Chapter 406 วิถียุทธ์ของศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้ง.
ส่วนที่เหลือของตำราแสงเจ็ดสีทำลายล้างหายไปที่ใหน?
ไม่ต้องบอกเลยว่า มันมาอยู่ในห้องโถงแห่งนี้นี่เอง.
ทักษะวิชาดังกล่าวนี้.
เมื่อจุนซ่างเซียวพยายามที่จะศึกษา ก็พบว่ามันแตกต่างจากวิชาที่เคยซื้อมาจากภายในร้านค้าระบบเป็นอย่างมาก.
เขาที่ทำการศึกษาจากเช้าถึงเย็น มีเพียงสิ่งเดียวที่อธิบายได้ “ลึกล้ำเกินจะหยั่ง.”
แน่นอน.
ยิ่งลึกล้ำก็ยิ่งยากที่จะฝึกฝน.
จุนซ่างเซียวที่สัมผัสได้ว่า ตำรายุทธ์นี้เพียงแค่สัจจะคาถาไม่กี่แถว ก็ซ่อนความหมายที่มากมายเอาไว้.
“มารดาเถอะ......”
จนตะวันล่วงเลยหายไปแล้ว เขาที่กำหมัดแทบทรุดลงกับพื้น “เหมือนว่าจะซ่อนอะไรเอาไว้มากมาย เป็นเหมือนกับภาพลวงตา แต่กับไม่สามารถมองหาร่องรอยได้!”
ระบบเอ่ย “กล่าวได้ว่าทักษะนี้สูงกว่าระดับของพิภพแห่งนี้มาก ตอนนี้เชาว์ปัญญาของโฮสน์เพียงพออย่างงั้นรึ?”
เชาว์ปัญญาที่เอ่ยถึงนั้น ก็คือเชาว์ปัญญาในวิถียุทธ์นั่นเอง.
ถึงจะเป็นเย่ซิงเฉินที่ศึกษาวิชานี้ เกรงว่าคงจะงงงวย และตื่นตะลึงอย่างแน่นอน.
“.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “ยันต์รู้แจ้งที่ไม่สามารถใช้กับวิชาที่ซื้อจากระบบ ทำให้บิดายากจะเข้าใจความหมายที่ซ่อนเอาไว้ได้.”
“น่าสงสาร....”
ระบบเอ่ย “เจ้าควรจะพอก่อนได้แล้วมั้ง!”
คนผู้นี้ช่างเกินพอจริง ๆ.
ในเมื่อความเข้าใจวิถียุทธ์ตัวเองไม่เพียงพอ ยากจะเข้าใจความลึกล้ำได้ จุนซ่างเซียวจึงยอมแพ้ไปในที่สุด ก่อนที่จะเริ่มคัดลอกเป็นจำนวนมากออกมา.
หลังจากซื้อส่วนที่เหลือของแสงเจ็ดสีทำลายล้าง ระบบก็ปรับให้เป็นวิชาประจำสำนัก.
“ติ๊ง! ติ้ง!”
5000 ตำราที่ลึกล้ำ ที่ระบบคัดลอกออกมา.
หากว่าเหล่ายอดฝีมือที่แย่งชิงกันอย่างเอาเป็นเอาตายก่อนหน้านี้ รับรู้ว่ามีตำรามากมายขนาดนี้ พวกเขาคงจะกระอักโลหิตออกมาอย่างแน่นอน.
“คมเพลิงวิญญาณแผดเผา ที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ เดี๋ยวนำไปให้เหล่าศิษย์ฝึกฝนพร้อมกันเลย.”จุนซ่างเซียวที่เอ่ยเสียงเบา.
ทักษะเทวะระดับกลาง และส่วนที่เหลือของวิชาระดับเทวะเหนือเทวะ ถูกนำไปวางไว้ที่หอตำราทันที.
กับทักษะระดับสูงเช่นนี้ หากยอดฝีมือมาเห็น สามารถที่จะแย่งชิงฆ่ากันให้ตายได้เลย.
ทว่าในสำนักไท่กู่เจิ้ง กับมีจำนวนมาก วางไว้ราวกับหัวผักกาดให้เหล่าศิษย์ได้หยิบเลือกได้อย่างสบาย.
นี่มันสำนักอะไรกัน.
......
หลังจากทำกายบริหารเสร็จ ศิษย์หลายคนที่รับรู้ว่ามีวิชาใหม่เพิ่มขึ้นมาจากปากเจ้าสำนัก ทำให้ศิษย์หลายคนเข้ามารุมล้อมส่งเสียงอื้ออึง.
“ไม่ใช่วิชาที่เจ้าสำนักใช้ที่ตระกูลหลงหรือไม่?!”
