ตอนที่แล้วตอนที่ 32 ชื่อเสียงเริ่มโด่งดัง (เปิดให้อ่านฟรีวันที่ 29/03/2567)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 34 ศัตรูอันแข็งแกร่ง (เปิดให้อ่านฟรีวันที่ 04/04/2567)

ตอนที่ 33 มุ่งหน้าสู่เมืองหลวง (เปิดให้อ่านฟรีวันที่ 01/04/2567)


[“สุ่มเลย!”] ชายหนุ่มกล่าวในใจ

[“ได้รับ ลาล่า ยาลดไข้บรรเทาปวด”]

ชื่อ : ลาล่า ยาลดไข้บรรเทาปวด

ระดับ : ?????

ความสามารถ : รับประทานพร้อมน้ำหนึ่งเม็ด แก้อาการเจ็บปวด เป็นไข้ หนาวสั่น อาเจียนได้อย่างอยู่หมัด อาการเจ็บปวดภายใน ภายนอก ปวดศีรษะ ล้วนรักษาได้

ราคา 20 ผลึก

[“ดีเลย! เวลาปวดหัวจะได้มียากิน...”]

[“จะบ้าเรอะ! ผู้ฝึกตนมันไม่มีใครเป็นไข้ หรือเจ็บป่วยกันแล้ว แบบนี้ใครจะซื้อล่ะ?” ] ชายหนุ่มบ่นให้ระบบฟัง

[“เป็นผู้ฝึกตน ยามได้รับบาดเจ็บ ต่อให้ได้ยาวิเศษสมานแผลในพริบตา แต่ก็มักจะมีความบอบช้ำภายในและภายนอกไปอีกหลายวัน หลายเดือน หรือบางคนตลอดชีวิต หรือยามฝึกตนแล้วเคล็ดวิชาตีกลับก็ย่อมมีอาการเจ็บปวด เพราะอย่างนั้นยานี่ ขาย ดี แน่ นอน!”] ระบบตอบโต้กลับมาด้วยเสียงไม่แสดงอารมณ์เช่นเคย มีแค่ตอนท้ายที่มันเน้นเสียงนิดหน่อย

[“จะว่าไปก็จริง อมยิ้มรักษาแค่แผลภายนอก มันไม่รวมถึงอาการเจ็บปวดต่างๆ”] ชายหนุ่มได้ยินก็เริ่มคิดตามและเห็นด้วยกับระบบ ยานี้น่าจะขายดีอย่างที่มันว่าจริงๆ

หลังเสร็จสิ้นธุระต่างๆชายหนุ่มจึงกลับโรงเตี๊ยมเพื่อเตรียมเดินทางไปดูที่ดินฟรี เขาค่อนข้างจะคาดหวังอยู่บ้าง เพราะยังไงก็คงเป็นสถานที่ซึ่งเขาจะเอาไว้ใช้พักอาศัยไปอีกนาน

“ไปกันเถอะ ข้าพร้อมแล้ว” ชายหนุ่มกล่าวกับหานจุนหมิง เจ้าของโรงเตี๊ยมพลบค่ำที่ยืนรอเขาอยู่

“ได้เลยเถ้าแก่เย่ ข้าเตรียมม้าไว้ลากรถเข็นของท่านแล้ว...”

“ไม่จำเป็น ข้าจะเข็นไปให้นายท่านเอง!” มนุษย์ปลาตัวล่ำบึกเอ่ยอาสาออกมา มันอยากจะทำตัวให้เป็นประโยชน์เสียบ้างหลังจากขี้เกียจอยู่หลายวัน

“เอาตามมันว่านั่นแหละ” ชายหนุ่มหันไปกล่าวกับหานจุนหมิง

ขบวนพวกเขามีคนไปด้วยไม่มากนัก มีเย่ซี พ่อลูกตระกูลหาน ฝ่ายหลังถูกพ่อของเขาคุมพฤติกรรมอยู่ ไม่ว่าบิดาจะไปไหนบุตรของเขาต้องไปด้วยเสมอ ส่วนหนึ่งเพื่อไม่ให้ก่อเรื่อง อีกส่วนคือให้เรียนรู้งานจากเขาไปในตัว นอกจากนี้ก็ยังมีเหล่าผู้ฝึกตนระดับสาม สองคน ระดับสอง ห้าคน ระดับหนึ่ง สิบคน ข้ารับใช้สิบคน ไม่นับว่าเป็นขบวนที่ใหญ่อะไรนัก

