ตอนที่แล้วChapter 416 ปีนเขา? สำเร็จ?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 418 คนเหล่านี้คือใคร?

Chapter 417 ขอทางหน่อย.


ขณะที่ทุกคนเหนื่อยขั้นสุด ทว่าเวลานี้กับต้องเผยท่าทางงงงวยออกมา พบกับเรื่องที่ทำให้พวกเขาตื่นตะลึง!

เหล่าชาวยุทธ์ที่ถูกทิ้งไว้ด้านหลังงงงวย เผยแววตาไม่อยากเชื่อออกมา.

พวกเขาเห็นอะไร?

พวกเขาที่เห็นผู้ฝึกยุทธ์ในชุดสีขาว เป็นผู้เยาว์ที่ตะโกนออกมาอย่างพร้อมเพรียง ก้าวมาถึงกลางเขาอยู่ห่างจากพวกเขานิดเดียว.

ใครกัน?

จุนซ่างเซียวและศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งนั่นเอง!

กลุ่มของพวกเขาที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่มีใครที่ถูกทิ้ง ก้าวขึ้นมาราวกับว่าเป็นเรื่องง่ายดาย.

ถึงจะก้าวมาถึงกลางหุบเขาแล้ว กับรู้สึกว่าราวกับเป็นเรื่องปรกติของพวกเขา.

เทียบกับเหล่าผู้ฝึกยุทธ์จากนิกายคนอื่น ๆ แต่ละคนที่แทบล้มนอนเหยียดไปกับพื้นแล้ว.

จุนซ่างเซียวที่นำศิษย์ตะโกนเสียงดัง ขณะก้าวอย่างพร้อมเพรียง ทำให้ทุกคนที่เห็นต้องตื่นตะลึงและเหลือเชื่อเป็นอย่างมาก.

เหล่าชาวยุทธ์ไม่น้อยที่เหนื่อยล้าแทบจะลืมตาไม่ขึ้น รู้สึกราวกับว่าพวกเขาเข้าใจผิดไป มุมปากกระตุก “นี่มัน....เรื่องจริงอย่างงั้นรึ?!”

“4-234.”

ในเวลาเดียวกันนั้น จุนซ่างเซียวที่ก้าวข้ามผ่านพวกเขาไป ก่อนที่จะทิ้งระยะห่างไปทันที พวกเขาที่พบว่าอีกฝ่ายยังเผยยิ้มให้กับพวกเขาด้วย!

นี่...ยังยิ้มได้อีกรึ?

นี่พลังของค่ายกลไม่ส่งผลอะไรกับพวกเขาเลยรึ?

ตะลึง ตะลึงโดยสมบูรณ์!

พวกเขาที่ถูกทิ้งห่างเอาไว้ด้านหลังไปแล้ว.

นอกจากนี้ คนเหล่านี้ได้ขึ้นมาก่อน.

ในเวลานี้จุนซ่างเซียวกลับนำศิษย์ก้าวแซงทุกคนไปแล้ว.

“โอ้ว...สวรรค์!”

“พวกเขาเป็นใครกัน? นี่....แรงกดดันขนาดนี้พวกเขาราวกับบินขึ้นเขาได้อีก!”

“นี่ข้าเหนื่อยเกินไป....จนเกิดภาพหลอนอย่างงั้นรึ?”

เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่เหนื่อยล้าถูกทิ้งไว้ด้านหลัง ต่างก็สีตาไปมา.

ส่วนผู้ฝึกยุทธ์ที่นำหน้าอยู่ ได้ยินเสียงก้าวเท้า ต่างก็จ้องมองมาด้านหลังไปตาม ๆ กัน.

เจ้าสำนักจุนที่นำศิษย์ขึ้นเขาอย่างใจเย็น ไม่แสดงความเหนื่อยล้าออกมาแม้แต่น้อย.

บัดซบ!

นี่มัน...อสุรกายรึอย่างไรกัน!

......

จุนซ่างเซียวและศิษย์ยังคงรักษาความเร็วอย่างสม่ำเสมอ และมองเห็นกลุ่มด้านหน้าแล้ว ตอนนี้ได้นำศิษย์ไล่ตามไปด้วยความเร็ว.

ท้ายที่สุด.

เหล่าศิษย์นิกายหลักที่เวลานี้ตื่นตะลึงตกใจเกือบทั้งหมด.

“1-234.”

“2-234.”

“......”

พวกเขายังคงตะโกนนับก้าว ขึ้นไปด้านบน ด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ.

เป็นการแสดงให้เห็นว่า การปีนเขาในครั้งนี้ จุนซ่างเซียวและศิษย์นั้นไม่รู้สึกอะไร แม้แต่เหงื่อก็ไม่หลั่งแม้แต่หยดเดียว.

ด้วยการฝึกฝนในแรงโน้มถ่วงสิบเท่า กับการวิ่งบนแรงโน้มถ่วงห้าเท่า เป็นเรื่องง่ายแทบไม่ส่งผลกับพวกเขาแม้แต่นิดเดียว.

ในเวลานี้ หากจุนซ่างเซียวสั่ง พวกเขาก็พร้อมจะพุ่งขึ้นไปบนยอดเขาในทันที โดยเฉพาะอดีตราชันย์รัตติกาล ที่แทบอดใจที่จะพุ่งขึ้นไปบนยอดเขา ในเวลานี้เลย!

ผู้ฝึกยุทธ์มากมายที่ได้ยินเสียงดังขึ้น พวกเขาก็จ้องมองไปยังสำนักไท่กู่เจิ้ง.

ก่อนหน้านี้พวกเขาอดทนอย่างยากลำบาก ท้ายที่สุดจิตใจถึงกับสับสนสั่นไหวไปมา จนทำให้ร่างกายต้องทรุดลง ไม่สามารถก้าวต่อไปได้.

จุนซ่างเซียวที่นำศิษย์ก้าวมุ่งหน้าไปด้านหน้าเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้อยู่ห่างจากนิกายที่นำหน้าเพียง 400-500 ขั้นเท่านั้น.

“หืม?”

ในเวลานั้นเหม่ยเอ๋อที่ได้ยินเสียง ที่คุ้นเคยดังขึ้น แม้นว่าจะยากลำบาก ทว่าใบหน้าท่าทางก็แข็งขึ้นในทันที!

เป็นเขา!

เขา...จุนซ่างเซียว!

“เจ้าสำนัก.”

หลี่ชิงหยางเอ่ย “คนของวังเมี่ยวฮัวอยู่ด้านหน้า.”

จุนซ่างเซียวที่มองเห็นเช่นกัน ดังนั้นจึงกล่าวเสียงดัง “ศิษย์ทุกคน เพิ่มความเร็วขึ้นอีก!”

“รับทราบ!”

“กึก!กึก! กึก! กึก!”

หลี่ชิงหยางและคนอื่น ๆที่เพิ่มความเร็วขึ้น ขาทั้งสองข้างที่ขยับ พริบตาเดียวก็พุ่งขึ้นไป 40-50 ขั้นแล้ว.

เหล่าชาวยุทธ์ที่เหนื่อยอ่อนนั่งลงแทบทรุดอยู่บนพื้น เห็นพวกเขา ที่เพิ่มความเร็วได้อีก จิตใจก็สั่นไหวไปมา!

“เหม่ยเอ๋อ!”

ใบหน้าของซีจิงเสวียนที่เผยความตื่นเต้นดีใจออกมา.“บางทีนั่นคือเสียงของเจ้าสำนักจุน!”

เหม่ยเอ๋อที่ไม่กล่าวอะไรออกมาอีก.

การขึ้นเขาของจุนซ่างเซียวและศิษย์ สั่นคลอนจิตใจของนางเป็นอย่างมาก.

ก่อนหน้านี้ นางเอ่ยว่าหากสำนักไท่กู่เจิ้งมา คงถูกทิ้งไว้ด้านหลัง หรือแม้แต่นอนฟุบไปกับพื้นสลบไปแล้ว!

แล้วนี่คืออะไร?

ไม่ผิด นี่คือการแสดงความยอดเยี่ยม หักหน้านางอย่างแรง.

กล่าวตามจริง เจ้าสำนักจุนไม่ได้ตั้งใจจะหักหน้านาง ทว่าไม่คาดคิดเลยว่า ทางขึ้นเขาหัวซานแห่งนี้จะมีค่ายกลดำรงอยู่.

แรงโน้มถ่วงที่กดทับลงมานี้ สำหรับศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งแล้วเป็นเรื่องปรกติ พวกเขาฝึกฝนร่างกายทุกวัน แรงโน้มถ่วงไม่มีทางส่งผลกับพวกเขาอย่างแน่นอน.

ดังนั้น.

นี่จึงเป็นการแสดงความยอดเยี่ยมออกมา อย่างไม่ตั้งใจ!

“เจ้าวังซี!”

จุนซ่างเซียวที่ตามมาทันกลุ่มของซีจิงเสวียน ขณะก้าวเข้าไปหา “ระหว่างทางรถติด เลยมาช้าหน่อย.”

“รถติดอย่างงั้นรึ?”

ซีจิงเสวียนที่เผยท่าทางงงงวย.

จุนซ่างเซียวที่กล่าวลอย ๆ แน่นอนว่าไม่ได้อธิบายอะไร ทว่ากล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “เส้นทางมีค่ายกลอยู่ ปรากฏแรงกดทับลงมา เจ้าวังซีขึ้นเขามาเหนื่อยหรือไม่?”

เหม่ยเอ๋อที่มุมปากกระตุก.

ก็ใช่ไง มีค่ายกลกั้นขวาง เกิดพลังกดทับลงมา!

แต่ว่าเจ้าและศิษย์กับวิ่งผ่านราวกับผีเสื้อในสวนดอกไม้ น่าหวาดกลัวยิ่งนัก!

ซีจิงเสวียนที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางขวยเขิน “....ไม่ค่อยเหนื่อย.”

เห็นคำพูดที่มั่นคงของนาง จุนซ่างเซียวที่ลอบคิดในใจ “สตรีผู้นี้ไม่ธรรมดา.”

“ในเมื่อไม่เหนื่อย ทำไมพวกเราไม่ขึ้นไปบนยอดเขาก่อน เพื่อจะได้ชมทิวทัศน์ด้านบนก่อนคนอื่นล่ะ?”

“ข้าไม่เหนื่อย หากแต่กลุ่มของเหม่ยเอ๋อนั้นเหนื่อยมาก.”

เพราะว่านางตาบอด ซีจิงเสวียนจึงไม่สะดวกเล็กน้อย หากไม่มีศิษย์คอยพยุง การจะขึ้นไปบนยอดเขาย่อมลำบากมาก.

“แม่นางเหม่ยเอ๋อ.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “ข้าคิดว่าเจ้าคงจะเหนื่อยมาก เพราะว่าต้องพยุงเจ้าหวังซี ให้ข้าเป็นคนรับหน้าที่ในการพยุง ขึ้นไปยอดเขาหัวซานดีหรือไม่?”

“.....ไม่!”เหม่ยเอ๋อที่กล่าวโต้แย้งในทันที.

เพราะว่าคำพูดดังกล่าว สั่นคลอนจิตใจของนาง ทำให้ขาของนางอ่อนลง จนแทบต้องนั่งลงพักเหนื่อย.

เหม่ยเอ๋อที่เหนื่อยล้าทรุดลง ทำให้ร่างของซีจิงเสวียนที่นางพยุงสั่นไหวไปมาทันที.

“ฟิ้ว!”

เจ้าสำนักจุนที่ก้าวเข้าไปพยุงแขนของนางอย่างรีบเร่ง สัมผัสแขนที่เนียนนุ่ม และเอวที่คอดกิ่วของนางทันที.

“เจ้าวังซี.”

“หากไม่รังเกียจละก็ ให้ข้าพยุงท่านขึ้นไปบนยอดเขาดีหรือไม่?”

“เรื่องนี้...”

ใบหน้าที่เรียวเล็กของนางปรากฏสีแดงเรื่อ ๆ ก่อนกล่าวเสียงเบา “ตกลง.....”

“เจ้า...เจ้าวัง....”

เหม่ยเอ๋อที่กล่าวอย่างยากลำบาก เจ้าสำนักจุนที่พยุงแขนของซีจิงเซียนก้าวขึ้นเขา ก้าวผ่านทิ้งนางเอาไว้ไม่เหลียวมองเลย.

เจ้าคนน่ารังเกียจ!

กล้าที่จะเอาเปรียบเจ้าวังของข้าเหรอ!

แม้นว่าเหม่ยเอ๋อจะโกรธเป็นอย่างมาก แต่เพราะว่าร่างกายของนางที่เหนื่อยล้า จึงทำได้แค่มองอย่างช่วยไม่ได้ จ้องมองจุนซ่างเซียวพาร่างเจ้าวังของนางจากไปแล้ว.

......

กลุ่มด้านหน้า.

เจ้านิกายซ่างกาน และศิษย์ที่ยังคงก้าวปีนอย่างจริงจัง.

แม้นว่า พวกเขาจะก้าวนำคนอื่น ทว่าด้วยแรงกดทับที่กดลงมามากขึ้นเรื่อย ๆ เหงื่อที่ไหลชโลมกาย ขาเริ่มสั่นแล้ว.

“ใกล้แล้ว ใกล้ถึงยอดเขาแล้ว.”

“ท้ายที่สุดนิกายซ่างกานของพวกเราก็จะเป็นที่หนึ่ง!”

“นอกจากพวกเรา ย่อมไม่มีใครแย่งชิงที่หนึ่งได้!”

เหล่าศิษย์นิกายซ่างกานที่กัดฟันอดทนก้าวต่อไปด้านหน้า.

พวกเขาที่มองเห็นยอดเขาแล้ว มองเห็นความงดงามที่ไม่มีที่สิ้นสุดอยู่บนนั้น.

เจ้านิกายซ่างกานที่ยากจะเก็บความตื่นเต้นเอาไว้ได้.

ในอดีต เขาที่ได้แต่มอง นิกายระดับสามที่ก้าวไปถึงด้านบน ทิ้งพวกเขาห่างจนแทบตามไม่ทัน ท้ายที่สุดก็เป็นช่วงเวลาของเขาแล้ว!

“อ๊าก---”

ใกล้เข้ามาแล้ว เจ้านิกายซ่างกานที่อดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมาด้วยความดีใจ ที่สองที่ต้องแบกรับมาโดยตลอด ท้ายที่สุดก็ได้ที่หนึ่งแล้ว.

“โทษที.”

เพียงไม่นาน เขาที่ได้ยินเสียงที่ดังขึ้นในหู “โปรดหลีกทางด้วย.”

กึก!”

เจ้านิกายซ่างกานที่สายตาแข็งค้าง ดวงตาเบิกกว้างแทบหลุดออกจากเบ้า.

ผู้เยาว์ในชุดสีขาว ที่ปรากฏขึ้นพร้อมกับเจ้าวังเมี่ยวฮัวที่งดงามอยู่ด้านข้าง.

ห๋า.

แซงข้าไปแล้ว.

อ๊าก นี่มันอะไรกัน!

เจ้านิกายซ่างกานที่งงงวยไปทันที แทบจะด่ามารดาเถอะ เป็นพันล้านครั้งอย่างบ้าคลั่งในใจ.

ใครก็ได้บอกที มารดาเถอะนี่มันเกิดอะไรขึ้น!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด