ตอนที่แล้วตอนที่ 30 : แรนช์เตรียมพร้อมเรียบร้อย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 32 : เพื่อนร่วมทีมที่เหมะสมกับแรนช์

ตอนที่ 31 : การ์ดรักษาใบเอกของแรนช์


อีกด้านหนึ่งของที่ราบอันกว้างใหญ่ไอเลวิน

เฟอร์ราตซึ่งกำลังรุดไปทางแรนช์มีหน้าตาที่บิดเบี้ยวและดุร้ายโดยไม่สนใจการดิ้นรนครั้งสุดท้ายของแรนช์

ดวงตาที่แดงก่ำของเขาเปล่งประกายด้วยเปลวไฟอันบ้าคลั่ง เหมือนหมาป่าผู้หิวโหยปกคลุมไปด้วยบาดแผลในคืนที่มืดมน ทั้งอันตรายและดุร้าย ความเกลียดชังที่แผดเผาอยู่ในอก ราวกับว่ามันกำลังจะระเบิดออกมาแผดเผาโลกทั้งใบ

แม้ว่าแรนช์ต้องการใช้เอฟเฟ็กต์พิเศษของเขา แต่การ์ดแค่ใบเดียวไม่เพียงพอที่จะใช้เปลี่ยนแปลงอะไรได้

แม้แต่การตอบโต้ที่ค่อนข้างรุนแรงก็ยังต้องใช้การ์ดอย่างน้อยสามใบ

เฟอร์ราตรู้ดีว่าถึงแม้เขาจะฝ่าฝืนเจตจำนงของผู้ยิ่งใหญ่เหล่านั้นและปล่อยไฮพีเรียนไป แต่เขาจะไม่มีวันปล่อยแรนช์หนีไปเด็ดขาด!!

“ให้ตายเถอะ!! ใครจะไปปกป้องนายได้ในเมื่อนายเยาะเย้ยเขาหนักขนาดนั้น!”

ขณะที่ไฮพีเรียนกำลังไล่ตามเฟอร์ราต เธอรู้สึกว่าทุกอย่างคงจบลงแล้ว

การเยาะเย้ยของพยาบาลเปียกอย่างแรนช์มันรุนแรงเกินกว่าจินตนาการของไฮพีเรียนมาก แถมเขายังทำให้เฟอร์ราตตกอยู่ในสภาพเกรี้ยวกราดสุดขีดอีก

ดูเหมือนว่าเฟอร์ราตผู้บ้าคลั่งจะปลุกศักยภาพบางอย่างขึ้นมา ไฮพีเรียนไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเฟอร์ราตจะน่ากลัวได้ขนาดนี้

ห่างออกไป

แรนช์ที่ยืนนิ่งอยู่ทางด้านอีกฝั่ง

“อาจารย์เฟอร์ราต ขอบคุณอย่างยิ่งที่เป็นห่วงผม”

แรนช์มองดูเฟอร์ราตที่บินเข้ามาใกล้พร้อมกับพูดขึ้นเบาๆ อย่างจริงใจ

เดิมทีแรนช์คิดว่าการสอบจะง่ายกว่านี้ แค่ร่วมมือกับเพื่อนร่วมทีมแล้วร่าย [การสื่อสารที่เป็นมิตร] ใส่ผู้คุมสอบ โดยพื้นฐานแล้วเขาก็น่าจะสามารถสอบผ่าน

น่าเสียดายที่เขาได้พบกับผู้คุมสอบที่เข้มงวด

เมื่อมาถึงจุดนี้ เขายังคงให้ความเคารพผู้คุมสอบเป็นอย่างมาก

เมฆดำทะมึนเข้าปกคลุมท้องนภา ราวกับว่าต้องการทำให้ที่ราบไอเลวินทั้งหมดตกอยู่ภายใต้ความเงียบอันน่าแปลกประหลาด แสงแดดถูกบดบังอย่างแน่นหนา เหลือเพียงแสงสลัวจางๆ ที่กรองผ่านช่องว่างในหมู่เมฆจนแทบส่องไม่ถึงพื้นของทุ่งหญ้า

ในสายตาของแรนช์ ร่างของเฟอร์ราตนั้นน่ากลัวราวกับพายุโหมกระหน่ำ ทั้งไม่อาจหยุดยั้งและไม่อาจต้านทานได้

“อาจารย์โปรดใจเย็นก่อน!”

