ตอนที่แล้วบทที่ 10: การเรียนรู้การปรุงยา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 12: เพื่อนบ้านใหม่

บทที่ 11: อัจฉริยะธรรมดาที่ไม่ธรรมดา


บทที่ 11: อัจฉริยะธรรมดาที่ไม่ธรรมดา

แรงระเบิดจากเตาปรุงยาไม่ได้ทรงพลังมากนัก แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้ใบหน้าของซูฟ่านเต็มไปด้วยเถ้าถ่าน

หลังจากใคร่ครวญถึงเหตุผลมาครึ่งวันแล้ว ซูฟ่านก็พบว่าในระหว่างขั้นตอนสุดท้ายของการใช้วิชาขึ้นรูปยา ความเร็วนั้นก็เร็วเกินไปจนทำให้เตาปรุงยาระเบิด

และเมื่อเขากำลังพิจารณาว่าจะปรับปรุงมันอย่างไรดี จู่ๆ ซูฟ่านก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขายังไม่ได้ตรวจดูอาการของเตาปรุงยาเลย

“เตาปรุงยาของข้า! แกอย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะ!!”

หลังจากตรวจสอบทุกส่วนของเตาปรุงยาอย่างละเอียดแล้ว ในที่สุดเขาก็พบรอยแตกเล็กๆ ใกล้กับปล่องไฟ

จากนั้นซูฟานก็นึกถึงคำพูดที่คนขายเคยพูดกับเขา

“เตาปรุงยาระดับนี้สามารถทนต่อการระเบิดได้สูงสุดสิบครั้ง ข้าหวังว่าท่านจะชื่นชอบมันนะ”

ในท้ายที่สุด ซูฟ่านก็ตระหนักได้ว่าการประกันนั้นดีอย่างไร

“นี่คือสาเหตุว่าทำไมคนจนถึงเป็นนักปรุงยาไม่ได้สินะ”

ผู้คนธรรมดาคงจะหมดตัวแล้วหลังจากทำเตาปรุงยาระเบิดไปสักอัน

ดั่งสุภาษิตในโลกแห่งการปรุงยาที่กล่าวว่า “ 20 เตาสร้างผู้เรียนรู้ 50 เตาสร้างนักปรุงยา 100 เตาสร้างผู้เชี่ยวชาญ และ 1,000 เตาสร้างปรมาจารย์”

สิ่งนี้ไม่เพียงแต่บ่งบอกว่าการปรุงยานั้นยากแค่ไหน แต่มันยังบ่งบอกถึงจำนวนหินวิญญาณที่ต้องเสียไปให้กับการซื้อเตาปรุงยาด้วย

“หรือข้าจะไม่มีพรสวรรค์ในการปรุงยา?” ซูฟ่านมองไปที่รอยแตกด้วยความเสียใจแล้วพูด

ซูฟ่านจัดระเบียบความคิดและเริ่มจุดเตาปรุงยาขึ้นใหม่ ขณะนี้เขากำลังฝึกสร้างยาขจัดเมล็ดที่เป็นยาขั้นพื้นฐานที่สุดในโลกแห่งการฝึกตน

ยาขจัดเมล็ดที่ดียังสามารถช่วยให้ผู้ฝึกตนปรับปรุงระดับการฝึกตนของพวกเขาได้

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

บู้มมมม!

ซูฟ่านระเบิดเตาปรุงยาเป็นรอบที่สอง

“ให้ตายเถอะ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าข้าจะระเบิดเตาปรุงยาอีกเป็นครั้งที่สาม!”

ดวงตาของซูฟ่านเริ่มเจือสีแดงเล็กน้อย เขารีบทำความสะอาดห้องปรุงยาและเริ่มการปรุงยาครั้งที่สาม

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

บู้มมมม!

เตาปรุงยาระเบิดเป็นครั้งที่สาม

คราวนี้ ซูฟ่านไม่ได้สบถหรือด่าทอฟ้าฝน เขามีท่าทีสงบและใจเย็น

เขาปลดคาถาป้องกันออกจากร่างกายและเริ่มคิดอย่างใจเย็น

หนึ่งชั่วโมงต่อมา ซูฟ่านก็เริ่มสังเกตแก่นแท้ของยาวิญญาณอย่างละเอียดถี่ถ้วน โดยพยายามสัมผัสถึงพลังยาที่มีอยู่ในนั้นและขนาดของพลังวิญญาณ

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

ซูฟ่านวางยาวิญญาณลง จากนั้นเขาก็วางมือของเขาลงบนเตาปรุงยาและเริ่มสัมผัสทุกรายละเอียดของเตา

“ในการปรุงยาก่อนหน้านี้ สภาพจิตใจของข้าก็มีความผันผวนมาก ข้ามัวแต่คิดว่าจะต้องหลอมยาขั้นสูงให้ได้”

ซูฟ่านสูดหายใจเข้าลึกๆ ไม่ว่าใครจะทำอะไรก็ตาม สภาพจิตใจที่ไม่มั่นคงก็ถือเป็นข้อห้ามที่สำคัญเสมอ

เมื่อหลับตาลงแล้ว เขาก็ทบทวนรายละเอียดการปรุงยาในใจอีกครั้ง

เปิดเตาปรุงยา จุดไฟวิญญาณ เติมส่วนผสม ขัดเกลา…….

ในท้ายที่สุด เมื่อถึงเวลาขึ้นรูปยา ซูฟ่านก็พยายามรักษาสมาธิเอาไว้

สำเร็จ!!

เมื่อยาขึ้นรูปสำเร็จ ซูฟ่านก็หยิบขวดหยกที่เขาเตรียมไว้ก่อนหน้านี้ออกมา

ฝาของเตาปรุงยาเปิดออกโดยอัตโนมัติ และซูฟ่านก็เก็บยาทั้งสิบเม็ดลงไปในขวดหยก

จนกระทั่งเมื่อเขาปิดฝาขวดหยกแล้วเท่านั้น ซูฟ่านถึงแสดงรอยยิ้มออกมา

“ไม่เลว การปรุงยาในครั้งนี้ไร้ที่ติ นี่ถือเป็นสัญญาณที่ดี”

ซูฟ่านหยิบขวดหยกขึ้นมาแล้วหยิบยาขจัดเมล็ดออกมา

“ยาเม็ดนี้มีความสว่างของแสงวิญญาณและกลิ่นหอมของยาอันเข้มข้น ซึ่งนับเป็นยาขจัดเมล็ดระดับกลาง”

“ถ้าข้าต้องการจะขายมัน ยาระดับกลางนี้ก็จะสามารถขายได้ในราคาหินวิญญาณ 20 ก้อน”

“ แต่หากหักต้นทุนจากไฟวิญญาณมูลค่า 4 หินวิญญาณ และส่วนผสมมูลค่า 10 หินวิญญาณไป นั่นก็จะหมายความว่าข้าได้รับกำไรมาเพียง 6 หินวิญญาณหลังจากทำงานมาครึ่งวัน”

ซูฟ่านขมวดคิ้วเล็กน้อยและรู้สึกว่ามันยังห่างไกลจากผลกำไรมหาศาลที่เขาจินตนาการไว้

เขาลืมไปว่าเมื่อเดือนที่แล้วเขายังคงเป็นศิษย์ชั้นนอกผู้ต่ำต้อยที่มีรายได้ต่อปีอยู่ที่ 700 หินวิญญาณเท่านั้น

“แต่ถ้ามันประสบความสำเร็จในการหลอมครั้งเดียว โดยใช้หินวิญญาณ 1 ก้อนเป็นค่าไฟวิญญาณ และหินวิญญาณ 2.5 ก้อนเป็นค่าส่วนผสม มันก็จะทำกำไรได้อยู่ที่ 17.5 หินวิญญาณ”

“มันนับเป็นกำไรเกือบ 600% ธุรกิจนี้ยังคงมีศักยภาพมาก!” ซูฟ่านลูบคางของเขาแล้วหัวเราะ

“เอาล่ะ มาลองปรุงยากันอีกสักสองสามครั้งดีกว่า”

ในเวลาเดียวกัน ตัดภาพมาที่เพื่อนร่วมชั้นอีกเก้าคนของซูฟาน ทุกคนต่างก็กำลังถือเศษซากเตาปรุงยาของพวกเขาทั้งน้ำตา

วันรุ่งขึ้น ซูฟ่านปรากฏตัวขึ้นในห้องเรียนด้วยความกระตือรือร้น

ซาหยานกำลังรออยู่ในห้องเรียนพร้อมกับผู้ฝึกตนวัยกลางคน

ผู้ฝึกตนวัยกลางคนนี้เป็นอาจารย์หลัก นักปรุงยาคนนี้มีการฝึกตนอยู่ที่ขอบเขตก่อเกิดรากฐาน และชื่อของเขาก็คือซาจิงเทียน ซึ่งเป็นพ่อของซาหยานด้วยเช่นกัน

หลังจากที่นักเรียนทั้งหมดมาถึงแล้ว ผู้ฝึกตนวัยกลางคนบนแท่นก็พูดอย่างช้าๆ ว่า “เมื่อวานมีใครประสบความสำเร็จในการหลอมยาขจัดเมล็ดบ้าง?”

ซูฟ่านเงียบไป โดยยึดมั่นในหลักการอันต่ำต้อยของเขา และมองไปรอบๆ ก่อนจะพบว่าศิษย์ทุกคนมีใบหน้าที่ขมขื่น

ในขณะนี้ ซาจินเทียนหัวเราะราวกับว่าเขากำลังนึกถึงตอนที่เขาได้เรียนรู้วิชาปรุงยาเป็นครั้งแรก

“ความรู้สึกตอนเตาปรุงยาระเบิดมันแย่มากเลยใช่ไหมล่ะ? ตามที่คาดไว้ คนที่กระตือรือร้นที่จะประสบความสำเร็จเมื่อวานนี้คงจะได้ทำลายเตาปรุงยาของตนลงไปแล้ว”

“ท่านอาจารย์รู้ได้ยังไงกัน?”