“ถ้าจะให้เร็วที่สุดพวกเราต้องเดินทางออกจากเขตนี้ แล้วทะลุผ่านป่าสรรพสัตว์ตรงยาวไปยังเมืองหลวงเลย แต่การไม่แวะพักที่เขตอื่นก็อาจพบเจออันตรายได้” ผู้ฝึกตนระดับสามคนหนึ่งกางแผนที่ลงบนโต๊ะออกมาแล้วชี้ให้ทุกคนดู

อาณาจักรแห่งนี้มีกำแพงขนาดใหญ่ล้อมรอบเขตทั้งสิบเอาไว้ด้านใน แต่ละเขตจะมีป่าขนาดใหญ่ที่ได้ชื่อว่าป่าสรรพสัตว์กั้นขวาง มีสัตว์ปีศาจ ภูติ เผ่าต่างๆอาศัยอยู่ รวมถึงบางสำนักก็จัดตั้งอยู่ในป่าแห่งนี้ด้วย ยามปกติเมื่อจะเดินทางผู้คนมักจะใช้ถนนเส้นหลักที่ทางราชวงศ์สร้างไว้ เดินอ้อมป่าไปตามเขตถัดไปที่อยู่ใกล้ที่สุดแทนการเดินตัดป่าไปเลย แน่นอนถ้าใครมั่นใจในพลังฝีมือของตนเองก็มักจะใช้ทางลัดเสมอ

“ทะลุไปเลย ข้ารีบ” เย่ซีกล่าวออกมาเมื่อเห็นแผนที่บนโต๊ะ ทำให้ผู้คนรอบด้านมีสีหน้ากังวลขึ้นมาไม่น้อย

ยกเว้นก็แต่สองพ่อลูกตระกูลหานที่เคยเห็นฝีมือของชายหนุ่ม รวมถึงรับรู้เรื่องราวที่เขาได้ไปขายสินค้าในตลาดและสานสัมพันธุกับกลุ่มอำนาจต่างๆมา ชายคนนี้ไม่มีทางเป็นผู้ฝึกตนทั่วไปแน่นอน พวกเขาพ่อลูกมั่นใจว่า ชายคนนี้จะต้องเป็นผู้ทรงพลังซึ่งชอบตระเวนไปทั่วไม่ผิดแน่

“ทำตามที่เถ้าแก่ว่า เราจะตัดป่าไปเลย”

“ได้ ท่านเป็นผู้ว่าจ้าง ก็ตามนั้น” คนจ่ายผลึกว่าอย่างไรพวกเขาก็ได้แค่ทำตามนั้น แม้มันจะเสี่ยงอยู่บ้าง แต่ถ้าพวกเขาระมัดระวังตัวดีๆก็ไม่น่าจะมีปัญหา

หลังจากที่ทั้งขบวนออกเดินทาง ก็ได้รับความสนใจอยู่บ้าง แต่เนื่องด้วยงานของขุมอำนาจต่างๆในตอนนี้คือการไปยังตลาดเพื่อสินค้าวิเศษของชายคนหนึ่ง จึงไม่ได้ให้ความสนใจขบวนเดินทางของโรงเตี๊ยมพลบค่ำ หารู้ไม่ว่าร้านรถเข็นที่พวกเขาเฝ้ารอ กำลังเดินทางไปเมืองหลวงเสียแล้ว!

ครึ่งหลัง

“เถ้าแก่หายไปไหนกัน!” เสียงโวยวายดังขึ้นเมื่อไม่เห็นรถเข็นสีชมพูตั้งอยู่ แบบนี้เขาจะซื้อสินค้าไปให้หัวหน้าได้ยังไง

“เมื่อวานก็ขายที่ตรงนี้นี่นา หรือว่าเถ้าแก่ย้ายที่” ชายอีกคนกล่าวขึ้น

“ไป! แยกย้ายกันไปหาเร็ว” หลังจากนั้นพวกเขาก็แยกย้ายกันหาทั่วตลาดกลาง แต่ก็ไม่พบแม้แต่ร่องร่อยของร้านเซียนรับจ้าง

แม้จะมีคนสังเกตเห็นขบวนเดินทางอยู่บ้าง แต่เป็นเพราะรถเข็นคันนั้นตอนนี้อยู่กลางขบวนเดินทาง มีรถม้าคันใหญ่บดบังล้อมรอบเต็มไปหมด ต่อให้มองหาก็คงยากจะเจอ แถมชายหนุ่มซึ่งเป็นเจ้าของร้านก็กำลังนั่งอยู่ในรถม้าคันใหญ่พร้อมกับพ่อลูกตระกูลหาน กินองุ่นอย่างสบายใจ

“องุ่นพวกนี้อร่อยดีนะ พวกท่านเพาะปลูกเองหรือ?” ชายหนุ่มกล่าวถามขณะที่กำลังดีดองุ่นเม็ดโตเข้าปาก

“พวกข้าไม่ได้เพาะเองหรอก ซื้อมาจากฟาร์มชาวบ้านในเมืองนั่นแหละ แต่ฟาร์มนี้มีชื่อเสียงไม่น้อย กว่าจะแย่งมาได้สักกล่องนึงก็ใช้เวลาหลายวัน” ตระกูลหานผู้พ่อกล่าวตอบ

“เจ้าว่าใช้เวลาเท่าไหร่กว่าเราจะถึงเมืองหลวง?” ชายหนุ่มกล่าวถาม

“ตามปกติพวกข้าจะอ้อมไปตามเขตต่างๆ ต้องผ่านทั้งหมดสามเขตก็จะเข้าเมืองหลวงได้ ใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือน แต่ถ้าพวกเราตัดป่าไปโดยหยุดพักให้น้อยที่สุดน่าจะใช้เวลาสักหนึ่งสัปดาห์” หานจุนหมิงกล่าวตอบ

“เถ้าแก่..เรื่องสัญญา ข้าเกรงว่าให้เร่งสุดชีวิตก็ไม่ทันอยู่ดี ท่านพอจะช่วยอะไรได้ไหม” ชายกลางคนกล่าวถามออกมา ทำให้ชายหนุ่มนึกขึ้นได้ กว่าจะเดินทางไปถึงมีหวังชายตรงหน้าเขาได้วิญญาณสลายไปก่อนแน่

[“ระบบ ยืดระยะสัญญาออกไปได้ไหม เขาก็ดูไม่น่าจะโกงข้า แต่บางเรื่องมันอาจไม่ทันการจริงๆ”] เย่ซีกล่าวถามขึ้นมาในใจ

[“ติ๊ง! ปรับระยะเวลาของสัญญาเป็นหนึ่งเดือนเรียบร้อยแล้ว”] เสียงระดับดังกลับมา

“ข้าปรับเปลี่ยนสัญญาให้ท่านเป็นหนึ่งเดือนแล้ว ไม่ต้องกังวลไป” หลังได้ยินคำตอบของชายหนุ่ม ชายวันกลางคนที่เป็นถึงเจ้าของโรงเตี๊ยมผู้เปี่ยมไปด้วยเงินและอำนาจก็ค่อยหายใจทั่วท้องขึ้นมาหน่อย

ส่วนด้านลูกชายของเขายามนี้เหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคน สงบเรียบร้อย เชื่อฟังเป็นอย่างดี ลึกๆในใจแม้จะแค้นเย่ซี แต่ก็ไม่กล้าทำอะไร เพราะขนาดบิดาของเขายังต้องยอมโอนอ่อน ตัวเขาที่มีดีแค่ใช้อำนาจของบิดาจะไปทำอะไรได้

“ขอบคุณท่านมาก” หานจุนหมิงก้มศีรษะขอบคุณ ทำให้ลูกของเขาต้องขอบคุณตามไปด้วย

“หยุดรถ!” แต่แล้วก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นมาจากทางด้านหน้า ทำให้รถม้าต้องหยุดลง

“มีอะไร พวกเจ้ามาขวางทางแบบนี้อาศัยอะไรกัน?” มีเสียงชายคนหนึ่งดังขึ้น น่าจะเป็นผู้ฝึกตนระดับสามซึ่งนำแผนที่มากางบนโต๊ะก่อนหน้านี้

“เหอะ! พวกข้าตระกูลฉู่จะทำอะไรก็ได้ในเขตนี้ ผู้ฝึกตนตัวเล็กๆแบบเจ้าอย่าถามให้มากความ” เสียงที่ดูเย่อหยิ่งดังขึ้น

