บทที่ 11: อัจฉริยะธรรมดาที่ไม่ธรรมดา
บทที่ 11: อัจฉริยะธรรมดาที่ไม่ธรรมดา
แรงระเบิดจากเตาปรุงยาไม่ได้ทรงพลังมากนัก แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้ใบหน้าของซูฟ่านเต็มไปด้วยเถ้าถ่าน
หลังจากใคร่ครวญถึงเหตุผลมาครึ่งวันแล้ว ซูฟ่านก็พบว่าในระหว่างขั้นตอนสุดท้ายของการใช้วิชาขึ้นรูปยา ความเร็วนั้นก็เร็วเกินไปจนทำให้เตาปรุงยาระเบิด
และเมื่อเขากำลังพิจารณาว่าจะปรับปรุงมันอย่างไรดี จู่ๆ ซูฟ่านก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขายังไม่ได้ตรวจดูอาการของเตาปรุงยาเลย
“เตาปรุงยาของข้า! แกอย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะ!!”
หลังจากตรวจสอบทุกส่วนของเตาปรุงยาอย่างละเอียดแล้ว ในที่สุดเขาก็พบรอยแตกเล็กๆ ใกล้กับปล่องไฟ
จากนั้นซูฟานก็นึกถึงคำพูดที่คนขายเคยพูดกับเขา
“เตาปรุงยาระดับนี้สามารถทนต่อการระเบิดได้สูงสุดสิบครั้ง ข้าหวังว่าท่านจะชื่นชอบมันนะ”
ในท้ายที่สุด ซูฟ่านก็ตระหนักได้ว่าการประกันนั้นดีอย่างไร
“นี่คือสาเหตุว่าทำไมคนจนถึงเป็นนักปรุงยาไม่ได้สินะ”
ผู้คนธรรมดาคงจะหมดตัวแล้วหลังจากทำเตาปรุงยาระเบิดไปสักอัน
ดั่งสุภาษิตในโลกแห่งการปรุงยาที่กล่าวว่า “ 20 เตาสร้างผู้เรียนรู้ 50 เตาสร้างนักปรุงยา 100 เตาสร้างผู้เชี่ยวชาญ และ 1,000 เตาสร้างปรมาจารย์”
สิ่งนี้ไม่เพียงแต่บ่งบอกว่าการปรุงยานั้นยากแค่ไหน แต่มันยังบ่งบอกถึงจำนวนหินวิญญาณที่ต้องเสียไปให้กับการซื้อเตาปรุงยาด้วย
“หรือข้าจะไม่มีพรสวรรค์ในการปรุงยา?” ซูฟ่านมองไปที่รอยแตกด้วยความเสียใจแล้วพูด
ซูฟ่านจัดระเบียบความคิดและเริ่มจุดเตาปรุงยาขึ้นใหม่ ขณะนี้เขากำลังฝึกสร้างยาขจัดเมล็ดที่เป็นยาขั้นพื้นฐานที่สุดในโลกแห่งการฝึกตน
ยาขจัดเมล็ดที่ดียังสามารถช่วยให้ผู้ฝึกตนปรับปรุงระดับการฝึกตนของพวกเขาได้
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
บู้มมมม!
ซูฟ่านระเบิดเตาปรุงยาเป็นรอบที่สอง
“ให้ตายเถอะ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าข้าจะระเบิดเตาปรุงยาอีกเป็นครั้งที่สาม!”
ดวงตาของซูฟ่านเริ่มเจือสีแดงเล็กน้อย เขารีบทำความสะอาดห้องปรุงยาและเริ่มการปรุงยาครั้งที่สาม
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
บู้มมมม!
เตาปรุงยาระเบิดเป็นครั้งที่สาม
คราวนี้ ซูฟ่านไม่ได้สบถหรือด่าทอฟ้าฝน เขามีท่าทีสงบและใจเย็น
เขาปลดคาถาป้องกันออกจากร่างกายและเริ่มคิดอย่างใจเย็น
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ซูฟ่านก็เริ่มสังเกตแก่นแท้ของยาวิญญาณอย่างละเอียดถี่ถ้วน โดยพยายามสัมผัสถึงพลังยาที่มีอยู่ในนั้นและขนาดของพลังวิญญาณ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
ซูฟ่านวางยาวิญญาณลง จากนั้นเขาก็วางมือของเขาลงบนเตาปรุงยาและเริ่มสัมผัสทุกรายละเอียดของเตา
“ในการปรุงยาก่อนหน้านี้ สภาพจิตใจของข้าก็มีความผันผวนมาก ข้ามัวแต่คิดว่าจะต้องหลอมยาขั้นสูงให้ได้”
ซูฟ่านสูดหายใจเข้าลึกๆ ไม่ว่าใครจะทำอะไรก็ตาม สภาพจิตใจที่ไม่มั่นคงก็ถือเป็นข้อห้ามที่สำคัญเสมอ
เมื่อหลับตาลงแล้ว เขาก็ทบทวนรายละเอียดการปรุงยาในใจอีกครั้ง
เปิดเตาปรุงยา จุดไฟวิญญาณ เติมส่วนผสม ขัดเกลา…….
ในท้ายที่สุด เมื่อถึงเวลาขึ้นรูปยา ซูฟ่านก็พยายามรักษาสมาธิเอาไว้
สำเร็จ!!
เมื่อยาขึ้นรูปสำเร็จ ซูฟ่านก็หยิบขวดหยกที่เขาเตรียมไว้ก่อนหน้านี้ออกมา
ฝาของเตาปรุงยาเปิดออกโดยอัตโนมัติ และซูฟ่านก็เก็บยาทั้งสิบเม็ดลงไปในขวดหยก
จนกระทั่งเมื่อเขาปิดฝาขวดหยกแล้วเท่านั้น ซูฟ่านถึงแสดงรอยยิ้มออกมา
“ไม่เลว การปรุงยาในครั้งนี้ไร้ที่ติ นี่ถือเป็นสัญญาณที่ดี”
ซูฟ่านหยิบขวดหยกขึ้นมาแล้วหยิบยาขจัดเมล็ดออกมา
“ยาเม็ดนี้มีความสว่างของแสงวิญญาณและกลิ่นหอมของยาอันเข้มข้น ซึ่งนับเป็นยาขจัดเมล็ดระดับกลาง”
“ถ้าข้าต้องการจะขายมัน ยาระดับกลางนี้ก็จะสามารถขายได้ในราคาหินวิญญาณ 20 ก้อน”
“ แต่หากหักต้นทุนจากไฟวิญญาณมูลค่า 4 หินวิญญาณ และส่วนผสมมูลค่า 10 หินวิญญาณไป นั่นก็จะหมายความว่าข้าได้รับกำไรมาเพียง 6 หินวิญญาณหลังจากทำงานมาครึ่งวัน”
ซูฟ่านขมวดคิ้วเล็กน้อยและรู้สึกว่ามันยังห่างไกลจากผลกำไรมหาศาลที่เขาจินตนาการไว้
เขาลืมไปว่าเมื่อเดือนที่แล้วเขายังคงเป็นศิษย์ชั้นนอกผู้ต่ำต้อยที่มีรายได้ต่อปีอยู่ที่ 700 หินวิญญาณเท่านั้น
“แต่ถ้ามันประสบความสำเร็จในการหลอมครั้งเดียว โดยใช้หินวิญญาณ 1 ก้อนเป็นค่าไฟวิญญาณ และหินวิญญาณ 2.5 ก้อนเป็นค่าส่วนผสม มันก็จะทำกำไรได้อยู่ที่ 17.5 หินวิญญาณ”
“มันนับเป็นกำไรเกือบ 600% ธุรกิจนี้ยังคงมีศักยภาพมาก!” ซูฟ่านลูบคางของเขาแล้วหัวเราะ
“เอาล่ะ มาลองปรุงยากันอีกสักสองสามครั้งดีกว่า”
ในเวลาเดียวกัน ตัดภาพมาที่เพื่อนร่วมชั้นอีกเก้าคนของซูฟาน ทุกคนต่างก็กำลังถือเศษซากเตาปรุงยาของพวกเขาทั้งน้ำตา
วันรุ่งขึ้น ซูฟ่านปรากฏตัวขึ้นในห้องเรียนด้วยความกระตือรือร้น
ซาหยานกำลังรออยู่ในห้องเรียนพร้อมกับผู้ฝึกตนวัยกลางคน
ผู้ฝึกตนวัยกลางคนนี้เป็นอาจารย์หลัก นักปรุงยาคนนี้มีการฝึกตนอยู่ที่ขอบเขตก่อเกิดรากฐาน และชื่อของเขาก็คือซาจิงเทียน ซึ่งเป็นพ่อของซาหยานด้วยเช่นกัน
หลังจากที่นักเรียนทั้งหมดมาถึงแล้ว ผู้ฝึกตนวัยกลางคนบนแท่นก็พูดอย่างช้าๆ ว่า “เมื่อวานมีใครประสบความสำเร็จในการหลอมยาขจัดเมล็ดบ้าง?”
ซูฟ่านเงียบไป โดยยึดมั่นในหลักการอันต่ำต้อยของเขา และมองไปรอบๆ ก่อนจะพบว่าศิษย์ทุกคนมีใบหน้าที่ขมขื่น
ในขณะนี้ ซาจินเทียนหัวเราะราวกับว่าเขากำลังนึกถึงตอนที่เขาได้เรียนรู้วิชาปรุงยาเป็นครั้งแรก
“ความรู้สึกตอนเตาปรุงยาระเบิดมันแย่มากเลยใช่ไหมล่ะ? ตามที่คาดไว้ คนที่กระตือรือร้นที่จะประสบความสำเร็จเมื่อวานนี้คงจะได้ทำลายเตาปรุงยาของตนลงไปแล้ว”
“ท่านอาจารย์รู้ได้ยังไงกัน?”
“ฮ่าฮ่า ท่านอาจารย์ ท่านเดาผิด ข้าไม่ได้ระเบิดเตาปรุงยาของตนเองเท่านั้น ข้าระเบิดของที่พ่อข้าให้มาด้วย!”
“เมื่อวานข้าเกือบเสียชีวิตลงเนื่องจากการพยายามหลอมยาแล้ว!”
ซูฟ่านมองไปที่เหล่าศิษย์ที่บ่นและสงสัยในใจ “การปรุงยายากขนาดนั้นเลยหรอ?”
หลังจากที่ทุกคนแสดงความคิดเห็นออกมาแล้ว ซาจิงเทียนก็พูดต่อ “อย่าเพิ่งทุกข์ร้อนไป มันยังเป็นเรื่องปกติที่พวกเจ้าจะเผลอระเบิดเตาปรุงยาในตอนนี้”
“พวกเจ้าคงเคยได้ยินสุภาษิต ‘20 เตาสร้างผู้เรียนรู้ 50 เตาสร้างนักปรุงยา 100 เตาสร้างผู้เชี่ยวชาญ และ 1,000 เตาสร้างปรมาจารย์’ กันมาบ้างแล้วสินะ”
“ข้าขอบอกพวกเจ้าเอาไว้เลยว่านั่นคือมาตรฐานสำหรับอัจฉริยะ สำหรับพวกเจ้าที่ไม่ได้มีพรสวรรค์แล้ว มันก็เป็นเรื่องปกติที่พวกเจ้าจะระเบิดเตาปรุงยาไปมากกว่าร้อยเตาเพื่อการเรียนรู้”
“นอกจากนี้ มาตรฐานสำหรับการเป็นนักปรุงยาขั้นพื้นฐานได้ พวกเจ้าก็จะต้องสามารถหลอมยาสิบอย่างไม่ซ้ำกัน และหลอมยาระดับหนึ่งได้หนึ่งอย่าง”
“เมื่อนั้นพวกเจ้าถึงจะมีคุณสมบัติเป็นนักปรุงยาขั้นพื้นฐานได้”
“ถ้าพวกเจ้ามีทรัพยากรเพียงพอ พวกเจ้าก็สามารถเรียนรู้มันอย่างช้าๆ ได้”
“ถ้าไม่ ก็ทำตามคำแนะนำของข้า และหากพวกเจ้ายังคงไม่สามารถทำได้อีก พวกเจ้าก็จงยอมแพ้ซะตั้งแต่เนิ่นๆ เถอะ”
“หากไม่มีทรัพยากร การปรุงยาก็แทบจะเป็นไปไม่ได้”
จากนั้นเขาก็เหลือบมองคนสามคนในกลุ่มนักเรียน รวมถึงซูฟ่านด้วย1
ทั้งสามคนนี้เป็นคนที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวหรือไม่ได้มีทรัพยากรมากมาย
อย่างไรก็ตาม เมื่อซาจิงเทียนมองไปที่ซูฟ่าน ร่องรอยของความประหลาดใจจางๆ ก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา มันจางมากซะจนแทบจะตรวจไม่พบ
“เอาล่ะ เราคุยกันมาพอแล้ว ทีนี้พวกเจ้าบอกข้ามาได้แล้วว่าทำไมพวกเจ้าถึงล้มเหลวในขณะที่หลอมยาขจัดเมล็ด”
พวกเขาใช้เวลาทั้งเช้าเพื่อพูดคุยและแก้ไขข้อผิดพลาด หลังจากที่ซาจิงเทียนสอนเสร็จและศิษย์ทั้งหมดก็ออกไปแล้ว เขาก็มองดูลูกสาวของเขา
“เจ้ารู้จักศิษย์ที่ชื่อซูฟ่านไหม?” ซาจิงเทียนถาม
“เขาเป็นเพียงศิษย์ชั้นนอกธรรมดาๆ ที่มีพรสวรรค์เล็กน้อย หรือจะพูดให้ถูก เขาเป็นเพียงศิษย์ธรรมดาๆ ที่ไม่ธรรมดา” ซาหยานกล่าว
“ให้ความสนใจเขาให้มากขึ้นในอนาคต เขาอาจจะไม่ธรรมดาขนาดนั้น” ซาจิงเทียนกล่าว ในฐานะนักปรุงยา เขาก็ไวต่อกลิ่นของยามาก และเมื่อตอนที่ซูฟ่านเดินเข้ามาในห้องเรียน เขาก็ได้กลิ่นหอมยาจางๆ จากบนตัวเขา
“ทำไมล่ะท่านพ่อ?”
“เขาอาจจะเป็นอัจฉริยะ และถ้าเป็นเช่นนั้น เจ้าก็อาจจะได้น้องชายคนใหม่เพิ่มในไม่ช้า”