ซูเซียวโม่ที่เร่งรีบเข้าไปนำวิชาคมเพลิงวิญญาณแผดเผาออกมาด้วยความตื่นเต้น.
จุนซ่างเซียวที่ต่อสู้กับอาวุโสสองที่ตระกูลหลง ทำลายวิชามังกรคำรามเก้าสวรรค์ด้วยเปลวเพลิง เป็นวิชาที่สร้างความตื่นตะลึงให้กับเขาเป็นอย่างมาก.
ในเวลานั้น เขาที่ได้แต่ครุ่นคิด กับทักษะที่ร้ายเช่นนั้น หากว่าได้ฝึกฝน จะต้องยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน.
ไม่คาดคิดว่าเลยว่าจะสมหวังเร็วขนาดนี้!
ลี่เฟยและเถียนซีที่ได้เห็นพลังของมันด้วยตาตัวเอง ก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน.
และที่ตื่นเต้นที่สุดคงจะหนีไม่พ้นหลงจื่อหยาง.
มังกรคำรามเก้าสวรรค์ของตระกูลหลง นับว่าเป็นทักษะพลังวิญญาณที่ร้ายกาจ ทว่าทักษะคมเพลิงวิญญาณแผดเผาของเจ้าสำนักที่ใช้ออกมานั้น กับเหนือล้ำกว่าอย่างชัดเจน!
“ส่วนที่เหลือแสงเจ็ดสีทำลายล้าง?”
หลี่ชิงหยางที่ถือตำราออกมาอีกเล่ม กล่าวออกมาเสียงเบา “ไม่สมบูรณ์?”
เขาที่เปิดตำรามเปิดดู ตรวจสอบสัจจะคาถา ก่อนที่จะเก็บเขาแหวนเก็บของเงียบ ๆ.
เย่ซิงเฉินก็มาเช่นกัน เขาที่รู้สึกเหมือนกับศิษย์คนอื่น ๆ เพราะเขาเคยเห็นวิชาคมเพลิงวิญญาณแผดเผามาแล้ว และตระหนักได้ว่ามันคือทักษะเทวะอย่างแน่นอน.
วิชาพลังวิญญาณ!”
“เจ้าสำนักนำวิชาระดับเทวะมาวางอย่างง่าย ๆ ให้ศิษย์ได้เลือกตามใจ เจ้าสำนักใจกว้างจริง ๆ!”เย่ซิงเฉินที่ลอบคิดอยู่ในใจ.
“ส่วนที่เหลือแสงเจ็ดสีทำลายล้าง?”
เขาที่หยิบตำราอีกเล่มขึ้นมาจากชั้น.
แม้นว่าเย่ซิงเฉินจะค่อนข้างประหลาดใจ ทว่าก็ไม่ได้ตื่นตะลึงแต่อย่างใด.
ให้กล่าวล่ะก็ จุนซ่างเซียวที่มีระดับบรรพชนยุทธ์ ยังสามารถบอกได้ถึงความลึกล้ำที่ซ่อนอยู่ ส่วนอดีตราชันย์ยุทธ์ จะตระหนักได้หรือไม่?
เหตุผลนั้นง่ายมาก ๆ.
ตำราเหล่านี้เกิดจากระบบเป็นคนคัดลอก.
ความลึกล้ำ กลิ่นอายที่ซ่อนอยู่ จึงมีเพียงแค่ต้นฉบับ.
“แม้นว่าจะไม่สมบูรณ์ ทว่าก็ควรจะเป็นของดี.”
เย่ซิงเฉินที่เก็บส่วนที่เหลือของแสงเจ็ดสีทำลายล้าง กลับไปศึกษายังที่พักของตัวเอง.
......
วิชายุทธ์ที่ได้จากระบบนั้น ปรกติแล้วจะง่ายที่จะศึกษา.
ด้วยประสบการณ์ของเย่ซิงเฉินแล้ว เพียงแค่วันเดียว ก็เข้าใจวิชาคมเพลิงวิญญาณแผดเผาแล้ว.
“ฟู่ ฟู่-”
ภายในลานยุทธ์ด้านใน พลังวิญญาณที่ปะทุขึ้นมา เปลวเพลิงที่ลุกไหม้ ก่อนที่จะสับฟันออกไป กลายเป็นฝ่ามือเปลวเพลิงที่รวมตัวกันขึ้นมาในทันที.
ตูมมมมมม!
ฝ่ามือเปลวเพลิงที่กระแทกลงบนพื้น ก่อให้เกิดการเผาไหม้เป็นรอยบนพื้นขึ้น.
“โอ้วสวรรค์!”
ซูเซียวโม่ที่เห็นเข้าเอ่ยออกมาว่า “ศิษย์น้องเย่คาดไม่ถึงเลยว่าจะสำเร็จวิชาคมเพลิงวิญญาณแผดเผาแล้ว!”
“ร้ายกาจมาก!”
เถียนซีและลี่เฟยที่กล่าวชื่นชม.
พวกเขาที่ฝึกฝนมาวันหนึ่งแล้ว แม้ว่าจะคืบหน้าอยู่ไม่น้อย ทว่าเทียบกับเย่ซิงเฉินแล้ว แตกต่างราวกับสวรรค์และปฐพี!
ประสบการณ์วิถียุทธ์ ไม่ใช่สิ่งที่จะใช้ทรัพยากรมากมายชดเชยได้.
“ฟิ้ว!”
เย่ซิงเฉินที่ดึงพลังวิญญาณกลับคืนมา ลอบคิดในใจ “กระบวนท่าที่ใช้ออกมา แม้นว่าง่ายที่จะปลดปล่อย ทว่าต้องการไปถึงระดับสูง ต้องจำเป็นต้องชำนาญและเข้าใจมากกว่านี้.”
“นอกจากนี้ พลังวิญญาณที่ปลดปล่อยออกมานั้น หากว่ามีคุณสมบัติธาตุเพลิงจะทำให้พลังทำลายเพิ่มขึ้นอีก.”
ควรค่าเป็นอดีตราชันย์ยุทธ์ มีความเข้าใจที่ล้ำล้ำจริง ๆ!
คมเพลิงวิญญาณแผดเผานั้นทรงพลังเป็นอย่างมาก หากสำเร็จสมบูรณ์จะมีพลังทำลายขนาดใหน.
เย่ซิงเฉินที่วางแผนจะใช้ทักษะพลังวิญญาณนี้เป็นหลัก หากสำเร็จสมบูรณ์จะต้องไม่ธรรมดาแน่ และเหนือกว่าทักษะยุทธ์ที่เขาเคยมีอีกด้วย.
ในโลกนี้มีทักษะยุทธ์มากมายและหลายวิชาที่ยากง่ายแตกต่างกัน บางครั้งก็ต้องเลือกวิชาที่เหมาะสมและร้ายกาจที่สุดที่ต้องฝึกฝนให้ชำนาญเพื่อใช้เป็นหลักด้วย.
ทักษะยุทธ์ของเย่ซิงเฉินนั้นมีมากมาย ล้วนแต่เป็นทักษะที่เขานำมาจากชาติที่แล้ว.
ภายในห้อง
จุนซ่างเซียวที่ยืนส่องหน้าต่าง เห็นเย่ซิงเฉินที่แสดงทักษะออกมา “เพียงแค่วันเดียวก็สำเร็จคมเพลิงวิญญาณแผดเผาแล้ว ศิษย์คนนี้ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ.”
ระบบเอ่ย “ในกลุ่มศิษย์ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเย่ซิงเฉินมีทักษะวิถียุทธ์มากที่สุด.”
“งั้นรึ?”
จุนซ่างเซียวเผยยิ้ม.
การที่ระบบกล่าวชมเช่นนี้ ศิษย์คนนี้ย่อมควรค่าให้ฝึกฝน.
แม้นว่าเขาจะดูอหังการเล็กน้อย แม้นว่าเขาจะมีความลับมากมายซ่อนอยู่ ทว่าเขาก็ไม่เคยขัดขืนคำสั่งของสำนักเลย.
“แน่นอน.”
ระบบเอ่ย “ศิษย์คนโต ลู่เชียนเชียน ไม่ใช่ผู้เยาว์ธรรมดาเช่นกัน ด้วยวิธียุทธ์ที่นางมี ก็ไม่ได้ด้อยกว่าเย่ซิงเฉินนัก.”
“....”จุนซ่างเซียวที่เงียบ.
กล่าวตามจริง ลู่เชียนเชียนและเย่ซิงเฉิน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคือผลผลิตที่แข็งแกร่งของสำนัก ทว่ากับท่าทางสูงส่งและความอหังการของพวกเขา กับดูไม่เหมาะกับรูปแบบของสำนักแห่งนี้นัก.
“ชิงหยางและจุ้ยจื่อล่ะ?”
“ทั้งสองถือว่ามีศักยภาพสูง ทว่าโฮสน์จะต้องคอยฝึกฝนสนับสนุนพวกเขาให้ดี.”
“โปรดวางใจ.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “ขอเพียงมีข้าอยู่ ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งทุกคน จะต้องกลายเป็นสุดยอดพรสวรรค์ เป็นดั่งมังกรในหมู่มนุษย์!”
บนเส้นทางที่ยาวใกล้และมืดมัว ทว่า เขายังคงมั่นใจที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างแน่วแน่และมั่นคง.