เสียงของแรนช์นั้นชัดเจนและฟังดูนุ่มนวล เขามองไปยังเฟอร์ราตด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม ราวกับว่าเขาต้องการบรรเทาความโกรธของอีกฝ่าย

หรือไม่บางทีเขาอาจต้องการใช้การ์ดเวทมนตร์ในมือใบนี้รักษาเยียวยาหัวใจของเฟอร์ราตที่ถูกกลืนหายไปด้วยความโกรธ

ขณะที่พลังเวทย์ของแรนช์ถูกฉีดเข้าไปในการ์ดใบนี้ แสงสีส้มที่ลุกโชติช่วงก็ล้นทะลักออกมาจากมือของแรนช์ทันที

ประกายแสงกระจัดกระจายสาดออกไปทุกทิศทาง ก่อตัวเป็นโทเท็มสีทองกลางอากาศ!

การ์ดเวทมนตร์ในมือของแรนช์ก็ค่อยๆ จางหายไปและเริ่มกลายเป็นสิ่งที่มีตัวตนอยู่จริง

ทันใดนั้นหมอกแห่งแสงก็พวยพุ่งเข้าสู่ทุ่งหญ้า กระจายไปทั่วราวกับพรของเหล่าทวยเทพ ปกคลุมทั่วทั้งแผ่นดินในคราวเดียว ปลุกพลังชีวิตที่ถูกเมฆดำทะมึนบดบังไว้ให้ฟื้นตื่น

ตามมาด้วยกลิ่นอายอันอ่อนโยนของเสียงนกร้องและหมู่มวลบุปผา

บนขอบฟ้า ท้องนภาอันมืดมิดแต่เดิมเริ่มสว่างขึ้น

แสงที่ส่องลงมาจากช่องว่างในหมู่เมฆราวกับเสาแสงสีทอง ทะลุผ่านเมฆดำพร้อมกับมอบแสงสว่างให้แก่ทุ่งหญ้า

ในเวลานี้ดอกไม้ต่างบานสะพรั่ง มวลหมู่เมฆเคลื่อนมารวมตัวกัน!

และศูนย์กลางของปาฏิหาริย์ดังกล่าวก็อยู่ตรงหน้าแรนช์

...

ห้องประชุมของสถาบันนักปราชญ์ไม่เพียงแต่เต็มไปด้วยเสียงอุทานเท่านั้น ฉากต่างๆ ยังเริ่มกลายเป็นชุลมุนวุ่นวาย แม้แต่ช่างฝีมือเวทมนตร์และอาจารย์หลายคนของสถาบันวิศวกรรมเวทมนตร์ที่สังเกตการณ์อยู่เบื้องหลังก็ยังมองดูการสอบในหน้าจอด้วยดวงตาเบิกกว้าง

“เขาใช้การ์ดมหากาพย์จริงๆ งั้นเหรอ!”

“มหากาพย์ยังแบ่งออกเป็นการ์ดเสื่อมทรามและการ์ดศักดิ์สิทธิ์ด้วย ไม่รู้ว่าการ์ดของเขาจะเป็นยังไง”

ทอดตามองทั่วโรงเรียนชื่อดังหลายแห่งในทวีปทางใต้ นักเรียนที่สามารถครอบครองการ์ดเกรดมหากาพย์ได้นั้นมีไม่มาก

[สีส้มมหากาพย์] คือการ์ดเวทมนตร์ระดับสูงสุดที่สิ่งมีชีวิตสามารถพบเห็นได้ในโลกใบนี้!

การ์ดมหากาพย์แต่ละใบต่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นสิ่งที่คงอยู่มาเป็นเวลานานและดำเนินไปตามประวัติศาสตร์โลก

เมื่อมันถูกผูกมัดกับจิตวิญญาณของตนเองแล้ว จะไม่สามารถปลดออกได้เว้นแต่ว่าจะทำลายมัน ซึ่งส่งผลให้ความเสียหายตรงส่วนนั้นไม่สามารถฟื้นฟูได้อย่างถาวร

ดังนั้น การ์ดเกรดมหากาพย์ส่วนใหญ่จึงสูญหายไปในหน้าประวัติศาสตร์เมื่อผู้ถือครองเสียชีวิต และไม่ถูกส่งต่อไปยังรุ่นต่อไป

ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อจำนวนอันน้อยนิดของพวกมันในทุกยุคสมัย

“การ์ดเกรดมหากาพย์อาจไม่เหมาะกับคนคนหนึ่งเสมอไป การผูกมัดกับมันก็เท่ากับพื้นที่ว่างในจิตวิญญาณถูกครอบครองอย่างถาวร การเลือกการ์ดเกรดมหากาพย์เข้ากับโครงสร้างทักษะของตนเองตั้งแต่เนิ่นๆ อาจไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งที่ดีเสมอไป”

สิ่งที่ทำให้คนผู้หนึ่งแข็งแกร่งได้คือการ์ดเกรดศักดิ์สิทธิ์และมหากาพย์ แต่สิ่งที่สามารถทำลายผู้แข็งแกร่งได้ก็เป็นการ์ดเกรดศักดิ์สิทธิ์และมหากาพย์เช่นกัน!

ยิ่งเกรดของการ์ดสูงเท่าไหร่ การผูกมันเข้ากับจิตวิญญาณก็จะยิ่งยากขึ้นและอิสระในการปรับโครงสร้างทักษะก็จะน้อยลงเท่านั้น

นี่คือราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการ์ดสองเกรดนี้อย่าง [สีชมพูศักดิ์สิทธิ์] และ [สีส้มมหากาพย์]

เมื่อมีการผูกมัดกับมันมากเกินไป พื้นที่สำหรับผูกการ์ดก็จะน้อยลงเรื่อยๆ ทั้งการปรับโครงสร้างทักษะ และการปรับเปลี่ยนกลวิธีตามสถานการณ์การต่อสู้ที่ได้จากการรวมการ์ดเวทมนตร์อย่างอิสระจะหายไป   

ดังนั้นการเลือกการ์ดเวทมนตร์เกรดสูงสักใบจึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ

คนหนุ่มอย่างแรนช์จะไม่ค่อยพิจารณาอย่างถี่ถ้วนสักเท่าไหร่เมื่อผูกการ์ดเวทมนตร์เข้ากับจิตวิญญาณ

“อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องที่การ์ดเกรดมหากาพย์ใบนี้จะเหมาะกับเขาหรือเปล่า การ์ดอัญเชิญอ่อนโยนแบบนี้จะหยุดเฟอร์ราตที่กำลังเกรี้ยวกราดได้หรือเปล่าก็ไม่รู้”

ในห้องประชุมของสถาบันนักปราชญ์ เหล่าอาจารย์อดไม่ได้ที่จะกังวล

การ์ดเกรดมหากาพย์มักจะกลายเป็นแกนหลักของโครงสร้างทักษะได้

แต่เห็นได้ชัดว่าวัตถุอัญเชิญของแรนช์ไม่ใช่สิ่งที่ดุดันและทรงพลัง

มันคือวัตถุอัญเชิญประเภทสนับสนุนที่ดูอ่อนแอ

ทุกคนเห็นมันหน้าจอเวทมนตร์

สายลมพัดพากลิ่นหอมสดชื่นของดอกไม้ น้ำค้างบนยอดหญ้าใสกระจ่างราวกับไข่มุกโปร่งใสนับไม่ถ้วนสะท้อนแสงหลากสี

เช่นเดียวกับภาพเทพธิดาลงมาเยือนโลก ทุ่งหญ้าเปลี่ยนจากมืดมนและหดหู่เป็นฉากที่สวยงามหลังฝนตก แม้กระทั่งแลดูคล้ายกับโลกแห่งเทพนิยายที่เต็มไปด้วยความกลมกลืนและความเงียบสงบ

เทพธิดาท่ามกลางหมู่มวลบุปผาที่แรนช์อัญเชิญออกมาสะท้อนทิวทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาและถูกย้อมด้วยแสงของดวงอาทิตย์

ดูเหมือนว่าเวลาจะถูกกดปุ่มหยุดไว้ชั่วคราวเพื่อเธอโดยเฉพาะ

“ช่างเป็นการ์ดที่สวยงามจริงๆ”

ในห้องประชุม ทั้งชายและหญิงอดไม่ได้ที่จะอุทานด้วยความสับสนเมื่อเห็นวัตถุอัญเชิญของแรนช์

เช่นเดียวกับงานศิลปะ มันถือเป็นผลงานชิ้นเอกของผู้สร้าง

มันช่วยรักษาเยียวยาจิตใจได้ตั้งแต่แรกเห็น

ในที่สุดแสงสลัวและหมอกก็หายไป

พร้อมกับเสียงอันสดใส —

“โลกนี้ไม่เคยมีภัยพิบัติใดๆ มีแต่ความรักอันยิ่งใหญ่!”

