ตอนที่แล้วChapter 414 ทหารหนีทัพ เสวี๋ยเหรินกุย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 416 ปีนเขา? สำเร็จ?

Chapter 415 ถึงเวลาทำเท่แล้ว.


การเข้าร่วมชุมนุมเจ้าสำนัก แน่นอนว่าไม่สามารถนำคนไปเป็นจำนวนมากได้.

จุนซ่างเซียวที่ส่งเครื่องหมายสำนักไท่กู่เจิ้งให้กับเสวี๋ยเหรินกุย นำผู้ใต้บังคับบัญชากลับสำนักไท่กู่เจิ้งก่อน.

ตราเจ้าสำนักไท่กู่ มีอักษร“สำนักไท่กู่เจิ้ง” ที่สร้างขึ้นที่เมืองชิงหยาง แน่นอนว่าสามารถยืนยันสถานะสำนักของเขาได้.

“เจ้าสำนัก.

เจียงเสวี๋ยเอ่ย “เสวี๋ยเหรินกุยเป็นผู้นำที่มีพรสวรรค์ สามารถให้เขารักษาการถางจู่หอขี่หมาป่าได้.”

“เปิ่นจั้วก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน.”

จุนซ่างเซียวที่เอ่ยกล่าวออกมาอีกว่า “ทว่าก็ต้องดูผลงานของเขาก่อน.”

ตอนนี้เพิ่งรับเขาเป็นศิษย์ จำเป็นต้องตรวจสอบอีกสักระยะ หากเป็นที่พอใจ แน่นอนว่าจะต้องมอบตำแหน่งถางจูให้กับเขาแน่นอน.

จากนั้นพวกเขาก็เดินทางไปยังเทือกเขาหัวซานต่อ.

ระหว่างทาง แน่นอนว่าไม่ลืมที่จะค้นหาโจรภูเขาเหมือนเดิม.

“ฟู่ ฟู่!”

อีกแห่งของโจรภูเขาที่ถูกทำลาย เปลวเพลิงที่ลุกโชนเผาไหม้ จากฝีมือของจุนซ่างเซียวและศิษย์.

ขณะลงเขานั้น ก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือน.

“ติ๊ง! ยินดีกับโฮสน์ที่ทำภารกิจลับเสร็จ  【จัดการกับความชั่วร้าย แห่งที่ห้า 】ได้รับคำแนนสนับสนุน 500 แต้ม.”

“ติ๊ง! คะแนนสนับสนุน : 3961 / 5000.”

“ติ๊ง! ยินดีกับโฮสน์ที่ทำภารกิจต่อเนื่อง【จัดการกับความชั่วร้าย】สำเร็จ ได้รับแต้มสนับสนุน 1000 แต้ม พร้อมกับฉายา【วีระบุรุษผู้กล้า】”

“ติ๊ง! แต้มสนับสนุนสำนัก: 4961 / 5000.”

“เฮ้ย!”

จุนซ่างเซียวที่ดวงตาเบิกกว้างกลมโต.

เขาที่คาดเดาว่านี้คงเป็นภารกิจต่อเนื่อง แต่คาดไม่ถึงเลยว่าจะได้รับ 1000 แต้ม และยังได้รับฉายาด้วยอย่างงั้นรึ?

จุนซ่างเซียวที่เปิดคอนโซลระบบขึ้นมาทันที.

ที่ด้านหลังชื่อเจ้าสำนัก จุนซ่างเซียว ปรากฏฉายาเพิ่มขึ้นมา.

เขาที่เปิดคอนโซนเล็ก ๆ ขึ้นมา.

โฮสน : จุนซ่างเซียว.

ค่าโชคดี : 1

ฉายา  【เจ้าชายน้อยผู้สิ้นเปลือง】”

คุณสมบัติฉายา โชค 1 แต้ม.

เวลานี้ปรากฏ ฉายา : วีระบุรุษผู้กล้า เพิ่มขึ้นมาแล้ว

และอีกแห่งค่าโชคจากฉายาผู้กล้าที่เพิ่มขึ้นมา ต่อจากฉายาเจ้าชายน้อยผู้สิ้นเปลือง เปลี่ยนจากหนึ่งแต้มก่อนหน้านี้ มาเป็นห้าแต้มแล้ว.

จุนซ่างเซียวที่เผยท่าทางประหลาดใจ “เพียงแค่เพิ่มฉายา ก็ทำให้ค่าโชคดีเพิ่มขึ้นได้ด้วย!”

ระบบเอ่ยเอ่ย “นับว่าเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยม.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “เช่นนั้นภารกิจต่อเนื่องทำลายความชั่วร้ายนี้ก็สำเร็จแล้ว จากนี้หากบุกทำลายค่ายโจร ก็จะไม่ได้คะแนนแล้วอย่างงั้นรึ?”

“ไม่ผิด.”ระบบตอบ.

“......”

จุนซ่างเซียวที่วิงเวียนเล็กน้อย.

คิดว่าไม่มีจำกัดซะอีก เหนียวชะมัด.

......

ภารกิจต่อเนื่องกำจัดโจรร้ายที่ไม่มีแล้ว จุนซ่างเซียวจึงมุ่งตรงไปยังภูเขาหัวซานทันที.

อย่างไรก็ตาม หากว่าพบโจรภูเขาระหว่างทางโดยบังเอิญ เขาก็ไม่รังเกียจที่จะบุกทำลายกลุ่มโจรภูเขา.

เหล่าผู้กล้าเพื่อทวงความยุติธรรมต่ออย่างงั้นรึ?

แน่นอนว่าไม่เพียงทำลาย เขายังชิงทรัพยสินของโจรภูเขาไปด้วย!

ก่อนหน้านี้.

นับรวมค่ายโจรของเสวี๋ยเหรินกุย รวมเทือกเขาโจรภูเขาที่จัดการไป เจ้าสำนักจุนก็ได้รับเงินและทรัพยากรต่าง ๆมากมาย โดยเฉพาะแร่ต่าง ๆ.

และเขาที่เปิดฟังก์ชันหลอม ได้อาวุธมามากมาย.

“หลอมทั้งหมด.”

จุนซ่างเซียวที่หลอมอาวุธ เลือกปริมาณทั้งหมด เพื่อหลอมออกมา.

นับตั้งแต่อยู่ที่เทือกเขาหมื่นสัตว์นั้น เขาได้เหล็กเย็นมากมาย ในแหวนมิติ มีกระบี่หานมั่งระดับกลางอยู่หลายร้อยเล่ม.

นี่คืออาวุธที่เหนือกว่ากระบี่หานเฟิง จุนซ่างเซียวยังไม่ได้มอบให้กับศิษย์ชั่วคราว.

เพื่อไม่ต้องการทำลายรากฐานของพวกเขา ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมอบให้พวกเขาอย่างระมัดระวัง.

ทว่าเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมเขาย่อมแจกจ่างออกไปให้กับทุกคนอย่างแน่นอน.

......

ภูเขาหัวซาน.

พลังวิญญาณไม่ได้เข้มข้นแต่อย่างใด ทว่าบรรยากาศบนภูเขาลูกนี้สวยงามเป็นอย่างมาก.

โดยเฉพาะกลางภูเขานั้นมีหมอกที่หมุนวน เป็นชั้นงดงาม ดูราวกับว่าเป็นสรวงสวรรค์.

ที่เชิงเขาในเวลานี้.

นิกายต่าง ๆได้นำศิษย์มากมาย กระจายอยู่ทั่วทุกสารทิศ.

บนพื้นที่เปิดเวลานี้ มีจำนวนคนกว่า 600-700 คน ที่กำลังทักทายกันอย่างอบอุ่น.

“เจ้านิกายหวัง พวกเราไม่ได้พบกันนานเลย.”

“เจ้านิกายซุน กลิ่นอายทรงพลังยิ่งนัก นี่พลังบ่มเพาะเพิ่มขึ้นขนาดนี้เลยรึ?”

“ชื่นชมแล้ว ชื่นชมเกินไปแล้ว.”

เสียงดังอึงคะนึง จากการทักทายกัน จนแทบไม่รู้ว่าใครเป็นใคร.

เหล่าเจ้านิกายที่มาชุมนุมบนภูเขา ทำไมพวกเขาถึงได้รวมตัวกันที่เชิงเขาล่ะ?

นั่นก็เพราะว่านี่เป็นงานใหญ่ ทุกคนจำเป็นต้องมารวมตัวกันก่อน จากนั้นก็จะมีการแข่งขันขึ้นไปบนภูเขา.

นี่คือการเปรียบความสามารถอย่างหนึ่งของพวกเขาเช่นกัน.

ทุกคนรู้ดีว่า เส้นทางขึ้นภูเขานั้นไกลมาก และนอกจากนี้ยังมีการวางค่ายกลเอาไว้อีกด้วย.

ค่ายกลที่ซ่อนเอาไว้ ทำให้ทุกคนขึ้นไปบนภูเขาได้อย่างยากลำบาก.

การชุมนุมพูดคุยวิถียุทธ์ ก็เป็นการแข่งขันอย่างหนึ่ง ทดลองความแข็งแกร่งของเหล่าผู้ร่วมด้วย.

พลังบ่มเพาะที่สูงขึ้น ย่อมมีความแข็งแกร่งและควาอดทนมากกว่าคนอื่น.

ก่อนที่การแข่งขันจะเริ่ม เหล่าเจ้านิกายที่มีการพูดคุยกันเล็ก ๆ น้อย ๆ คนเข้าร่วมที่มากขึ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ.

เรื่องที่พวกเขากล่าวเวลานี้นะรึ?

แน่นอนว่าเป็นการแข่งขันของงานชุมนุมครั้งนี้อย่างแน่นอน.

เหล่ากลุ่มอิทธิพลที่เข้าร่วม แน่นอนว่าย่อมไม่ปล่อยให้ใครทิ้งห่างเอาไว้ท้ายสุด พวกเขาย่อมต้องพยายามที่จะขึ้นไปให้ถึงยอดก่อนคนอื่น ไม่มีทางให้คนอื่นเหนือกว่าอย่างแน่นอน.

เสียงดังอื้ออึงที่ยังคงดังอยู่ เจ้านิกายซุนเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม “เจ้านิกายหวัง การชุมนุมครั้งก่อน นิกายของข้าช้ากว่าท่านก้าวหนึ่ง ครั้งนี้นิกายของข้าจะต้องนำหน้าท่านให้ได้.”

“เฮ้ เฮ้.”

เจ้านิกายหวังเผยยิ้ม “ยังไม่แข่งจะกล่าวสรุปเช่นนั้นได้อย่างไร.”

ทุกคนที่รอคอยพูดคุยกันอยู่ ในกลุ่มมีซีหยางเสวียนเจ้าวังเมี่ยวฮัวที่กลายเป็นที่จับจ้องมองของผู้คนเช่นกัน.

เหล่าชาวยุทธ์ที่เข้าร่วมมีนิกายระดับห้า ส่วนมากแล้วนำคนมา 20-30 คน ทว่านิกายระดับสี่แห่งนี้นำคนมานิดเดียว.

และยิ่งเป็นิกายระดับสามและสูงขึ้นไป ไม่มีแม้แต่คนเดียวเดินทางมาเข้าร่วม.

กล่าวตามตรง.

เหล่านิกายใหญ่ ๆ ที่ไม่ส่งคนมานั้นเพราะมองไม่เห็นความสำคัญต่อพวกเขามากนัก.

“เหม่ยเอ๋อ.”

ซีจิงเสวียนเอ่ย “เจ้าสำนักจุนมาหรือไม่?”

“ไม่.”

เหม่ยเอ๋อที่มองไปรอบ ๆ ไม่เห็นจุนซ่างเซียว ไม่ปรากฏศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งสักคน ในใจที่รู้สึกผ่อนคลายทันที.

นางไม่ต้องการที่จะเห็นเจ้าวังและจุนซ่างเซียวผูกสัมพันธ์ต่อกันมากไปกว่านี้แล้ว.

“เขาไม่ได้เอ่ยว่าจะเข้าร่วมหรอกรึ?”ซีจิงเสวียนที่เอ่ยเสียงเบางุ้งงิง.

เหม่ยเอ๋อเอ่ย “สำนักไท่กู่เจิ้งเป็นเพียงสำนักระดับเจ็ด เข้าร่วมงานชุมนุมปรึกษายุทธ์ร่วมกับนิกายใหญ่ ไม่เท่ากับมาให้ทุกคนหัวเราะหรอกรึ? ไม่มานั้นล่ะดีแล้ว.”

