Chapter 414 ทหารหนีทัพ เสวี๋ยเหรินกุย
ชื่อเสียงของสำนักไท่กู่เจิ้งนั้นสูงมาก ถึงกับกระจายมาถึงโจรภูเขาเลยอย่างงั้นรึ?
จุนซ่างเซียวเอ่ย “ไม่ผิด.”
“ที่เอ่ยว่าเปิ่นจั้วนั่น บางทีเจ้าคือเจ้าสำนักรุ่นสองสำนักไท่กู่เจิ้ง จุนซ่างเซียวอย่างงั้นรึ?”หัวหน้าโจรภูเขาที่เอ่ยกล่าวออกมา.
“ฮึ ฮึ.”จุนซ่างเซียวเอ่ย “รู้แม้แต่เปิ่นจั้วเป็นเจ้าสำนักรุ่นสอง ดูเหมือนว่าจะมีข้อมูลไม่น้อยเลย.”
หัวหน้าโจรภูเขาเอ่ย “นำศิษย์ เดินทางไปยังมนทลฮวยหยาง ทำลายสี่สำนักปิศาจติดต่อกัน นี่คือยอดผู้กล้าที่ทำลายความชั่วร้าย เสวี๋ยโหมวชื่นชมยิ่งนัก แน่นอนว่าย่อมต้องสอบถามข้อมูลไปทั่ว.”
ยอดผู้กล้าอย่างงั้นรึ?
จุนซ่างเซียวไม่ได้รู้สึกเก้อเขินเลยแม้แต่น้อย.
เกี่ยวกับเหตุผลทำลายสำนักปิศาจและทำลายเหล่าโจรภูเขานั้น เหตุผลแท้จริงแล้วไม่ได้เพื่อทำลายความชั่วร้ายแต่อย่างใด.
“ในเมื่อชื่นชมเปิ่นจั้ว ทำไมไม่เข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้งล่ะ?”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
หัวหน้าโจรเอ่ย “แล้วจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่าเจ้าคือเจ้าสำนักไท่กู่เจิ้ง?”
“......”
จุนซ่างเซียวรู้สึกแทบทรุดล้มลงกับที่ไปในทันที.
คนของตระกูลหลงก็ไม่เชื่อว่าเขาคือจุนซ่างเซียว โจรภูเขาเองก็ไม่เชื่ออย่างงั้นรึ?
นี่ข้าดูไม่เหมือนกับเจ้าสำนักเลยรึอย่างไรกัน.
“กึก!”
ตราเจ้าสำนักที่ถูกนำออกมาวางบนโต๊ะ.
จุนซ่างเซียวที่นำกระดาษออกมา ชี้ไปยังเครื่องหมาย กล่าวออกมาว่า “ตอนนี้เชื่อรึยัง?”
หัวหน้าโจรภูเขาเอ่ยกล่าวออกมาว่า “ตราเจ้าสำนัก เข้าไปในเมืองเพียงหนึ่งเหรียญ ก็สร้างขึ้นมาได้ 4-5 อันแล้ว จะเป็นตราหยกหรือตราโลหะล้วนแต่สร้างเลียนแบบได้ทั้งนั้น.”
“......”มุมปากของจุนซ่างเซียวถึงกับกระตุกไปมา.
อย่างไรก็ตาม คิดถึงซุนปู่กงเจ้าเด็กที่สร้างตราผู้สืบทอดราชันย์ยุทธ์มาหลอกเขาเวลานั้น เขาก็เข้าใจได้ในทันที ในโลกนี้สามารถสร้างตราเจ้าสำนักปลอมได้ไม่ยากเย็นอย่างแน่นอน.
“แล้วจะทำอย่างไรถึงจะเชื่อว่าข้าเป็นเจ้าสำนักไท่กู่เจิ้งล่ะ?”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
หัวหน้าโจรภูเขาเอ่ย “ได้ยินมาว่าสำนักไท่กู่เจิ้ง มีทักษะพลังวิญญาณที่ทรงพลัง หากแสดง.....”
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว----
ริ้วแสงจันทร์เสี้ยวที่พุ่งตัดอากาศ กระแทกผนังห้องโถงทนที เกิดเสียงดังกึกก้อง!
จุนซ่างเซียวที่ยืนมือขัดหลังเอ่ยออกมาว่า “เจ้าคิดว่ากระบวนท่าดังกล่าวเป็นอย่างไร?”
หัวหน้าโจรภูเขาที่ดวงตาเบิกกว้าง.
แน่นอนเขาสามารถมองเห็นได้ว่า ฝ่ายตรงข้ามได้ใช้ทักษะพลังวิญญาณออกมา.
เพียงหนึ่งลมหายใจกับปลดปล่อยออกมาได้หลายครั้ง และแต่ละครั้งยังแข็งแกร่ง เป็นดั่งที่เคยได้ยินมาอย่างแน่นอน!
“ได้ยินมาว่าศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งนั้น มีกายเนื้อที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แม้แต่ได้รับชัยชนะเลิศการแข่งขันการประลองสำนักมนทลชิงหยาง.”
ตูมมม! ตูมมม! ตูมมม!
จุนซางเซียวที่เหวี่ยงหมัดไปยังหน้าอกของเซียวจุ้ยจื่อ กล่าวออกมาว่า “เจ้าหมายถึงเขานะรึ?”
สายตาของหัวหน้าโจรที่ส่ายไปมา.
หมัดที่ต่อยไปเมื่อกี้นี้ พลังอย่างน้อยก็หนึ่งแสนจิน.
ผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปไม่สามารถทนได้อย่างแน่นอน นี่ไม่แม้แต่ถอยหลังกลับไปด้วยซ้ำ กายเนื้อของเขาแข็งแกร่งขนาดใหนกัน?
“ฟิ้ว!”
หัวหน้าโจรภูเขาที่ยกมือประสานไปด้านหน้า “หากเจ้าสำนักจุนไม่ขับไล่ เสวี๋ยโหมวยินดีที่จะติดตามท่าน!”
ที่จริงเขาก็ยังได้ยินมาว่าจุนซ่างเซียวเจ้าสำนักไท่กู่เจิ้งนั้นยังหนุ่มเป็นอย่างมาก พลังบ่มเพาะแข็งแกร่ง เป็นไปดั่งข่าวที่เขาได้รับมาเลย.
หลายวันมานี้ หัวหน้าโจรภูเขานั้นได้สืบเรื่องของสำนักไท่กู่เจิ้งมาตลอด โดยเฉพาะความจริงที่ทำลายสำนักปิศาจนั้น ทำให้เขาชื่นชมเป็นอย่างมาก.
ในเมื่อยินดีรับตัวเองเข้าสำนัก แน่นอนว่าเขาย่อมยินดีเป็นอย่างมาก!
จุนซ่างเซียวที่ให้หลี่ชิงหยางเก็บกระบี่ และนำใบลงทะเบียนออกมา “ชื่อ.”
“เสวี๋ยเหรินกุย.”
“.....เสวี๋ยเหรินกุย?”
ชื่อเหมือนกับแม่ทัพที่มีชื่อเสียงในยุคโบราณของจีนเลย.
นามที่บังเอิญนี้ ได้มาเป็นศิษย์ของเปิ่นจั้วแล้ว!
“กึก!”
จุนซ่างเซียวที่ประทับตราสำนักลงไป หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงของแต้มสนับสนุนที่เพิ่มขึ้น เขาที่เอ่ยออกมาว่า “นับจากวันนี้ เจ้าคือศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งของข้าแล้ว.”
ได้รับระดับบรรพชนยุทธ์เข้ามาได้ งามเลิศ!
นอกจากนี้กลิ่นอายที่ภาคภูมิอหังการของพวกเขา แน่นอนว่าคือทหารกล้าชาญศึกอย่างไม่ต้องสงสัย.
หอขี่หมาป่านั้นยังขาดถางจู่อยู่ หากเป็นไปให้ ให้เขาเป็นถางจู่ก็ไม่เลว.
“ฟุบ!”
เสวี๋ยเหรินกู่ยกมือประสานไปด้านหน้า “คารวะเจ้าสำนัก!”
ภายในใจของเขาที่รู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้.
ตอนนี้เขาเข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้งที่มีชื่อเสียงแล้ว ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยม.
......
ด้านนอกโถงที่พักของโจรผู้เขามีคนกว่า 50 คนที่มีพลังบ่มเพาะไม่สูงนัก ทุกคนที่ถือหอกล้อมรอบพื้นที่ห้องโถงหลักเอาไว้.
ภายใต้เงื่อนไขทั่วไป อาวุธของเหล่าโจรภูเขานั้นหลากหลายแทบไม่ซ้ำกัน ทว่าคนกลุ่มนี้กับใช้หอกรบที่เหมือนกับทหาร เห็นชัดเจนว่าพวกเขานั้นถูกฝึกฝนให้เป็นเหมือนกับทหารนั่นเอง.
“พวกขยะ.”
เย่ซิงเฉินที่ถือกระบี่ยืนอยู่ด้านหน้าทางเขา แววตาที่เผยความเย็นชาเหยียดหยัน.
ขอเพียงแค่เจ้าสำนักออกคำสั่ง เขาก็พร้อมที่จะเก็บเหล่ากลุ่มขยะเหล่านี้ ส่งลงถังด้วยความเร็วสูงสุดทันที.
อดีตราชันย์รัตติกาล ที่เผด็จการทรงพลังยิ่งนัก!
น่าเสียดายที่ รอมาพักหนึ่งแล้ว กับไม่ได้รับคำสั่ง.
ภายในใจของเย่ซิงเฉินที่เผยท่าทางประหลาดใจ “นี่ไม่เหมือนกับรูปแบบปรกติของเจ้าสำนักเลย.”
รูปแบบอะไร?
ทุกครั้งที่บุกค่ายโจ เพียงแค่เห็นผู้บริสุทธิ์ถูกสังหารหรือศพพวกเขา ก็จะออกคำสั่งทันที “สังหารทั้งหมด อย่าให้เหลือ.”
“วางอาวุธให้หมด.”
เสวี๋ยเหรินกุยที่ก้าวออกมาจากห้องโถง ตะโกนออกมาเสียงดัง.
ผู้ใต้บังคับบัญชาที่ได้ยินคำสั่ง ต่างก็โยนอาวุธลงพื้นอย่างพร้อมเพรียง.
เพียงแค่ได้รับคำสั่ง ก็ทำตามอย่างไม่อิดออดไม่แม้แต่ไต่ถาม นี่คือรูปแบบของโจรภูเขาแน่รึ?!
“พี่น้องทุกคน.”
เสวี๋ยเหรินกุยเอ่ย “ข้าได้เข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้งแล้ว ใครที่ยินดีที่จะติดตามข้าไป ก็ให้อยู่ หากใครต้องการทำงานอย่างอื่นที่ดีกว่า ตอนนี้สามารถจากไปได้.”
เข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้ง?
หมายความว่าอย่างไรกัน?
แม้นว่าทุกคนจะตื่นตะลึง แต่ก็ตะโกนออกมาเสียงดัง “พวกเราจะตามพี่ใหญ่ไปทุกที่ เมื่อพี่ใหญ่เข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้ง พวกเราก็จะเข้าร่วมสำนักไท่ก่เจิ้งเช่นกัน!”
“กึก.”
หลี่ชิงหยางที่ตั้งโต๊ะด้านนอก เซียวจุ้ยจื่อที่นำเก้าอี้มาวาง.
จุนซ่างเซียวที่เข้าไปนั่งและเอ่ยออกมาว่า “ให้เข้ามาลงทะเบียนทีละคน.”
“ติ๊ง! สมาชิกสำนัก : 2015 / 5000.”
“ติ๊ง! คะแนนสนับสนุน: 1952 / 5000.”
“......”
“......”
โจรภูเขากลุ่มนี้ได้รับการฝึกฝนแบบทหารจำนวน 500 คน สมาชิกก่อนหน้ามี 2015 ตอนนี้มี 2525 คนแล้ว.
ได้รับคะแนนสนับสนุนมา 511 แต้ม ก่อนหน้านี้มี 2950 แต้ม เพิ่มเป็น 3461 แต้ม.
จุนซ่างเซียวที่ลอบคิดในใจ “การเดินทางเข้าร่วมชุมนุมเทือกเขาหัวซาน เก็บเกี่ยวได้มากจริง ๆ.”
“ฟู่ ฟู่!”
ค่ายโจรภูเขาที่ถูกไฟไหม้ไป.
เสวี๋ยเหรินกุยเป็นคนจุดเพลิงเอง เพราะว่าเขาเข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้งแล้ว สถานะโจรภูเขาเวลานี้ได้กลายเป็นอดีตไปเรียบร้อยแล้ว.
“เล่าเรื่องของเจ้าได้แล้ว?”ระหว่างทาง จุนซ่างเซียวเอ่ยกล่าว.
เสวี๋ยเหรินกุยที่ลังเลเล็กน้อย ก่อนที่จะถอนหายใจและเอ่ยออกมาว่า “ไม่ผิด ดั่งที่เจ้าสำนักคาดเดา ข้าไม่เพียงแต่เป็นทหาร แม้แต่เป็นแม่ทัพคนหนึ่งด้วย.”
“ทำไมถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปล่ะ?”
“เพราะว่า......”
เสวี๋ยเหรินกุยหยุดและกำหมัดแน่น อดกลั้นความโกรธเอาไว้ เอ่ยออกมาว่า “พวกข้านั้นเป็นทหารหนีทัพ.”
หลี่ชิงหยางและคนอื่น ๆ ที่เผยท่าทางประหลาดใจ.
ก่อนหน้านี้การที่พวกเขาไม่ยอมวางอาวุธแม้แต่ยอมตาย สามารถบอกได้ว่าเป็นกลุ่มคนที่ไม่หวาดกลัวต่อความตาย คาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นทหารหนีทัพ เรื่องนี้ทำให้พวกเขาไม่อยากเชื่อเล็กน้อย!
“ทำไมกลายเป็นทหารหนีทัพ?”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
เสวี๋ยเหรินกุยเอ่ย “เพราะว่าข้าได้รับคำสั่ง ให้กวาดล้างสังหารทุกคนในเมืองแห่งหนึ่ง.”
“เจ้ารู้สึกว่าโหดร้ายอมหิตเกินไป ดังนั้นจึงได้หนีทัพอย่างงั้นรึ?”
“ไม่ผิด.”
“ทหารนั้นจะต้องรับคำสั่งโดยที่ไม่สามารถขัดขืนและไต่ถามได้.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “เจ้าเป็นแม่ทัพ เพียงแค่ขัดคำสั่ง ก็ไม่สามารถที่จะเป็นทหารได้อีกแล้วอย่างงั้นรึ?”
“เพียงแค่ข่าวเรื่องนี้กระจายออกไป ข้าก็ไม่สามารถเป็นทหารได้ตลอดกาล.”
แววตาของเสวี๋ยเหรินกุยที่ซับซ้อน หากแต่ไม่มีความเสียใจแม้แต่น้อย.
หากเขาทำตามคำสั่ง คงไม่ใช่แค่ครั้งเดียวที่ต้องกวาดล้างสังหารประชาชนผู้บริสุทธิ์ มันยังจะเกิดขึ้นอยู่เรื่อย ๆแน่นอน.
ทหารควรมีหน้าที่ปกป้องบ้านเกิดของตัวเอง ไม่ใช่มีเพื่อรุกร้านดินแดนของคนอื่น.
การสังหารคนอื่นเพื่อปกป้องบ้านเมืองของตน เขาไม่มีอะไรต้องเสียใจ แต่การสังหารผู้บริสุทธิ์เพื่อช่วงชิงดินแดนของคนอื่นมันไม่ต่างอะไรกับโจรแม้แต่น้อย.
ค่ายทหารนั้นมีกฎเกณฑ์ที่เข้มงวด หากว่าขัดคำสั่งแน่นอนว่าย่อมต้องถูกปลดและลงโทษทันที ดังนั้นเขาจึงได้นำผู้ใต้บังคับบัญชาที่เชื่อใจหนีทัพ จากนั้นก็ยึดครองเทือกเขาแห่งหนึ่ง พร้อมกับกลายเป็นโจรภูเขาสังหารโจรร้ายปล้นคนรวยช่วยเหลือคนจน.
นี่คือเรื่องราวของเสวี๋ยเหรินกุย.
ถึงเขาจะเป็นทหาร ก็ไม่ใช่คนอมหิต เขาไม่ยินดีที่จะใช้อาวุธเพื่อสังหารเหล่าผู้บริสุทธิ์.
“เปิ่นจั้วหวังว่าเจ้าจะไม่ใช่ทหารหนีทัพต่อไปอีก.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
เสวี๋ยเหรินกุยกล่าวอย่างจริงจัง “ขอเพียงเจ้าสำนักไม่สั่งให้สังหารผู้บริสุทธิ์ แม่ทัพที่ต่ำต้อยผู้นี้ยินดีที่จะบุกน้ำลุยไฟเพื่อสำนักไท่กู่เจิ้ง จนกว่าลมหายใจจะสิ้นลง!”