ร่างของหญิงสาวผมสีเทาสวมไว้ด้วยชุดสีแดงสด บนศีรษะมีมงกุฏที่ทำจากหนาม เธอหลับตาแน่น กุมมือไว้เบาๆ ราวกับกำลังขับขานบทกวีอะไรบางอย่าง

ในเวลาเดียวกัน ร่างของเฟอร์ราตกลายเป็นแข็งทื่ออยู่กลางอากาศ เขารู้สึกเหมือนกับว่าในร่างกายมีอะไรบางอย่างแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ

“อ๊ากกกก!!!”

เขาคำรามเสียงแหบแห้งคล้ายกับเสียงร้องอย่างสิ้นหวังของสัตว์ประหลาด กล้ามเนื้อใบหน้าของเขากระตุกอย่างบ้าคลั่ง ราวกับว่าเขาไม่สามารถระบายความอัดอั้นที่อยู่ในหัวใจออกมาได้

ช่วงเวลาต่อมา ทันใดนั้นเฟอร์ราตก็ร่วงหล่นจากท้องฟ้าราวกับนกที่ปีกหัก!

แม้แต่ความสนใจของไฮพีเรียนก็ยังอดไม่ได้ที่จะถูกดึงดูดโดยวัตถุอัญเชิญอันตระการตาที่แรนช์เป็นผู้เรียกออกมา

เมื่อเธอได้ยินเทพธิดาแห่งมวลบุปผาขับขานบทกวี เธอเองก็รู้สึกสับสนเล็กน้อยเช่นกัน

จิตสังหารที่อดกลั้นมานานดูเหมือนจะเริ่มสูญเสียการควบคุม เธอแทบอดใจไม่ไหวที่จะปรี่ขึ้นไปใช้กริชผ่าเปิดหัวใจของเฟอร์ราตไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม

เธอรีบกุมหน้าอกที่สั่นเทาของตัวเองอย่างรวดเร็ว พยายามควบคุมการเต้นของหัวใจที่สับสนวุ่นวายของเธอให้สงบลง

เธอรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงของเฟอร์ราตและความผิดปกติของเธอในเวลานี้จะต้องเกี่ยวข้องกับการ์ดอัญเชิญระดับมหากาพย์ใบนี้แน่นอน

มันไม่เพียงส่งผลต่อศัตรูเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อเพื่อนร่วมทีมอีกด้วย!

ดูเหมือนว่าเทพธิดาแห่งมวลบุปผาคนนี้จะมีผลกระทบทางจิตวิญญาณต่อเป้าหมายทั้งหมดในพื้นที่!

ในที่สุด.

เมื่อไฮพีเรียนพยายามตั้งสมาธิและจ้องมองไปยังวัตถุอัญเชิญของแรนช์ รูม่านตาของเธอก็หดตัวลงอย่างกะทันหัน

หากมองใกล้ๆ จะพบว่าหญิงสาวที่ถูกอัญเชิญมาซึ่งมีรูปลักษณ์เหมือนเทพธิดาและดูบริสุทธิ์ผุดผ่องนั้น

แท้จริงแล้วคือซัคคิวบัสที่มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่บนริมฝีปาก!

[กวีแห่งความรักผู้ยิ่งใหญ่]

[ประเภท: การ์ดอัญเชิญ]

[เกรด: สีส้มมหากาพย์]

[ระดับ: 1]

[เอฟเฟกต์: มีอิทธิพลต่อสิ่งมีชีวิตทั้งหมดผ่านเวทมนตร์เสียง ขยายอารมณ์ของพวกเขาขึ้นสิบเท่า]

[หมายเหตุ: “ความรักสามารถสร้างและทำลายได้ทุกสิ่ง!”]

อย่างไรก็ตาม

ในเวลานี้ ผู้คุมสอบเฟอร์ราตซึ่งร่วงกระแทกพื้นอย่างแรงไม่มีโอกาสได้ใช้เวทย์ตรวจสอบเหมือนกับไฮพีเรียน

ความมีเหตุผลของเขาพังทลายลงทันทีที่เสียงของ “กวีแห่งความรักผู้ยิ่งใหญ่” ดังขึ้น

อารมณ์ที่เกินขีดจำกัดระเบิดออกมาจากจิตใจของเขาพร้อมกับการไหลเวียนของโลหิต

ส่งผลให้เฟอร์ราตประสบภาวะเลือดออกในสมอง

(จบตอน)

5 1 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด