขาวสะอาดนั้นบอบบางราวกับไข่ที่ถูกปอกเปลือก.. แก้มสวยนวลผ่องนั้นขาวกระจ่างใสอมชมพู แลให้เห็นถึงผิวเนียนนุ่มน่าถนอม จนดูเหมือนว่าสามารถบีบน้ำออกมาได้ด้วยการบีบ ..เบาๆ
เธอสวมรองเท้าส้นสูงสีคริสตัลคู่หนึ่ง ทําให้เธอที่ซึ่งมีส่วนสูง 170 ซม. อยู่แล้วดูสูงขึ้นไปอีก ตัวเธอเวลานี้นั้น เปรียบได้ประดุจนางฟ้าที่หลุดออกมาจากภาพวาด
ซึ่งดึงดูดเหล่านักศึกษาชายที่เข้าออกหน้าประตูมหาวิทยาลัยได้จำนวนไม่น้อยเลย โดยต่างพากันมองด้วยสายตา ตะลึง…
ในจังหวะนี้ รถ Bentley สุดหรูคันหนึ่งขับออกมาจากในมหาวิทยาลัย..
รถหรูคันนี้ออกจากประตูมหาวิทยาลัยมาแล้วไม่ได้ขับออกไปโดยตรง แต่ขับตรงมาที่ตําแหน่งที่ เซี่ย ซินเหยา ยืนอยู่..
“เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย คุณมายืนอยู่ที่นี่ทําไมตอนกลางคืน หรือมีที่ไหนที่คุณอยากไปงั้นเหรอ?”
“พอดีผมมีเวลา สามารถพาคุณไปส่งให้ได้”
รถหรูขับเข้ามาจอดอยู่ตรงหน้า เซี่ย ซินเหยา อย่างช้าๆ ประตูหน้าสีดําเปิดออก ชายหนุ่มคนหนึ่งแต่งตัวด้วยลุคสบายๆ ชิลๆ ดูมีเสน่ห์ เดินออกมาจากรถ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
และเขาคนนี้เป็นหนึ่งในสี่ชายหนุ่มผู้ร่ำรวย และมีชื่อเสียงโด่งดังในมหาวิทยาลัยเทียนเวย คุณชายลู่ ลู่ เฉินเหยียน..
“ไม่ต้องหรอก ฉันกำลังรอใครบางคนอยู่..”
เมื่อเผชิญกับคําเชิญของ คุณชายลู่ เซี่ย ซินเหยา ก็ปฏิเสธโดยตรง
สําหรับเธอแล้ว คนอย่างสี่ชายหนุ่มผู้มั่งคั่งร่ำรวยที่มักจะปรากฏตัวต่อหน้าเธอ.. นอกจากจะสร้างความน่ารําคาญแล้ว ก็ไม่มีความหมายอื่นเลย
“เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย ทําไมต้องปฏิเสธราวกับผลักไสคนอื่นให้ห่างไกลออกไปหลายพันลี้เช่นนี้ด้วย คุณชายลู่ ..เขาก็แค่เห็นคุณยืนอยู่ที่นี่ และกลัวว่าคุณจะรอคอยนาน ดังนั้นเขาจึงอยากจะไปส่งคุณเท่านั้น”
“ใช่.. เราทุกคนเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน ดังนั้นเราควรช่วยเหลือกันมันถึงจะถูก!”
ประตูที่นั่งแถวด้านหลังของ Bentley เปิดออก และมีชายหนุ่มอีกสองคนเดินลงมา แล้วพูดด้วยรอยยิ้มขี้เล่น
เซี่ย ซินเหยา ขมวดคิ้วแล้ว..
“ฉันบอกว่าไม่ต้อง พวกคุณจะไปที่ไหนก็ไปเถอะ อย่ามายุ่งกับฉัน ซึ่งนั่นจะนับว่าเป็นการช่วยเหลือฉันมากที่สุดแล้ว”
ในเมื่ออีกฝ่ายหน้าด้านขนาดนี้ เธอก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจอีกต่อไป เลยจงใจพูดคำที่มันดูรุนแรงขึ้น
“ไม่ว่าอย่างไรเราทุกคนก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน เงยหน้าไม่เจอ ก้มหน้าเจอ(1) ไม่จําเป็นต้องพูดจารุนแรงถึงขนาดนั้นก็ได้มั้ง?”
ในความเป็นจริงแล้ว พอได้ยินคําพูดนี้ สีหน้าของ คุณชายลู่ ก็อดไม่ได้ที่จะดูน่าเกลียด เขาโกรธมากแต่กลับแสร้งทำเป็นหัวเราะยิ้มเพื่อกลบเกลื่อน:
“ฮ่าฮ่าๆ... ผมรู้ คุณหนูเซี่ย ที่กำลังยืนอยู่ตรงนี้ ก็คือคงกําลังรอ ซูเหวิน ..คนยากจนคนนั้น เพื่อจะไปดูหนังกันใช่ไหม?”
คุณชายลู่ กล่าวด้วยรอยยิ้มที่อึมครึม
เซี่ย ซินเหยา มีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขารู้ได้อย่างไรว่าเธอกําลังจะไปที่ไหน?
ก่อนที่เธอจะทันได้คิดอะไร จู่ๆ ก็มีเสียงความวุ่นวายดังขึ้นที่หน้าประตูมหาวิทยาลัย
ทันใดนั้นก็ได้เห็น รถซุปเปอร์คาร์สุดหรูสีดำล้วนขับออกมาจากมหาวิทยาลัย ดึงดูดความสนใจของเหล่านักศึกษาหลายคนที่เดินผ่านไปมา ..ในทันที
รถหรูคันนี้มีรูปลักษณ์ที่เท่มาก ทั้งการออกแบบก็ดีเยี่ยมสมบูรณ์แบบในทุกด้าน และนี่ก็คือ รถ Aston Martin ของ ซูเหวิน
“เชี้ย.. Aston Martin นี่มันรถหรูอันดับต้นๆ ของโลก Aston Martin One-77 …”
“โอ้.. พระเจ้า ว่ากันว่ารถคันนี้มีราคาสูงถึง 47 ล้านหยวน แถมยังเป็นรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น ทั่วโลกก็มีแค่ไม่กี่คันเท่านั้น แล้วนี่แมร่งใครรวยถึงขนาดที่สามารถซื้อรถหรูๆ แบบนี้มาได้?”
“เดาว่าในมหาลัยเรา.. คนที่สามารถซื้อรถคันนี้ได้ ก็คงจะมีแต่นายน้อยทั้งสี่เท่านั้นแหละ จริงมั้ย?”
นักศึกษาที่มาเป็นกลุ่มสองถึงสามคมพูดคุยกัน
มีนักศึกษาหลายคนยิ่งมองดูมันตาก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวแล้ว (2)
เมื่อขับรถแบบนี้ออกมา เรียกได้ว่า เท่สุดๆ ทั้งสะดุดตา.. และดึงดูดความสนใจของผู้คนได้มากจริงๆ
แต่ฉากต่อมากลับทําให้ทุกคนนิ่งงันราวกับไก่ไม้(งงเป็นไก่ตาแตก) และพากันอ้าปากค้าง.. ไปแล้วตอนนี้
เห็นแต่รถหรูคันนี้นั้น ขับตรงออกมาหยุดอยู่ตรงหน้า ดอกไม้งาม เซี่ย จากนั้นประตูรถก็เปิดออก มีชายหนุ่มคนหนึ่ง ค่อยๆ เดินออกมาจากข้างในอย่างช้าๆ
ซึ่งใบหน้านั้น.. ทุกคนคุ้นเคยเป็นอย่างมากจนทุกคนอดไม่ได้ที่จะตกใจ และมีความรู้สึกที่ไม่อยากจะเชื่อว่าจะเป็น ..เขา
“เชี้ย ฉัน..ฉันเห็นไม่ผิดใช่ไหม และเดี๋ยวนะนั่น นั่นคือ ซูเหวิน ซูเหวินจากภาคการจัดการ?”
“นี่... เป็นไปได้อย่างไร ซูเหวิน ไม่ใช่คนจนหรอกเหรอ? คาดไม่ถึงว่าเขาจะเล่นขับ Aston Martin ได้จริงๆ นี่มัน ..ล้อเล่นหรือเปล่านะ?”
“จริงหรือปลอมไม่รู้.. แต่ฉากตรงหน้า คงไม่ใช่ว่าเป็นภาพลวงตาของฉันใช่ไหม?”
นักศึกษาพากันเบิกตากว้าง และพวกเขาแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
ทุกคนคงคิดว่า ..รถหรูคันนี้ถูกซื้อโดยหนึ่งในสี่นายน้อยผู้ร่ำรวย
บางคนยังมีความคิดที่ว่าอาจจะเป็นคนใหญ่คนโตที่มาที่มหาวิทยาลัย..
แต่ที่ไหนใครมันจะไปคิดว่า คนที่ขับรถหรูคันนี้จะเป็น ซูเหวิน ไอ้คนยากจนที่ถูก ฟาง ซินอี๋ ทอดทิ้ง…
“เป็นนาย..”
คุณชายลู่ ที่อยู่ข้างๆ มองไปที่ ซูเหวิน ด้วยความไม่อยากจะเชื่อเช่นกัน
เมื่อเร็วๆ นี้ ซูเหวิน ได้รับความนิยมอย่างมากในมหาลัย และเขาก็รู้เรื่องนี้..
แต่ฉากตรงหน้า.. ดูเหมือนจะไม่สอดคล้องกับข่าวลือที่ว่าเขาคนนี้ยากจนอย่างจัง!
เมื่อเผชิญกับความตกใจของ คุณชายลู่ ซูเหวิน กลับเพิกเฉยโดยตรง
หลังจากเขาลงจากรถแล้ว เขามองตรงไปที่ เซี่ย ซินเหยา แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า : “เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย เราไปกันเถอะ!”
“นี่.. รถคุณเหรอ?”
คราวนี้.. แม้แต่ ดอกไม้งาม เซี่ย ก็ยังต้องประหลาดใจแล้ว
แม้ว่าเธอจะมีความเข้าใจน้อยมากเกี่ยวกับ ..รถหรู แต่เธอก็สามารถมองออกได้ในทันที
รถคันนี้ แค่เห็นก็รู้ทันทีว่ามีราคาแพงมาก และมันไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปสามารถซื้อได้
“อืม.. ผมเพิ่งซื้อมันมาเมื่อไม่กี่วันก่อน”
ซูเหวิน ยิ้มเบาๆ และไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม
เมื่อวานนี้ หลังจากที่ Aston Martin ถูกสั่งซื้อโดยระบบ ก็ได้ถูกส่งมาถึงมหาลัยแล้ว และเขาก็ได้รับใบขับขี่มาด้วยเช่นกัน ซึ่งตอนนี้เขาถือว่าเป็นเจ้าของรถคันนี้แล้ว
ดอกไม้งาม เซี่ย ทำเพียงพยักหน้ารับเท่านั้น
แม้ว่าคําตอบนี้จะไม่น่าเชื่อเล็กน้อย แต่ในเมื่อ ซูเหวิน พูดออกมาแบบนี้แล้ว มันก็ยากที่เธอจะพูดอะไรอีก ดังนั้นจึงเข้าไปในรถตามคําเชิญของอีกฝ่าย
หลังจากนั้น ซูเหวิน ก็ขึ้นรถไปด้วย
ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองจึงไม่สนใจทุกคนที่อยู่ที่นั่น พอสตาร์ทรถก็แล่นออกไปทันที...
(1)[เงยหน้าไม่เจอ ก้มหน้าเจอ (抬头不见低头见)] - อุปมา ของการพบเจอกันอยู่บ่อยๆ
(2)[มองดูแล้วทำให้ตาของฉันเขียว (看的我眼睛都绿了)] - หมายความว่า เราหิว หรือ อิจฉานั้นเอง หากมองแล้วตาเป็นสีเขียว ต้องมองดูว่าอะไรอยู่ตรงหน้า หากเป็น อาหาร งั้นแสดงว่า เราหิว หากเปลี่ยนเป็นบางอย่างที่ตัวเองต้องการ ก็เปรียบได้ว่าเราอยากได้ หรืออิจฉานั้นเอง