Chapter 412 ธรรมเนียมผ่านทาง
เก้าวันหลังจากที่เจ้าสำนักจุนบ่มเพาะอย่างสุดกำลัง ไม่เพียงแค่ศิลาวิญญาณธรรมชาติที่ได้รับมา ยังมีวัตถุดิบทำยาด้วย.
ภายใต้ความเข้มข้นพลังวิญญาณ 20 เท่า วัตถุดิบสมุนไพรใหม่นี้ มีพลังซ่อนเอาไว้อย่างน่าเกรงขาม.
เม็ดยารวมวิญญาณที่จุนซ่างเซียวหลอมขึ้นใหม่นี้ เขาพบว่ามันมีพลังที่เหนือกว่าเม็ดยารวมวิญญาณทั่วไป 20 เท่า.
ก่อนหน้านี้ ภายใต้สภาพแวดล้อมที่จำกัด เหล่าเหว่ยยังสามารถสร้างสมุนไพรที่มีความเข้มข้นสิบห้าเท่าขึ้นมาได้ ทว่านั่นคือขีดจำกัดแล้ว.
“ไม่เลว ไม่เลวเลย.”
อะไรที่ช่วยส่งเสริมให้บ่มเพาะได้เร็วขึ้น ย่อมทำให้จุนซ่างเซียวพึงพอใจอย่างแน่นอน.
“เจ้าสำนัก.”
เหล่าเหว่ยเอ่ย “สมุนไพรชุดนี้ไม่ได้รับผลของพลังวิญญาณฟื้นคืนตั้งแต่ต้น ไว้ชุดหน้า จะต้องมีพลังวิญญาณหนาแน่นยิ่งกว่านี้อย่างแน่นอน.”
การที่สมุนไพรมีระดับสูงขึ้น อีกหนึ่งผู้กล้าที่ช่วยในครั้งนี้ ก็คือเจ้าหมูแคระนั่นเอง.
หลายวันมานี้ ทุก ๆ วันมันปลดปล่อยพลังธาตุปฐพีออกมา ทำให้ดินสวนสมุนไพรได้ประโยชน์เป็นอย่างมาก ไม่เพียงแค่ทำให้ดินเหมาะแก่การเพาะปลูก ยังสามารถขยายพื้นที่ออกไปได้ไกลด้วย.
ด้วยศิษย์ในเวลานี้ ยิ่งระดับสูงขึ้นก็จะยิ่งได้รับทรัพยากรมากขึ้น แน่นอนเหล่าเหว่ยต้องการขยายพื้นที่เพาะปลูกออกไปอีกด้วย.
แผนการระดับต้น.
เริ่มแรกจากสิบมู่เป็นร้อยมู่.
ศิษย์หอสมุนไพร เช่นซูปู่กงและอีกหลายคน ภายใต้การชี้แนะของเหล่าเหว่ย พวกเขาก็กลายเป็นอาจารย์สมุนไพรไปตั้งนานแล้ว.
อาจารย์ที่ยอดเยี่ยม ศิษย์ที่โดดเด่น ด้วยการปลูกและดูแลสมุนไพร ทำให้พวกเขาเติบใหญ่มีความรู้มากกว่าคนอื่น.
จุนซ่างเซียว ”รบกวนเหล่าเหว่ยขยายการปลูก สำนักไท่กู่เจิ้งต้องการทรัพยากรอีกเป็นจำนวนมาก.
กล่าวจบ เขานำศิลาวิญญาณธรรมชาติออกมา “นี่คือเงินเดือนของเหล่าเหว่ย.”
ศิษย์สายในได้คนล่ะ 20 ทว่าเหล่าเหว่ยได้รับ 50 เห็นชัดเจนว่าได้รับความเคารพและความสำคัญเป็นอย่างมาก.
หลายวันมานี้ เหล่าศิษย์ที่ต้องใช้ทรัพยากรเป็นจำนวนมาก ด้วยเหล่าเหว่ยเป็นผู้ดูแลสมุนไพรโดยตรง จุนซ่างเซียวย่อมไม่ตระหนี่แก่เหล่าเหว่ยแน่นอน.
กล่าวตามตรง.
ยิ่งสำนักเติบโตขึ้น ยอดฝีมือซ่อนเร้นนั้นย่อมมีความสำคัญ!
เหล่าเหว่ยที่ส่ายหน้าไปมา “เหล่าฟู่ ถึงแม้นว่าจะดูดซับพลังวิญญาณได้ ทว่าก็จะสลายหายไปอย่างรวดเร็ว เจ้าสำนักควรเก็บไว้ให้กับเหล่าหนุ่มสาวไว้สร้างฝันเถิด.”
เอ่ยถึงคำว่าหนุ่มสาว เป็นการชี้บอกว่าตัวเองนั้นชราแล้ว ไม่มีความจำเป็นแต่อย่างใด.
เขาที่ไม่ใช่วัยหนุ่มสาวอีกต่อไปแล้ว เหล่าเหว่ยที่มีประสบการณ์มากมาย กลายเป็นไม้ใกล้ฝั่ง ไม่มีอะไรให้เขาได้ฝันแล้ว มีเพียงแค่การระลึกถึงความหลังเท่านั้น.
“เหล่าเหว่ย.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “ข้าจะหาวิธีในการรักษาอาการเจ็บป่วยของท่านให้ได้ ให้สามารถคืนพลังกลับเป็นจักรพรรดิยุทธ์ได้ดังเดิม จากนั้นก็ก้าวไปพร้อมกับเหล่าหนุ่มสาว ร่วมสร้างฝันก้าวสู่ความสำเร็จด้วยกัน!”
“หวังว่าจะมีวันนั้น.”เหล่าเหว่ยเผยยิ้ม.
อาการเจ็บป่วยของเขา เขารู้ดี บางทีโอกาสรักษานั้นแทบจะเป็นศูนย์.
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อเขาเป็นคนหนึ่งของสำนักไท่กู่เจิ้ง ถึงจะเป็นกระดูกชรา ก็ยังคงก้าวไปด้านหน้าอย่างไม่ย่อท้อเช่น.
......
นอกจากขุดเหมือง สำนักไท่กู่เจิ้ง ทุกคนที่กลับมาทำกิจวัตรประจำวันเหมือนเดิม.
จุนซ่างเซียวที่หยุดบ่มเพาะชั่วคราว ก่อนที่จะกลับมาครุ่นคิดเกี่ยวกับการชุมนุมวิถียุทธ์ที่เทือกเขาหัวซาน.
ไปคนเดียว หรือว่าจะพาคนอื่นไปด้วย?
“งานใหญ่เช่นนี้ แน่นอนว่าจะต้องนำคนกลุ่มใหญ่ไป.”ลี่ลั่วฉิวเอ่ย.
“ตกลง.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “แจ้งไปยังอาวุโสเจียง ให้เขาเตรียมตัว เดินทางไปเทือกเขาหัวซานพร้อมกับข้า.”
กระนั้นลี่ลั่วฉิวก็ไม่จำเป็นต้องไปแจ้งเลย เจียงเซี่ยที่ใบหน้าเหนื่อยล้าก้าวเข้ามาในห้องโถง.
เพียงแค่นั่งลง เขาก็บ่นออกมาทันที “เจ้าสำนัก ศิษย์ซ่างกวนซินเหยา ช่างเป็นคนที่น่ากลัวนัก!”
วันนี้ เขาที่ทำการเปิดหอชี้แนะวิถียุทธ์ขึ้นเป็นวันแรก.
เมื่อศิษย์ทุกคนรับรู้ ก็มีคนสนใจเป็นอย่างมาก และเข้าร่วมชี้แนะอยู่ไม่น้อย.
ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบ ซ่างกวนชินเหยา นางที่ลุกขึ้นสอบถามเกี่ยวกับวิถียุทธ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เฮ้.
ศิษย์คนนี้น่าสนใจ.
เริ่มแรกอาวุโสเจียงที่ชื่นชมศิษย์หญิงผู้นี้เป็นอย่างมาก จากนั้นก็อธิบายให้นางฟังอย่างระเอียด.
ท้ายที่สุด ก็พบกับเรื่องสยองขวัญ!
อาวุโสเจียงที่ถูกซ่างกวนซินเหยา ถามซ้ำแล้วซ้ำอีก ปัญหาที่มากมายหลายคำถาม.
ขณะที่เขาอดทนอธิบายให้นางฟัง จวบจนลุกขึ้นก้าวออกจากหอชี้แนะ เขาที่กลายเป็นงงงวย สมองหมุนติ้ว ๆ ข้าเป็นใคร?ข้าอยู่ที่ใหน? ทำไมข้าถึงรู้สึกเช่นนี้.
สายตาของจุนซ่างเซียวที่จ้องมองอย่างน่าสงสาร เขาที่รู้สึกเมื่อยล้ากับคำถามที่กระหน่ำยิงของซ่างกวนซินเหยาเป็นอย่างมากเช่นกัน.
จุนซ่างเซียวที่เปลี่ยนหัวข้อในทันที “พรุ่งนี้เดินทางไปเทือกเขาหัวซานกับเปิ่นจั้ว เข้าร่วมชุมนุมพูดคุยวิถียุทธ์กับนิกายอื่น ๆ.”
“ตกลง.”เจียงเซี่ยเอ่ย.
เขาที่ฝึกฝนในสำนักนานแล้ว ตั้งแต่เผยความสามารถที่เวทีเป็นตาย ก็ไม่ได้ออกไปผ่อนคลายที่ใหนเลย.
จะดีจะร้ายเขาก็เป็นคนสำนักไท่กู่เจิ้ง และยังเป็นอาวุโสด้วย ควรจะทำหน้าที่ให้เป็นเหมือนอาวุโสสักหน่อย!
จุนซ่างเซียวที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ ก่อนตัดสินใจนำลู่เชียนเชียน หลี่ชิงหยาง เซียวจุ้ยจื่อ เย่ซิงเฉินและโจวหง ห้าคนเดินทางไปด้วย.
ส่วนศิษย์คนอื่น ๆ ให้ฝึกฝนอยู่ในสำนัก.
อาวุโส ศิษย์แกนหลัก.
การเดินทางเข้าร่วมชุมนุมที่เทือกเขาหัวซาน สำนักไท่กู่เจิ้งก็ควรจะนำคนที่โดดเด่นไป.
......
เช้าวันถัดมา.
หลิวหวานซี่ที่เตรียมอาหารพิเศษให้กับเจ้าสำนักและคนอื่น ๆ หลังจากกินเสร็จ ก็กล่าวลาศิษย์และมุ่งหน้าไปยังทิศใต้.
เทือกเขาหัวซานนั้นอยู่ไกลยิ่งกว่าการเดินทางไปยังเมืองหลงหยางซะอีก ทว่าด้วยสัตว์ร้ายธาตุวายุ ก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด.
“เจ้าสำนัก.”
ระหว่างทาง หลี่ชิงหยางที่เอ่ยกล่าวออกมาว่า “หมาป่าเฮอริเคน ดูเหมือนว่าจะแข็งแกร่งกว่าเดิมมาก.”
“สัตว์ร้ายที่ดูดซับพลังวิญญาณเพื่อยกระดับพลังบ่มเพาะเช่นกัน ด้วยพลังวิญญาณเข้มข้น 20 เท่า แน่นอนว่าย่อมต้องทำให้พวกมันแข็งแกร่งขึ้น.”เจียงเซี่ยที่กล่าวแสดงความเห็นของตัวเองออกมา.
ด้วยคำพูดดังกล่าวราวกับทำให้จุนซ่างเซียวคิดอะไรได้ ลอบคิดในใจ “หากมีเวลา ควรจะจับสัตว์ร้าย มาเลี้ยงบนภูเขา ไม่เพียงแค่เก็บเกี่ยวเนื้อ ยังเก็บเกี่ยวแกนผลึกได้ด้วย.”
คนอื่นมักจะนำสัตว์จำพวกไก่เป็ด แพะมาเลี้ยงเพื่อกินเนื้อ นี่คิดจะนำสัตว์ร้ายมาเลี้ยงบนภูเขาแทน ช่างเป็นความคิดที่น่ากลัวนัก.
......
ขณะข้ามผ่านภูเขาหลายลูก แม่น้ำหลายสาย เต็มไปด้วยเส้นทางที่ขรุขระมากมาย.
ข้ามผ่านเส้นทางที่เต็มไปด้วยอันตราย พบสิ่งต่าง ๆ เป็นดั่งการผจญภัยระหว่างเส้นทาง.
เหมือนกับหนัง จาริกตะวันตก เวลานี้เจ้าสำนักจุนได้นำศิษย์เดินทางผจญภัยเหมือนกับในเรื่องแล้ว.
แน่นอน.
ระหว่างการเดินทาง ไม่พบสัตว์ร้าย ก็พบกับโจร.
“ทุกคน.”
จุนซ่างเซียวที่นั่งอยู่บนศิลาก้อนใหญ่ พร้อมกับถือเนื้อเสียบไม้ พูดไม่ออก “ไม่ต้องเอ่ยอะไร นี่คือการปล้น คงไม่ต้องให้บอกว่าธรรมเนียมเป็นอย่างไร”
รอบ ๆ นั้นมีโจรภูเขา 70-80 คน ถือกระบี่ล้อมกรอบเขาและศิษย์.
“ธรรมเนียม?”
หัวหน้าโจรที่ตกใจ “ไม่เข้าใจอย่างงั้นรึ?”
“ฟิ้ว!”
จุนซ่างเซียวที่รูดเนื้อบนไม้เสียบ กล่าวออกมาเสียงใส “โลกอยู่สูงบนเนินเขา ภูเขาและแม่น้ำก็สวยงามตลอดกาล.”
หัวหน้าโจร : ????
ลูกน้องโจร : ????
“ฟิ้ว!”
หลี่ชิงหยางและเซียวจุ้ยจื่อตลอดจนคนอื่น ๆ ที่ตะโกนออกไปเสียงดัง “ประตูด้านหน้าคือทะเล แม่น้ำสามสายไหลประจบนับพันปี!”
ทันใดนั้นหัวหน้าโจรที่เข้าใจได้ในทันที ว่านี่คือเป็นรหัสลับของอีกฝ่าย!
อย่างไรก็ตามบิดาไม่เห็นเคยได้ยินว่าใครมันจะใช้รหัสลับเช่นนี้?
ฟิ้ว----
ในเวลานั้น เส้นแสงที่เย็นยะเยือบปรากฏขึ้น.
มือซ้ายของเย่ซิงเฉินถือกระบี่ มือขวาถือเนื้อย่าง แววตาเย็นชา “พวกขยะ รีบกลับลงถังไปซะ.”
“พรึด โครม.”
หัวหน้าโจรที่แข้งข้าอ่อน คุกเข่าลงพื้น ทว่าที่ลำคอนั้นปรากฏรอยกระบี่ขึ้น.
“พี่ใหญ่!”
เหล่าโจรภูเขาที่อุทานออกมาเสียงดัง.
“ฟิ้ว! ฟิ้ว!”
พวกเขาที่โกรธเกรี้ยว พร้อมกับเหวี่ยงกระบี่ จากนั้น....กับไม่ได้ทำอะไร เพราะว่าริ้วแสงกระบี่มากมายปรากฏขึ้น.
“เคร้ง!”
“เคร้ง!”
หลี่ชิงหยางและเซียวจุ้ยจื่อเก็บกระบี่ ปรากฏกระบี่ที่หายไป มีโจรภูเขา 70-80 คนได้ตายไปทั้งหมดในทันที.
จุนซ่างเซียวที่เงยหน้าขึ้น จ้องมองไปยังยอดเขาที่สูงขึ้นไป กล่าวออกมาว่า “ถึงเวลาไปเก็บของที่รังโจรแล้ว.”