ตอนที่ 34 ดูเหมือนว่าข้าต้องชินกับมันแล้วล่ะ
เมื่อเขาคิดแบบนั้นแล้ว เย่เฉินก็กําลังจะไปเอาจานอาหารเย็นของพวกเขา
แต่ในขณะเดียวกันนั้น ก็มีมือใหญ่ที่เอื้อมมาจากด้านหลังและคว้าจานอาหารเย็นที่เย่เฉินกําลังจะหยิบขึ้นมาเอาไว้
เย่เฉินมองย้อนกลับไปโดยไม่รู้ตัว และเห็นชายหนุ่มที่ตัวของเขานั้นมีกล้ามเนื้อชัดเจนและตัวสูงกว่าตัวเขาเองเสียอีก
ชายหนุ่มไม่ได้จริงจังกับมันในตอนแรก ท้ายที่สุด เขาเคยชินกับการครอบงําผู้อื่นเช่นนี้
แต่เมื่อเขาเห็นเย่เฉินหันหน้ากลับมามองเขา ชายหนุ่มก็พูดโดยไม่รู้ตัวว่า "เจ้ามองข้าทำไมล่ะ... เชี่ยย เย่ เย่เฉิน!"
ก่อนที่เขาจะพูดจบ มือของชายหนุ่มก็สั่น และจานอาหารเย็นก็กลับสู่ตําแหน่งเดิมพร้อมกับเสียงตกกระทบที่ส่งเสียงดัง
เย่เฉินมองไปที่ชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มครึ่งเดียว
ใบหน้าของชายหนุ่มซีดลงในทันที และเหงื่อบางๆ ปรากฏบนหน้าผากของเขา
ในขณะนี้ ชายหนุ่มคนนี้กลัวมากจนเกือบที่จะฉี่ราดแล้ว
"โอ้ววใช่แล้ว ท่านเทพเย่ ข้าขอโทษ ข้าไม่รู้ว่าเป็นท่าน..."
ด้วยเสียงที่สั่นเครือ เขากําลังจะร้องไห้เมื่อเขาพูดครึ่งหลังของประโยค
เย่เฉินหยุดแกล้งเขาแล้วพูดต่อ "โอเค ครางหลังเจ้าก็ระวังให้มากขึ้นด้วยล่ะ"
เย่เฉินนั้นพอเดาได้แล้ว ทุกคนคงรู้เรื่องที่เขาได้เป็นอันดับหนึ่งในเมื่อวานนี้แล้ว
มิฉะนั้น ถ้าหากว่าเขานั้นเป็นคนธรรมดาเหมือนเมื่อก่อน คงจะไม่ทําให้คนอื่นกลัวมากขนาดนี้
เมื่อเย่เฉินกําลังมองหาโจวไคเอ๋อหลังจากได้จานอาหารเรียบร้อยแล้ว
"เย่เฉิน ทําไมกันล่ะถึงมีคนมากมายเข้ามาทักทายข้าน่ะ"
เดิมทีตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ผู้คนมาทานอาหารกันมากที่สุดและมักจะไม่มีที่นั่งว่างเลย
แต่สิ่งที่ทําให้โจวไคเอ๋อสงสัยก็คือ เมื่อเธอเข้ามา หลายๆคนต่างก็ลุกขึ้นยืนในทันที
พวกเขาไม่เพียงแต่เรียกเธอว่าพี่สะใภ้เท่านั้น แต่พวกเขายังเสนอสละที่นั่งให้เธออีกด้วย
มีมากเสียจนตอนนี้เธอไม่มีใครนั่งอยู่ที่โต๊ะของเธอที่ปกตินั้นสามารถรองรับคนได้ถึง 10 คนเลยทีเดียว
สิ่งนี้ทําให้โจวไคเอ๋อสับสนและพูดไม่ออกเป็นอย่างยิ่ง
"ฮ่าฮ่า อาจเป็นเพราะว่าเจ้านั้นสวยและข้าเองก็หล่อล่ะมั้ง"
เย่เฉินพูดและนั่งลงโดยตรง: "กินกันเถอะ"
"ถ้าอย่างนั้นเจ้าอยากให้พวกเขากลับมานั่งด้วยกันไหมล่ะ"
โจวไคเอ๋อถามด้วยเสียงเบา
ไม่ไกลนัก นักเรียนทั้ง 10 คนที่เดิมมีที่นั่งต่างก็นั่งยองๆ เพื่อทานอาหารในขณะนี้
เมื่อเห็นเย่เฉินมองที่พวกเขาทั้ง 10 คนก็ลุกขึ้นยืนพร้อมเพรียงกัน และพูดอย่างประจบว่า "ท่านเทพเย่ ท่านนั่งเถอะ พวกข้านั้นยืนกันได้"
ตอนนี้นักเรียนส่วนใหญ่นั้นรับรู้เกี่ยวกับความสําเร็จอันน่าสะพรึงกลัวที่เย่เฉินสร้างขึ้นในเมื่อวานนี้แล้ว
แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าเย่เฉินเป็นคนแบบไหน แต่ก็ไม่เสียหายอะไร ในการที่พวกเขาจะทำตัวเป็นคนธรรมดาและอ่อนน้อมถ่อมตน
หากว่าเย่เฉินนั้นเป็นพวกที่ชอบการครอบงําผู้อื่นจริง คนที่ไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวหรือสร้างปัญหาก็ควรที่จะยิ้มแย้มและอ่อนน้อมถ่อมตนเพิ่มยิ่งขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกทุบตี
พวกเจ้าไม่เห็นหวังเหอและคนอื่น ๆ ที่กำลังหงุดหงิดกันอย่างมากงั้นเหรอ?
และถ้าเย่เฉินนั้นเป็นคนที่มีนิสัยที่อ่อนโยนและใจดี คงจะดียิ่งขึ้นไปอีก ดังนั้นบางทีนี่อาจเป็นโอกาสดีที่ได้เป็นเพื่อนกับเย่เฉิน
ไม่มีใครที่จะดูหมิ่นผู้ที่แข็งแกร่งได้ และไม่มีใครไม่เต็มใจที่จะเป็นเพื่อนกับเขาเลย
เย่เฉินผงะไปครู่หนึ่ง และหยุดที่จะเกลี้ยกล่อมพวกเขาในทันที
"ดูเหมือนว่าข้าคงต้องชินกับมันแล้วล่ะ เย่เฉินคิด
...
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว เย่เฉินและโจวไคเอ๋อก็ออกจากร้านอาหารเคียงข้างกันภายใต้สายตาที่จับตามองของทุกคน
ทันทีที่ทั้งสองจากไปนั้น นักเรียนที่ต่างตึงเครียดก็ผ่อนคลายกันในทันที
ทันใดนั้น มีคนถามด้วยความสงสัย: "เขาคือท่านเทพเย่งั้นเหรอ? ข้าเคยเห็นเขาตั้งหลายครั้งแล้ว โอ้ พระเจ้า คนที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ช่างทำตัวเรียบง่ายขนาดนี้เลยงั้นเหรอ"
"ฮ่าฮ่า นี่คือพี่ใหญ่ของพวกเราตัวจริง จะไปมีคนอื่นที่จะดูเหมือนเขาอีกได้ยังไงกันล่ะ ฮ่าฮ่า!"
"ถูกต้องแล้วล่ะ และเมื่อตอนที่ท่านเทพเย่เข้ามา จ้าวถงก็ไปคว้าจานอาหารของท่านเทพเย่ แต่ท่านเทพเย่ไม่ได้โกรธเขาเลยด้วยซ้ำ ช่างยอดเยี่ยมมาก"
"ว้าวๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ"
ข้าต้องเป็นเพื่อนกับเขาให้ได้เลยล่ะ
"เจ้างั้นเหรอ ฝันไปเถอะ แม้แต่ข้าเองก็ยังไม่มีโอกาสเลยด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับเจ้ากันล่ะ"
ชั่วขณะหนึ่ง หัวข้อการสนทนาเรื่องของเย่เฉินนั้นไม่มีที่สิ้นสุด
ในเวลานี้เย่เฉินและโจวไคเอ๋อได้มาถึงบ่อวิญญาณกันแล้ว
ที่ห้องรอ.
"พี่ใหญ่ซุน มันเป็นของท่านแล้วตอนนี้"
หวังหยุนเกาหัวของเขาและพูดออกมาอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก
ชายหนุ่มชื่อซุนเผิงพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ใช่แล้วล่ะ หนทางจากนี้ไป ข้าจะดูแลเจ้าเอง"
ขณะที่เขาพูด เขาลูบหัวของหวังหยุนไปด้วย
หวังหยุนโกรธมาก ในฐานะลูกผู้ชายแล้ว เขาไม่ชอบถูกสัมผัสที่ศีรษะเลย
อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีทางที่จะสามารถเอาชนะซุนเผิงที่อยู่ตรงหน้าเขาได้
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ หวังหยุนทําได้เพียงกลั้นความโกรธของเขาเอาไว้เท่านั้น
เจ้าบ้าซุนเผิงได้ใช้ให้เขานั้นต้องมาเข้าคิวรอแทนมัน ทำให้การบ่มเพาะของข้านั้นต้องชะลอไปก่อน แต่ก็ยังถือว่าไม่เป็นไรนัก แต่เจ้าบ้านี่ยังกล้าที่จะตบหัวข้างั้นหรอ เจ้ารอก่อนเถอะ!
ในตอนที่หวังหยุนนึกถึงซุนเผิงด้วยความโกรธแค้นอยู่นั้น
"เฮ้ หวังหยุน เจ้าอยู่ตรงนั้นงั้นเหรอ"
เสียงของเย่เฉินนั้นได้ดังมาแต่ไกล
ร่างของวังหยุนสั่นเทาและเขาต้องการหารอยแตกในพื้นดินเพื่อมุดดินเข้าไปทันที
เมื่อเขาต้องมาเจอกับเพื่อนร่วมเขตเดียวกันแล้ว เขาไม่อยากให้เย่เฉินเห็นฉากที่น่าอับอายเช่นนี้จริงๆ
แต่เมื่อหวังหยุนกําลังจะเอาศีรษะของเขาหนีออกจากการถูกซุนเผิงจับนั้น ซุนเผิงก็หันหน้าไปมองและพูดโดยไม่รู้ตัวว่า "เฮ้ยย เจ้าชอบที่จะเข้ามายุ่ง..."
ก่อนที่เขาพูดคําว่า "เข้ามายุ่ง" จะจบประโยคนั้น ซุนเผิงก็ตกตะลึงในทันที
นั่นเขาไม่ใช่เย่เฉินหรอกงั้นเหรอ? !
บังเอิญเมื่อวานซุนเผิงและเจียงเส่าเหิงอยู่ในห้องเดียวกันเพื่อเป็นสักขีพยานในการจัดอันดับของเย่เฉินพอดี
หลังจากนั้น ทุกคนรอที่จะตรวจสอบระดับของเย่เฉินทันที หลังจากเวลาคูลดาวน์สําหรับระดับที่ซ่อนอยู่จะหมดอายุ
เมื่อพวกเขารู้ว่าเย่เฉินอยู่ในระดับ 26 แล้วทุกคนรวมถึงซุนเผิงต่างก็ตกตะลึงกันโดยสมบูรณ์
ต่อจากนั้นเขาก็ได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับเย่เฉินผ่านฉินเล่ย
ซุนเผิงไม่เคยคิดฝันว่าหวังหยุนคนที่เขากำลังข่มเหงอยู่นี้จะรู้จักกับเย่เฉินด้วย?
ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขานั้นเป็นยังไงกันนะ?
"ท่านเทพเย่"
แม้ว่าจะมีคําถามมากมายในใจของเขา แต่ก็ไม่ได้ป้องกันไม่ให้ซุนเผิงเรียกเย่เฉินด้วยความเคารพและระมัดระวัง
ทันทีที่เย่เฉินเข้ามา เขาก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
เขาไม่ได้สนใจซุนเผิง แต่เดินไปหาหวังหยุนอย่างตั้งใจ: "หวังหยุน เจ้ากําลังทําอะไรอยู่กันน่ะ ทำไมดูเศร้านักล่ะ"
"หะ? ไม่มีอะไรนะ"
หวังหยุนได้กล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม
เขาไม่รู้ว่าเย่เฉินนั้นได้เป็นอันดับหนึ่งของการต่อสู้เสมือนจริง หลังการสอบจําลอง หวังหยุนขังตัวเองไว้ในห้องแรงโน้มถ่วง
เขาได้ฝึกซ้อมมาทั้งคืนก่อนที่จะออกมา และเขาก็รีบไปที่บ่อวิญญาณทันทีหลังจากที่ทานอาหารเช้าเสร็จ
เดิมทีเขาได้วางแผนที่จะเข้าไปโดยตรง แต่เขาดันมาเจอกับซุนเผิงแทน ทำให้เขาต้องยกคิวให้แก่ซุนเผิงไป