“ทุกท่าน.”

ในเวลานั้น เจ้านิกายระดับสี่คนหนึ่ง กล่าวเสียงดัง “ทุกคนมากันพร้อมแล้ว ถึงเวลาปีนเขาพร้อมกันแล้ว.”

“เดินทาง ไป!”

ทุกคนที่กล่าวตอบรับพร้อมกัน.

“เฮ้อ.”

ซีจิงเสวียนที่ถอนหายใจด้วยความขมขื่น ก่อนนำศิษย์ขึ้นเขา.

“ฟิ้ว! ฟิ้ว!”

จากนั้นทุกคนก็เริ่มปีนเขาขึ้นไปเป็นระลอกคลื่นฝูงชนที่กำลังกระจายขึ้นเขา.

เหล่าเจ้านิกายและศิษย์ที่สั่งศิษย์ตรวจสอบค่ายกล ขึ้นเขาอย่างระมัดระวัง ก้าวตามเหล่าคนที่แข็งแกร่งกว่า.

ตอนแรก พวกเขาที่ปีนเขาราวกับบินขึ้นไป ทว่ายิ่งสูงขึ้นความเร็วก็ยิ่งลดลง หน้าผากหลั่งเหงื่อออกมา.

ทางขึ้นเขานั้นไม่ได้เรียบง่ายอย่างแน่นอน ยิ่งสูงเท่าไหร่ ลมที่พัดโกรกก็ยิ่งขึ้นไปยากมากขึ้นเท่านั้น.

เพียงหนึ่งชั่วยาม.

พวกเขาที่ขึ้นไปได้เพียงแค่ครึ่งทางกลางเส้นทางขึ้นภูเขาเท่านั้น.

อย่างไรก็ตาม ขณะพวกเขาปีนเขาอยู่นั้น จุนซ่างเซียวก็นำศิษย์มาถึงเชิงเขา.

“เจ้าสำนัก.”

เจียงเซี่ยเงยขึ้นมองเอ่ยออกมาว่า “พวกเขาขึ้นเขากันหมดแล้ว.”

“ไป.”

จุนซ่างเซียวที่นำศิษย์ขึ้นเขา ขณะก้าวขึ้นไป ก็พบกับม่านพลัง จากนั้นก็ทำให้เขาประหลาดใจขึ้นมา “มีค่ายกลด้วย?”

“ฟู่ ฟู่!”

ในเวลานั้น เขาพบว่ามีพลังมากมายกระจายทั่วอากาศที่กดทับลงมา.

หลี่ชิงหยางที่เอ่ยออกมาอย่างจริงจัง “เจ้าสำนัก กลิ่นอายรอบ ๆ นี้เหมือนกับที่ชั้นหนึ่งหอเก็บประสบการณ์มีแรงโน้มถ่วงเหมือนกัน!”

“ไม่เลว.”จุนซ่างเซียว.

เจียงเซี่ยเอ่ย “ใครที่ทำอะไรน่าเบื่อ เตรียมค่ายกลให้ยากจะขึ้นไปอย่างงั้นรึ?”

จุนซ่างเซียวที่เงยหน้า จ้องมองเหล่าชาวยุทธ์ที่ขึ้นไปถึงกลางภูเขาแล้ว เอ่ยออกมาเสียงเบา “หากเดาไม่ผิด คงจะเป็นการทดสอบคุณสมบัติเข้าร่วมชุมนุมเทือกเขาหัวซาน เป็นการแข่งขันอย่างหนึ่งแน่นอน.”

“ฮึ.”

เย่ซิงเฉินที่แค่นเสียงเหยียดหยัน “แรงโน้มถ่วงอ่อนด้อยกว่าหอคอยเก็บประสบการณ์อีก ไม่เห็นจะดูสนุกตรงใหน.”

“แปะๆ”

จุนซ่างเซียวที่ปรบมือ ก่อนที่จะเผยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ดังนั้น นี่ถึงเวลาแสดงความยอดเยี่ยมของสำนักไท่กู่เจิ้งมาถึงแล้ว.”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด