ตอนที่ 35 ศาสตร์ควบคุมศพ (เปิดให้อ่านฟรีวันที่ 07/04/2567)
สิ้นเสียงปริศนาเบื้องหน้าของตระกูลซูก็ปรากฏร่างของชายชราผมยาวสีขาวโพลนผู้หนึ่ง ตัวของเขาไม่ได้ผอมแห้งจนเกินไป สวมใส่ชุดคลุมยาวสีดำปกคลุมถึงฝ่าเท้า แต่กลับไม่ได้ทำให้การเคลื่อนไหวของเขาติดขัดแม้แต่น้อย
“ก่อนอื่นก็ต้องจัดการกับเจ้านี่ก่อนสินะ” ชายชราเหลือบมองขึ้นไปยังคลื่นน้ำที่กำลังถาโถมลงมา เขาโบกมือหนึ่งทีส่งพลังปราณอัคคีที่ก่อตัวเป็นตาข่ายไร้ช่องว่างขนาดยักษ์ขึ้นไปปะทะกับคลื่นยักษ์ด้วยความรวดเร็ว
ซู่ ซู่
เกิดหมอกควันฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณเนื่องจากการสลายตัวระหว่างคลื่นน้ำและตาข่ายเพลิง ถึงเคล็ดวิชาของฟิชจะแข็งแกร็งแต่ด้วยระดับขั้นลมปราณที่ด้อยกว่าผลลัพธ์ที่ออกมาเยี่ยงนี้ นับว่ายอดเยี่ยมแล้ว
“ไอ้แก่ แค่ขั้นพลังสูงกว่านิดหน่อยทำเป็นอวดเบ่งจริงนะ แน่จริงมาต่อยกันตัวๆ พลังปราณไม่เกี่ยวเอาเปล่า” มนุษย์ปลาชี้หน้ากล่าวท้าทาย
พอเห็นท่าทางเยี่ยงนี้เย่ซีก็อดคิดไม่ได้ว่าสัตว์เลี้ยงของเขาตัวนี้มันเป็นพวกนักเลงข้างถนนกลับชาติมาเกิดหรือไม่? ที่โลกแห่งการฝึกตนแบบนี้คงมีน้อยคนนักที่จะมีลักษณะคำพูด ท่าทางแบบเจ้าฟิชมัน
“เหอะ! เป็นแค่สัตว์เดรัจฉานที่วิวัฒนาการขึ้นมามีรูปแบบคล้ายคลึงมนุษย์ เดิมข้าไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้ แต่เมื่อเจ้าไม่คิดจะปล่อยตระกูลฉู่ไปคงเลี่ยงไม่ได้” ชายชรากล่าว ร่างกายของเขาเริ่มปล่อยพลังลมปราณอันดุดันออกมา มันเต็มไปด้วยความกดดันและกลิ่นคาวเลือด เหมือนว่าชายชราคนนี้จะไม่ใช่ผู้ฝึกตนที่ดีสักเท่าไหร่
“เหม็นจริงๆ ทั้งปาก ทั้งกลิ่นปราณ เหม็นยิ่งกว่ากลิ่นปลาของข้าซะอีก” ฟิชทำท่าเอามืดปัดไปมาเพื่อไล่กลิ่น ทำให้ชายชราคิ้วกระตุกขึ้นมาสามหน
“ถอยไปให้หมด ข้ารับมือพวกมันเอง” ชายชรากล่าวกับกลุ่มคนด้านหลัง ความจริงเขาก็อยากจะพาพวกตระกูลฉู่หนีไปซะให้มันจบๆ เพราะขืนต่อสู้นานเกินไปต้องดึงดูดความสนใจของพวกราชวงศ์แน่ แบบนั้นแผนของเขาจะเสียหมด
แต่เพราะเขตแดนของไอ้สัตว์เดรัจฉานตรงหน้าที่ลดพลังของเขาลง แถมยังแข็งแกร่งจนเขาไม่สามารถฝ่าออกไปได้ง่ายๆเลยต้องกำจัดพวกมันให้ไวที่สุด ค่อยใช้สมบัติลับเจาะมันออกไป
“เขตแดนน่ารำคาญ! ออกมา!” ชายชราหยิบหนังสือสีดำเล่มหนึ่งออกมา มันเป็นหนังสือเก่าๆที่แทบจะขาดแล้วเล่มหนึ่ง แต่ออร่าดำมืดที่แผ่ออกมาชวนขนหัวลุกนั้นทำให้ผู้คนไม่กล้าประมาท
สิ้นคำกล่าวของชายชราหนังสือเล่มนั้นก็เปล่งแสงสีดำสนิท ลำแสงเหล่านั้นพุ่งไปยังซากศพที่นอนกองอยู่บนพื้น ก่อนจะถูกศพแต่ละร่างดูดซึมเข้าไปจนหมด หลังจากนั้นซากศพก็ลุกขึ้นแล้วพากันหยิบอาวุธที่ตกอยู่ตรงเข้าโจมตีมนุษย์ปลา
“นั่นมันหนึ่งในศาสตร์ในการควบคุมศพ!” หานจุนหมิงส่งเสียงดังขึ้นด้วยความตกใจ ศาสตร์แห่งศพนี้นับว่าเป็นวิถีนอกรีด ถูกผู้ฝึกตนส่วนใหญ่รังเกลียดเป็นอย่างมาก คนเหล่านี้มักจะบุกปล้นสุสานของตระกูลและสำนักต่างๆเพื่อขโมยซากศพของผู้แข็งแกร่ง มาทำหุ่นเชิดของตัวเอง!
“มันคืออะไรรึ?” เย่ซีกล่าวถามขึ้นมา เพราะเขาไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน
“ในทวีปนี้จะมีผู้ฝึกตนอยู่สองฝ่าย หนึ่งฝ่ายธรรมะ ซึ่งจะมุ่งเน้นฝึกฝนตามหลักศีลธรรมเป็นส่วนใหญ่ แม้จะมีบางส่วนที่ชอบเข่นฆ่าผู้คน หรือทำเรื่องเลวร้ายบ้าง แต่ถ้าพวกนั้นฝึกเคล็ดวิชาปกติก็จะถูกนับรวมให้อยู่ในฝ่ายนี้”
“สอง ฝ่ายอธรรม คนเหล่านี้จะฝึกเคล็ดวิชาที่ขัดกับหลักศีลธรรม ไม่ว่าจะเป็นยาพิษ ควบคุมศพ เคล็ดดูดพลังชีวิต บำเพ็ญมาร การดูดเลือด และอีกนับไม่ถ้วน แต่ก็ใช่ว่าทุกคนที่บำเพ็ญเคล็ดเหล่านี้จะเป็นพวกชั่วช้าไปเสียหมด คนบางกลุ่มที่เลือกเคล็ดบำเพ็ญไม่ได้แต่มีจิตใจดีงามก็มีเช่นกัน”
หลังจากที่หานจุนหมิงอธิบายให้ฟังคร่าวๆก็ทำให้ชายหนุ่มพอจะนึกภาพออก เหรียญย่อมมีสองด้านเสมอ
“น่าขยะแขยง! นอกจากจะแก่แล้วยังชอบเล่นกับศพอีก!” มนุษย์ปลาตะโกนด่าออกมา มันเสริมปราณเข้ากับร่างกายใช้เพลงหมัดต่อสู้กับซากศพเหล่านั้น
ดูเหมือนว่าซากศพเหล่านี้จะแข็งแกร่งยิ่งกว่าตอนที่มีชีวิตอยู่ซะอีก เพราะตอนที่ร่างเหล่านี้ยังมีชีวิตมันแค่ใช้กายเนื้อไม่เสริมปราณก็ป้องกันได้สบายๆ แต่ยามนี้ขนาดมันเสริมปราณเข้ากับร่างกายแล้วยังรู้สึกได้ถึงแรงปะทะอันหนักหน่วง
ผัวะ ผัวะ โครม
แต่ละหมัดที่ต่อยออกไปแฝงไว้ด้วยพลังอันมหาศาล เนื่องจากร่างกายที่เป็นสัตว์อสูรแต่กำเนิดทำให้มันแข็งแกร่งยิ่งกว่ามนุษย์อยู่แล้ว เศษซากร่างกายที่ถูกควบคุมปลิวกระเด็นไปทั่วบริเวณ ผู้ฝึกตนบางคนที่ทนไม่ไหวถึงกับอ้วกออกมากับภาพตรงหน้าเลยก็มี
“เหอะ! ดูเหมือนจะมีดีอยู่บ้าง รวม!!” ชายชราสบถออกมาเมื่อเห็นว่ามนุษย์ปลาแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิด เขาเร่งพลังของหนังสือในมือขึ้นอีกระดับหนึ่ง เศษชิ้นเนื้อที่กระจัดกระจายอยู่ตามพื้นก่อนหน้านี้ทยอยรวมตัวเข้าด้วยกันเหมือนจะให้กำเนิดอะไรสักอย่าง
“อย่าฝันไปหน่อยเลย!” ฟิชที่สัมผัสได้ถึงความอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้น มันก็ไม่อยู่นิ่งรอให้ชายแก่ตรงหน้าแสดงเคล็ดวิชาออกมาจนจบรีบชิงลงมือก่อน
ตู้ม!
พื้นหินแกร่งที่ฟิชยืนอยู่ก่อนหน้านี้ยุบลงไปเป็นรูปรอยเท้า บ่งบอกถึงพลังในการออกตัวที่รุนแรงเป็นอย่างมาก ร่างมนุษย์ปลาสีดำเกล็ดทองพุ่งเข้าใส่ชายชราเป็นเส้นตรง ถ้าจะจบเรื่องก็แค่สังหารชายชราซะ มันคิดว่าพวกที่ถนัดใช้ศาสตร์ต้องห้ามแบบนี้ร่างกายคงจะไม่แข็งแกร่งนัก
แต่ชายชราแทนที่จะตกใจ เขากลับยิ้มออกมา!
ครึ่งหลัง
ผัวะ ผัวะ ผัวะ อั้ก!
“บัดซบ ไอ้แก่เจ้าเล่ห์” ปลาปากเสียสบถออกมาพลางต่อสู้ไปด้วยมือเท้าเป็นระวิงไปหมด
เมื่อครู่ที่มันพุ่งตัวเข้ามาสุดแรงก็พบว่าชายชรายิ้มออกมา ทำให้มันรู้สึกแปลกๆแต่ด้วยแรงส่งที่รุนแรงจะถอยก็ไม่ทันแล้ว ได้แต่รีดเค้นลมปราณออกมาให้ถึงขีดสุดแล้วส่งหมัดตรงเข้าไปยังใบหน้าของชายชราที่กำลังยิ้มอยู่
แต่ชายชรากลับปล่อยมือออกจากหนังสือเล่มนั้น แล้วเบ่งพลังออกมาจนชุดคลุมฉีกขาด เผยให้เห็นกล้ามเนื้อเป็นมัดเรียงสวยเหมือนนักยกน้ำหนัก ชายชราใช้มือทั้งสองข้างต้านรับการโจมตีของฟิชด้วยท่าทางสบายๆ และถึงแม้หนังสือที่ปล่อยออร่าชั่วร้ายออกมาจะไม่อยู่ในมือของชายชรา มันก็ยังคงสำแดงเคล็ดวิชาออกมาไม่หยุด เหมือนมันจะมีจิตสัมนึกเป็นของตนเอง
“เป็นไงบ้างล่ะ เจอหมักคนแก่เข้าไป” ชายชราส่งเสียงเย้ยหยันออกมาพร้อมรัวหมัดใส่หน้าปลาปากเสียตรงหน้าเป็นชุด ด้านปลาปากเสียก็หลบรวมถึงปัดป้องได้บ้าง แต่ก็ยังคงโดนโจมตีอยู่ดี
“ถุย เจอกันสักตั้งสิวะ แท่น แทน แท๊น ถั่วเหลืองอบกรอบ!” ฟิชล้วงเข้าไปยังกางเกงที่สวมอยู่แล้วหยิบซองถั่วเหลืองออกมาโยนเข้าปากไปในทันที!
ความจริงตัวมันไม่ชอบใส่เสื้อผ้าสักเท่าไหร่ แต่เป็นเพราะหลังจากที่มันกลายร่างได้เป็นครั้งแรก เย่ซีก็ทนเห็นมันเดินล่อนจ้อน ห้อยโตงเตงไม่ไหวบังคับมันให้ใส่กางเกงสักตัวก็ยังดี เพราะเหตุนั้นมันจึงต้องหากางเกงมาสวมไว้ตลอดเวลา แน่นอนว่ามันเจาะรูไว้ที่ก้นเพื่อให้หางรอดผ่านกางเกงได้สะดวกด้วย
“อะไรกัน! นั่นมันของวิเศษบ้าอะไร” ชายชราที่เห็นปากปลาเสียตรงหน้าหยิบบางอย่างออกมาโยนเข้าปากก็ตื่นตัวขึ้นมาทันที เขาคิดว่าคงจะเป็นพวกโอสถลับหรืออะไรสักอย่างเป็นแน่
ภาพตรงหน้าเหมือนจะช่วยยืนยันความคิดของเขา ร่างของมนุษย์ปลาตรงหน้าที่เดิมทีก็สูงเกือบสองเมตรอยู่แล้ว ขยับสั่นไหวอย่างรุนแรงกล้ามเนื้อขยายขนาดมากกว่าเดิมเกือบสามเท่า เวลานี้ตัวมันดูเหมือนกับสัตว์ประหลาดยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
“ฮ่าฮ่าฮ่า โคตรน่าเกลียดเลยฟิช” เย่ซีหัวเราะลั่นกับภาพตรงหน้า สภาพสัตว์เลี้ยงของเขาตอนนี้เหมือนตัวร้านในการ์ตูนที่มีร่างต้น ร่างรอง ร่างสุดท้ายไม่มีผิด แถมร่างสุดท้ายยังเหมือนมนุษย์โคตรกล้ามอีกต่างหาก
“หมัด ตะปูสิบดอก!” ฟิชอาศัยช่วงที่ชายชรากำลังอึ้งกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายมัน ซัดหมัดลับที่ฝึกมาอย่างยากลำบากออกไปทันที
“ปราณศพ ป้องกัน!” ชายชราแม้จะตอบสนองไม่ทันในทีแรกแต่ก็สมกับเป็นยอดฝีมือ เขาเรียกพลังปราณศพจากโดยรอบมาป้องกันการโจมตีที่กำลังพุ่งมายังหน้าอกของเขา
ตู้ม ตู้ม ตู้ม ตู้ม ตู้ม ตู้ม ตู้ม ตู้ม ตู้ม ตู้ม
เสียงหมัดกระทบกับแขนทั้งสองข้างที่ได้รับการเสริมปราณศพดังขึ้นสิบครั้ง หมัดตะปูสิบดอกของฟิชเป็นการเกร็งกล้ามเนื้อเสริมด้วยลมปราณเฉพาะตัวแล้วต่อยออกไป การต่อยหนึ่งหมัดจะสร้างแรกกระแทกได้ถึงสิบครั้ง!
อ๊ากกก โครมม!
ชายชรากรีดร้องออกมาดังลั่น ร่างของเขาปลิวกระเด็นออกไปกระแทกเข้ากับพื้นหิน จนเกิดเป็นหลุมลึกเกือบสิบจั้ง
“แฮ่ก แฮ่ก ก็ไม่เห็นจะเท่าไหร่ พรวด!” ฟิชกล่าวจบก็กระอักเลือดออกมา แม้มันจะโจมตีจนชายชราปลิวออกไปได้ แต่ปราณศพก็ร้ายกาจยิ่งนัก มันแทรกซึมเข้าสู้ร่างกายขัดขวางการไหลเวียนของเลือดและพลังปราณ ทำให้ตอนนี้สภาพของมันนับว่าไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่
ครึ่ก ครึ่ก ตู้ม!
ยังไม่ทันที่จะได้ดีใจ ร่างของชายชราก็พุ่งขึ้นมาจากหลุมพุ่งเข้าโจมตีใส่มนุษย์ปลาทันที หมัดนี้เต็มไปด้วยพลังปราณศพ แม้จะไม่ได้แข็งแกร่งเท่ายามปกติ แต่สภาพของฟิชตอนนี้โดนเข้าไปจะต้องสาหัส หรืออาจเสียชีวิตแน่นอน
“ตายซะ!” ชายชราคำรามออกมาเสียงดังสนั่น เขาจะต้องปลิดชีพปลาปากเสียตรงหน้าให้ได้! หลังจากนั้นค่อยดูดกลืนพลังชีวิตและเลือดเนื้อของทุกคนโดยรอบมาฟื้นฟูร่างกายค่อยหนีไป การต่อสู้เริ่มกินเวลามากเกินไปแล้ว อาจมีตัวแปรที่คาดไม่ถึงโผล่ออกมาได้เสมอ
“บัดซบ! ข้าจะต้องมาตายเยี่ยงนี้รึ” ฟิชสบถออกมาเมื่อเห็นภาพตรงหน้า มันประมาทเกินไป ยามนี้คิดจะป้องกันก็ไม่ทันเสียแล้ว!