ตอนที่ 34 ศัตรูอันแข็งแกร่ง (เปิดให้อ่านฟรีวันที่ 04/04/2567)
“รู้จักหรือไม่รู้จัก มันเกี่ยวอันใดกับเจ้า?” ชายหนุ่มที่ไม่ชอบการกระทำของชายตรงหน้า เขาเลยกล่าวตอบไปแบบยียวนเล็กน้อย
“เขาเป็นนายน้อยตระกูลข้า! เจ้าอย่ามาทำกลบเกลื่อน มีคนรายงานมาว่าเจ้ามีเรื่องกับนายน้อยก่อนที่นายน้อยจะหายไป!” ฉู่หลงกล่าวตอบด้วยเสียงที่ดังยิ่งขึ้นกว่าตอนแรก จนแทบจะเป็นการตะโกนแล้ว
ด้วยน้ำเสียงอันดังทำให้ผู้คนโดยรอบได้ยินโดยทั่วกัน คนของตระกูลฉู่เริ่มกระชับวงล้อมเข้ามาเรื่อยๆ ทำให้ขบวนของโรงเตี๊ยมพลบค่ำต่างเตรียมพร้อมต่อสู้ทันที ผู้ฝึกตนต่างพากันมายืนอยู่แนวหน้า ฝ่ายสนับสนุนและคนทั่วไปถอยไปด้านหลัง
“เจ้าบอกข้ามา ว่าเจ้านำนายน้อยฉู่หมิงไปไว้ที่ไหน” คนตระกูลฉู่ยังคงคาดคั้น แม้เขาจะไม่มีหลักฐานที่แน่นหนามากพอ แต่เขาก็ค่อนข้างมั่นใจว่าต้องเป็นชายหนุ่มเบื้องหน้าที่ลักพาตัวนายน้อยฉู่หมิงไปอย่างแน่นอน เพราะจากข่าวสายสืบส่งมาหลังจากนายหน้าพาคนออกไปตามล่าชายตรงหน้าแล้วก็ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
“ก็แค่เคยมีปากเสียงกันเล็กน้อย เจ้ามีหลักฐานหรือไม่ว่าข้าเป็นคนทำให้นายน้อยของเจ้าหายไป” เย่ซีตอบกลับเสียงเรียบ เขาไม่ได้กลัวเลยสักนิด ฝ่ายตรงข้ามไม่มีหลักฐานด้วยซ้ำ หรือต่อให้มีแล้วอย่างไร? ถ้ามาก่อกวนเขามากนัก เขาก็จะพาพวกมันไปอยู่ด้วยกันกับนายน้อยฉู่หมิงของพวกมันซะเลย!
“เหอะ! ผู้ร้ายปากแข็ง ไม่ว่ายังไงข้าก็จะจับตัวเจ้ากลับไปให้ได้ พวกโรงเตี๊ยมพลบค่ำกับผู้ฝึกตนรับจ้างหลีกไปจะดีกว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเจ้า” ฉู่หลงกล่าวออกมา แม้ตัวเขาจะมั่นใจว่าตระกูลฉู่จะสามารถจัดการกับโรงเตี๊ยมพลบค่ำและพวกผู้ฝึกตนที่ถูกจ้างมาได้ แต่เขาก็ไม่อยากให้เรื่องมันใหญ่โตจนเกินไป เพราะถ้าทั้งสองฝ่ายแตกหักกันจริงๆคงเกิดการนองเลือดกลางเมืองแน่ๆ
“ไม่ต้องมายุให้พวกข้าแตกกันหรอก ยังไงโรงเตี๊ยมพลบค่ำก็จะหนุนหลังท่านเย่ซีอยู่แล้ว” หานจุนหมิงกล่าวตอบฉู่หลงไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“พวกข้าก็เช่นกัน อย่างมากก็แค่ตายกันไปข้าง!” บรรดาผู้ฝึกตนที่ถูกเจ้าของโรงเตี๊ยมพลบค่ำจ้างมาพากันตะโกนพร้อมรบ
“โถ่เอ้ย พวกโจรกระจอก ตระกูลกระจอก กระจอกทั้งตระกูล” มีเสียงยียวนดังขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ที่กำลังคุกรุ่น ทุกคนต่างมองไปยังต้นเสียงทันที
ก็พบเข้ากับมนุษย์ปลาตัวสีดำทีมีลายเกร็ดสีทองทั้งตัวเหมือนใส่เกราะยืนพิงรถเข็นสีชมพูอยู่ ในปากมันคาบใบหญ้าที่ไม่รู้หามาจากไหนเอาไว้ ตระกูลฉู่พากันเดือดดาลมากยิ่งขึ้นเพราะคำพูดของมัน ส่วนเย่ซีได้แต่ยิ้มออกมา ในตอนนี้เขาอยากจะไปดูที่ดินเต็มทน ไม่มีเวลามามัวเล่นกับพวกตระกูลฉู่มากนัก
“ไอ้ตัวประหลาด ปลาก็ไม่ใช่ มนุษย์ก็ไม่เชิงแบบเจ้ามีสิทธิอะไรมาปากดีกัน!” ชายคนหนึ่งทางฝั่งตระกูลฉู่กล่าวออกมา
ถุย ฉึก! โครม
แต่หลังจากที่กล่าวจบคำ ชีวิตเขาก็ได้จบสิ้นลงไปด้วย ตรงกลางหว่างคิ้วของชายคนนั้นปรากฏรอยขนาดเล็กเท่าใบหญ้าสีแดงโลหิต หยดเลือดค่อยๆไหลรินออกมาพร้อมกับร่างที่ทรุดลงไปกองกับพื้น
“ไม่เห็นจะเก่งอย่างปากเลย ไม่ต้องถึงมือนายท่านหรอกแบบนี้” ปลาปากเสียกล่าวออกมา
ยามนี้ผู้คนโดยรอบพากันนิ่งอึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่คิดว่ามนุษย์ปลาตรงหน้าจะอารมณ์ดุร้ายเยี่ยงนี้ พูดไม่ถูกหูก็ฆ่าทิ้งเลย เหล่าคนตระกูลฉู่หลังตั้งสติได้ก็พากันชักอาวุธออกมาแล้วรวบรวมลมปราณเตรียมใช้เคล็ดวิชาทันที
“เจ้า ไอ้สัตว์ประหลาด ออกมารับความตายซะ! ข้าจะทรมานเจ้าทั้งเป็น แล่เนื้อไปทำแกงปลา” ฉู่หลงกล่าวเสียงดังอย่างเดือดดาล มนุษย์ปลาตรงหน้าของมันจะล้ำเส้นเกินไปแล้ว! ไม่ไว้หน้าตระกูลฉู่สักนิด
“จะมัวแต่พูดมากทำไม เข้ามาสักที! เหม็นปากยิ่งนัก” ฟิชหันหลังให้แล้วส่ายก้นไปมา หางตรงก้นของมันปัดไปด้านตรงข้ามกับก้นที่ส่ายไปด้วย ท่าทางกวนโทสะผู้คนยิ่งนัก ขนาดคนของฝั่งโรงเตี๊ยมพลบค่ำเองยังเกือบจะห้ามอาวุธไม่ให้ฟาดใส่ศีรษะของมันไม่ไหว
“ตายซะ!” เสียงตะโกนดังขึ้นมาจากตระกูลฉู่ พร้อมกันนั้นทุกคนก็พากันวิ่งเข้าใส่ขบวนของโรงเตี๊ยมพลบค่ำ
“โง่เขลาสิ้นดี” เย่ซีกล่าวออกมา เขาตรวจเช็คสถานะของทุกคนหมดแล้ว มีเพียงชายที่อยู่ในชุดคลุมสีดำซึ่งหลบซ่อนปกปิดตัวตนอยู่ด้านหลังเท่านั้น ที่มีระดับการฝึกตนสูงที่สุดในฝั่งตระกูลฉู่ ซึ่งเป็นระดับราชาปราณ ขั้นที่หก สูงกว่าฟิชถึงสามขั้น และสูงกว่าตัวชายหนุ่มหนึ่งขั้น