“ฮ่าฮ่า ท่านอาจารย์ ท่านเดาผิด ข้าไม่ได้ระเบิดเตาปรุงยาของตนเองเท่านั้น ข้าระเบิดของที่พ่อข้าให้มาด้วย!”

“เมื่อวานข้าเกือบเสียชีวิตลงเนื่องจากการพยายามหลอมยาแล้ว!”

ซูฟ่านมองไปที่เหล่าศิษย์ที่บ่นและสงสัยในใจ “การปรุงยายากขนาดนั้นเลยหรอ?”

หลังจากที่ทุกคนแสดงความคิดเห็นออกมาแล้ว ซาจิงเทียนก็พูดต่อ “อย่าเพิ่งทุกข์ร้อนไป มันยังเป็นเรื่องปกติที่พวกเจ้าจะเผลอระเบิดเตาปรุงยาในตอนนี้”

“พวกเจ้าคงเคยได้ยินสุภาษิต ‘20 เตาสร้างผู้เรียนรู้ 50 เตาสร้างนักปรุงยา 100 เตาสร้างผู้เชี่ยวชาญ และ 1,000 เตาสร้างปรมาจารย์’ กันมาบ้างแล้วสินะ”

“ข้าขอบอกพวกเจ้าเอาไว้เลยว่านั่นคือมาตรฐานสำหรับอัจฉริยะ สำหรับพวกเจ้าที่ไม่ได้มีพรสวรรค์แล้ว มันก็เป็นเรื่องปกติที่พวกเจ้าจะระเบิดเตาปรุงยาไปมากกว่าร้อยเตาเพื่อการเรียนรู้”

“นอกจากนี้ มาตรฐานสำหรับการเป็นนักปรุงยาขั้นพื้นฐานได้ พวกเจ้าก็จะต้องสามารถหลอมยาสิบอย่างไม่ซ้ำกัน และหลอมยาระดับหนึ่งได้หนึ่งอย่าง”

“เมื่อนั้นพวกเจ้าถึงจะมีคุณสมบัติเป็นนักปรุงยาขั้นพื้นฐานได้”

“ถ้าพวกเจ้ามีทรัพยากรเพียงพอ พวกเจ้าก็สามารถเรียนรู้มันอย่างช้าๆ ได้”

“ถ้าไม่ ก็ทำตามคำแนะนำของข้า และหากพวกเจ้ายังคงไม่สามารถทำได้อีก พวกเจ้าก็จงยอมแพ้ซะตั้งแต่เนิ่นๆ เถอะ”

“หากไม่มีทรัพยากร การปรุงยาก็แทบจะเป็นไปไม่ได้”

จากนั้นเขาก็เหลือบมองคนสามคนในกลุ่มนักเรียน รวมถึงซูฟ่านด้วย1

ทั้งสามคนนี้เป็นคนที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวหรือไม่ได้มีทรัพยากรมากมาย

อย่างไรก็ตาม เมื่อซาจิงเทียนมองไปที่ซูฟ่าน ร่องรอยของความประหลาดใจจางๆ ก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา มันจางมากซะจนแทบจะตรวจไม่พบ

“เอาล่ะ เราคุยกันมาพอแล้ว ทีนี้พวกเจ้าบอกข้ามาได้แล้วว่าทำไมพวกเจ้าถึงล้มเหลวในขณะที่หลอมยาขจัดเมล็ด”

พวกเขาใช้เวลาทั้งเช้าเพื่อพูดคุยและแก้ไขข้อผิดพลาด หลังจากที่ซาจิงเทียนสอนเสร็จและศิษย์ทั้งหมดก็ออกไปแล้ว เขาก็มองดูลูกสาวของเขา

“เจ้ารู้จักศิษย์ที่ชื่อซูฟ่านไหม?” ซาจิงเทียนถาม

“เขาเป็นเพียงศิษย์ชั้นนอกธรรมดาๆ ที่มีพรสวรรค์เล็กน้อย หรือจะพูดให้ถูก เขาเป็นเพียงศิษย์ธรรมดาๆ ที่ไม่ธรรมดา” ซาหยานกล่าว

“ให้ความสนใจเขาให้มากขึ้นในอนาคต เขาอาจจะไม่ธรรมดาขนาดนั้น” ซาจิงเทียนกล่าว ในฐานะนักปรุงยา เขาก็ไวต่อกลิ่นของยามาก และเมื่อตอนที่ซูฟ่านเดินเข้ามาในห้องเรียน เขาก็ได้กลิ่นหอมยาจางๆ จากบนตัวเขา

“ทำไมล่ะท่านพ่อ?”

“เขาอาจจะเป็นอัจฉริยะ และถ้าเป็นเช่นนั้น เจ้าก็อาจจะได้น้องชายคนใหม่เพิ่มในไม่ช้า”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด