บทที่ 168: แม้ว่าเจ้าจะไม่ต้องการลูกเขย แต่ข้าต้องการลูกเขยแบบนี้!
บทที่ 168: ข้าไม่ต้องการลูกเขยเช่นนี้ ข้าต้องการลูกเขยแบบนั้นต่างหาก! (เปลี่ยนการเรียกสรรพนามของตัวเอกกับคนแก่หน่อยนะครับ)
ขันทีเฒ่าก้มศีรษะลงและหัวเราะ “ข้าว่าฝ่าบาทเองก็ย่อมเข้าใจดี! ท่านผู้อำนวยการใหญ่มีความรู้และความสามารถกว้างขวาง เขาได้สร้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่บินได้อย่างบัลลูนลมร้อนและเรือสะเทินน้ำสะเทินบก การที่เขาจะเข้าใจวิชาการรักษา มันย่อมไม่ใช่เรื่องแปลกเลย!”
"อืม ก็จริง" องค์จักรพรรดินีพยักหน้า นางรู้สึกว่าหลินเป่ยฟานลึกลับยิ่ง เขาดูเหมือนจะมีความรู้ที่ไกลเกินกว่ายุคสมัยนี้ ต่อให้ไม่มีสุดยอดสิ่งประดิษฐ์ชั้นยอดสองชิ้นนี้ เขาก็มักจะหาวิธีแก้ปัญหาที่แปลกใหม่ จัดการปัญหาที่ยากเย็นด้วยวิธีอันประหลาดอย่างง่ายดาย จนดูเหมือนว่าไม่มีสิ่งใดที่เขาจะรับมือไม่ได้!
ดังนั้นการที่เขามีความรู้ด้านการรักษาย่อมไม่ใช่เรื่องยากที่จะเข้าใจ สิ่งที่กวนใจนางก็คือ เขาปิดบังความสามารถของเขาได้เก่งเกินไป ทั้งยังปิดซ่อนความสามารถหลายอย่างไม่ให้คนนอกรู้อีก แสร้งปกปิดวิชายุทธ์ของตน แสร้งทำเป็นเพียงบัณฑิตไร้พลัง
“ตำราหมอเล่มนี้เขียนไว้เช่นไรหรือ?” จักรพรรดินีเอ่ยถาม นางอยากรู้ทุกอย่างเรื่องของหลินเป่ยฟานมาก
“ตำราหมอเล่มนี้โดยรวมแล้วเขียนได้ดีมาก! นอกจากจะมีความรู้ทางการรักษาอย่างกว้างขวางแล้ว มันยังแก้ไขความเข้าใจผิดมากมายที่ผู้คนรู้จักมาช้านาน!”
“นอกจากนี้ ยังมีวิธีการรักษาโรคมากมายหลายอย่างที่ยามนี้ยังไม่อาจแก้ไขได้! หากวิธีการเหล่านี้มีประสิทธิภาพจริง มันก็จะเป็นประโยชน์ต่อราษฎรอย่างมาก! กระทั่งตัวกระหม่อมก็ยังอดใจไม่ได้ที่จะซื้อสำเนามาอ่าน!”
จักรพรรดินีเริ่มรู้สึกสนใจเป็นอย่างมาก "จริงหรือ? ไหนเอาตำราหมอมาให้ข้าดูที!”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท!”
ในเวลาไม่นาน จักรพรรดินีก็ได้รับสำเนา “สูตรยาหลี่” อยู่ในมือและนางก็เริ่มอ่านมันอย่างกระตือรือร้น โดยเฉพาะส่วนที่หลินเป่ยฟานปรับปรุงแก้ไขให้
ในยามนี้เองที่นางตระหนักว่าวิธีการทดสอบพิษด้วยเข็มเงินนั้นดูไม่น่าเชื่อถืออย่างใหญ่หลวง มีสารพิษบางอย่างที่ไม่สามารถตรวจพบได้ด้วยเข็มเงิน อีกทั้งในอาหารบางชนิดที่ปรากฏว่ามีพิษกลับไม่ได้เป็นอันตรายตามการทดสอบของเข็มเงิน
นอกจากนี้ มันก็ทำให้นางรู้ว่าการใช้ปากดูดพิษงูออกเป็นวิธีการรักษาที่ไม่ปลอดภัยเลย หากไม่ระมัดระวัง ทั้งตัวผู้ป่วยและผู้ช่วยชีวิตอาจถูกพิษจนตกอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นอันตราย
นอกจากนี้ นางยังได้รู้อีกด้วยว่าวิธีการดูสายเลือดที่สืบทอดกันมาหลายพันปีนั้นไม่มีมูลความจริงเลย เลือดนั้นสามารถผสมเข้าด้วยกันได้ โดยไม่คำนึงเลยว่าเป็นของญาติกันหรือไม่
และอื่นๆ อีกมากมาย...
จักรพรรดินีเริ่มค่อยๆ หลงไหลในตำราเล่มนี้
นางรู้สึกเหมือนกำลังดูโลกใบใหม่ ไม่อาจต้านทานมันได้เลย!
“ตำราเล่มนี้น่าสนใจทีเดียว!” จักรพรรดินีหัวเราะออกมา
“สิ่งที่ฝ่าบาทตรัสถูกต้องโดยแท้!” ขันทีเฒ่ากล่าวตอบ
จักรพรรดินีอ่านต่อจนหมด ทำให้นางได้รู้วิธีการรักษาโรคเจ็บป่วยมากมาย
“โรคตาบอดกลางคืนสามารถรักษาให้หายได้ง่ายเช่นนี้หรือ? มันช่างน่าทึ่งนัก!”
จักรพรรดินีถอนหายใจ “ในกองทัพมีทหารจำนวนมากที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการตาบอดกลางคืน! พวกเขาไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนในเวลากลางคืน ส่งผลต่อประสิทธิภาพการต่อสู้ของพวกเขายิ่งนัก! นั่นเป็นเหตุผลที่ทหารยามศึกหรือปฏิบัติหน้าที่ต่างไม่ดำเนินในช่วงกลางคืน แต่หากวิธีนี้สามารถรักษาโรคตาบอดกลางคืนได้อย่างแท้จริง มันย่อมช่วยช่วยเพิ่มพูนความแข็งแกร่งของกองทัพอย่างมาก!”
จักรพรรดินีครุ่นคิดและกล่าวกับตัวเองว่า “เราสามารถลองใช้วิธีนี้ในกองทัพดูได้! หากมันได้ผล เราก็สามารถขยายวิธีการรักษานี้ไปทั่วทั้งกองทัพ และพลังทางทหารของอาณาจักรอู๋อันแสนยิ่งใหญ่ก็จะได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างมาก!”
จักรพรรดินีอ่านต่อและได้พบเข้ากับวิธีการรักษาโรคน้ำกัดเท้า
“โรคนี้สินะ ในกองทัพแทบไม่มีทหารคนใดที่ไม่เคยเป็นโรคน้ำกัดเท้าเลย” จักรพรรดินีถอนหายใจอีกครั้ง
นางเคยไปเยี่ยมเยือนค่ายทหารมาก่อนและพบว่าทหารทั้งหลายต่างต้องทุกข์ทรมานจากโรคน้ำกัดเท้า กลิ่นของมันเป็นสิ่งที่ไม่อาจจินตนาการได้เลย มันแพร่ไปไกลหลายสิบลี้ จนตัวนางพอได้กลิ่นครั้งหนึ่งก็แทบไม่อยากอาหารไปหลายวัน ยิ่งไปกว่านั้น โรคน้ำกัดเท้าไม่เพียงแต่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็น แต่ยังทำให้เกิดอาการคัน ชาและแผลที่ผิวหนัง ซึ่งสิ่งนี้ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการต่อสู้ของทหารด้วย
“หากวิธีนี้ได้ผล ก็สามารถนำไปใช้ในกองทัพได้อีกด้วย!”
จักรพรรดินีอ่านต่อและพบวิธีการรักษาโรคที่เรียกว่า “คอพอก”
“ในพื้นที่ห่างไกลและทุรกันดาร มีผู้ป่วยโรค ‘คอพอก’ อยู่แทบทุกหนแห่ง ทุกคนต่างเชื่อกันว่ามันเป็นการลงโทษจากสวรรค์ ไม่มีวิธีการรักษา! ทว่าแท้จริงมันกลับกลายเป็นว่ามันเกิดจากร่างกายขาดสารอาหาร!”
“เราสามารถถ่ายทอดวิธีนี้ออกไป เพื่อช่วยชีวิตราษฎรมากมายจากความทุกข์ทรมานได้!”
ยิ่งจักรพรรดินีอ่านมากเท่าไร นางก็ยิ่งมีความยินดีมากขึ้นเท่านั้น นางตระหนักได้เลยว่าตำราเล่มนี้เป็นสมบัติล้ำค่าอย่างแท้จริง!
“ตำราเล่มนี้ครอบคลุมนัก! มันมีวิธีการรักษาโรคมากมายและอาการบาดเจ็บทั่วไป ทำให้มันเป็นตำราหมอที่สมบูรณ์ครบถ้วนที่สุด! หากกองทัพมีตำราเล่มนี้ มันจะลดการบาดเจ็บล้มตายอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งยังเพิ่มกำลังทางทหารอีก!”
“หลินที่รัก เจ้าได้สร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมให้ข้าอีกครั้งแล้ว!”
จักรพรรดินีหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข “กระจายข่าวและทำให้ตำราเล่มนี้เป็นคู่มือการรักษาของทหาร! นอกจากนี้ ให้ไปดำเนินการทดลองด้วยวิธีการรักษาโรคตาบอดกลางคืน น้ำกัดเท้าและโรคอื่นๆ หากพวกมันสามารถพิสูจน์ได้ว่ามีประสิทธิภาพจริง จงส่งเสริมวิธีการรักษาให้ไปทั่วทั้งกองทัพ!”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท!”
ด้วยการสนับสนุนของจักรพรรดินี ยอดขายของตำราหมอเล่มนี้ก็ยิ่งเพิ่มขึ้น!
ตระกูลหลี่ต่างตกใจมาก!
ตอนแรกพวกเขาตั้งใจจะเขียนตำราหมอเล่มนี้ โดยหวังว่ามันจะแพร่กระจายวิธีการรักษาและเป็นประโยชน์ต่อราษฎรทุกคน พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าตำราหมอเล่มนี้จะขายดีขนาดนี้จนนำความมั่งคั่งมาให้พวกเขา
ยามนี้มันขายดิบขายดีมาก 10,000 เล่มแรกได้ถูกขายหมดอย่างรวดเร็ว จนแม้แต่ทางราชสำนักก็สั่งซื้อตำราจากพวกเขาด้วย เพียงไม่นานนัก ตำราของพวกเขาก็กลายเป็นสิ่งที่ต้องการอย่างมากในนครหลวง!
พวกเขาร่ำรวยยิ่งเพราะตำราเล่มเดียว!
มันเป็นสิ่งที่พวกเขาคาดไม่ถึงเลย!
มันเป็นความประหลาดใจอันน่ายินดียิ่ง!
“ทั้งหมดนี้เป็นเพราะผู้อำนวยการใหญ่! ถ้าไม่ใช่เพราะผู้อำนวยการใหญ่ ตำราเล่มนี้คงไม่มีโอกาสได้รับการตีพิมพ์ นับประสาอะไรกับการได้รับความนิยมไปทั่วนครและได้รับความสนใจจากราชสำนักเช่นนี้!” ผู้เฒ่าหลี่ยูเจินไม่อาจควบคุมอารมณ์ของตนได้อีก น้ำตาได้ไหลอาบใบหน้าอันชราของเขา เขาดูตื่นเต้นยิ่ง
"จริงแท้! ถ้าไม่มีผู้อำนวยการใหญ่ ตำราเล่มนี้ก็คงจะไม่มีอยู่จริงแล้ว!” หลี่ยูหลางตื่นเต้นและมีความสุขมากเช่นกัน
“ไปเยี่ยมท่านผู้อำนวยการใหญ่อีกครั้งและบอกข่าวดีกับเขาเถิด!”
ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงไปยังเรือนของหลินเป่ยฟานอีกครั้ง ครั้งนี้ไปทั้งตระกูลและนำของขวัญไปตอบแทนด้วยความเคารพ
“ขอบคุณท่านผู้อำนวยการใหญ่! หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากท่าน ตำราเล่มนี้คงจะไม่ได้รับการตีพิมพ์ นับประสาอะไรกับการได้รับความนิยมเช่นนี้ ความพยายามทั้งหมดของเราคงจะสูญเปล่าเป็นแน่แท้!” ชายสูงวัยได้โค้งคำนับอย่างสุดซึ้ง
หลินเป่ยฟานรีบไปพยุงชายชราให้ลุกขึ้นทันที “ท่านสูงอายุแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้เลย ยืนขึ้นเถิด สำหรับข้ามันก็เป็นเพียงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ไม่มีอะไรให้ต้องขอบคุณเช่นนี้เลย”
“ท่านอาจคิดว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่มันเป็นโลกทั้งใบสำหรับเรา ต่อให้ใช้ทั้งชีวิตเรา เราก็คงไม่สามารถตอบแทนบุญคุณนี้ได้เลย!” ชายชรากล่าวอย่างตื่นเต้น
“ท่านสุภาพเกินไปแล้ว โปรดเข้ามานั่งข้างในก่อนเถิด” หลินเป่ยฟานเชิญพวกเขาเข้ามาในเรือนของเขาและหลังจากดื่มชาไปหนึ่งถ้วย ชายชราก็นำถาดเงินประมาณ 2,000 ตำลึงมา เขากล่าวว่า “ท่านผู้อำนวยการใหญ่ นี่เป็นส่วนหนึ่งของยอดขายจากตำรา เราได้ส่วนแบ่งมาครึ่งหนึ่ง และอีกครึ่งหนึ่งเป็นของท่าน เชิญรับไปด้วยเถิด!”
หลินเป่ยฟานโบกมือไปมา "ไม่จำเป็นเลย เอามันกลับไปเถอะ เงินจำนวนเล็กน้อยแค่นี้ไม่มีความหมายอะไรกับข้าเลย เพียงแค่ดำเนินการเผยแพร่วิชาการรักษาและช่วยเหลือผู้คนต่อไป เท่านั้นก็ถือเป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับข้าแล้ว”
“ขอบคุณท่านผู้อำนวยการใหญ่!” ชายชราโค้งคำนับอย่างขอบคุณ
ในยามนั้นเอง หลินเป่ยฟานก็ส่ายหัวและเผยอาการเหนื่อยล้าออกมา
“ท่านผู้อำนวยการใหญ่ ท่านเป็นอะไรหรือเปล่า? ท่านรู้สึกไม่สบายหรือ?”
หลินเป่ยฟานได้แต่ส่ายศีรษะของเขาไปมา “อาจเพราะช่วงนี้ข้ายุ่งอยู่กับหน้าที่ราชการจนทำให้ข้าเหนื่อยมาก หลังจากพักผ่อนคืนนี้ไป ข้าคงหายเหนื่อยแล้ว”
เมื่อเห็นเช่นนี้ จู่ๆ หลี่หยูซินก็รู้สึกกังวลอย่างมาก นางลุกขึ้นยืนอย่างกล้าหาญและม้วนแขนเสื้อขึ้นเล็กน้อย “ท่านผู้อำนวยการใหญ่ ให้ข้านวดให้ท่านเพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าของท่านเถิด ข้าได้เรียนรู้วิชาการนวดที่สามารถผ่อนคลายกล้ามเนื้อและเส้นประสาทของท่านได้ ทั้งยังสามารถผ่อนคลายจิตใจและบรรเทาความเหนื่อยล้าท่านด้วย”
ชายชรากล่าวเสริมอย่างรวดเร็ว “ใช่แล้ว วิชาการนวดของหยูซินเป็นวิชาที่อัศจรรย์จริงๆ ให้นางช่วยผ่อนคลายและบรรเทาความเหนื่อยล้าแก่ท่านเถิด”
หลินเป่ยฟานโบกมือไปมา "ไม่จำเป็นหรอก..."
“ได้โปรดท่านผู้อำนวยการใหญ่อย่าปฏิเสธเลย มันเป็นวิธีเดียวที่เราจะแสดงความขอบคุณให้ท่านได้!” ชายชรายืนกรานพร้อมกับโค้งคำนับอีกครั้ง
ในท้ายที่ สุดหลินเป่ยฟานก็ได้เปลี่ยนใจ “ย่อมได้ ไหนลองดูสิ!”
"เจ้าค่ะ"
หลี่หยูซินรู้สึกตื่นเต้นยิ่ง นางยืนอยู่ข้างหลังหลินเป่ยฟานและกดนิ้วดั่งหยกของนางเบาๆ ที่ขมับของเขา
หลินเป่ยฟานสังเกตเห็นว่านิ้วของนางทั้งเรียบเนียนและละเอียดอ่อนราวงานศิลปะ
นอกจากนี้ หลินเป่ยฟานยังสังเกตเห็นว่ามือของนางมีกลิ่นดั่งโอสถบางเบา ซึ่งมันมีกลิ่นที่หอมมาก
หลินเป่ยฟานเริ่มรู้สึกว่าการนวดของนางช่างทำให้เขาผ่อนคลายยิ่ง
“นายท่าน การนวดของข้าเป็นเช่นไรบ้างหรือ?” เสียงของหลี่หยูซินได้ดังขึ้น
“ทำให้ข้ารู้สึกสบายนัก!” หลินเป่ยฟานถอนหายใจ เขาหลับตาลงและเพลิดเพลินกับมันโดยไม่รู้ตัว
ณ จุดนี้เอง ชายชราได้ลุกขึ้นยืน “ท่านผู้อำนวยการใหญ่ เราขอตัวและไม่รบกวนการพักผ่อนของท่านแล้ว ยูซินจะอยู่ที่นี่กับท่านก่อน หลังนวดเสร็จแล้วเจ้าค่อยกลับมา”
“เจ้าค่ะท่านปู่!” หลี่หยูซินกล่าวตอบอย่างเขินอาย
หลินเป่ยฟานก็กล่าวว่า “ให้ข้าไปส่งเถิด!”
ทว่าชายชราก็ปฏิเสธหลายครั้ง “ไม่จำเป็นต้องรบกวนท่านเลย เช่นนั้นเราขอตัวกลับก่อน”
แต่หลินเป่ยฟานก็ยืนกราน “ถ้าอย่างนั้นข้าจะให้ต้าหลี่ไปส่งท่าน!”
หลังจากที่พวกเขาออกจากเรือนหลินไปแล้ว หลี่ยูหลางก็ยังไม่อาจเข้าใจ “ท่านพ่อ เหตุใดเราถึงรีบทิ้งหยูซินไว้ที่นั่นกัน? นั่นมันดูไร้มารยาทมากเลยนะขอรับ!”
“เจ้าโง่จริงๆ หรือแค่เสแสร้งกัน? มองไม่ออกหรือ?” ชายชรากล่าวอย่างหมดความอดทน “เห็นได้ชัดว่าหยูซินมีความรู้สึกต่อผู้อำนวยการใหญ่ ข้ากำลังสร้างโอกาสให้พวกเขาได้ใช้เวลาร่วมกัน!”
"โอ้? เป็นเช่นนั้นเองสินะขอรับ!“หลี่ยูหลางถึงกับตกตะลึง”แต่ท่านพ่อ ผู้อำนวยการใหญ่ดูเหมือนจะมีภรรยาและอนุภรรยาแล้ว”
“เขายังไม่ได้แต่งงานอย่างเป็นทางการ ทั้งยังไม่ได้มีอนุภรรยาด้วย เจ้าไปได้ยินข่าวเรื่องภรรยาและอนุภรรยาของเขาจากที่ใดกัน? แม้ว่าเขาจะมีจริง แต่ก็คงเป็นแค่ชู้รักของเขา หาได้นับเป็นทางการไม่! นอกจากนี้ คนที่มีความสามารถอย่างเขาย่อมเป็นบุรุษที่มากด้วยเสน่ห์และมีความสามารถ เป็นไปได้หรือที่จะไม่มีสตรีหลายคน? ยกตัวอย่างเช่นเจ้าก็มีอนุภรรยาไม่ใช่หรือ!”
หลี่ยูหลางเงียบไป "อืม...."
“ยิ่งไปกว่านั้น หยูซินของเราก็ถึงวัยที่สามารถแต่งงานได้แล้ว แต่นางยังไม่พบผู้ใดที่นางชอบ นั่นเป็นเหตุผลที่นางยังโสดอยู่! ทว่ายามนี้ นางได้พบกับผู้อำนวยการใหญ่ ชายผู้มากความสามารถย่อมควรครองรักกับสตรีงาม ทั้งสองถือได้ว่าเป็นคู่ที่สมบูรณ์แบบ!” ชายชรายิ้มอย่างภาคภูมิใจ
"แต่ว่า..."
“ไม่มีแต่อีกแล้ว แม้ว่าเจ้าจะไม่ต้องการลูกเขยอย่างเขา แต่ข้าก็ต้องการหลานเขยเยี่ยงเขา! ข้าได้ตัดสินใจในเรื่องของยูซินแล้ว เจ้าต้องไม่เข้าไปยุ่ง!” ชายชรากล่าวด้วยความโกรธ
“ขอรับพ่อ” เขาได้แต่ยอมรับมันด้วยความไม่เต็มใจ