ระดับพลังเยี่ยงนี้นับว่าสูงที่สุด เท่าที่เขาเคยพบมาตั้งแต่มาเหยียบโลกใบนี้เลย ถึงตอนแรกที่เขาทราบข้อมูลจากฟิชและตระกูลซูมาคร่าวๆจะทราบเพียงว่าระดับราชาปราณคือผู้ที่แข็งแกร่งและเป็นจุดที่สูงสุดในทวีปนี้แล้วก็ตาม แต่เขาก็อดคิดไม่ได้ว่า มันคงมีพวกเสือหมอบมังกรซุ่มอยู่เป็นแน่ เพราะตามข่าวลือก็เคยมีผู้พบเห็นผู้ฝึกตนระดับจอมราชามาก่อน แสดงว่าย่อมมีตัวตนอยู่จริง
ตอนนี้ดูเหมือนว่าคงจะมีเรื่องน่าสนุกให้ตัวเขาทำเสียแล้ว อยากจะรู้เสียจริงว่าชายที่ซ่อนตัวอยู่นั้นจะมีฝีมือสักแค่ไหน!
ถึงยังไงครานี้ก็เหมือนจะเลี่ยงไม่ได้
ต้องนองเลือดกันสักหน่อย!
ครึ่งหลัง
เปรี้ยง! เปรี้ยง!!
ทั้งสองฝ่ายต่างเข้าต่อสู้กันอย่างดุเดือด คนโดยรอบที่มุงดูอยู่ตอนแรกพากันถอยห่างทันที แต่ก็ไม่ได้ไปไหนไกล เพียงลอบซุ่มดูอยู่ห่างๆเท่านั้น การต่อสู้ของผู้ฝึกตนมากมายขนาดนี้ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ!
ตัวของหานจุนหมิงก็เข้าร่วมการต่อสู้ด้วย เขาใช้อาวุธเป็นลูกคิดรางหนึ่ง คอยอยู่แนวกลางของการต่อสู้ วิชาของเขานับว่าประหลาดนัก ลูกคิดลอยอยู่ด้านบนศีรษะคอยขยับคิดคำนวณด้วยตัวมันเอง แต่เหมือนมันจะเป็นการคำนวณชะตา ตัวหานจุนหมิงสามารถหลบหลีกการโจมตีของคู่ต่อสู้ได้ทั้งหมด รวมถึงหาช่องโหว่คอยลอบปล่อยพลังไปช่วยคนอื่นๆอยู่เสมอ
ด้านลูกชายของเขายังด้อยความสามารถนักเลยถูกส่งตัวไปอยู่แนวหลัง คอยใช่ธนูปราณยิงใส่ศัตรูยามเผลอ แม้จะไม่แม่นยำนักแต่ก็ขัดจังหวะได้พอสมควร
ทั้งสองฝ่ายต่างสูสีกันอย่างมาก อาวุธที่ผู้ฝึกตนส่วนใหญ่เลือกใช้ก็ย่อมเป็นดาบและกระบี่ เพราะความคล่องแคล่งว่างไวรวมถึงกระบวนท่าที่หลากหลาย อาวุธทั้งสองเลยเป็นที่นิยมอย่างมาก มีน้อยคนที่จะเลือกใช้อาวุธประหลาดแบบหานจุนหมิง
“เข้ามาอีก ไอ้ลูกเต่า มาให้พ่อปลานวดเร็ว!” ต้องยอมรับว่าในศึกนี้ฟิชนับว่าทำผลงานได้ดีที่สุด มันอาศัยร่างกายที่ผ่านการพัฒนาทั้งกล้ามเนื้อและสายเลือด บุกลุยฝ่าทุกการโจมตีแบบไม่หวาดเกรง ผู้ใดขวางทางล้วนถูกมันตบปลิวกระเด็นเลือดกบปากกันหมด
แต่ด้วยคำสั่งของชายหนุ่มทำให้มันไม่ได้ฆ่าใคร แค่ส่งไปกองกับพื้นด้วยสภาพปางตายเท่านั้น
เคล็ดปราการสีเลือด!
วิชาเพลิงบาน!
เสียงตะโกนดังขึ้นมาจากกลุ่มผู้ฝึกตนตระกูลซู สองเคล็ดวิชานี้เป็นเคล็ดวิชาระดับสูงที่ถ่ายทอดให้ผู้ฝึกตนระดับสองขึ้นไปเท่านั้นที่จะฝึกได้
เคล็ดปราการสีเลือด จะใช้ลมปราณห่อหุ้มร่างกายทั้งภายนอกและภายใน เร่งการไหลเวียนของโลหิต เพิ่มประสาทการตอบสนองขึ้นสองเท่า! รวมถึงเสริมความแข็งแกร่งให้กายเนื้อจำนวนหนึ่งอีกด้วย
วิชาเพลิงบาน สำแดงธาตุไฟแห่งชีวิตเสริมพลังการโจมตีด้วยคลื่นไฟที่กระจายออกมารอบตัว เผาไหม้ทุกสิ่งที่เข้าใกล้ ยกเว้นผู้ที่ฝึกวิชาเดียวกัน แทบทุกคนในตระกูลฉู่ที่มาในวันนี้ล้วนฝึกวิชานี้หมด ใครที่ไม่ได้ฝึกก็จะถอยไปอยู่วงนอกแทน เพื่อไม่ให้เปลืองพลังปราณ
“ถอยก่อน! ใครมีเคล็ดวิชาธาตุน้ำช่วยเสริมกำลังหน่อย” หนึ่งในกองหน้าของฝั่งโรงเตี๊ยมพลบค่ำตะโกนออกมาพร้อมกับสร้างม่านพลังปราณป้องกันเปลวไฟไปด้วย
สถานการณ์ของฝั่งตระกูลฉู่กลายเป็นได้เปรียบขึ้นมาไม่น้อย พวกเขาพากันบุกอย่างต่อเนื่อง ยามนี้ทั่งสองฝ่ายต่างเริ่มมีคนล้มตายกันบ้างแล้ว แต่ทางฝั่งโรงเตี๊ยมพลบค่ำเหมือนจะมีคนที่เสียชีวิตมากกว่านิดหน่อย
“ฟิช เลิกเล่นได้แล้ว! ไม่ต้องสนใจปัญหา ถ้าพวกมันไม่ถอยก็ฆ่าให้หมด” เย่ซีสั่งการออกมา
ตัวเขาก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ ที่ใดซึ่งชายหนุ่มเคลื่อนตัวผ่าน จะต้องมีคนตระกูลฉู่ถูกหักแขน หักขา หรือเลาะฟันออกจากปากอยู่เสมอ แต่เขาไม่ฆ่าใครสักคน เพราะแบบนั้นมันง่ายเกินไป และเขาก็กำลังรอให้คนที่ซุ่มอยู่ในเงามืดทนไม่ไหวแล้วลงมือสักที
“ได้เลยนายท่าน เขตแดนคำสาปปลาสวรรค์”
“วิชาคลื่นน้ำกลืนชีวิต”
ทันที่ที่มันเรียกใช้ความสามารถเขตแดนออกมาก็ทำให้ทุกคนรู้สึกว่าพลังต่อสู้ในทุกด้านของพวกเขาถูกลดไปถึงหนึ่งในสิบส่วน แถมยังไม่อาจถอยหนีออกไปจากที่แห่งนี้ได้เหมือนมีกำแพงที่มองไม่เห็นกั้นขวางไว้
คลื่นน้ำขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นด้านบนท้องฟ้าเหนือหัวมนุษย์ปลา พลังที่แผ่ออกมาทำให้ผู้ฝึกตนเกือบทั้งหมดรู้สึกกดดันเหมือนกับท้องฟ้าจะทล่ม หยดน้ำจำนวนมหาศาลตกลงมากระทบเปลวเพลิงของผู้ฝึกตนตระกูลฉู่จนแทบจะมอดดับลง นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของวิชานี้เท่านั้น เพราะคลื่นน้ำของจริงยังคงก่อร่างอยู่บนท้องฟ้าอยู่เลย!
“ตก! คลื่นยักษ์ถาโถม” เสียงตะโกนของฟิชดังลั่น มวลน้ำที่ก่อตัวอยู่บนท้องฟ้าพุ่งลงมาด้วยความรุนแรงดั่งอุกกาบาต ยังไม่ทันที่คลื่นยักษ์จะลงมา คลื่นลมก็กดดันจนคนส่วนใหญ่ล้มลงกับพื้นไปแล้ว ผู้ฝึกตนของตระกูลฉู่ได้แต่ส่งเสียงกรีดร้องพลางทำลายแขตแดนที่มองไม่เห็นอย่างเปล่าประโยชน์เพื่อหนีเอาชีวิตรอด
“โคตรเจ๋ง สงสัยข้าต้องหาวิชาใหม่ๆเรียนบ้างแล้ว มีแต่วิชาท่าร่างมันไม่เท่เลย” เย่ซีลูบคางที่ไร้หนวดแม้แต่เส้นเดียวพลางกล่าวออกมาเมื่อเห็นภาพตรงหน้า แม้เขาจะมีทักษะจ้าวแห่งธาตุที่ควบคุมธาตุได้ทุกอย่างตราบเท่าที่เขานึกออก แต่ส่วนใหญ่มันก็ค่อนข้างจะใช้งานได้ไม่หลากหลาย แถมยังค่อนข้างทื่อเสียด้วย
ครั้งหนึ่งเขาเขาลองพยายามจะใช้ทักษะจ้าวแห่งธาตุเพื่อเรียกไฟออกมาทำเป็นธนู แต่ขณะที่คิดว่าลูกธนูไฟจะปรากฏออกมายังมือข้างที่น้าวสายธนูไว้ ดันเป็นการเผาธนูคันนั้นทิ้งเสียเฉยๆ แล้วเขาก็ลองกับอีกหลายธาตุ หลากหลายรูปแบบ พวกมันล้วนเรียกใช้ได้แบบตรงไปตรงมาเท่านั้น ประยุกต์อะไรไม่ได้เลย!
เขาเคยถามระบบถึงเรื่องนี้ คำตอบที่ได้ก็ค่าทักษะนี้ช่วยให้เขาควบคุม และใช้งานธาตุทุกธาตุได้เท่านั้น ระดับที่เพิ่มขึ้นของทักษะก็แค่เพิ่มความรุนแรงของธาตุที่เรียกใช้ แต่การจะประยุกต์ใช้จะต้องหาเคล็ดวิชาอื่นๆมาเรียนรู้เอาเอง!
“ผู้อาวุโส! ท่านต้องลงมือแล้ว!!” ฉู่หลงตะโกนออกมาดังลั่น เพราะยามนี้คลื่นยักษ์มันจะมาถึงตัวอยู่แล้ว แต่ผู้อาวุโสที่ตามมาด้วยเหมือนจะไม่สนใจที่จะลงมือเลยสักนิด!
“เฮ้อ...เจ้าสัตว์ประหลาดน้อย แม้เจ้าจะแข็งแกร่งแต่ก็สู้ข้าไม่ได้ เจ้าถอยไปเสียจะดีกว่า” เสียงที่แก่ชราแต่เต็มไปด้วยอำนาจดังขึ้นอย่างไร้ซุ่มเสียง