“พวกเราลงไปดูกันเถอะ” ชายหนุ่มกล่าวขึ้นมาก่อนจะก้าวลงจากรถไปพร้อมพ่อลูกตระกูลหาน

“พวกเรามาจากโรงเตี๊ยมพลบค่ำ ไม่ทราบว่าตระกูลฉู่มีอันใดให้ช่วยหรือไม่?” หานจุนหมิงเดินไปยังด้านหน้าของกลุ่มเพื่อสอบถาม พวกนี้มีกันหลายร้อยคนสวมชุดคลุมสีดำ ลายปราสาทสีแดงบ่งบอกว่ามาจากตระกูลฉู่

เมื่อรู้ว่าขบวนเดินทางนี้เป็นของโรงเตี๊ยมพลบค่ำท่าทีของผู้ขวางทางก็อ่อนลงไประดับหนึ่ง แม้พวกเขาจะไม่ได้หวาดกลัวโรงเตี๊ยมพลบค่ำแต่การมีเรื่องด้วยก็นับว่าไม่ฉลาดนัก

“พวกเราแค่กำลังตามหาตัวใครบางคนอยู่ เลยอยากจะขอตรวจเช็คขบวนของพวกท่านจะได้หรือไม่” ชายที่เหมือนจะเป็นหัวหน้าของพวกที่ดักตรวจคนกล่าวขึ้นมา

“ได้ แต่ขอให้เร็วหน่อยพวกเรากำลังรีบเดินทาง” เมื่อเห็นหานจุนหมิงหันมองมายังตนเหมือนต้องการความเห็น ชายหนุ่มจึงกล่าวตอบไป

การค้นหาเป็นไปอย่างรวดเร็ว ตระกูลฉู่พอจะทราบข้อมูลจากการรวบรวมข่าวสารมาสามวันได้ในระดับหนึ่งก็คือ ครั้งสุดท้ายที่มีคนพบเห็นนายน้อย ตอนนั้นนายน้อยมีปากเสียงกับชายท่าทางยากจน สวมเสื้อผ้าขาดวิ่นสีขาวผู้หนึ่ง ชายคนนั้นมีผมสีดำ นัยน์ตาสีแดง รูปร่างสมส่วน สูงโปร่ง ก่อนที่นายน้อยจะเดินออกจากศาลายี่หลงไป ข่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือชายคนนั้นมีรถเข็นสีชมพู เหมือนจะเป็นพ่อค้า

ส่วนข่าวสุดท้ายที่สืบทราบมาได้ก็คือมีร้านค้าแห่งหนึ่งเปิดใหม่อยู่ในตลาดกลาง มีสินค้าประหลาดสรรพคุณยอดเยี่ยมวางขาย ตระกูลฉู่ที่คิดว่าเป็นข่าวลวงจึงยังไม่ได้ส่งคนไปซื้อมาทดลอง แต่หลังจากมีสายที่อยู่ในตระกูลอื่นรายงานมาว่าตระกูลชั้นสูงอื่นๆต่างลอบส่งคนไปซื้อสินค้า พวกเขาตระกูลฉู่จึงส่งคนไปวันนี้บ้างเช่นกัน

“เจ้า! รู้จักฉู่หมิงหรือไม่?” ชายผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มซึ่งถูกจัดวางไว้ที่ประตูด้านทิศเหนือเพื่อคอยตรวจสอบคนผู้นี้ชื่อว่า ฉู่หลง เขาเป็นผู้ฝึกตนระดับสาม ขั้นห้า นับว่าระดับสูงอย่างมากในเขตนี้

เขาชี้หน้าแล้วตวาดถามเย่ซี เพราะเขาเห็นลักษณะของชายหนุ่มคนนี้ตรงกันกับที่สายสืบได้ข่าวมาไม่มีผิด แถมในขบวนเดินทางนี้ยังมีรถเข็นสีชมพูอีกด้วย!

หรือว่า..ทั้งคนที่หาเรื่องตระกูลฉู่ และพ่อค้าลึกลับจะเป็นคนเดียวกัน!

ถ้าเป็นแบบนั้นก็นับว่าโชคดีในโชคร้าย ขอแค่จับตัวมันกลับไปได้ ก็จะได้ทั้งข่าวคราวของนายน้อยและสินค้าที่ทุกกลุ่มอำนาจต้องการ! หรือต่อให้ไม่ใช่ พวกเขาก็จะจับตัวชายหนุ่มคนนี้กลับไปอยู่ดี!!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด